วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

I'm in Need of Someone...

เดี๋ยวนี้ห้าโมง ฟ้าที่นี่ก็มืดสนิทเหมือนสักสองทุ่มแล้ว
เดินไปไหนต้องระวัง เมื่อคืนนี้ปวดหัวมากๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร กินยาก็ไม่หาย จนทนไม่ไหวเลยเดินไปซื้อน้ำผลไม้ที่คอสต์คัตเตอร์มากิน เผื่อจะได้สดชื่นแล้วรู้สึกดีขึ้น ระหว่างทางเดินมืดๆ เราก็มัวแต่มองทางเดิน กลัวสะดุดล้ม เลยมองไม่เห็นไอ้ห่านเวรที่มันหลบอยู่แถวนั้นตัวนึง พอเดินเข้าไปไกล้ อยู่ดีๆมันก็เห่าใส่ ตกใจสุดๆ หัวใจหยุดเต้นไปสามวิ บ้าชะมัด

ช่วงนี้กำลังเข้าสู่อาการคิดถึงบ้าน โฮมซิกสุดๆ
ซึ่งก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน แทนที่จะเป็นช่วงแรกๆที่มา กลับกลายเป็นว่าช่วงแรกๆยังพอรับมือไหว ไม่คิดถึงมันก็จะไม่ฟุ้งซ่าน แต่พอมาถึงตอนนี้ดันเป็นหนักซะงั้น เป็นเพราะอากาศมันชวนเศร้าละมั้ง
รู้สึกว่า เรามาที่นี่ทำไม นี่เรากำลังทำอะไรอยู่
ทำไมมันเหงาจัง ทำไมรู้สึกเหมือนไม่มีใครเลย อยากจะคุยกับคนที่เมืองไทยเขาก็ไม่ว่างกันทั้งนั้น ด้วยทั้งเวลาและชีวิตประจำวันที่ต่างกัน ตอนนี้นราไม่มีใครเลยจริงๆ ไม่มีเพื่อน ไม่มีคนจะคุยด้วย
กลับเข้าห้องมาก็ทำอย่างเดิมๆ วางกระเป๋า เปิดคอม หาอะไรกิน ทักทายเพื่อนร่วมแฟลตนิดหน่อยตามประสา แต่สุดท้ายเมื่อกลับเข้าห้องมา สิ่งเดียวที่รออยู่ก็คือความเงียบกับหนังสือกองโต ราวๆเที่ยงคืนก็เข้านอน รอตื่นเช้าไปเรียน
พยายามจะขยัน พยายามจะไปอ่านหนังสือที่หอสมุด แต่ไม่ไหว ยิ่งเหงาใหญ่ เมื่อก่อนเคยมีคนนั่งอ่านหนังสือ นั่งหลับด้วยกัน เดี๋ยวนี้เราอยู่ตัวคนเดียว อยากมีคนมาโอบเวลาเหนื่อย มาคุยด้วยหลังเลิกเรียนกลับมา มาช่วยตามหาไอ้เวรที่ขโมยกระทะนราไปด้วย ตากไว้อยู่ดีๆหายไปเฉยเลย

วันนี้พระจันทร์โผล่ออกมาให้เห็นเหมือนแตงโมผ่าครึ่ง สีเงินๆลอยอยู่ในเมฆดำๆบนฟ้า
พอเปิดม่านออกไปมองอีกที พระจันทร์ก็หายไปแล้ว โดนเมฆกลืนจนมองไม่เห็น
เรื่องธรรมดาๆของธรรมชาติ ทำไมวันนี้มันเศร้าจังน้อ
อ่านหนังสือเรียนไปก็น้ำตาแหมะไป น้ำตาร้อนๆออกมาเจอลมหนาวแล้วเย็นจัง
อย่างนี้คงโดนป๋าด่าว่าอ่อนแอ ไม่รู้จักเข้มแข็งสู้ชีวิต เป็นเด็กเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แค่นี้ท้อแล้ว
แต่นรากำลังพยายามอยู่นะ ฝ่าทั้งกำแพงภาษา กำแพงความรู้ และกำแพงความขี้เกียจของตัวเอง
แม่ ป๋า เอิร์ธ เอม คิดถึงจังเลย อยากกลับไปหาเร็วๆ
คิดถึงเติ้ลด้วย คิดถึงมากๆเลย ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้เลย

เมื่อวาน ดีใจมากๆที่ในที่สุดพัสดุจากตาหมูก็มาถึงจนได้
เดินกอดห่อของยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาตามทางเดิน เห็นแค่ลายมือก็มีความสุขแล้ว
ลายมือคนบอกอะไรได้หลายอย่างนะ ดูจากตัวอักษรจ่าหน้าซองที่ตรง เส้นหนัก และทื่อไม่เป็นธรรมชาติ สันนิษฐานได้ว่าคนเขียนตั้งใจเขียนอย่างสุดๆ เห็นแล้วก็ชื่นใจน้อ นั่งเป่าปี่สก็อตใส่ซองพัสดุอยู่พักนึงแล้วถึงจะแกะออกมาดู

ดีใจมากๆ มากๆ ได้อ่านนิยายภาษาไทยแล้ว เบื่อภาษาอังกฤษเหลือเกิน
คินดะอิจิเล่มสิบเจ็ด ตอนหนึ่งและสองค่ะ ค่าส่งแพงมาก ขอบคุณตาหมูมากๆนะ ตอนนี้อ่านเล่มหนึ่งจะจบแล้ว นี่เป็นข้อเสียของคนอ่านหนังสือเร็ว แป๊บๆก็หมดเล่ม พอหมดสองเล่มก็ไม่รู้จะอ่านอะไรต่อหละ แม่ก็อย่ายอมเค้านะ รีบส่งมาๆๆ จริงๆมีหนังสือต้องอ่านเป็นสิบ แต่นึกดูซิว่าถ้าหนังสือแต่ละเล่มมันประมาณ Research in Education, Language Learning Methods, Psychology for Language อะไรงี้ แถมเป็นภาษาอังกฤษ คุณจะหลั่นล้าหยิบมาอ่านเองมั้ยจ๊ะ

ถึงหอสมุดจะใหญ่ แต่นักศึกษาก็เยอะมาก เลยต้องแย่งหนังสือกันอ่าน
พวกที่เป็น key text หรือหนังสือที่ต้องอ่านสำหรับแต่ละคอร์ส ไม่เคยอยู่บนชั้นหรอก เวียนกันยืมตลอด นราเลยซื้อเล่มหลักๆมาไว้อ่านเอง จะได้ไม่ต้องไปแย่งใคร สั่งซื้อจากอเมซอน.โค.ยูเคค่ะ ได้เร็วเหมือนกันนะ สั่งคืนวันที่ยี่สิบห้า วันนี้วันที่ยี่สิบแปดได้แล้วอ่ะ
หมดค่าหนังสือไปเจ็ดสิบปอนด์ สามเล่มเองนะ แต่เมื่อเทียบกับทุนค่าหนังสือที่ม.กท.ให้มาแล้วยังจิ๊บจ๊อย เอาเถอะก็ใช้แบบประหยัดๆนั่นแหละ เผื่อเอาไปทำอย่างอื่นได้
กระเป๋านี่ก็ซื้อจากอเมซอนเหมือนกัน สั่งพร้อมหนังสือแต่มันมาก่อน เป็นกระเป๋าที่ซื้อบ้านเราได้ในราคาไม่เกินร้อยเก้าเก้า แต่นราต้องจ่ายแปดปอนด์เพื่อซื้อมัน เพราะใบที่มีตูดจะขาดแล้วอ่ะ แอบแรดเล็กน้อยถึงปานกลางด้วยแถบสีทองอลังการ

จริงๆวันนี้ไปกินข้าวที่โรงอาหารของหอแวนเบรอห์มาด้วย วันนี้เขาเสิร์ฟไก่อบ/ลาซานญ่าผัก/หมูย่าง เลือกเอาอย่างนึงเคียงกับพวกผักต้ม มันทอด นรากินไก่อบ ใช้ได้นะ อร่อยกว่าไก่งวงวันก่อนโน่นเยอะ กินไปอ่านหนังสือไปมีความสุขชิบเป๋ง ก่อนกลับหอแวะไปซื้อโยเกิร์ตกับผลไม้มาตุน เพราะตอนนี้กระทะไม่มี ไม่สามารถทำอะไรกินได้นอกจากต้มมาม่าและโจ๊กด้วยหม้อที่มี นรากินแปลกมั้ยเนี่ย เอาสตรอว์เบอร์รีใส่ซีเรียลแล้วราดโยเกิร์ต คลุกๆกินเป็นของว่าง
ขอบคุณทุกๆคนนะคะสำหรับกำลังใจและการเข้ามาชมอย่างต่อเนื่อง
ตาหมู้ว
รักหมูมากๆนะ
มุกกุ
วันก่อนโน้นเจอรองเท้าเหมือนที่โลลิฯเขาใส่กัน นึกถึงมุกเลยค่ะ แต่คู่ละร้อยซื้อไม่ไหวอ่ะ

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

It's Autumn in York


ช่วยด้วย หนาววว
อากาศที่นี่บ้าๆบอๆ ตอนเดินออกมาจากหอไม่หนาว ไปเรียนชักเย็นๆ พอเดินกลับทำไมมันหนาวแบบนี้ฟะ หนาวแบบหยุดสั่นไม่ได้ กรามขบกันจนปวดไปหมด นี่ขนาดแค่ปลายฤดูใบไม้ร่วงนะ ถ้าเข้าหน้าหนาวจริงๆแล้วจะขนาดไหนเนี่ย ถ้านราหายไปนานๆ ไม่ออนเอ็มไม่ส่งเมล์ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยนะว่านราหนาวตายไปแล้ว
เมื่อวาน เพื่อนคนไทยด้วยกันโทรศัพท์มาบอกว่ารุ่นพี่เขาจะลงแข่งแบดคู่ผสม อยากให้เราไปเป็นตัวช่วยหน่อยเผื่อได้ลงแข่ง นราเนี่ยนะไม่อยากจะคุย เรื่องตีแบดเนี่ยใครๆก็รู้กิตติศัพท์ชื่อเสียงดี...ว่าแม่เราตีเก่ง ส่วนนราเองตีไม่ได้เรื่อง ฮ่าาา แต่ไหนๆเขาอุตส่าห์ชวนก็ว่าจะไปเชียร์ ไม่ได้เล่นก็ไม่เป็นไร นัดกันหน้าหอเวนท์เวิร์ธตอนบ่ายสี่สิบห้า
พอถึงเวลานราก็ไปนั่งรอ...รอ...เอ๊ะทำไมเพื่อนไม่ลงมา พอโทรไปตามถึงได้รู้ว่าเขา Daylight Saving กันตั้งแต่เช้าแล้ว ต้องปรับนาฬิกาถอยหลังไปชั่วโมงนึง สรุปว่าเรามาก่อนเวลาเกือบชั่วโมง เซ็งเป็ดเลย ลมก็พัดแรงด้วย ว่าจะนั่งใต้ต้นไม้ ดูใบไม้ร่วงเหมือนนางเอกซักหน่อยก็ไม่ไหว กลัวเป็นปอดบวมตายก่อน เลยลุกไปเดินเล่นรอเวลา
ใบไม้เกลื่อนกลาดเต็มสนามหญ้า สวยจัง...สงสารคนกวาดจัง
ตอนนี้ต้นไม้ในมหาลัยก็เปลี่ยนสีกันหมดแล้ว มีแต่พวกต้นสนต้นเฟอร์อะไรพวกนี้ยังเขียวอยู่ นราว่ามันสวยดีนะ บางต้นก็เหลืองทั้งต้นเลย บางต้นไม่เหลือใบแล้ว เกลี้ยงๆเหลือแต่ก้าน แต่ถ้าดูนานแล้วจะเศร้า เพราะคิดถึงป๋ากับแม่ เค้าก็แก่ตัวกันลงทุกๆวัน เปลี่ยนสีมากขึ้นไปทุกๆวัน แต่นรายังไม่ได้ทำอะไรให้งอกออกมาเป็นชิ้นเป็นอันเลย...ปรัชญาไปโน่น
แอปเปิลต้นนี้ อยู่หน้าซูเปอร์มาร์เก็ตคอสต์คัตเตอร์ของมหาลัยค่ะ ตอนมาใหม่ๆมันเป็นสีเขียว ตอนนี้เป็นสีแดงเพลิง นราว่ามันเป็นต้นไม้ที่สวยที่สุดในมหาลัย ถ่ายรูปมาสีก็ไม่เหมือนของจริงอ่ะ มันแดงสว่างๆทั้งต้นเลยนะ เหมือนต้นไม้ไฟลุก ดูสดใสไม่เหมือนต้นไม้อื่นที่กลายเป็นสีน้ำตาลสีเหลือง ต้องมาเห็นของจริงแล้วจะเข้าใจ มันแดงใสๆ แดงเจิดจ้า มีพลังงง ว่าเข้าไปนั่น
นี่ไงลูกแอปเปิล จิ๋วหลิว
ถามเพื่อน เขาบอกว่ามันคือ Crab-Apple นรานะจำได้ว่าเคยรู้ชื่อภาษาไทย แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ใครนึกออกช่วยบอกด้วย หงุดหงิดจริงๆเวลาควานหาอะไรในความทรงจำไม่เจอเนี่ย เคยอ่านในหนังสือของลอร่า อิงกัลส์ ไวล์เดอร์ พวกบ้านเล็กในป่าใหญ่ไรเงี้ย คนแปล(ชื่ออะไรก็จำไม่ได้อีกเหมือนกัน)เขาแปลว่า แอปเปิลปู ตรงตัวนะ แต่นราว่ามันไม่ใช่อ่ะค่ะ
ลูกมันเหมือนแอปเปิลเขียว แต่เล็กนิดเดียวเหมือนพุทรา มีสีแดงแซมด้วย
น่าจะเปรี้ยวนะ เดี๋ยวรอให้ปลอดคนแล้วจะไปชิมมารายงาน

พอบ่ายครึ่ง กำลังจะเดินไปเลย เพื่อนโทรมาบอกว่าไม่ต้องไปแล้ว เกิดการคลาดเคลื่อนเรื่องเวลา พี่เขาเลยไม่ได้แข่งแล้ว เซ็งกันไปทั้งพี่ทั้งน้อง นราแค้นใจนิดหน่อยเพราะเสียตังค์ให้กับอาหารที่ดูดีแต่รสชาติกระเดือกไม่ลงไประหว่างรอตั้งห้าปอนด์กว่า
ไก่งวงกับซอสแครนเบอร์รี เคียงบร็อคโคลีต้มกับมันทอดค่ะ

ยังไม่คริสต์มาสเลยได้กินไก่งวงและ
รสชาติเหมือนกระดาษเอสี่เปียกน้ำแล้วเอามาตากให้แห้ง โอ๊ย กลืนไม่ลง ฝืดคอโคตร ดีที่มีซอสเปรี้ยวติดมาหน่อย รู้งี้นะนราจะตักราดทั้งจานเลย จริงๆเคยกินไก่งวงมาแล้ว รสชาติเหมือนแบบนี้เลย แต่ไม่เข็ด คิดไปว่าที่อังกฤษรสชาติน่าจะเป็นต้นตำรับอร่อยกว่า เหอะๆ คิดผิดอย่างแรง บร็อคโคลีที่นี่เหม็นอ่ะ เหม็นเขียวแปลกๆ แต่ช่วยให้กลืนไก่กระดาษยุ่ยๆกับมันทอดฝืดๆลงคอได้อย่างน่าอัศจรรย์
ตอนเย็น ไปซื้อเนื้อหมูจากคอสต์คัตเตอร์ พอเปิดแรปที่ห่อถาดโฟมไว้เท่านั้นแหละ อื้อหือ เหม็น โคตรๆ แบบเนื้อกำลังจะเน่าแล้ว จะจำไว้คราวหลังไม่ซื้อเนื้อจากร้านนี้เด็ดขาด ใครจะมานะคะแนะนำให้ไปซื้อที่ซูเปอร์ในเมือง พวกเซนส์เบอร์รีหรือมอร์ริสันมาตุนไว้ก่อนจะดีมาก ตอนแรกนรากะจะกินหมูก้อนเดียว แต่กลิ่นมันไม่ดีแล้วเลยกินแม่งหมดเลย ขุนตัวเองอีกแล้ว
แจ่งแจ๊ง
สลัดหมูย่างกับถั่วและบร็อคโคลีค่ะ
ซอสขาวๆนั่นจริงๆมันเอาไว้กินกับปลา แต่นราไม่สน ราดมันหมดแหละ
กินไปตอนแรกก็อร่อยดี พอใกล้จะหมดเริ่มเลี่ยน แหวะ แต่ก็กินจนหมดนะ ก็ของมันแพง จะทิ้งๆขว้างๆได้ไงละ

ส่วนวันนี้ไปถอนเงินที่ธนาคารมา เนื่องจากจนป่านนี้แล้วยังไม่ได้พินโค้ดสำหรับกดเอทีเอ็มเลย นราเลยกดเงินจากตู้ไม่ได้ จะถอนต้องเดินไปธนาคารในหมู่บ้านเฮสลิงตันหลังม. กำลังเดินชิวๆเลย เจอเพื่อน เขาบอกรู้ไหมเนี่ยธนาคารสาขาเฮสลิงตันน่ะปิดสองโมงครึ่งนะ ดูนาฬิกา ชิบหาย สองโมงสิบห้า นราเลยจ้ำอ้าวสุดๆเท่าที่รองเท้าส้นสูงจะพาไปได้ ไปถึงสองโมงยี่สิบห้าพอดี หายหนาวเป็นปลิดทิ้งเลย
อย่าหาว่าโฆษณาเลยนะคะ อยากจะบอกว่าระบบถอนเงินที่นี่โคตรของโคตรเร็ว ไม่ถึงสามสิบวินาทีอ่ะ จริงๆไม่ได้โม้ นรากรอกใบขอถอนเงิน ยื่นให้เขา พนักงานเคาะแค่เลขบัญชีก็ควักเงินให้เราแล้วอ่ะ เร็วมาก เร็วจนงง ขากลับสบายใจเลยเดินทอดน่องไปร้านแซนด์วิชที่เคยถ่ายรูปให้ดูเอนทรี่ที่แล้ว วันนี้กินเหมือนเดิมค่ะ ทูน่ากับข้าวโพด ซื้อไอ้ขนมที่เขาเรียก Quiche ไม่รู้มันคืออะไร เหมือนพายกรอบๆกลมๆ

ข้างในเป็นแบบนี้
รสชาติเหมือนไข่ตุ๋นอ่ะ แต่แห้งกว่า มีเบคอนกับมะเขือเทศอบเป็นไส้ด้วย
ตั้งปอนด์ยี่สิบเก้าแน่ะ
อิ่มหนำสำราญใจ นั่งผึ่งพุงคุยกะน้องชาย
สักพักได้ยินเสียงคนร้องเพลง ใครวะ เสียงผู้ชายด้วย ห้องข้างๆเราเป็นผู้ชายหรอเนี่ย ไม่ยักกะรู้ แต่อย่างไรก็ตาม น่ารำคาญมาก ดีที่ตอนนี้เงียบไปแล้ว ไม่รู้ใคร แต่ตั้งแต่มายังไม่เจอเพื่อนร่วมแฟลตที่เป็นผู้ชายเลย เอ๊ะ หรือว่า...หรือว่า...
เป็นอาจารย์คนที่อยู่ในหอด้วยกันหว่า แหมอารมณ์สุนทรีย์สุดๆ
........................
มุกคะ
เรื่องอียิวนราจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ ยังไม่ชอบหน้ามันเหมือนเดิม แต่ก็โอเคอยู่ร่วมกันได้ ขอบคุณมากนะคะสำหรับลิงค์ไปโหลดไอเท็มของซิมส์สาม
ใบตอง
รูปๆๆๆๆๆๆ
ปัดคะ
เราเพื่อนร่วมชะตากรรมนะคะ ปัดก็สู้ๆ อย่าให้มันเอาเปรียบเรา ตอนแรกมันอยู่คนเดียวจะเก็บของยังไงก็ได้ ตอนนี้เรามาแล้วเขาก็ควรจะต้องเก็บให้เรียบร้อยหน่อย ลุยมันเลยค่ะ
ปล. ใครมีหนังสือเกี่ยวกับดอทเอ Warcraft ติดต่อนราด่วน จะเอาไปทำวิทยานิพนธ์ค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552

And Now I Shall Declare War

สวัสดีค่ะ ก่อนเข้าเรื่องเครียด มาเข้าเรื่องของกินก่อน
ช่วงหลังๆมานี่ รู้จักพี่คนไทยเยอะขึ้น ซึ่งก็ส่งผลดีต่อปากท้องของนราเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาช่วยแนะนำร้านต่างๆที่เราไม่รู้จักให้ โดยเฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ตในเมืองที่ขายของถูกกว่าร้านในมหาลัยเยอะ แถมยังมีให้เลือกมากกว่าด้วย
อย่างวันนี้เพิ่งไปตีแบดกับพี่เขามา เสร็จแล้วเลยเข้าเมืองไปส่งพี่คนที่กำลังจะกลับไทยที่สถานีรถไฟยอร์ก แล้วเลยไปกินข้าวกัน พอถึงเย็นนราได้รู้เส้นทางใหม่ๆมากมายที่จะนำไปสู่คลังอาหารราคาย่อมเยาว์(ของที่นี่นะ อย่าคิดเป็นเงินไทยเชียว) เมื่อสองสามวันก่อนอาหารที่กินเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่คว้ามาได้จากร้านคอสท์คัตเตอร์ในมหาลัย แต่เมื่อวานนี้นราได้กินแซลมอนกระเทียมพริกไทยกับผักอบฝีมือตัวเองค่ะ
โอ๊ย อร่อยน้ำตาจะร่วง ปลาอร่อยมาก ซื้อมาจากมอร์ริสัน วันนี้เลยติดใจไปซื้อมาอีกจากเซนส์เบอร์รี หมดไปเยอะเหมือนกัน แต่คราวนี้เริ่มรู้ทันระบบย่อยขยะในตัวเอง ซื้อผักเยอะๆ ผักเยอะๆ กินผักก่อน ตามด้วยขนมปัง แล้วจะอิ่มเร็วขึ้น อยากกินเนื้อน้อยลง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าวิธีนี้จะใช้ได้นานเท่าไหร่
ส่วนในหมู่บ้านหลังมหาลัยมีร้านแซนด์วิชอยู่ร้านนึง ร้านน่ารักมาก เป็นบ้านเตี้ยๆ
ชอบไอ้ลูกแดงๆที่ระย้าเต็มหน้าประตูจังเลย สวยอ่ะ พี่เขาบอกว่าถ้าเป็นฤดูร้อนต้นไม้ตรงนี้จะมีแต่ดอกสีขาว ต้องรอดูซะแล้วสิ ร้านนี้ขายแซนด์วิชอันประมาณท่อนแขน ใหญ่และยาวมาก ราคา 2.50 ปอนด์ ถือว่าถูกเมื่อเทียบกับแซนด์วิชโหลยโท่ยเย็นๆในมหาลัย นรากินไส้ทูน่า ข้าวโพดหวาน และแตงกวา ยืนกินหน้าร้านนั่นแหละ ป๋ามาเห็นโดนด่าตาย แต่คิดว่าที่นี่ถือเป็นเรื่องธรรมดานะ

เอาละ มาเข้าเรื่องเครียดตามหัวข้อเอนทรี่กัน
ตามที่บอกไปว่า นรามีปัญหากับอียิว หรืออีเจ๊เอ็ม เพื่อนร่วมแฟลตมาก แต่ก็พยายามเลี่ยงไม่เจอมัน ไม่เข้าครัวเวลามันอยู่ ขี้เกียจเสวนากับแม่ง ก็อยู่มาได้เรื่อยๆไม่มีอะไร แต่เมื่อคืนนี้ นราเข้าไปในครัวตอนค่ำๆ โอ๊ย โมโหเดือดสุดๆ อารมณ์งี้พุ่งปรี๊ดทันทียิ่งกว่าเข็มไมล์รถสปอร์ตอีกเหอะ
ทำไมรู้มั้ยคะ ต้องอธิบายเท้าความกันเล็กน้อย
ในครัวจะมีเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมอาหาร และใต้เคาน์เตอร์นี้มีตู้เก็บของหกตู้ (ในแฟลตมีเจ็ดคน แต่คนนึงเป็นอาจารย์เขาไม่ใช้) นราเองยังไม่ค่อยมีอุปกรณ์ทำอาหารอะไรมาก เลยยังไม่ได้เอาอะไรไปใส่ ใส่ไว้แต่ตู้เก็บของติดผนัง เก็บพวกน้ำตาล หม้อ ซีอิ๊วรวมกันหมดไรงี้ แต่ในเมื่อนราจะอยู่นี่อีกหนึ่งปี มันก็ย่อมจะต้องมีข้าวของเพิ่มมาเรื่อยๆแน่นอน อีกหน่อยอาจจะซื้อกระทะที่ใหญ่กว่านี้ หรือหม้อไว้ต้มแกง แต่ตอนนี้ยังไม่ใช้ตู้ข้างล่าง คนที่เขาจะใช้เนี่ยก็จะหาตู้ว่าง ติดป้ายเบอร์ห้องตัวเองไว้ แล้วก็เอาของมาใส่

แล้วปัญหามันคืออะไรน่ะเหรอ?

ก็อีห่ารากยิวนี่มันใช้คนเดียวสามตู้ไง!! รวมตู้นราเข้าไปด้วยไง!!
หน้าตู้แปะป้ายห้องมัน A308 หมดเลยสามตู้ นราเปิดดูนะ ตู้นึงเก็บจานชาม อีกตู้เก็บอุปกรณ์ครัว อีกตู้เก็บอาหารแห้ง อีห่า!! มึงจะสะอาดจะเป็นระเบียบกรูไม่ว่า แต่เที่ยวมาระรานที่ทางคนอื่นนี่มันชักทุเรศแล้ว แค่นี้ยังไม่พอ นราเปิดลิ้นชักเหนือตู้พวกนี้ดู ของมันทั้งนั้น!! ทัพพี ตะหลิว ช้อนนี่มีทุกไซส์ทุกขนาด เอ้าไหนเปิดตู้เย็นดูซิ 70 เปอร์เซ็นต์ติด A308 ทั้งนั้นค่ะ เต็มลิ้นชักแช่ผักหนึ่งชั้น ที่วางของข้างตู้เย็นตรงที่เป็นช่องใส่น้ำผลไม้ก็ของหล่อนทั้งแถว บนๆหน่อยเป็นโยเกิร์ต เนย และสารพัดอาหารยังชีพของมัน ยังไม่นับที่สะเปะสะปะตามที่วางทั่วไป โอ๊ยโมโหมากๆ เส้นเลือดจะแตก เกิดมาไม่เคยเจอ

นราพยายามคิดในมุมมองของเขานะ เขาอาจจะเห็นว่าตู้มันว่างไม่มีใครใช้ เลยเอาของมาเก็บไม่ให้ตู้ว่างเปล่าโดยเสียประโยชน์ หรือเขาเป็นยิว กฏเรื่องอาหารของเขาเคร่งครัดมากถึงมากที่สุด จำเป็นต้องแยกข้าวของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะเรียบร้อยได้
แต่พี่น้องทั้งหลาย นั่นหมายความว่าคุณจะเที่ยวตัดสินใจแทนคนอื่นได้งั้นหรือจ๊ะ? เหมือนเห็นคนนั่งในร้านอาหารโดยมีกับข้าวที่ไม่กินอยู่ตรงหน้า แล้วคุณก็สามารถจะลุกไปหยิบของเขามากินได้เพราะเขาไม่กินงั้นเหรอจ๊ะ? หรือจะอ้างว่าฉันของเยอะ ต้องมีที่เก็บเยอะ นราละอยากพูดเหลือเกินว่า กูไม่สน เพราะสิทธิของกูคือต้องได้ใช้พื้นที่ในครัวเท่าเทียมกับคนอื่นๆ เพราะกูก็จ่ายค่าหอเท่ากับทุกคน ไม่ได้ขอมานอนฟรี จะเอาไปเก็บไว้ไหนก็เรื่องของมึง แต่ต้องไม่ใช่ในพื้นที่ที่ควรจะเป็นของนรา ถึงนราจะไม่เก็บอะไรไว้ในนั้นเลยก็เรื่องของนรา เพราะนราก็มีสิทธิที่จะใช้ตู้เหมือนกัน

ตามมารยาท ตัวเองใช้ไปสองตู้แล้ว ควรจะติดกระดาษถามคนอื่นในแฟลตหน่อยว่าโอเคไหมถ้าจะใช้ตู้อีกใบ แต่ก็อย่างที่บอก ทุกอย่างสำหรับหล่อนคือ I think ทั้งสิ้น ไม่ต้องเสียเวลาถามคนอื่น เพราะฉันตัดสินใจแทนเองได้หมด อื้อหือสุดโคตรผู้นำตัวอย่างแห่งศตวรรษ มึงจะลงสมัครเลือกตั้งปีหน้าด้วยมั้ย?

เข้าเรื่องค่ะ นราสุดทน วันนี้เลยเอาป้ายไปติดตรงตู้เย็น
"Hello, flat A8 mates, I'm sorry to bother you with this and I know you all got loads of things, but I wonder if I could have one cupboard under the counter to store my kitchen stuff, too? Thank you in advance."
ไม่เจาะจงถึงใคร จ่าหน้าเป็นพหูพจน์ แต่ถ้าอียิวนี่มันมีคอมมอนเซนส์หรือไม่หน้าด้านเกินทนแล้วละก็ มันต้องรู้ว่ากูหมายถึงมึงนั่นแหละ มีใครที่ไหนเขาเอาไปคนเดียวสามตู้บ้าง โคตรเชี่ย เดี๋ยวจะรอดูค่ะว่ามันจะย้ายของมั้ย นราไม่สนแล้วว่าจะเข้าหน้าไม่ได้ ไม่เป็นเพื่อนกัน เพราะนราไม่เคยชอบหน้ามันอยู่แล้ว เสียดายจริงๆที่วันนั้นดันเจอมันคนแรก แกล้งทำเป็นพูดอังกฤษไม่ได้ก็ดีหรอก

ฟาดงวงฟาดงาแล้วเหนื่อย ไปนอนดีฝ่า
หมูจ้า
ไม่เห็นคอมเมนท์เรื่องคนหน้าเหมือนอ.ฟิลิปเลยอ่ะ อุตส่าห์ส่งไปให้
ใบตอง
นรารอดูรูปงามๆอยู่นะคะ
มุกกุกู้
นราคิดว่าเรื่องเข้าผับเป็นเรื่องธรรมดาของคนยุโรปค่ะ ซึ่งเป็นสาเหตุให้นราไม่ค่อยมีเพื่อนฝรั่งเพราะมันเข้ากันแต่ผับ นราไม่กินเหล้าจะเสียเงินเข้าไปไม ช็อกโกแลตที่นี่นราว่ามันไม่เข้มข้น แต่เมื่อวานเพิ่งกินไปยี่ห้อนึง อร่อยหวานมันสุดๆ เสียดายไม่รู้ยี่ห้อไร แอบอิจฉามุกจังได้ไปงานหนังสือด้วยยย
แนนโกะ
มหาลัยมีให้ถ่ายเอกสารฟรีสามสิบแผ่นแรกกับสแกนฟรีค่ะ แต่คิวคนยาวแถมวุ่นวาย ต้องไปรอล็อกอินเครื่อง เปิดไฟล์ สั่งพิมพ์อีก ของกินยังไม่ค่อยมีเลย วันนี้ไปกินเค้กมาก็ไม่ได้เอากล้องไป แต่อย่าดูเลย ไม่สวย แถมรสชาติเฮงซวย แพงอีกเหอะ
มะแอ้
ผีหล่อไม่มี คนหล่อก็ไม่เห็นมี ไอ้ที่มีก็หน้าตาดีแต่รูปร่างจรกามาก ไม่ผอมกงโก้ก็พุงป่องเหมือนแท่งลิควิดเปเปอร์ กินแต่เบียร์ไง เลิกร้องไห้อะยังจะได้โทรไปคุยบ่อยๆซะที

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Ghost Walk with ISA

เมื่อวานนี้เข้าเรียนวิชาจิตวิทยาการเรียนรู้ภาษาคาบแรก จะตายเอา
อาจารย์เป็นผู้หญิง เหมือนจะเป็นพวกฮังการี บัลกาเรียไรทำนองนี้ พูดเร็วมากแถมติดสำเนียงหน่อยๆ ไอ้เรื่องที่สอนก็ความรู้ใหม่ นราก็เหมือนเดิม เข้าใจไม่เกินเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ หนังสือที่ต้องอ่านก็มาอีกแล้วสิบกว่าเล่ม ของวิชาแรกยังอ่านไปไม่ถึงไหนเลยเว้ย
แต่พอเรียนเสร็จ นราก็รีบเข้าเมืองไปรับพรินเตอร์ที่จองไว้ที่ร้านอาร์กอส สาขาพิคคาดิลลี เหลือเครื่องสุดท้ายของร้านเลยนะนั่นน่ะ ซื้อมาในราคา 35 ปอนด์ ถือว่าโอเค เป็นราคาที่เกือบจะถูกสุดแล้ว แถมได้สายยูเอสบีมาในราคาแค่ปอนด์เดียว คนอื่นไปซื้อกันตั้งห้าปอนด์สิบปอนด์แน่ะ ด้วยความที่ลืมคิดว่าซื้อมาแล้วต้องแบก นราเลยต้องหอบมันเดินตระเวนทั่วเมือง แน่นอนแวะไปอาหารจีนอีกแล้ว แถมตอนออกจากร้านฝนเจือกตกซะอีก เวรซ้ำกรรมสาดจริงๆ
ดูแข็งแรงใหญ่โตดีมะ หกโลแน่ะ วันนี้เลยตื่นมาปวดไหล่สุดๆ
...............
แล้วๆ เมื่อคืนนี้ ตอนทุ่มครึ่ง ทาง ISA หรือสมาคมนักศึกษานานาชาติ เขาจัดทัวร์ไป Ghost Walk กันในเมือง คนละสี่ปอนด์แน่ะ แต่ไม่เป็นไรเพื่อประสบการณ์เราจ่ายด๊ายย อยากรู้ด้วยแหละว่ามันเป็นไง แล้วพระพิรุณก็แสนดี กลัวไม่ได้บรรยากาศ ก็เลยปล่อยฝนตกลงมาเรื่อยๆ เดินไปถึงตอนทุ่มนิดๆ แต่ทัวร์ยังไม่เริ่มจนกว่าจะทุ่มครึ่ง ก็เลยต้องยืนรอไปเรื่อยๆท่ามกลางปรายฝน โค้ทนราเปียกหมด แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวเอาไปปะกับฮีตเตอร์ได้
ยอร์กตอนกลางคืนค่ะ
ยอร์กมินสเตอร์ตอนกลางคืน สวยและหลอนไปพร้อมๆกัน
มีเสียงระฆังดังด้วย เสียงมันเย็นๆก้องๆ น่ากลัวดี

ผู้ชายคนนี้ เป็นคนนำทัวร์ ชื่ออะไรไม่รู้ ฟังไม่ออก สำเนียงติดทางเหนือนิดหน่อย
โอ๊ย เขาแสดงเก่งมาก ตลอดทั้งทัวร์เฮียไม่ยิ้มเลย แต่ทำให้เราฮาได้ตลอด สรุปว่าโกสท์วอล์กนี่มันไม่น่ากลัวค่ะ มันขำ และมันฮามาก เขาจะพาเราเดินไปตามจุดต่างๆในเมือง เล่าความเป็นมาและประวัติผีๆให้ฟัง แต่เขาตลกอ่ะ นราว่าเขาเก่งนะ ใช้เสียงได้ดีมีพลัง รู้จักจังหวะรับส่งมุก เสียดายแทนพวกเทา ตอนแรกก็มาด้วยกันอยู่หรอก สักพักบอกไม่เอาละ ไปผับดีกว่า เวรกรรม

ตึกข้างหลังเฮียคนนี้ ปัจจุบันเป็นร้านขายของ
แต่ในอดีต มีเด็กน้อยหล่นจากราวระเบียงห้องนอนลงมาตาย
ปัจจุบันยังมีคนเห็นผีเด็กน้อยคนนี้อยู่เลย

ส่วนคฤหาสน์หลังนี้ คือ Treasurer's House เก่าแก่มาก
หลายสิบปีก่อน มีคนรับใช้คนนึงอาศัยอยู่ที่นี่ แล้วได้ยินเสียงแปลกๆ แต่ไม่ได้สนใจ จนวันนึงขณะกำลังทำงานอยู่ชั้นล่าง ก็ได้ยินเสียงแบบเดิม แต่คราวนี้เห็นนักรบโรมันเดินลงมาตามบันได โดยยิ่งเดินลงมาเข่าก็ยิ่งจมลงไปในพื้น ทำเอาคนรับใช้ขวัญกระเจิงหนีออกจากบ้าน สองสามปีต่อมามีนักโบราณคดีมาทำการสำรวจขุดค้น ปรากฏว่าเจอโครงกระดูกและเสื้อผ้าของนักรบโรมันฝังอยู่ข้างล่างใต้บ้าน

คนมันยืนเบียดกัน นราเอื้อมไปถ่ายตัวคฤหาสน์ไม่ถึง แต่เท่าที่เห็นนะน่ากลัวมากๆ
ถนนข้างล่างนี่ กับบ้านก่ออิฐที่เห็นนะคะ เมื่อก่อนเป็นโรงรับเลี้ยงเด็ก ที่บริหารโดยชายใจคดคนหนึ่ง ที่รับเด็กมาเลี้ยง แต่เอาเงินที่พ่อแม่เด็กส่งมาให้เข้ากระเป๋าตัวเองหมด เด็กก็เลยตายเรื่อยๆเพราะขาดอาหาร โดยพอเด็กตาย เจ้าของโรงเลี้ยงเด็กก็จะเอาเด็กมาฝังตรงถนนปัจจุบัน (ที่เมื่อก่อนไม่ใช่ถนน) แต่พอเข้าฤดูหนาว มันหนาวจนพื้นดินแข็งขุดไม่ได้ เขาก็จะเอาศพเด็กที่ตายแล้วไปทิ้งไว้ในห้องใต้ดินให้เน่าก่อน ฤดูใบไม้ผลิจึงจะเอาออกมาฝัง

ทีนี้ มีอยู่วันนึง เด็กที่เขาเอามาทิ้งไว้ในห้องใต้ดินดันยังไม่ตาย แค่สลบ พอเด็กตื่นมามองเห็นศพเยอะแยะก็เลยกรีดร้อง เด็กคนอื่นได้ยินก็เลยตกใจ วิ่งไปบอกเจ้าของโรงเลี้ยงเด็ก ปรากฏว่าผู้ชายคนนี้เกิดสติแตกเพราะตัวเองก็รู้สึกบาปมาตลอด เลยคว้ามีดไล่แทงเด็กทุกคนตายหมด สุดท้ายเลยโดนแขวนคอ ทุกวันนี้คนที่อยู่แถวนี้ก็รู้ดีว่าบ้านเขานะเฮี้ยน บางคืนก็จะมีเสียงเด็กกรีดร้องแว่วมาให้ได้ยินด้วย
..........................

อีกที่นึงที่นราว่าเรื่องมันเศร้าที่สุด แต่ถ่ายรูปมาไม่ทัน เพราะมันมืดและคนเยอะ คือเรื่องผีเด็กที่ถูกทิ้งให้ตายอยู่ในบ้าน
ในช่วงที่โรคนั้นน่ะ กาฬโรคหรือเปล่า Black Death Plague ที่ทำให้ประชากรในยุโรปตายไปกว่าครึ่งนั่นน่ะ กำลังระบาดในอังกฤษ รวมถึงยอร์ก ก็มีครอบครัวนึงที่ไม่ยอมออกไปไหนเลยถ้าไม่จำเป็นเพราะกลัวติดโรค บางทีเขาก็จะส่งลูกสาว อายุประมาณเจ็ดแปดขวบ ออกไปซื้อของที่ตลาดแล้วให้รีบกลับมา คืนนึงขณะที่แม่กำลังพาลูกสาวเข้านอน ก็สังเกตเห็นปื้นดำๆตรงใต้รักแร้ลูกสาว ซึ่งคงเป็นอาการของโรค แม่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากราตรีสวัสดิ์ แต่ตอนออกไปจากห้อง แม่ก็ล็อกประตูห้อง ก่อนจะทาประตูบ้านด้วยกากบาทสีแดง เป็นสัญลักษณ์เตือนให้คนอื่นรู้ว่าบ้านนี้ติดเชื้อ แล้วก็หนีออกจากบ้านไปตอนกลางคืนพร้อมสามี
ลูกสาวตื่นมาไม่เจอใคร ออกไปจากห้องก็ไม่ได้ เลยไปยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ทุบกระจก ขูดกระจก เรียกร้องความสนใจจากคนบนท้องถนนให้เข้ามาช่วย แต่ถึงมีคนเห็นก็ไม่มีคนกล้าเข้าไปช่วย เพราะเขาเห็นกากบาทสีแดงตรงประตู สุดท้ายเด็กก็เลยตาย แล้วก็เฮี้ยนมาถึงตอนนี้ เป็นผีที่ถูกเห็นบ่อยที่สุด ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยจะยืนข่วนกระจกห้องนอนชั้นบนแล้วก็ร้องไห้ไปด้วย

เดินทัวร์เสร็จเกือบสามทุ่มแน่ะ ถ่ายรูปกับคุณคนนี้เป็นที่ระลึก
รู้สึกท่านี้จะเป็นท่าประจำเลยมั้ง เห็นในเว็บไซต์ก็โพสแต่ท่านี้
แต่เขาเก่งจริงๆนะ น่าให้นศ.ที่เรียนการพูดในชุมชนมาดูเป็นตัวอย่างมาก
(อากาศหนาวหน้าเลยกลม ไม่ได้อ้วน เข้าใจมั้ย)


ขากลับ ขึ้นรถเมล์กลับเหมือนเดิม
เดินผ่านตรอกนี้ ที่เขาว่าเป็นตรอกที่คล้ายกับไดอะกอนแอลเลย์ในเรื่องแฮร์รี พอตเตอร์มาก ไม่เชื่อไปเปิดหนังภาคหนึ่งดูได้ ตอนที่มันเข้าตรอกไปครั้งแรกกับแฮกริดอ่ะ
วันหลังจะถ่ายตอนกลางวันมาให้ดู


ใบตอง
เอารูปใบตองใส่บล็อกตัวเองสิ จะเข้าไปดูจ้า อิอิ

ตาหมู้ว
เป็นช็อกกาแลตก็ดีสิ รสชาติช็อกกาแลตที่นี่ไม่อร่อยเท่าบ้านเราเลย ช็อกโกแลตรูปลูกฟุตบอลตามเซเว่นยังอร่อยฝ่าอีก

มุกกุ
อยากกินเป็ดเหมือนกัน แต่ถ้ากินเป็ดในมหาลัยอาจโดนไล่ออกได้ค่ะ มุกก็รักษาสุขภาพนะคะ

คิดถึงทุกคนเลย

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Washing Day

วันนี้ตื่นสายอีกแล้วแฮะ แปลก ตื่นเกือบเก้าโมงมาสามวันละ
เหมือนร่างกายมันเริ่มปรับละมั้ง เริ่มนอนดึกตื่นสายมากขึ้น ซึ่งก็ไม่ดีนะเนี่ย เพราะตารางเรียนเทอมนี้มีเรียนตอนเช้าตั้งสองวัน เซ็งเลย ตื่นสายก็ไม่ได้ แถมยังจะได้คุยเอ็มกับตาหมูและที่บ้านน้อยลงอีก
...................

วันนี้สมาคมนักเรียนไทยแห่งยอร์กมีนัดสังสรรค์กันค่ะ
นัดกันตอนเที่ยงที่ห้องนั่งเล่นรวมของหอเวนท์เวิร์ธ หอหลักของนศ.ปริญญาโท ที่นรากระแดะไม่เลือก ซึ่งคนอื่นก็บอกว่าดีแล้ว เพราะตรงหน้าหอนี้มันจะมีสนามหญ้า แล้วเป็ดมันจะขึ้นมานอนตอนกลางคืน ร้องแกว๊กๆๆไปถึงเที่ยงคืน แล้วพอตอนเช้าประมาณตีสี่ตีห้ามันก็จะตื่น พร้อมด้วยเสียงแคว้กๆๆๆเหมือนเดิม แล้วเป็ดไม่ใช่สามสี่ตัว หลายสิบนะคะ เหอะๆ รู้สึกดีขึ้นหน่อยที่ไม่ต้องทนฟังนาฬิกาปลุกเสียงเป็ดทุกวัน ทนแค่อียิวเวรกับพวกชอบปิดประตูดังๆก็แย่แล้ว

งานนี้ได้เจอทั้งรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ แล้วก็คนไทยที่เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่นี่ หวาว เจ๋งจริงๆเลย ส่วนใหญ่เขามาเรียนพวกอีโคโนมิก บิสิเนส แมเนจเมนท์อะไรเทือกนี้กัน พวกที่เรียนสาขาภาษาและการศึกษามีอยู่สี่ห้าคนเองมั้ง ก็นั่งคุยกันไปเรื่อย มีขนมแจก โค้กแจก แล้วก็เล่นเกมกัน สนุกมาก เหนื่อยมาก นราสมัครเป็นพีอาร์ประจำสมาคมด้วยละ เท่ป่ะ
.......................

เอาละ แล้วก็มาถึงวันที่นราเฝ้ารอ จ่านจ๊านนน
วันซักผ้านั่นเองจ้า
วันก่อนโน้นแวะไปดู ลองไปแงะโน่นแงะนี่ดูลาดเลา อืมๆ ก็ไม่น่ายาก ระหว่างที่รอให้ผ้าทวีจำนวนมากพอที่จะเอาไปซัก นราก็สะสมเหรียญไปเรื่อย เพราะกลัวว่าพอจะซักแล้วมันจะไม่มี วันนี้พอรวบรวมผ้าจะเอาลงไปซัก ลองเทเหรียญออกมาดู ปรากฏว่ามีอยู่เท่านี้

มิน่าาาา ทำไมกระเป๋าตังค์กรูหนักๆ
ไม่ได้หนักแบงค์เลย หนักเหรียญนี่แหละ สิริรวมเหรียญทั้งหมดเป็นเงินสิบห้าปอนด์กว่า เยอะนะนั่น มีเหรียญเยอะขนาดนี้ซักผ้าทีละชิ้นยังได้เลย

ห้องซักผ้ามันไม่ได้อยู่ในตึกค่ะ มันเป็นตึกเตี้ยๆอยู่ติดกัน แล้วเย็นนี้ฝนดันตก พรำๆเป็นฝอยๆเหมือนเดิมอะแหละ อากาศมันเลยหนาวมากกว่าปกติ (แต่อยู่ในห้องไม่เป็นไรเพราะเปิดฮีตเตอร์เป็นแล้ว ฮิฮิ) ระยะทางแค่ไม่กี่เมตรจากหอไปตึกซักผ้ารู้สึกเหมือนนานมาก มันไม่หนาวเหมือนเปิดแอร์หรือหนาวแบบบ้านเรานะ มันหนาวเปียกๆ หนาวเย็นๆ ลมมันแฉะๆ บอกไม่ถูก เอาเป็นว่ามันเย็นเจี๊ยบแล้วกัน เออใช่ๆ หนาวเหมือนอยู่ในตู้เย็น
ห้องซักผ้าเป็นแบบนี้ ไฮโซม่ะ

ตู้ข้างบนสำหรับอบผ้า ครั้งละปอนด์ ส่วนข้างล่างเป็นตู้ซักผ้า ครั้งละ 1.80 ปอนด์ นราผู้น่าสงสารเอามาแค่เหรียญปอนด์สองเหรียญ จึงต้องจำยอมให้มันกินไปฟรีๆยี่สิบเพนซ์ ฮือๆ ไม่เป็นไรคราวหน้าจะไม่โง่แล้ว ระบบการซักกดเลือกเอาได้ว่าซักผ้าสี ผ้าขาว หรือผ้าไหมพรม ข้างๆฝามีวิธีการใช้ติดไว้ด้วย สำหรับผู้มาใหม่แสนโง่เขลาเช่นเรา

นราก็โรยๆแฟ้บลงไปในถัง ไม่มีช้อนตวงดูไม่ออกเลยอะว่าใส่เยอะหรือน้อยไป เสร็จแล้วก็โยนๆผ้าเข้าไป ปิดฝา กดปุ่ม มันขึ้นเวลาบอกว่าต้องใช้เวลาสี่สิบนาที นราก็ขึ้นไปทำโน่นนี่บนห้องต่อ ถึงเวลาก็ลงมาเอาผ้าใส่ตู้อบแห้ง รออีกห้าสิบนาที ปรากฏว่าพอปั่นเสร็จเอาขึ้นมาแล้วผ้าไหมพรมไม่แห้ง ต้องตากไว้กับฮีตเตอร์แทน ชิ
..................
ชีวิตนราช่วงนี้ก็ราบเรียบไร้มิตรสหายดีค่ะ
นราไม่ได้ปิดตัวเองนะ แต่เป็นเพราะเขาเริ่มเรียนกันแล้วละมั้ง ต่างคนก็มีตารางเวลาต่างกันไป ก็เลยเจอกันน้อยลง อันที่จริงเทากับคีซ็อกก็โทรมาชวนไปกินข้าวด้วยบ้าง แต่มันดันไม่ว่างทุกทีเลยอะเด่ะ (บางทีก็ขี้เกียจไปเจอ) แต่นราก็ทีความสุขดีนะ โดยส่วนตัวชอบอยู่เงียบๆ เพื่อนก็อยากมีเหมือนกัน แต่ไม่ชอบห้อยโหนอยู่กะเพื่อนตลอดเวลา บางอารมณ์ก็อยากไปเดินเล่นคนเดียว อ่านหนังสือคนเดียวเหมือนกัน
เป็ดพวกนี้ก็ตลกดี ดูเพลินดี เพื่อนคนนึงบอกให้สังเกตดู เป็ดหัวเขียวมันจะอยู่เป็นคู่กับเป็ดสีน้ำตาลเสมอ เออ จริงด้วย
แม้แต่เป็ดยังมีคู่อยู่ด้วย นี่เรา...นี่เรา...แพ้เป็ดเหรอเนี่ย...

กระแสเรียกร้องแรงเหลือเกินเรื่องของกิน (แต่ดีใจนะคะที่มีคนเรียกร้อง) นราเลยเอาชีวิตเด็กหอจนๆมาให้ดูเป็นขวัญตา นี่เป็นแค่ตัวอย่าง บางวันอนาถากว่านี้
วันนี้กินขนมปังมิลค์เบรดไส้อโวคาโดกับไก่แผ่นค่ะ เป็นไก่แผ่นที่บางมากๆชนิดเอามาส่องไฟแล้วมองทะลุได้ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรกิน ทุกอย่างซื้อจากร้านในมหาลัย แพงง่ะ ไม่อร่อยอีกเหอะ จริงๆแล้วมีซูเปอร์มาเก็ตอยู่ห่างออกไปหน่อย พี่เขาบอกให้เดินลัดทุ่งไป (บ้านนอกมั้ย) แต่ระหว่างทางมีวัวด้วย เลยกลัว ไม่เอาดีฝ่าไว้วันหลังค่อยหาเพื่อนไป
ส่วนเมื่อวานนี้ตบะแตก ทนไม่ไหวแล้วกับขนมปัง โยเกิร์ต แล้วก็แฮม ชีส นม
นั่งรถเมล์เข้าเมืองไปร้านบุฟเฟต์จีนร้านเดิมที่เพื่อนเคยพาไป ซัดไปมากมาย พอใจแล้วก็เดินเล่นก่อนกลับ ร้านชื่อจัมโบ้ ไปสองครั้งเมนูอาหารไม่เปลี่ยนเลย อาหารไม่ได้ดีอะไรมากมาย แต่สำหรับนราผู้กระเดือกขนมปังมาตลอดสัปดาห์แล้วมันโคตรอร่อยเลย ณ ตอนนั้นน่ะนะ ที่นราชอบมีมันฝรั่งผัดพริก ข้าวโพดเนย แกงกะหรี่ไก่ สับปะรดชุบแป้งทอด (อร่อยนะขอบอก) แล้วก็ไก่ซอสบาร์บีคิว
พูดแล้วก็หิว พรุ่งนี้ไปกินอีกดีไหมเนี่ย

มุกกุ

จริงๆแล้วนราอยากเรียนวรรณคดีอังกฤษนะ เสียแต่ว่าวิชานี้ที่ม.กท.เขายกเลิกไปแล้ว เสียดายจริงๆ นราเลยไม่ได้เรียนเลย

หนูแนน

บอกตามตรง นรายังไม่เห็นหนุ่มที่ไหนหล่อจนกระทั่งต้องเก็บมาไว้เป็นที่ระทึกเลยอ่ะ มีแต่หน้างั้นๆ หล่อธรรมดาๆ เอาไว้เจอใครหล่อแบบจู๊ด ลอว์หรือแบรด พิท (ตอนหนุ่ม) แล้วจะขออนุมัติคุณแฟนถ่ายรูปมาให้ดูนะ

ใบต่องต๊อง

นรากำลังฝืนใจตัวเองให้อ่านหนังสือภาษาอังกฤษและศึกษาระบบตามที่ใบตองบอกอยู่ค่ะ เริ่มคุ้นขึ้นมามั่งแล้วละ เออ ใบตองส่งรูปตัวเองมาให้นราดูหน่อยสิ คุยมาตั้งนานยังไม่เคยเห็นหน้าเลย

แม่จ๋า ป๋าจ๋า ตาเอิร์ธ ยัยเอม ตาหมู้ว คิดถึงจังเลยยยย

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552

A Day with False Alarm, Dang!

เมื่อคืนนี้ฝนตก ตอนเช้าอากาศก็เลยหนาวมากๆ
ฝนที่นี่ตกเป็นละอองฝอยๆ นราว่าอันที่จริงฝนแบบเป็นเม็ดๆก็คงมีที่นี่เหมือนกัน แต่ยังไม่เจอ ตั้งแต่มานี่เจอฝนตกแค่สองครั้งเท่านั้นเอง
เมื่อเช้า กำลังจะอาบน้ำเตรียมตัวไปเรียนตอนสิบโมง
กำลังจะถูสบู่เลย มีเสียงคนมาเคาะประตู ปั้งๆๆๆ แบบร้อนรนมาก นราก็ชะงัก ไม่แน่ใจว่ามันเคาะห้องเรารึเปล่า สักพักนึงต่อมา ชัดเลย ปั้งๆๆๆ บนประตูห้องน้ำ แล้วก็มีเสียง "เอ็กสฺคิวมีๆๆ" เสียงรนๆ
นราก็คิด เฮ้ย นี่มันในห้องกรูนี่หว่า ทำไมมีคนมาเคาะประตูส้วมด้วย นี่กรูใช้ห้องน้ำสาธารณะอยู่หรอ ตั้งสติได้แล้วก็รีบห่อตัวเองด้วยผ้าขนหนูแล้วแง้มหน้าออกไปดู เจออาเจ๊สองคนใส่เสื้อมหาลัยเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่ มิน่าเลยมีการ์ดใบที่ไขประตูได้ทุกห้องในตึก คนนึงบอกว่าเดี๋ยวจะมีซ้อมหนีไฟนะ อีกเดี๋ยวสัญญาณเตือนภัยจะดัง ให้รีบลงไปข้างล่างด้วย
โอ๊ย นราก็ตกใจดิ น้ำเนิ้มไม่ต้องอาบกันละ คว้าเสื้อผ้าชุดเดิมมาใส่ คว้ากระเป๋ากับพาสปอร์ตได้ก็เฟี้ยวลงไปข้างล่างเลย ปรากฏว่าไงทายซิ ฮิ ฮิ เค้าซ้อมตึกดีกับเอฟหละ ไม่ใช่ตึกเอที่นราอยู่
ฟายยยยยย
แค้นชิบเป๋ง
ทั้งวันเลยจิตวิตก ไม่กล้าเข้าไปอาบน้ำอีก กลัวสัญญาณไฟมันดัง
รู้สึกเหมือนตอนที่เขามาเรียกเนี่ย เขาเปิดประตูห้องน้ำด้วยนะ ดีที่ตรงฝักบัวมันมีม่าน ถ้ากำลังนั่งจุมปุ๊กอยู่บนโถส้วมอยู่จะเป็นไงไม่อยากนึกเลย
...................
ไหนๆก็ออกมาแล้ว เลยขี้เกียจกลับเข้าไป เลยเดินเลยไปห้องเรียนซะเลย
ต้นหญ้าธรรมดาๆก็สวยได้น้อ

ตอนนี้นรากำลังอยู่ในช่วงจิตตกคิดถึงบ้านขั้นที่สอง
สัปดาห์แรกนี่ไม่ค่อยคิดมาก มีโน่นนี่ให้ทำเยอะ
ตอนนี้เริ่มเข้าเรียนแล้ว เจอระบบการเรียนของที่นี่เข้าไปแล้วงง มึน ไม่รู้จะเริ่มอะไรตรงไหนดี ในห้องฟังอาจารย์พูดก็รู้เรื่องไม่ถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ เขาพูดเรื่องอะไรมาก็รู้มั่งไม่รู้มั่ง เคว้งคว้างสุดๆ แถมยังมีระบบส่งงานทางเน็ท มีหน้าเว็บไซต์อะไรไม่รู้เยอะแยะมากมาย เครียดฮ่ะ รู้สึกเหมือนตัวอยู่คนเดียว เพื่อนๆเจอกันก็ไม่นาน กลับเข้าห้องมาก็เหงาเหมือนเดิม ตอนนี้เห็นอะไรก็คิดถึงบ้าน คิดถึงแฟนได้ทั้งนั้น เมื่อวานดูการ์ตูน The Lion King 1 1/2 ในยูถูป ฮามากแนะนำให้ไปหาดู เป็นเรื่องของทีโมนกับพุมบ้าก่อนจะมาเจอซิมบ้า ดูๆไปก็ตลกอยู่หรอก พอถึงตอนนึงที่ทีโมนมันจะเดินทางจากบ้าน แม่มันก็มากอด มาลูบหัว ไม่อยากให้ไปแต่ก็ต้องไป เท่านั้นแหละเลิกฮา ร้องไห้ซะแทน
................

ที่ยอร์กนี่ ช่วงสัปดาห์แรกเขามีกิจกรรมอะไรเยอะเหมือนกันนะ แต่นราว่าระบบการกระจายข่าวกับการจัดการอะไรของเขามันงงๆ ไม่ชัดเจน ไม่เป็นระบบเท่าไหร่ วันแรกที่มาก็วุ่นวายกับเรื่องจอดรถบัสส่งนศ.ลง ทำให้นราต้องเดินลากกระเป๋าขึ้นเนินจนมือแหกตามที่แจ้งไปก่อนหน้า วันก่อนนั้นเห็นบอกว่ามีปฐมนิเทศนศ.ต่างชาติ เราก็ไป อ่ะ ไปถึงดันกลายเป็นเหมือนอบรมการศึกษาต่อต่างประเทศซะงั้น เสียเวลามากๆ ไม่ได้เกี่ยวไรกับเราเลย คือเขายกเลิกกิจกรรมอะไรก็ไม่มีติดป้ายบอกน่ะ ให้เราไปนั่งรอเสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆ อย่างอันนี้เขาเรียกว่า Open Mic Night มีหนุ่มฝรั่งมาเล่นกีตาร์ ร้องเพลง แต่ใครอยากร้องอยากเล่นจะขึ้นมาเล่นมั่งก็ได้

สองเฮียนี่ เล่นจบเพลงนึงก็ซดเบียร์โฮกนึง เหอะๆ ขาดไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย
อันที่จริงไปนี่กะจะไปดูงาน Comedy Night แต่มันยกเลิกแล้วไม่บอกเรา เลยได้ดูอันนี้แทน แต่ก็โอเค ใช้ได้เลย นี่เขากำลังเล่นเพลงที่แต่งเองโดยมีเพื่อนอีกคนมาแจมแซ็กโซโฟน เพราะมากเลย คิดถึงเอิร์ธ อือ...คิดถึงบ้านอีกแย้ว...
......................

มาดูหอสมุดของที่นี่กันเถอะ
ที่นี่รู้สึกมีหลายหอสมุดนะ แต่ที่ใหญ่แล้วก็มีหนังสือเยอะที่สุดชื่อเจบีมอร์เรลค่ะ วันก่อนเขาพาไปเดินดูรอบๆ หนังสือเยอะ เยอะมากๆ แค่ชั้นวรรณคดีก็กินไปแล้วครึ่งชั้น ตอนนี้เขากำลังทำการปรับปรุงอยู่ ก็เลยมีชั้นว่างๆ กับพื้นที่ที่เข้าไม่ได้เยอะแยะเลย ที่สำคัญคือ หนังสือพวกนี้มันย้ายที่ได้ เพราะเขาจะย้ายไปเรื่อยๆตามการปรับปรุงหอสมุด ต้องคอยเช็กเอาว่าหนังสือที่เราอยากได้มันอยู่ที่ไหนแล้ว เหอะๆ อย่างกับตอนนี้ชีวิตนรายังยุ่งไม่พองั้นแหละ
ชั้นตรงนี้เป็นชั้น Education แปลว่าอีกสักหน่อยนราจะมานั่งสติแตกอยู่แถวนี้แหละ

มีใครรู้จักวรรณคดีเรื่อง Antigone-แอนทิโกนี มั่งไหมคะ?
นราจำได้ว่ามันคือวรรณคดีกรีกที่เคยเรียนตอนปีสอง เรียนสั้นๆไม่ได้อ่านหมด เขียนโดยโสโฟคลีส ที่เราเรียนมันแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้ว ดังนั้นนราก็เลยช็อกตะลึงตึ่งตึ่งเมื่อเจอที่นี่เล่มนึง เขียนเป็นภาษากรีกทั้งเล่ม ปกเก่าๆ ตัวพิมพ์โย้ๆเลอะๆ! โอ้ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกินหอสมุดที่นี่
..................
มีที่กว้างๆ บนชั้นสองให้นศ.มานั่งอ่านหนังสือเงียบๆด้วย


ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรค่ะ นอกจากงุนงงกับตารางเรียนแล้วก็คงมีแต่เรื่องคิดถึงบ้าน อยากกลับบ้าน พูดมากเดี๋ยวคนเบื่อบล็อกเอา เอาเรื่องคนแถวนี้มาเม้าดีกว่า อิอิอิ
เรื่องของเรื่องก็คือ เพื่อนร่วมหอคนหนึ่งของนราเนี่ย ขอเรียกว่าเจ๊เอ็มแล้วกัน แกทำให้นราอึดอัดกับการเข้าครัวมากๆ เขามาหลังนราไม่กี่วัน อยู่ห้องเยื้องๆกัน
เขาก็เป็นมิตรดีนะ แต่ปัญหาคือ เจ๊เป็นพวกบ้าความสะอาด วันแรกที่มาเจ๊แกทำความสะอาดครัวทั้งครัว ล้างตู้เย็น เช็ดตู้ หม้อไหจานชามใครวางไว้เจ๊ล้างหมด เสร็จแล้วเจ๊ก็แปะโน้ตไว้หน้าตู้เย็นประมาณว่า เราควรช่วยกันรักษาความสะอาดนะ เป็นการแสดงความเคารพต่อเพื่อนๆและคนที่กำลังจะมา บลาบลาบลา นราดวงซวยเจอเจ๊คนแรก เจ๊บอกว่า เจ๊เป็นยิวนะ เลยอยากจะทำให้ครัวสะอาดไว้ นราก็เข้าใจว่ามันคงเป็นกฎทางศาสนาของเขา แต่ว่า แต่ว่า...มันไม่มากไปหน่อยเหรอ
...................
เย็นนี้ก็เพิ่งเจอ นราหอบหม้อไหไปครัว กะจะต้มมาม่าแล้วก็ทอดไข่กิน เปิดประตูเข้าไปเจอเต็มๆ เบรกไม่ทัน ทักทายกันแค่เฮลโหลเท่านั้นแหละ เจ๊เริ่มเลย
"เออ ยู ยูรู้มั้ยว่าเค้ามาเก็บขยะบ้างรึเปล่า"
แล้วเจ๊ก็ชี้ไปทางถุงแยกขยะ ที่เขาแยกขวดพลาสติก ขวดแก้ว แล้วก็พวกกล่องกระดาษวางไว้ มันก็พูนๆกองๆกันอ่ะนะ
"เนี่ย ตั้งแต่ไอมายังไม่เห็นใครมาเก็บขยะตรงนี้ไปเลย มันดูไม่ดีเลยนะเนี่ยรู้มั้ย เนี่ยเดี๋ยวไอต้องร้องเรียนหน่อยแล้วละ สงสัยต้องบอกใครสักคนละ"
โอ๊ยยยย เจ๊ เจ๊จะทำกับข้าวก็ทำไป เจ๊ไปทำตรงมุมขยะเหรอออ มันไม่ได้เหม็นไม่ได้ใหญ่จนล้นทะลักอะไรมากมายด้วย ไม่ไหวแล้ว คราวหลังเจอเจ๊เอ็มนี่นราจะไม่เข้าครัวเลยให้ตาย วันนี้เลยต้มแค่มาม่าแล้วลี้ภัยกลับเข้าห้องทันที
ฮ่า นินทาคนแล้วสบายใจ
................
คิดถึงทุกคนมากๆนะคะ
ทุกคนเลย
ขอบคุณมากที่คอยให้กำลังใจเสมอ
ไปทำการบ้านล่ะ วิ้ววว

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2552

I'm Exploring York at the Now!

เมื่อวานเข้าเมือง (อีกแล้ว) ค่ะ เพราะต้องซื้อพวกรองเท้าและเสื้อโค้ทไว้ใส่ให้พอดีกับอากาศที่หนาวขึ้นเรื่อยๆ นราไปกับกลุ่มสาวๆ มีเทาสาวเวียดนามที่มาจากนอร์เวย์ คีซ็อคจากสิงคโปร แฮนนาห์จากไอโอวา อเมริกา และนาร่า จากไทยแลนด์ อิอิ นัดเจอกันที่ป้ายรถเมล์ตอนสิบเอ็ดโมง รถเมล์สายสี่จะวิ่งตรงจากมหาลัยเข้าเมืองไปจอดที่คลิฟฟอร์ดสตรีท จำทางไว้ดีๆ ขากลับจะได้หาทางมาขึ้นรถกลับบ้านได้ถูก ค่าตั๋วแบบไปกลับ 2.50 ปอนด์ค่ะ แพงจนขนหัวลุก
.................
ทั้งๆที่เป็นวันอาทิตย์แท้ๆ วันนี้คนกลับพลุกพล่านเต็มไปหมด คนที่นี่เดินกันแบบไม่กลัวรถ ลงไปเปะปะเต็มถนน รถมาก็หลบที เออดีแฮะ เป็นเมืองไทยนี่ป่านนี้บรรพบุรุษนอนกระสับกระส่ายอยู่ในหลุมแน่ๆ แฟชั่นตอนนี้ก็จะเป็นเสื้อโค้ทกับผ้าพันคอซะส่วนใหญ่ สาวๆมักใส่เลกกิ้งสีดำไม่ก็แบบมีลายๆคู่กับบู้ท วันนี้เมฆครึ้มเหมือนเคย ลมพัดมาแรงๆทีนี่ยืนแทบไม่ไหว หนาววว

กำลังคิดว่าอีกสักหน่อย ถ้าคล่องทางแล้วเมื่อไหร่ ก็อยากจะมาเดินเตร็ดเตร่เองตัวคนเดียวเหมือนกันนะ นราเข้าเมืองมาสามครั้ง มาซื้อของใช้เป็นส่วนใหญ่ ตอนที่เขาพาเด็กเข้าใหม่มาชมเมือง ชมยอร์กมินสเตอร์ มันก็สวยดีนะ แต่เราไม่รู้ประวัติอะไรของสถานที่นี้เลย รู้สึกเหมือนไก่ได้พลอย หัวล้านได้หวี หมีได้มะพร้าว (?) เพราะถึงดูไปก็ไม่ซาบซึ้งเท่าที่ควร เพราะไม่รู้ความสำคัญของมันนั่นเอง ไว้วันหลังจะมาหาเรื่องหลงทางแถวนี้แล้วกัน วันก่อนเจอร้านอาหารไทยด้วย ผัดไทยจานละห้าปอนด์ครึ่งแน่ะ
.....................
ตรงนี้เรียกว่าเซนต์เฮเลนสแควร์ค่ะ เป็นตึกเก่าๆสวยดีนะ มีเก้าอี้ให้คนมานั่งพัก บางทีก็มีคนมาแสดงอะไรให้ดูแถวนั้นด้วย
ส่วนนี่เป็นร้านชาที่ดังที่สุดในยอร์ก (เขาว่างั้นนะ) ร้านเบ็ตตี้ ขายพวกน้ำชา ขนมทานคู่กัน เพสทรี่ อะไรที่มันดูผู้ดีๆเทือกนั้นน่ะ มีคนบอกว่ามายอร์กแล้วต้องมากินที่นี่ ไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึง นรายังไม่ได้ลองหรอกนะ เพราะวันที่เข้าเมืองมากับกลุ่มเพื่อนคนไทย นราหิวมากกก แค่น้ำชากับขนมทาครีมน่ะเอาไม่อยู่หรอก เลยไปกินร้านบุฟเฟต์จีนชื่อ Jumbo แทน จำได้ว่ามีพวกข้าวผัด แกงกะหรี่ไก่ เกี๊ยว บะหมี่ผัด อะไรทำนองนี้ เสียดายต้องรีบไปเปิดบัญชีธนาคารที่ลอยด์ส เลยอดกินไอติมรสพีชเลย ว้า
ดูคิวคนรอเข้าร้านสิ ย้อยออกมาข้างนอกเลย

เดินกันไกลเหมือนกัน วนๆไปมา เข้าร้านเดิมบ้างร้านใหม่บ้าง อยากจะบอกว่าผู้หญิงที่นี่ใส่รองเท้าส้นสูงเหมือนเดินบนตึกใบหยก โคตร พ. โคตร ม. สูง พื้นหน้ารองเท้านี่สักนิ้วนึงได้ ส่วนตัวส้นเป็นส้นเข็ม แถมสูงสี่ห้านิ้วขึ้นไปทั้งสิ้น เห็นหล่อนๆเดินกันแล้วเวทนา โยกๆ เยกๆ น่องงี้ปูดเป็นลูก ที่แปลกใจอีกอย่างคือ คนที่นี่ทำของในห้างในร้านหล่นแล้วไม่เก็บ ปล่อยทิ้งไว้กะพื้นอย่างนั้นแหละ ยิ่งร้านรองเท้า ตรงที่คนนั่งลองรองเท้ากันนี่มีวางไว้เกลื่อนเหมือนของจะทิ้ง หรือที่นี่เขาถือว่าเป็นหน้าที่ของพนักงานก็ไม่รู้ที่ต้องคอยเก็บ
.....................
เดินไปเดินมา เจอร้านนี้เข้า
ฮ้อมมมม หอมมมม
นราก็บอกตัวเองนะว่า ไม่นะไม่ สัปดาห์นี้เราใช้เงินเยอะแล้ว แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้แก่แรงมารอยู่ดี ฮือ โดนไปอีกแล้ว 1.60 ปอนด์ ต้องเข้าใจนรานะ ลองนึกดูว่าเดินลากขาไปทั่วเมืองมาพักใหญ่ๆ ข้าวเช้าก็กินแค่ซีเรียลเห่ยๆ แล้วพอมาเจอร้านเล็กๆ มีโต๊ะและเก้าอี้จัดเป็นชุดตั้งไว้หน้าร้าน บนโต๊ะมีกระเช้าดอกแพนซีสีม่วงกำลังบานใต้เงาร่มสีเขียว แถมยังมีเสียงฉู่ๆ ฉ่าๆ ของอาหารทอดที่มาพร้อมกลิ่นหอมฉุยในอากาศเย็นๆ
โปรดเข้าใจข้าน้อยด้วยยย

นราสั่ง Chips and Cheese นึกว่าคงเหมือนชีสซีฟรายด์ของแมคฯ
โอ้ อะไรกันวะเนี่ย ภูเขาลูกนี้มันคืออะไร
กินเสร็จเส้นเลือดในสมองต้องระเบิดแน่ๆ
(แต่ก็อาหย่อยนะ กินร้อนๆ)

ก่อนกลับ หิ้วของพะรุงพะรังผ่านจตุรัส เห็นเค้ากำลังแสดง Street Performance อยู่ อากาศหนาวจะตาย อีตานี่มาแก้ท่อนบนแล้วเอาโซ่ล่ามตัวเองไว้กับบันได ประมาณว่าจะร่อนหมวกด้วยเท้าแล้วเอาหัวรับ ฝรั่งนี่ก็ร่วมมือดีนะ เขาบอกให้เฮก็เฮ เหอะๆ แอบขำเล็กน้อย

พอกลับหอมา เพิ่งรู้ว่าวันนี้ทั้งวันเขามีมีตติ้งกันในหอ เวร พลาดเลย ส่วนตอนเย็นมีประชุมรวมของชาวหอแวนเบรอห์ นราก็ได้แต่โด่เด่เด๋อด๋าไปหอประชุมตอนเย็นคนเดียว โชคดีเจอฝรั่งใจดี พาไปส่งกลุ่มให้ คนเป็นร้อยๆอะ ไม่น่าเชื่อ ไปฟังเขาพูดเรื่องการอยู่ร่วมกันและเรื่องระวังฟืนไฟเสร็จก็ไปบาร์ของแวนเบรอห์ คนอื่นเขาดริงก์กัน แต่นราเป็นกุลสตรีเลยไม่ดริงค์ค่ะ แต่กระนั้นเสียงคนคุยกันดังขรมกับกลิ่นแอลกอฮอล์หึ่งๆก็ทำเอานรามึน กลับห้องมาก็สลบเหมือดทันที นั่นแปลว่าไม่ได้อาบน้ำอีกแล้ว ฮ่า ฮ่า
....................
ไหนมาดูของที่นราซื้อมากันเต๊อะ
เสื้อโค้ท จาก H&M ตัวละสี่สิบปอนด์ ใส่แล้วอุ่นกว่าแจ๊กเก็ตหน่อย

รองเท้าคัทชูเผื่อไว้สำหรับพรีเซนต์งานหรืออะไรที่เป็นทางการ คู่ละยี่สิบปอนด์ แพงอิ๊บอ๋าย แต่ก็ยังดีที่มันมีไซส์สำหรับมนุษย์ตีนช้างอย่างเรา เหอะๆ สรุปว่าที่นี่นราใส่เบอร์แปดค่ะ แล้วก็ซื้อบู๊ทมาด้วย ตอนแรกกะจะซื้อแบบสั้น แต่นึกได้ว่าตัวเองเป็นตะคริวที่น่องง่ายมาก เลยซื้อแบบยาวตามที่มุกกู้แนะนำเลย คู่นี้ใช้บัตรนักเรียนลดจากสามสิบเหลือยี่สิบเจ็ดปอนด์

นอกจากนี้ยังได้แก้วมาสองใบ หม้อใบนึงในราคาปอนด์เดียว แล้วก็รองเท้าผ้าใบใส่สบายๆอีกคู่ ขากลับรู้สึกเบาสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนยังไงก็ไม่รู้ หมายถึงกระเป๋าเงินอะนะ
.................
ส่วนนี้เปิดเทอมวันแรกค่ะ ตอนสิบโมงไปพบปะอาจารย์ที่ปรึกษาในชั้นเรียน กว่าจะหาห้องเจอเกือบสายแน่ะ โปรแกรมของนรามีเรียนทั้งหมดสิบหกคนค่ะ เหอะๆ จุ๋มจิ๋มดีเนอะ มีนราเป็นไทยหนึ่งคน ไต้หวันสอง หนุ่มอังกฤษเพียงหนึ่งเดียวหนึ่งคน เกาหลีหนึ่ง แขกสอง ที่เหลือเป็นจีนหมดเลย วันนี้ยังไม่มีไรมาก เขาแค่อธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับการเรียนและการส่งงาน แค่นี้ก็เครียดแล้ว ฟังดูยุ่งยากชะมัดเลย
เรียนเสร็จออกมาเห็นป้ายว่าวันนี้เขามีขายต้นไม้ เลยเดินไปดูหน่อย กำลังอยากได้สักต้นพอดี
ดูๆไปก็ไม่มีอะไรเท่าไหร่ เป็นต้นไม้ที่มีขายในจตุจักรทั้งนั้นแหละ โหระพาบ้านเราขึ้นแบบเกลื่อนกลาด ที่นี่ขายเม็ดซองละสี่ปอนด์ นราอยากได้ต้นไม้สวยๆสักต้นไว้ในห้อง เพราะรู้สึกห้องมันชืดๆไม่มีชีวิตชีวาเอาซะเลย ตอนแรกกะจะซื้อเถาไอวี แต่ไปๆมาๆก็ซื้อซิคลาเมนสีชมพูเข้มมาแทน

เป็นดอกไม้ที่ตลกดี บานแล้วกลับตวัดกลับไปข้างหลัง
นราชอบชื่อมันด้วยแหละ เก๋ดี เอามาตั้งไว้หัวเตียง ค่อยดูสดชื่นขึ้นหน่อย เดี๋ยวเรามาคอยดูกันว่าเขาจะอยู่ได้นานแค่ไหน

จริงๆตั้งใจว่าจะซักผ้าวันนี้แหละ แต่พอรู้จากเพื่อนว่าค่าซักน่ะสองปอนด์ ส่วนค่าอบแห้งอีกหนึ่งปอนด์ นราเลยเปลี่ยนใจ เอาเป็นว่าซักเดือนละหนแล้วกัน แพงมหาประลัยเลยแม่เอ๊ย
..................
เอาหน้ามาให้ดูก่อนไป เพราะมีใครเขาคิดถึงเราแหละ เฮะเฮ่ๆ
ดูแล้วอย่าร้องไห้ละจ๊ะ เดี๋ยวทำงานไม่ได้นะ
.................
มุกคะ
ซื้อบู๊ทยาวตามคำแนะนำของมุกแล้วนะคะ ไม่สวยมาก แต่พอทน ก็งบมันจำกัดอ่ะ ส่วนเรื่องอ้วน นราทำใจแล้วล่ะค่ะมุก ของกินแต่ละอย่างไม่เข้าชีสก็เข้าเนย ท้องไส้นราทำงานไม่ปกติเลยตั้งกะมาเนี่ย ปุ๋งๆตลอด อุ๊ยตาย ขออภัยนะคะถ้าทานข้าวอยู่
แนนโกะ
มันคือโบสถ์อะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ไปเดินดูไม่รู้ประวัติเขาสักอย่าง เป็นนักท่องเที่ยวที่แย่มากๆ เดี๋ยวจะไปหาความรู้ใส่ตัวเดี๋ยวนี้ค่ะ
Lovely Strawberry ตาย้อยๆ
พยายามจะกินแต่ผลไม้ แต่ของทอดมันน่ากินนี่นา ก็จะพยายามไม่กินให้อ้วนนะ โชคดีว่าอยู่นี่เดินเยอะเลยพอช่วยได้บ้าง ส่วนน้ำท่วม หวังว่าคงไม่ไปถึงบ้านนะคะ ไม่งั้นแย่เลย
ใบตอง
นราไม่กินสลัดอะจิ ทุกวันนี้กินได้แต่ผลไม้ หนมปัง ซีเรียล วันก่อนโดนหลอกให้ซื้อแฮมเบอร์เกอร์นรกชิ้นละสองปอนด์ยี่สิบ ไม่อร่อยแถมแพง อยากเอาไปปาให้เป็ดกินแต่กลัวเขาด่า เลยทิ้งไป ปล.นึกภาพตอนใบตองหกล้มแล้วฮากระจาย ถึงเราจะไม่เคยเห็นหน้ากันก็เหอะ ฮ่าๆ


วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Nara Is Coming to Town!


เมื่อวานตอนเช้า ตื่นประมาณตีห้าครึ่ง มันตื่นเองอ่ะ
กินอะไรนิดหน่อยแล้วก็ซ่า ออกไปเดินเล่นตอนแปดโมง
เดินได้ไม่เกินสองร้อยเมตร ตาย ตายแน่ๆ หนาวโว้ยย
ตอนเช้าอากาศจะหนาวมาก เห็นควันออกจากปากด้วย ฮู่ๆ ฮ่าๆ
ยอร์กเป็นมหาลัยที่คดเคี้ยวมาก นราเดินไปตามทางเดินเรื่อยๆ ดูต้นไม้ ดูเป็ด จนหนาวทนไม่ไหวต้องเดินกลับมา ลมพัดมาทีนี่ สะท้านอริ๊งอร๊างมากมาย ขนาดใส่สามชั้นนะเนี่ย




ตอนสิบโมงมีปฐมนิเทศ จริงๆมันเป็นของพวกเด็กป.ตรี
แต่เราก็เสร่อไปนั่งกะเขาด้วย เพราะเทามันเรียนป.ตรี
เจอคนไทยแล้ว ไชโยๆๆ ชื่อปลา แต่อยู่คนละหอ
รู้สึกหายอึดอัดไปบ้างพอได้พูดภาษาไทย เฮ้อ โล่ง
พูดแต่อังกฤษๆๆ เบื่อจะตายอยู่แล้ว
.........................



ประชุมเสร็จ นราต้องเอาพาสปอร์ตไปรายงานตัวนักเรียนต่างชาติ
โอ๊ย คนเยอะมาก ได้คิว 275 เขาเพิ่งเรียกไปคิวที่ 240 เองอ่ะ
ไม่ไหว ไปเช้าวันนี้ดีกว่า เดี๋ยวสักแปดครึ่งจะวิ่งไปเลย
วันนี้จะเข้าเมืองไปเปิดบัญชีธนาคารด้วย มันต้องใช้ bank letter ซึ่งจะได้ก็ต่อเมื่อไปรายงานตัวพร้อมพาสปอร์ตเรียบร้อยแล้ว ยุ่งวุ่นวายจังน้า
ทีนี้ พอเลิกรอคิว กะว่าจะกลับมานอนก่อนออกไปทัวร์เมือง
รู้ตัวอีกทีก็มีกองนี้อยู่ในห้องแล้วอ่ะ
ไม่นะ ไม่ ชั้นทำอะไรลงปายยย
คอยดู วันนี้จะไม่ซื้อเสบียงเพิ่มแล้ว ฮือ เจ็บใจที่พ่ายแพ้ต่อความหิวของตัวเอง ทำตัวเป็นคนดีกินแต่ของแห้งกับสตรอเบอร์รีมันไม่ไหวจริงๆ ด้วย





ทัวร์เข้าเมืองนัดเจอกันตอนบ่ายสามครึ่ง
นราก็ไปบ่ายสามครึ่งนะ แล้วทุกคนหายไปไหนกันหมด??
เฮ้ย ไปกันหมดแล้วอ่ะ อะไรเนี่ย บ้าที่สุด ก็มาตรงเวลานะเนี่ย
พอดีมีกลุ่มนึงเขากำลังจะออก นราก็มั่วๆเดินตามเขาไป คุยกะคนโน้นคนนี้มั่วไปหมด จำชื่อใครไม่ได้หรอก ฮะ ฮะ



อันนี้เป็นกำแพงเมืองเก่าของยอร์ก ถ่ายจากบนปราสาท City Centre
วันนี้ท้องฟ้าสดใส ไม่มืดไม่ครึ้ม แต่ก็ยังหนาวมากอยู่ดี ลมแรง
ตรงกำแพงนี้ คนนำทริปเขาบอกว่า สมัยก่อนโน้น ถ้าคนอังกฤษถือธนูมายืนบนกำแพงแล้วยิงคนสก็อต ถือว่าไม่ผิดกฎหมายค่ะ ลำเอียงจริงๆนะเนี่ย


แล้วก็เดินๆ เดินๆๆ ผ่านหมู่บ้าน ผ่านร้านรวงเยอะแยะมากมาย
บ้านเมืองเขาจะเตี้ยๆ น่ารัก เหมือนบ้านตุ๊กตาบล็อกเดียวกันหมด
ในที่สุดก็มาโผล่ตรงจุดศูนย์กลางอันโด่งดัง ยอร์กมินสเตอร์
ใหญ่มากๆ ถ่ายไม่หมด
ตอนที่ไปมีเสียงระฆังกำลังดังเหง้ง หง่อง เก๊ง กุ่ง พอดีเลย
เสียดายว่าเวลาน้อยเลยไม่ได้เข้าไปดู
(อันที่จริงวันนี้เพิ่งไปมาเพราะต้องไปเปิดบัญชี เดี๋ยวค่อยเล่าวันหลังนะ ยาว)


กลับบ้านมา เท้าเหวอะหวะเลย เพราะคอนเวิร์สที่ซื้อมาใหม่มันทั้งบีบทั้งรัด
เจ็บจนขาลาก ต้องเสียเงินซื้อใหม่อีกแล้วสิเนี่ย
ตอนนี้ไปที่ไหนก็เห็นแต่สาวใส่บู๊ท กุบๆ กับๆ กันทั้งเมือง
..........
.........
ก่อนไป ทายซิว่านี่อะไรเอ่ย
นม?
ชีส?
หน้าต่าง?
ตืดตืดๆ ผิดค่ะ
นี่คือ ตู้เย็น ของนราตังหาก
อากาศมันหนาวมาก นราเลยเอานมกับชีสแล้วก็สตรอฯไปวางข้างหน้าต่างตอนกลางคืน เช้ามาก็ได้กินนมเย็นเหมือนเดิมค่ะ ชีสก็ไม่ละลายด้วย ดีจะตายไม่ต้องออกไปครัวบ่อยๆด้วยเหอะ ฮิฮิ
.....................
ใบตองคะ
นราเริ่มเรียนก็สัปดาห์หน้านู้นล่ะค่ะ ตอนนี้ยังว่างก็เลยไร้สาระได้เรื่อยๆ
หายไปนานเลยนะ เป็นไงมั่งคะ
หมู้ว
ดีใจจังได้คุยกันทางเอ็มน้า เห็นหน้าชัดๆแบบนี้ชื่นจายจังเลย
คิดถึงนะจุ๊บๆ
มุกกุกู้
อ่านเรื่องเลือดกำเดามุกแล้วกลัวอ่ะ น่ากลัวๆ
แต่มันแสบจริงๆนะ
lovely strawberry นี่ใครน้อ
บนเครื่องเค้าจะมีจอบอกอ่ะว่าตอนนี้ถึงไหนแล้ว อุณหภูมิข้างนอกเท่าไหร่
ตอนที่อยู่เหนือเยอรมันอ่ะ เกล็ดน้ำแข็งเกาะกระจกเลยยย