วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

The Great Yorkshire Show #2

ม่ะ ภาคสอง มาต่อกันให้จบ
ความเดิมตอนที่แล้ว นราเดินดูแต่ดอกไม้ผลไม้ ทั้งๆที่ธีมหลักของงานคือปศุสัตว์ การประมูลพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ประกวดเนื้อสัตว์
ออกมาจากโซนพืชผักผลไม้ ก็เดินย้อนฝ่าฝูงชนมหาศาลออกไปข้างนอก ฟ้าเริ่มท่าทางไม่ค่อยดี ลมก็เริ่มพัดแรงขึ้น รู้สึกดีใจที่ใส่เสื้อแจ็กเก็ตหนังสีน้ำตาลมาด้วย ตอนแรกก็บ่นแหละว่าร้อนอิบอ๋าย ถึงตอนนี้ดีใจจริงๆที่ใส่ไว้
.
เดินมาถึงเวทีใหญ่ๆ เขากำลังแข่งขันตัดขนแกะกันอยู่
ผู้เข้าแข่งขันต้องลากแกะออกมากล้อนขนให้มากและเนี้ยบที่สุดภายในเวลาที่กำหนดไว้
ยืนๆดูไป ขำก็ขำ สงสารก็สงสารแกะ
แบบมันยืนอยู่ในคอกของมันดีๆ เคี้ยวหญ้าเคี้ยวฟางอะไรของมันไปเรื่อย อยู่ๆก็โดนจับลากออกมาจากคอก จับหงายท้อง แล้วโดนปัตตาเลี่ยนไถแครกๆๆๆ แป๊บเดียวเกลี้ยง
บางตัวเหมือนจะงงๆ ตั้งตัวไม่ทัน อารมณ์ประมาณ เห อะไรเหยอ
แต่บางตัวนี่ดิ้นสุดฤทธิ์ เตะ ถีบ ดิ้นเหมือนนางเอกตอนจะโดนตัวร้ายปล้ำยังไงยังงั้น
พอถลกขนออกมาได้เป็นแผ่นใหญ่ๆ ก็จะมีผู้ช่วยในเสื้อเขียวคอยช่วยเอามาคลี่ให้เป็นผืน แล้วม้วนๆกองไว้รวมกัน มีลุงเสื้อฟ้าเป็นกรรมการคอยดู
การตัดขนแกะเนี่ยนราว่าเป็นสกิลอย่างนึงเลยนะ เพราะขนแกะแต่ละพันธ์มันไม่เหมือนกัน แถมดีกรีความพยศของแกะก็ไม่เหมือนกันอีก
ตัดลึกเดี๋ยวโดนหนังแกะ ตัดตื้นเกินก็ได้ขนแกะไม่หมด
ชาวนาที่มาแข่งนี่มือฉมังล้วนๆ
กล้อนเสร็จ แกะนี่เย็นสบายไม่ต้องพึ่งซันซิลค์เลย
เกลี้ยง เป็นสีชมพูอ่อนๆ กลับเข้าคอกไปอย่างมึนๆ
ไหนๆก็เดินมาโซนแกะแล้ว ก็เดินเล่นดูน้องแกะไปพลางๆ
แกะที่เอามาโชว์ มีทั้งแบบที่ชนะได้รางวัลสุดยอดแม่พันธ์พ่อพันธุ์ พวกนี้ก็จะตัวใหญ่ อวบอ้วนสมบูรณ์ ดูแข็งแรงมาก
แล้วก็แบบที่เลี้ยงไว้เพื่อกิน พวกนี้มักจะเป็นลูกแกะ น่ารักๆ
เห็นแววตาแล้วสงสาร เมิงจะรู้ไหมว่าที่เขาประคบประหงมเมิง เอาหญ้าเอาน้ำให้กิน ก็เพื่อจะแดรกเมิงในวันหน้า
เกิดเป็นสัตว์ต้องทำใจอย่างเดียว
.
ยืนขำแกะตัวนี้นานมาก
แกะปลิ้น
ปลิ้นออกมานอกกรง
ที่เห็นนี่คือเขาเอาสีข้างถูกรงอยู่ ถูไปถูมา
นานมาก สันนิษฐานว่าคัน แต่เกาไม่ถึง ติดพุง

ปอเปี๊ยะแกะ
หนึ่งในลูกแกะดวงจู๋ ผู้ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง
วันนั้นอากาศค่อนข้างเย็น เพราะลมแรง เจ้าของเลยต้องเอาผ้ามาคลุมให้ แต่เห็นแกะตัวใหญ่ๆนอนหอบลิ้นแดงกันใหญ่

ตูดแกะ
ใหญ่มาก
ใครจะไปนึกว่าตูดแกะจะบานได้ขนาดนี้

แกะหน้าดำ
พยายามจะจำชื่อพันธุ์ แต่นึกไม่ออกวุ้ย

มีแกะประหลาดๆด้วย
อันนี้แกะดำ มีเขา
แล้วก็มีแกะไรไม่รู้ มีเขาตั้งสี่อัน
ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรเยอะแยะ
ตัวนี้น่ารักม้ากมาก
กลมๆ ฟูๆ เหมือนปุยนุ่น
ก้มหน้าก้มตากินฟางไม่สนใจใคร
เห็นแบบนี้แล้วก็ไม่อยากกินเนื้อแกะเลย
ซึ่งปกตินราก็ไม่กินอยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่ามันเหนียวและหยาบ ไม่แซ่บ
อยู่ในคอกแกะประมาณครึ่งชั่วโมง ออกมาหูชาไปเลย
แกะมันร้องตลอดเวลา
ตัวเดียวไม่เท่าไหร่หรอก แต่พอหลายๆตัวมันแบรรรร่นี่สิ
เสียงเหมือนมีคนเป็นร้อยๆเรอพร้อมกัน
แบรรรรร่ะะะ เบร่อออออ เอริ่กกกกก
.
ถัดไป เป็นคอกหมูอู๊ด
หมูอู๊ดใหญ่มั่ก หมูอู๊ดเหม็นมั่ก
และไม่เห็นตัวไหนทำอะไรนอกจากนอน
ชะโงกไปดูกี่ตัวกี่ตัวก็นอนท่าเดียวกันหมด ท่าบังคับ
หมูอู๊ดถ้ามันสะอาดๆมันก็น่ารักเหมือนกันนะ
ดูน้องอู๊ดตัวนี้ซิ กลมเกลี้ยงออกชมพู น่าเอามาหนุน
แถมเล่นกล้อง ชะมดชะม้อยหางตาให้อีกตะหาก
หมูอู๊ดตัวนี้ เป็นหนึ่งในแม่พันธุ์ที่ได้รับรางวัล
หญ่ายมาก หญ่ายจนน่ากลัว
เกือบๆสองเมตรได้ละมั้ง
จริงๆมีอีกตัว ที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา
เพราะมัวแต่ตกตะลึงจนลืม
โคตรใหญ่ โคตรของโคตรใหญ่ เกิดมาไม่เคยเห็นหมี เอ๊ย เห็นหมูที่ไหนใหญ่ขนาดนี้
หล่อนเป็นแม่พันธุ์ลาร์จไวท์ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าใหญ่
ตัวยาวเกินสองเมตรอ่ะค่ะ ขานี่เป็นกล้ามเนื้อมัดๆ อ้วนๆ
คือถ้าเมิงเหยียบยอดอกกรูนี่ อกทะลุผลุไปถึงสันหลังแน่นอน
.
ที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาอีกอย่างคือปศุสัตว์ พวกวัว
พอได้เห็นแล้วก็เข้าใจว่า ทำไมพ่อซิมบ้าในเรื่องเดอะไลออนคิงถึงได้ตาย ตอนโดนฝูงวิลเดอร์บีสท์วิ่งเตลิดมาทับ
ก็วัวแต่ละตัวมันใหญ่ซะขนาดนี้ ไม่ตายก็แปลกแล้ว
คือวัวใหญ่มาก จะบอกว่าใหญ่เท่ารถคันนึงก็คงจะเว่อร์ไป แต่ที่แน่ๆใหญ่ประมาณยาริสหรือแจ๊ซแน่นอน
เห็นแล้วถึงกับกลัว ต้องเดินห่างๆ
ปีเตอร์ผู้ใจดี พานราไปดูตู้ประกวด Carcass แกะ หรือพวกเนื้อที่เขาแล่ออกมาแต่ยังมีโครงอยู่ ยังไม่เลาะเป็นก้อนๆ แผ่นๆ คือยังเห็นเป็นรูปร่างตัวสัตว์อยู่นั่นแหละ เหมือนที่เขาแขวนไว้ในห้องเย็น
แล้วปีเตอร์ผู้ช่ำชองการชำแหละ ก็อธิบายให้ฟังว่า เวลาประกวดเขาดูเนื้อกันตรงไหน ไขมันตรงสะโพกต้องหนาบางยังไงถึงจะดี ความหนาของซี่โครงต้องเป็นยังไง
ดูนานๆ นึกถึง Resident Evil ซะงั้น หลอนเหมือนกันนะ เห็นเนื้อสดๆ เป็นรูปร่างแกะไม่มีหัว ห้อยโตงเตงเป็นแถวๆน่ะ
.
ขากลับ นรกบนดินดีๆนี่เอง
หาชานชาลาไม่เจอ เพราะมันเป็นสถานีเล็กมาก แถมปีเตอร์ก็ไม่ได้มาด้วยเพราะต้องทำงานต่อ กว่าจะตรัสรู้ว่ามันต้องเดินข้ามถนนแล้วมุดลงสะพานลอดข้างใต้ก็เสียไปเป็นครึ่งชั่วโมง แน่นอนไม่ทันรถไฟฮ่ะ รถไฟไปยอร์กมาแค่ชั่วโมงละขบวน ก็นั่งรอไปเหอะ ลมก็แรง หนาวก็หนาว
ขึ้นรถไฟมาถึงยอร์ก โอ้สวรรค์ชิงชังฉันหรือไร
ฝนตกทันที
ไม่ใช่ตกแบบหยุมหยิมตามปกติด้วย ไม่รู้มันเป็นอะไรทำไมวันนี้ต้องตกแบบพายุเข้า ตกแรงมาก
นรายืนรอรถเมล์สี่สิบนาที รถเมล์ไม่มา ปวดฉี่ก็ปวด ห้องน้ำก็ไม่มี สุดท้ายต้องนั่งแท็กซี่กลับมหาลัย โดนไปหกปอนด์
แถมเพราะหนาวและอั้นฉี่ สุดท้ายเลยได้ของแถมมาเป็นทางเดินปัสสาวะอักเสบ เพื่อนเก่าที่เราไม่อยากเจอ
.
โมมดจิ
เมนท์ยาวๆแหละดีแล้ว นราชอบอ่าน
ไปงานนี้นราไม่ได้เสียตังค์ซื้อของกินอะไรเลยค่ะ
อยากเหมือนกัน แต่มันแพง ซื้อไม่ลง
เรื่องงาน เหอะๆ ยังไม่ถึงไหนเลยค่ะ
แต่นราก็เป็นซะงี้แหละ ไม่อนาทรร้อนใจ เดี๋ยวรอดูเดือนสิงหาสิ ไฟลนแน่ๆ
รีบๆมายอร์ก แล้วไปตะลุยหาของกินกันเถอะๆๆ

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

The Great Yorkshire Show #1

วันนี้รูปเยอะ โหลดโหด
ใครเครื่องตกรุ่น แนะนำให้ไปถอยเครื่องใหม่ได้แล้ว เพื่ออรรถรสและความสะดวกในการอ่านบล็อกของนราค่ะ เป็นห่วงนะเนี่ย
เรื่องของเรื่องคือ วันนี้ไปงานออกร้านการเกษตรและปศุสัตว์มา
อาศัยอานิสงค์ของปีเตอร์ เพื่อนคนอังกฤษ ที่ทำงานเป็นคนแล่เนื้ออยู่ในงานเอาบัตรฟรีมาให้ เลยเข้าได้ฟรี จากราคาตั๋วมหาโหดยี่สิบปอนด์ ราคานักเรียนแล้วนะน่ะ
งานจัดที่ฮอร์นบีมพาร์คในแฮร์โรเกต ปีเตอร์เมื่อคืนก่อนมาค้างกับแฟนเขาที่มหาลัย ตอนเช้าเลยออกไปด้วยกัน เป็นงานออกร้านที่เจ้าของหมู วัว แกะ หมา บลาๆๆ ผลิตผลการเกษตรทั้งหลายจะเอาของมาอวดกัน
นั่งรถไฟจากยอร์กไปลงสถานีฮอร์นบีมพาร์ค ตั๋วไปกลับห้าปอนด์ยี่สิบ ใช้เวลาประมาณสี่สิบนาที แล้วเป็นไรไม่รู้ขึ้นรถไฟทีไรได้ที่นั่งแบบที่มันหันหลังให้ทางรถไฟวิ่งทุกที เดินทางแบบถอยหลัง
.
จากสถานีรถไฟ เดินไปตัวงานอีกประมาณสามโกฏชาติ โคตรไกล มีการเดินเข้าป่าเข้าดงอีกตะหาก เข้าใจว่าเป็นทางลัด แต่อดไม่ได้ต้องถามปีเตอร์ "เมิงหลอกกรูมาฆ่าทิ้งหรือเปล่าเนี่ย"
ร้านส่วนใหญ่เป็นร้านผลิตภัณฑ์การเกษตรอะไรทำนองนั้น มีร้านไอศกรีมนม ไส้กรอกย่าง ฟิชแอนด์ชิปส์ เด็กเปรตวิ่งเกะกะทางเดิน คนเยอะเป็นหนอน เห็นแล้วนึกถึงบรรยากาศงานพรรณไม้งามที่สวนหลวง ไม่ก็งานหนังสือแห่งชาติตรงซุ้มนานมีบุ๊กส์กับเจบุ๊ก แน่นแบบนั้นเลย
เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัด ปีเตอร์เลยพาเข้าห้อง บ้าเหรอ พาเข้าไปในอาคารจัดแสดง แบ่งออกเป็นสามโซน โซนอาหาร โซนนมเนย แล้วก็โซนพืชผักต่างๆ
.
เนยยยยย
เห็นแล้วอยากเอาหน้าลงไปไถๆๆ เกลือกกลิ้งพลางเคี้ยวกินให้คอเลสเตอรอลมันพุ่งเล่นจริงๆ เนยคุณภาพจากผู้ผลิตท้องถิ่นเขาส่งเข้าประกวดกันเยอะแยะไปหมด แต่ละก้อนหอมหึ่ง เป็นกลิ่นหอมแบบอับๆ นมๆ ยังไงบอกไม่ถูก รู้แต่ชอบมาก
เนยก้อนเหลี่ยมๆดูเหมือนเล็ก แต่ของจริงใหญ่มาก ขนาดเท่าเครื่องพรินเตอร์ใหญ่ๆเครื่องนึงเลย ไม่ได้โม้ ใหญ่แบบกินทุกวันไปทั้งเดือนก็ไม่หมด
เนยแข็งก้อนเขียวๆนี่ชนะรางวัลที่หนึ่งค่ะ เป็นเนยแข็งผสมเสจ น่ากิน เนื้อเหมือนหินอ่อนเลย
เขามีการสาธิตการทำชีสให้ดูด้วย คนพูดตลกดี แต่ติดสำเนียงยอร์กเชียร์ค่อนข้างแรง เลยไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาพูดอะไร แต่ก็ดูเป็นความรู้ดีค่ะ เอานมเทใส่ชาม เทสารอะไรไม่รู้ลงไปสองสามอย่าง จำได้ว่าอย่างแรกคือ live bacteria ทิ้งไว้แป๊บเดียวแข็งตัวเป็นคล้ายๆเต้าหู้ซะแล้ว เสร็จแล้วเขาก็จะตัดเป็นชิ้นเล็กๆ เอาใส่ผ้าขาวบางเพื่อบีบน้ำ โรยเกลือ แล้วเอาไปอัดใส่พิมพ์ ทาดาาา
เดินลึกเข้าไปอีกหน่อย เป็นโซนผลไม้
ตื่นตาตื่นใจสมตุ้ยม้ากกก เพราะชอบดูผลไม้ที่มันติดอยู่กับต้น ไม่รู้เป็นโรคอะไร สงสัยชาติที่แล้วจะเป็นอุรังอุตัง
มีการประกวดผลไม้พวกเบอร์รีต่างๆ ที่หนึ่งเงี้ยไม่อยากจะพูด อวบอิ่มสีสันสดใสสุดๆ อีนี่ก็ไปยืนน้ำลายย้อยอยู่หน้าร้านเขา
ส่วนตัวนราชอบสตรอว์เบอร์รีนะ
นี่ก็กำลังจะหมดฤดูมันแล้ว ต้องรีบไปซื้อมาตุนกิน
แต่วันนี้ได้เห็นเรดเคอร์เรนท์ สุดยอด
ไม่คิดเลยว่าจะสวยได้ขนาดนี้ สวยแบบไม่อยากเอามากิน อยากเอามาใส่จานแล้วนั่งดูเฉยๆ
สีแดงสดใส เป็นประกาย เหมือนพลอยเลย
ยิ่งที่ได้รางวัลที่หนึ่งนะ เป็นสีชมพูอ่อนอมส้ม สีแชมเปญ เหมือนไข่มุกเลยค่ะ
งานใหญ่มาก
แต่นราเดินอยู่แต่ตรงพืชผักเนี่ย เป็นชั่วโมงๆ
โซนต่อไปเป็นโซนกุหลาบ หอมฟุ้งเลย
กุหลาบใหญ่กว่ามือเราก็มี บานแจงแวงทั่วไปหมด
ดอกกุหลาบพวกนี้ก็เป็นของส่งประกวดเหมือนกันค่ะ
ช่อนี้ได้รางวัลชนะเลิศ
จำไม่ได้ว่าชนะการจัดแต่งหรือชนะแบบนำเสนอหลากสายพันธุ์ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าดอกสีเหลืองที่ซ่อนอยู่ข้างหลังหอมมาก หอมหวานๆเย็นๆน่ากินดี
สุดยอดจริงๆ น่าอิจฉาคนปลูกต้นไม้เก่งๆนะ นราก็อยากปลูกดอกไม้แล้วมันบานสวยๆอย่างนี้มั่งอ่ะ ไม่เคยทำได้เลย ปลูกผักปลูกดอกไม้ทีไรมันต้องเน่าตายก่อนวัยอันควรทุกที
ปล.อย่ามาชวนไปปลูกผักเฟซบุ๊กซะให้ยาก
Alice's Red
แดง แด๊งงงจนตาจะบอด ยิ่งทาบกับฉากหลังสีน้ำเงินแล้วยิ่งจ้าจนปวดตา
ดูๆไปแล้วก็เหมือนขนมชั้นเลยเนอะ
ยัง ยังไม่พอ มีแสบกว่านั้นอีก
แสบทั้งสี แสบทั้งชื่อเลย
Tequila Sunrise
ดงเบญจมาศ
เห็นแล้วก็พยายามจะไม่นึกถึงงานศพอ่ะ
ไม่ใช่งานศพธรรมดานะ เป็นงานศพญี่ปุ่นด้วย
จริงๆมีดอกไม้มากกว่านี้ แต่เอาลงบล็อกหมดไม่ได้หรอก เหนื่อย ขี้เกียจย่อ ตามไปดูในเฟซบุ๊กเอาละกันนะ
มีกล้วยไม้ ฟุกเชีย ไฮเดรนเยีย สวีทพีที่สีหวานสมชื่อ แล้วก็ดอกไรไม่รู้แท่งยาวๆ เนี่ยหงุดหงิดจังเลยนึกชื่อไม่ออก
ฝรั่งกรี๊ดกล้วยไม้มาก ต้นนึงขายเกือบสิบปอนด์
นราได้แต่ชายตามอง แล้วพ่นลมออกจมูกด้วยมาดนางอิจฉาช่องเจ็ด "ฮึ แม่ฉันมีหมดแล้วย่ะ"
.
มีผลงานการปลูกผักส่งเข้าประกวดของนักเรียนประถมด้วย
เป็นบล็อกสี่เหลี่ยมที่มีผักผลไม้ปลูกไว้ตรึม
บ้านเราก็น่าจะทำมั่งนะ
เท่าที่จำได้ ตอนป.สามโดนสั่งให้ปลูกคะน้ากับผักบุ้งจีนที่สวนครัวหลังห้องเรียน
สรุป หมดอดแดรก ลูกภารโรงเอาสวนผักกรูไปทำสนามบอลซะยังงั้น
ส่วนใครที่คิดว่ามันฝรั่ง ก๊อคือมันฝรั่ง
ดูรูปนี้แล้วคิดใหม่ เพราะที่ท่านเห็นคือมันฝรั่งทั้งสิ้น
หลากสี หลากขนาด เรียงรายน่าเอ็นดูเชียว
ฝรั่งเขามีสูตรด้วยนะ ว่าพันธุ์นี้เหมาะจะเอามาทำอะไร อบหรือต้ม พันธุ์นี้ควรกินเมื่อไหร่
แต่ขอให้เป็นมันฝรั่งเถอะ นรากินหมด
เป็นมนุษย์เขมือบมันระดับชาติ
บางพันธุ์ชื่อน่ารักเชียว
"Smile"
"Charlotte"
"Mozart"
พันธุ์สุดท้ายนี่ถ้าเอาไปยัดปากลูก มันจะฉลาดเหมือนเปิดเพลงโมซาร์ทให้ฟังมั้ยนะ
จริงๆเป็นความใฝ่ฝันของนรามานานแล้ว
ว่าอยากจะได้มีประสบการณ์มางานออกร้านอย่างนี้สักครั้ง
เพราะตอนเด็กๆ พ่อซื้อหนังสือชุดบ้านเล็กของลอรา อิงกัลส์ ไวล์เดอร์มาให้ แล้วมันมีเล่มนึง Farmer Boy ที่เป็นเรื่องราวของสามีเขาตอนเด็ก ที่เขาช่วยพ่อดูแลม้าและวัวก่อนส่งเข้าประกวด แล้วพอถึงวันงานก็ไปเดินเล่นดูร้านรวง สัตว์เลี้ยง สุนัขล่าสัตว์ อาหารต่างๆ
หนังสือเล่มนี้แหละ ฝังใจนรามาจนถึงทุกวันนี้
วันนี้ mission accomplished แล้ว ได้เห็นสมใจว่า อ้อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง
เห็นแล้วก็คิดถึงพ่อขึ้นมาด้วย
ว่าแต่เราพลาดเต๊นท์ช่างเหล็กได้ไงเนี่ย เห็นเขาบอกว่าถอดเสื้อทำงานกันทั้งร้าน
แหม่ เกือบจะจบดีแล้วนะกรู
.
วันนี้ขอจบครึ่งแรกไว้เท่านี้ก่อน
เดี๋ยวภาคสอง ภาคจบค่อยตามมาทีหลังนะคะ
เหนื่อย อัพลงทีเดียวไม่ไหว
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Curry Night

ก่อนอื่นเลย ขอขอบคุณทั้งโมมดจิและอวนมากๆ
ที่มอบให้ทั้งกำลังใจและความช่วยเหลือ
ยังไงขอนราดูสถานการณ์ไปก่อนนะคะ ว่าจะหานศ.มาทดแทนได้หรือไม่ ถ้าหาไม่ได้จริงๆก็คงจะงานเข้า ต้องปรับเปลี่ยนหัวข้อวิทยานิพนธ์ใหม่ และขยายขอบเขตกลุ่มศึกษาเป็นนศ.ชายระดับมหาลัยแทน ไม่เจาะจงว่าต้องมาจากม.ใดเป็นพิเศษ ฮึ งอนแล่ว
ถึงเวลานั้นคงได้รบกวนจริงๆจังแน่ค่ะ โดยเฉพาะโมมดจิ เห็นว่ามีเด็กในสต๊อกเยอะใช่ไหมคะ ฮิ ฮิ
.
หลังจากตามตื๊อผู้ชายคนหนึ่งอยู่นาน
ในที่สุดเขาก็ใจอ่อน ยอมนราจนได้
อิอิ ยอมทำแกงกะหรี่ให้กินค่ะ
ไปถึงบ้านนัทตอนหกโมงครึ่ง พ่อครัวนุ่งชุดตีแบดแฉะๆกำลังทำแกงกะหรี่ให้เราอยู่เลย อิ๊ๆ
อันนี้นราไม่ได้ข่มขู่บังคับให้เขาทำนะ
แค่บอกเฉยๆว่าอยากกิน ทำได้แล้ว ฮ่า
เรื่องของเรื่องคือ เคยนวดกล้ามเนื้อให้นัทเมื่อนานมาแล้ว
แต่คนอย่างนรา มีหรือจะหว่านพืชมิหวังผล
ก็คอยเซ้าซี้มาเรื่อยๆว่าอยากกินแกงกะหรี่จังเลย อยากกินข้าวฟรี เมื่อไหร่จะทำ
วันนี้ที่ทำจนได้ก็ไม่รู้ว่าเพราะตามสัญญา หรือทนรำคาญไม่ไหว
แต่มันอร่อยนี่นา ถามหลายทีแล้วว่าใช้ก้อนแกงยี่ห้ออะไร ไม่เคยจำได้เลย วันนี้ก็ลืมอีกแล้ว
นรา หน้าตาชื่นบานกับข้าวฟรี
อิ่มจังตังอยู่ครบ
ตู้เย็นสงบ ไม่เสียเสบียงอีกหนึ่งวัน
วันนี้สงสัยนัทจะวางยา ทำแกงกะหรี่เผ็ดอ่ะ
คือมันไม่เผ็ดสำหรับคนอื่น แต่มันเผ็ดมากสำหรับเรา กินไปก็ลิ้นห้อยไป เป็นที่น่าอนาถใจยิ่งนัก
วันนี้มันฝรั่งออกแข็งๆหน่อย แต่ชอบ ไม่ชอบเละเกินกินไปไม่มีรสสัมผัส หอมใหญ่ก็ดี แครอทก็หวานดี ข้าวใช้ข้าวเกาหลี แข็งไปนิดแต่อร่อย
กินของฟรีต้องไม่เรื่องมากค่ะ
เดี๋ยวโดนพ่อครัวตบฉาด
นราซัดไปเป้งๆ สองชาม อิ่มท้องจะแตก
สบายใจ เหมือนบรรลุสวรรค์ชั้นฟ้า นอนอืดแผ่พังผืดพุงหน้าทีวีไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น ฮ่า
แถมยังมีคนเอาสตรอว์เบอร์รีมาอีก โอ๊ยสุขใจๆ
ตอนนี้สตรอว์เบอร์รียังอร่อยอยู่ ลูกโตๆ หวานฉ่ำไม่เปรี้ยวเลย ก็ซัดไปซะครึ่งถาดอย่างไร้ยางอาย
พอกินเสร็จ สติกลับคืน
ก้มมองพุงตัวเองแล้วก็ถอนใจเฮือกๆ
อ้วนอีกแล้ว
ตอนนี้นรากำลังประสบปัญหาโยโย่เอฟเฟค
เพราะเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนหน้าไปว่ายน้ำตลอด ก็ผอมลงอย่างรวดเร็วมาก แต่ทีนี้ตั้งแต่สัปดาห์ที่มีงานนำเสนอหน้าชั้นเป็นต้นมาก็แทบไม่ได้ไปเลย คือออกกำลังกายน้อยลงแต่ยัดห่าเท่าเดิม ไขมันรีเทิร์นมาอย่างรวดเร็ว ตันไปหมดรอบองรอบเอว อึดอัดอ่า ต้องกลับไปว่ายน้ำให้เร็วที่สุดแล้วไม่งั้นเกินเยียวยา
.
กินแกงกะหรี่เสร็จ นัทขับรถพาไปสวนสาธารณะราวน์ทรี พาร์ก ที่นราเคยไปถ่ายรูปเมื่อตอนโน้น
สวนปิดสามทุ่มครึ่ง มีเวลาประมาณชั่วโมงนึงให้เดินเล่น เล่นของเล่นกัน
คนอื่นๆก็ไปเล่นชิงช้า ม้ากระดก ห้อยโหนปีนป่ายอะไรกันไป
แต่นรา สสารในท้องทิ้งถ่วงตกหนัก
จะหายใจยังไม่ไหวเลย
เลยขอนั่งชมธรรมชาติดีกว่า
ซ่าไปเล่นชิงช้าแปปนึง แกว่งไปแกว่งมา จะอ้วก ก็เลยหยุด
ไม่ได้มีความโรแมนติกเล้ย
.
จะว่าไปก็ไม่ได้เล่นชิงช้านานมากแล้วนะ
เป็นปีแหละ
รู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ หวิวๆ ลอยๆ
ตอนนี้ก็ยังยุ่งเหมือนเดิม
เรื่องงานล้วนๆ
เวลาหดสั้นลงทุกที แต่งานทำไมไม่ก้าวหน้าซักที
อาจารย์ที่ปรึกษา ตอนไม่อยากเจอก็อยู่จังเลย พออยากจะเจอก็ไม่เคยอยู่เลย หาตัวไม่ได้ หุดหิดมาก
นี่กะว่าจะไปปักหลักกินอยู่หน้าออฟฟิศแก ประมาณว่ามาเมื่อไหร่ หรือออกจากห้องมาเมื่อไหร่เจอแน่ๆ หนีไม่ได้ ห้ามไปไหนทั้งนั้นจนกว่าฉันจะปรึกษาจบ
.
วันนี้อากาศดีค่ะ เมฆน้อย ไม่ร้อนมาก
น่านอนกลิ้งบนสนามหญ้ากับหนังสือดีๆสักเล่ม กินขนมหวานๆ แล้วนอนขึ้นอืดให้เป็ดมาแทะศพ
จะตั้งใจทำงานแล้ว จะพยายามนะ
ฮึ้ยๆ

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Lunch in Town at Red Chili

บ่นๆๆๆ ว่าตังไม่มี
แต่พอเพื่อนมาชวนไปกินข้าวข้างนอกก็ไปทุกที
ช่วงนี้นรกมาก ไม่ได้ไปว่ายน้ำเลยตั้งแต่ทำงานนำเสนอหน้าชั้น อ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะยัดห่าในปริมาณเท่าเดิมหรือมากขึ้น แต่ไม่ออกกำลังกาย พุงหนานุ่มน่าขยำเข้าไปทุกวัน
.
วันนี้ไปทานที่ร้าน Red Chili ในเมืองมา
เป็นร้านอาหารจีนร้านใหญ่ ราคาแพงใช้ได้
เหมาะกับการไปหลายๆคนแล้วแบ่งกันจ่าย
วันนี้ทั่นประธานกิ๊กจะกลับบ้านที่ไทย ก็เลยถือโอกาสเลี้ยงบ๊ายบายซะเลย
ไปถึงตอนเที่ยง ร้านไม่มีคน
มีพนักงานหน้าตาเหมือนโดนผัวทิ้งมาต้อนรับ
ร้านนี้เป็นร้านที่ห้ามพนักงานยิ้ม ไม่มีใครยิ้มเลย
ไปกันหกคน แต่ละคนหิวซ่กกันทั้งนั้น
คนอื่นไม่รู้ แต่นราอะหิว แถมช่วงนี้กินเยอะมาก
อยากกินไปซะทุกอย่าง
คนที่เคยมากินแล้วก็พอรู้ว่าต้องสั่งอะไรมั่ง
นราเคยมาแค่ครั้งเดียว จำได้ว่าเคยได้กินหมี่เส้นแบนๆผัดที่อร่อยมาก ใส่หน่อไม้ กุ้งยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ ไข่เต็มๆ อาหย่อยยย แต่ดันจำชื่อมันไม่ได้ วันนี้อยากจะกินแต่นึกไม่ออกก็เลยอดไป ดูในเมนูก็อ่านไม่ออก คำอธิบายก็คลุมเครือๆ เลยช่างมันไม่กินก็ได้ ไม่ง้อ
.
จริงๆไปแล้วก็อยากจะกินเป็ดย่างที่เขาลือว่าอร่อยนักหนา แต่พนักงานบอกว่าเราไม่เสิร์ฟเป็ดจนกว่าจะหกโมง เลยอด ได้กิน Aromatic Duck แทน เป็ดหอม เป็นไงหว่า
สั่งโค้กไปสามชาติเศษ โค้กไม่มา สันนิษฐานโดยทั่นประธานกิ๊กว่าพนักงานกำลังปลูกต้นโคคาอยู่
สักพัก(ใหญ่มาก) พนักงานก็เอาเครื่องเคียงกับซอสฮอยซินมาเสิร์ฟ
เป็นแตงกวากับลีคซอยเป็นเส้น ผักสดน่ากินดี ขนาดนราไม่ชอบกินผักดิบยังคิดว่ามันน่ากินเลย
เป็ดมาแล้ว มาพร้อมพนักงานหนึ่งคน
เป็ดที่ว่านี่เป็นเป็ดทอดกรอบ มีเสิร์ฟสามพอร์ชัน คือ 1/4 ตัว ครึ่งตัว แล้วก็ทั้งตัว 25 ปอนด์ ตอนแรกลังเลกัน เอ๊ จะสั่งทั้งตัวดีไหมเดี๋ยวกินไม่หมด ปรากฏว่าแทบไม่พอจะกินซะยังงั้น
คุณพนักงานที่มาพร้อมเป็ด มีหน้าที่ขูดเป็ดให้เป็นฝอยๆ เพื่อจะได้ทานคู่กับแผ่นแป้งกลมๆคล้ายปอเปี๊ยะ แต่อันนี้มันหนากว่าหน่อย แล้วก็แห้งๆเหมือนกระดาษ
ขูดเสร็จแล้วเขาก็ไป
สังเกตปากจู๋ มุ่งมั่นมาก
เป็ดมาร้อนๆ กินร้อนๆ หนังกรอบๆ อร่อยมาก
ยิ่งทานกับฮอยซินซอสยิ่งแซบอ่ะ ซอสมันเหนียวๆ หวานๆ แตงกวาก็สด กรอบ ลีคปกติมันจะเหม็นๆ เผ็ดซ่าๆ กินกับเป็ดกับซอสแล้วก็กรอบๆ อร่อย สดชื่นดี

ใช้เวลาจัดการเป็ดประมาณยี่สิบนาทีถึงครึ่งชั่วโมง
ก็บอกให้เขาเอาอาหารหลักมาเสิร์ฟได้
ที่นี่เลือกได้นะคะว่าจะรับอาหารที่สั่งทั้งหมดทีเดียวเลย หรือจะรับอาหารเรียกน้ำย่อยก่อนแล้วค่อยทานมื้อหลัก แต่แบบหลังจะช้ากว่ามาก
เป็ดอร่อยนะ แต่เทพีของมื้อนี้ยกให้จานนี้เลยอ่ะ
ปูนิ่มทอดกระเทียม
โคตร พ. โคตร ม. อร่อย

มันเป็นส่วนกรรเชียงปู ที่ชุบแป้งทอดจนกรอบแล้วกินได้ทั้งอัน ไม่ต้องมานั่งแคะเปลือกให้เสียอารมณ์
เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาอังกฤษที่ได้กินปู
อาหารจีนต้องกินร้อนๆ ไม่งั้นเลี่ยน
โดยเฉพาะอาหารทอดแบบนี้ กินตอนร้อนๆ กรอบๆ โคตรอร่อยเลย
แถมจานนี้มันมีเศษแป้งฝอยๆ กรอบๆ ผสมเศษหอมใหญ่กับพริกหวานสับ เอามาคลุกกินกับข้าวก็อร่อยแล้ว
เนื้อปูหวานมากค่ะ เสียดายคนเยอะ กินได้นิดเดียว กะว่าวันหลังจะแอบกลับไปล้างแค้นกับจานนี้คนเดียว กินแม่งให้กรรเชียงงอกไปเลย

จานนี้ก็อร่อยนะ
ปลาหมึกทอดเกลือและพริกไทย
แต่นราไม่ชอบเนื้อหมึกแบบนี้ ชอบแบบที่เป็นเนื้อขาวๆชิ้นใหญ่ๆ แบบที่ร้านติ่มซำมากกว่า
แต่ก็อร่อยดี เศษแป้งทอดก้นจานก็อร่อย แต่เค็ม

จบมื้อ โดนค่าเสียหายกันไปคนละ 13 ปอนด์
ค่อนข้างแพงนะ แต่ถ้าไม่มากินทุกวันก็คงไม่หมดตัว
กินเสร็จคนอื่นก็ทยอยกันแยกย้าย เหลือนรากับเพื่อนชื่อนัทเดินโต๋เต๋กันในเมืองสองคน
เป็นครั้งแรกที่ซื้อเสื้อชั้นในกับคนที่ไม่ใช่แฟนและแม่
แอบเขินนะเนี่ย
ได้เต้าหู้กับลูกชิ้นปลาไส้เห็ดหอมมาด้วย
ตอนเดินกลับกินไอติมไปโคนกับเกาลัดจากร้านจีนอีกถุง
ตัวเองยังตกใจเลยว่าทำไมกรูกินเยอะอย่างนี้
ตอนนี้นั่งพิมพ์ๆอยู่ก็อยากกินอะไรสักอย่างนะเนี่ย
คือท้องมันไม่หิวหรอก แต่ปากน่ะมันอยาก
เจริญ
เงินหมดเพราะเรื่องกินนี่แหละ
.
อัพเดทเรื่องเรียนกันหน่อย
ก่อนมา มีคนดูลายมือให้แล้วบอกว่า เรื่องเรียนจะมีปัญหานะ
ไม่น่าเชื่อ มันมาแล้ว ปัญหาขนาดใหญ่สามช้างโอบ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เราด้วย ไม่รู้จะแก้ยังไง ตอนนี้เครียดแล้ว ผมร่วงนิดหน่อย แต่ไม่ผอมแฮะ เซ็ง
คือนราทำแบบสอบถามเพื่อวัดว่าเกมดอทเอมันเป็นที่นิยมในหมู่นศ.ชายแค่ไหน ก็แจกไปร้อยชุด แล้วก็บอกว่าถ้าใครยินดีอยากให้สัมภาษณ์ก็ทิ้งอีเมล์ไว้นะ
ก็มีคนเขียนอีเมล์ทิ้งไว้ให้สิบกว่าคน
แต่พอเมล์ไป เชื่อหรือไม่ เกินครึ่งเป็นเมล์ปลอม ส่งไปแล้วตีกลับทันที
ที่เหลือที่นิดหน่อยก็ไม่เคยตอบกลับเลย
ไม่เข้าใจว่า ถ้าไม่อยากให้สัมภาษณ์ เมิงจะทิ้งอีเมล์ปลอมเอาไว้เพื่ออะไรวะ ก็ทิ้งว่างไปเด้
ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว นศ.ที่กะเอาไว้สัมภาษณ์ นรกมาเยือน
ไม่รู้จะทำไงแล้วค่ะ ฮือ
.
เหลือเวลาอีกสองเดือน
ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า
แต่ก็จะพยายามต่อไป
มีเรื่องอะไรเข้ามาเยอะแยะไปหมดเลย
คิดถึงทุกคนนะคะ

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Afternoon Tea at Betty's

อยู่อังกฤษมาก็นาน
เดือนนี้ก็ปาเข้าไปเดือนที่สิบแล้ว
ไม่เคยสักทีที่จะได้ลองดื่มชายามบ่ายแบบผู้ดีอีงกฤษกะเขา
ไปแต่ร้านอาหารจีน ร้านติ่มซำสนองตัณหาตัวเอง
พอดีว่าเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา แดน เพื่อนคนอเมริกันที่เคยมาเรียนที่ยอร์กเทอมนึงแล้วก็กลับนิวเจอร์ซีย์เขากลับมาเที่ยว นราก็ไปรอรับที่สถานีรถไฟ แล้ววันนี้ก็เลยนัดกับเพื่อนๆหลายๆคนไปเป็นผู้ดีอังกฤษที่ร้านชาที่ดังที่สุดในยอร์ก เบ็ตตี้ ที รูม
เคยพูดถึงตอนมาถึงใหม่ๆ ไปหาอ่านเอาเองนะขี้เกียจไปย้อนดูว่ามันอยู่เอนทรี่ไหน อิอิ
วันนี้แปลก คิวไม่ยาว
ปกติแถวต้องยาวตวัดหางออกมานอกร้าน ประหนึ่งว่าเป็นชาเทพ สโคนทิพย์ กินแล้วเขียนวิทยานิพนธ์เสร็จในสองสัปดาห์
แต่ถ้ามันกินแล้วเสร็จได้เร็วอย่างนั้น ชุดละพันปอนด์นราก็เอาค่ะ
ทุกคนเรียกเบ็ตตี้ว่าเป็นร้านชา แต่จริงๆมันก็เป็นเหมือนคาเฟ่อะนะ
คือไม่ได้มีแต่ชา แต่มีขนมที่ไว้ทานกับน้ำชา แล้วก็อาหารเบาๆไม่หนักมากให้เลือกเยอะเหมือนกัน ทั้งแซนด์วิช สลัด แล้วก็ย่างๆแบบบิสโทร
ไปกันแปดชีวิต ที่นั่งชั้นบนริมหน้าต่างมันเต็มหมดแล้ว
พนักงานก็เลยพาไปนั่งชั้นใต้ดินแทน ได้บรรยากาศสลัวๆหรูหราไปอีกแบบ
ชอบชุดพนักงานอ่ะค่ะ เป็นเสื้อเชิ้ตขาวติดกระดุมถึงคอ มีกระดุมทองแบบป้าแก่ๆโบราณติด แล้วก็ผ้ากันเปื้อนสีดำ ส่วนใหญ่เป็นป้าแก่ๆ เท่าที่เห็นไม่มีพนักงานเอเชียหัวดำเลยนะ สงสัยเดี๋ยวเสียบรรยากาศมั้งเนอะ
เมนูน่ารักมากมาย
นราก็ไม่ค่อยรู้จักหรอก ชาเชออะไรชื่อประหลาดๆ
แต่เอาวะ กระเหรี่ยงไทยวันนี้จะขอเป็นผู้ดีจิบชาไฮโซซะหน่อย ว่าแล้วก็สั่ง "อะ โพะ ออฟ ถี" ทันที
เพื่อนๆกลุ่มนี้จริงๆก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่
เพราะส่วนใหญ่พวกนี้เขาเป็นเด็กป.ตรีกัน ก็สนุกอะไรกันไปตามประสากลุ่มเพื่อน ใคร้เขาจะมาสนใจยายแก่ๆอายุ 22 จะ 23 อย่างเรา
แต่พอดีว่าแดนมา ก็เลยดรีมทีมรวมตัวกันเป็นการพิเศษ
ซ้ายสุด แดน จากนิวเจอร์ซีย์ ที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเมนูไม่สนใจใครก็นิค สวีเดนส่งเข้าประกวด สาวแว่นชื่อเทเรซา มาจากสิงคโปร์ แล้วก็อเล็กซ์ หนุ่มอังกฤษ
นราสั่ง Betty's Cream Tea ชุดละ 7.95 จริงๆอยากกินสตรอว์เบอร์รีครีมทีมากกว่า แต่มันแพงกว่ากันตั้งปอนด์นึง เลยตัดใจไม่เอา
นั่งอยู่ไม่นานก็มีพนักงานมารับออเดอร์ สักพักที่มาก่อนก็ชาเลย
จะเป็นผู้ดีแร้นเค่อะ
ชามาเป็นสองกา ใบใหญ่ใส่ชา ใบเล็กเป็นน้ำร้อนไว้เติม แจ่มมาก
เกือบหน้าโง่เอากาเล็กมาเทกินเปล่าๆแล้วสิ ดีนะยั้งไว้ทัน
มีนมใส่เหยือกอันจิ๋วมาให้เติมในชา แล้วก็น้ำตาลก้อนที่น่าจะทำเอง เพราะมันไม่เป็นสี่เหลี่ยมป็อกล็อกเหมือนที่เห็นตามร้านทั่วไป แต่เป็นเหมือนน้ำตาลอัดก้อนหยาบๆ อารมณ์เหมือนน้ำตาลทรายที่บ้านเราเวลาเปิดป๋องมาใช้แล้วเสือกปิดไม่สนิท อากาศเข้า น้ำตาลเลยจับเป็นก้อน ประมาณนั้น
.
ครีมทีที่สั่ง มาแล้วจ้า
คิดว่าเป็นชาใส่ครีมใช่มั้ย ต้องมีคนคิดแน่ๆ เพราะเมื่อก่อนก็คิดเหมือนกัน
มาเห็นคนที่นี่กินแล้วถึงเข้าใจว่ามันไม่ใช่ชาใส่ครีมเลี่ยนๆ แต่เป็นชุดน้ำชา ที่เสิร์ฟมาพร้อมสโคนสองชิ้นผ่าครึ่งมาให้ แยมสตรอเบอร์รี แล้วก็ Clotted Cream ที่เหลืองๆเหมือนเนยนั่นแหละค่ะ มีคำแปลภาษาไทยไหม?
สโคน หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
เนื้อออกร่วนๆหน่อย แต่ไม่ถึงกับกัดแล้วร่วงกราว ในเนื้อแป้งผสมลูกเกดด้วย พอดีนราไม่ปลื้มลูกเกดเท่าไหร่เลยเฉยๆ แต่สโคนของเบ็ตตี้หอมเนยมากๆ เสียดายว่ามันไม่ร้อน ไม่งั้นคงอร่อยกว่านี้วิธีทดลองกินแบบผู้ดี:
1) ทาครีมก่อน แล้วค่อยทาแยม วิธีนี้ให้ผลว่าทาแยมไม่ติด เพราะครีมมันหนาเตอะลื่นแพร่ดไปหมด ดังนั้นก็เลย 2) ทาแยมแล้วค่อยทาครีม
คราวนี้แจ่มเลย
แยมสตรอว์เบอร์รีหวานไปหน่อย เข้าใจว่าเป็นโฮมเมดเลยหนืดซะขนาดนั้น ส่วนครีมก็รสชาติอธิบายไม่ถูกดีค่ะ มันจะรสชาติคล้ายเนยตอนแรก แต่พอเคี้ยวไปสักพักรสมันจะจางลงเป็นรสเย็นๆมันๆ บอกไม่ถูก
นราทำให้เพื่อนฝรั่งตกตะลึงด้วยการปาดครีมทีนึงหนาครึ่งนิ้ว มอริทซ์ คนเยอรมันถามว่า กินเข้าไปได้ไงไม่เลี่ยนเหรอ
แหม ถ้ากินแล้วเลี่ยนกรูก็คงไม่หน้าบานเป็นลานจอดคอปเตอร์ยังงี้หรอกจ่ะ
.
ไม่รู้นิคสั่งอะไร น่ากินสุดโคตร อยากขอกินแต่ไม่กล้า
หน้าตาเหมือนเป็นไอศกรีม ราดซอสสตรอว์เบอร์รีกับครีม ปะด้วยสตรอว์เบอร์รีลูกมโหฬารมาก เจ็บใจว่าทำไมเราไม่สั่งอย่างนั้นมั่งฟะ น่ากินกว่าหนมปังทาครีมตั้งเยอะ หมายมั่นปั้นมือไว้แล้วว่าโดนแน่เมนูนี้ คราวหน้าถ้ามีบุญได้มาอีกจะสั่งมากินซะให้หายแค้น
.
อเล็กซ์ที่ตัดผมแล้ว เมื่อก่อนไว้ยาวสลวยมาก นราสุดเซ็กซ์ แล้วก็มอริทซ์
อเล็กซ์นี่ โปรดสังเกต เป็นฝรั่งที่ชูสองนิ้วทุกรูป แปลกมาก
ปกติมีแต่คนเอเชียที่ชอบทำ ฝรั่งไม่ค่อยทำ
บางทีเพื่อนก็ถามนรานะ ว่าทำไมยูต้องชูสองนิ้วด้วย แปลว่าอะไร
เอ ไม่รู้แฮะ แปลว่านราขอสองมั้ง อิ๊อิ๊อิ๊
วันนี้ได้หายโง่ไปอีกหนึ่งเรื่อง
คือเรื่องส่งไฟล์จากมือถือเข้าคอมผ่านบลูทูธ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยโอนไฟล์จากมือถือเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เลย มันจะขึ้นมาบอกว่าส่งไม่ได้ เฟลตลอด ส่งได้แต่จากคอมเข้ามือถือ
วันนี้ดวงตาเห็นธรรม ว่าต้องไปกดตรงไอ่บลูทูธไฟล์วิซาร์ด แล้วเลือกก่อนว่าจะให้คอมรับหรือส่งไฟล์
แหมมมมม แล้วก็ไม่บอกกันก่อนว่าเป็นได้ทั้งฝ่ายรุกและฝ่ายรับ
ปล่อยให้น้องโมฯเป็นฝ่ายรับอยู่คนเดียวมาเป็นปี โทรมกันพอดี
ว่าแล้วก็ให้ดูความอุดมสมบูรณ์ของนรา นมเล็กรู้แล้วไม่ต้องทัก
แล้วที่เห็นแขนงอๆ ไม่ได้ดันนมด้วยความพยายามอยากจะใหญ่นะ ถือไอติมอยู่แล้วมันละลายย้อยลงมาเลยหมุนข้อมือหนีค่ะ
อูย ขี้เกียจอะ
ใครมียาแก้ขี้เกียจบ้างไหมเนี่ย
โคตรของโคตรขี้เกียจเลย ไม่อยากทำอะไรเลยอยากนอนอย่างเดียว
ตอนหน้าหนาวก็เป็นแบบนี้ แต่ตอนนั้นมันหิมะตก อากาศมัวซัว
ตอนนี้จะโทษอากาศไม่ได้แล้วสินะ เพราะแดดดี สดใสซะขนาดนี้
ต้องโทษตัวเองแล้วค่ะ
เอวัง