วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Happy Birthday to Me and Mom

วันนี้สุขสันต์วันเกิดของนราและแม่ 29 พ.ย.
ปกติจะไปฉลองพร้อมกัน ด้วยกันตลอด เพราะเกิดวันเดียวกันเลยประหยัดไม่ต้องไปหลายรอบ ปีนี้นรามานั่งพุงหลามอยู่อังกฤษก็เลยเหงาๆ อดไปฉลองกินซิสเลอร์กับครอบครัวเลย
วันเกิดฝนเสือกตกอีก อากาศอึมครึมตั้งแต่เช้า ตอนเช้านราก็คุยกับคุณหมูอู๊ดอี๊ด ขอบคุณนะจ๊าสำหรับคำอวยพร บ่ายๆนราก็ออนเอ็มรอที่บ้านกลับมาจากกินข้าววันเกิด แล้วก็เปิดกล้องคุยเอ็มเอสเอ็น ระหว่างคุยน้องสาวก็อบเค้กบราวนี่ไปด้วย สลับกับอุ้มแมวมาโชว์แล้วให้ทายว่าเป็นใคร ก่อนจะเอาเค้กมาเซอร์ไพรส์เรา แต๊แน
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เป่าเค้กออนไลน์ข้ามประเทศกับแม่ค่ะ
เป่าเสร็จก็ร้องห่มร้องไห้กันตามระเบียบ นราเหงาอ่ะ อยากกลับบ้านมากๆ
วันเกิดปีนี้เป็นวันเกิดที่เงียบเหงาที่สุดเลย ตื่นมาแล้วมันหนืดๆ เหงาๆ ไงไม่รู้
ทีนี้เขาก็ตัดเค้กกินกัน
นี่ๆ แม่ป้อนนราด้วย อ้าม
ป๋าโชว์หอมแก้มแม่ กร๊ากๆๆ สองผู้เฒ่าโชว์สวีท ดิ่วดิ้ว
เอนทรี่นี้ต้องติดเรท ฉ มั้ยเนี่ย (รายการเฉพาะไม่เหมาะแก่เด็กและเยาวชน)

พอรู้ว่าปีนี้แม่ตัวเองอายุเท่าไหร่ ตกใจ มากๆ ไม่คิดว่าแม่จะ...เอิ่ม...ตัวเลขเยอะขนาดนี้ เพราะสำหรับเราแล้วเหมือนแม่เพิ่งจะสามสิบกว่าๆเมื่อวันวาน จริงๆนะเนี่ยไม่ได้ยอเพราะได้ตังค์ร้อยปอนด์นะขอบอก เพราะแม่เค้าผอมลงขาวขึ้นดูแลสุขภาพ(ด้วยแอมเวย์)มากขึ้นละมั้งก็เลยดูไม่เหมือนจะอายุเท่านั้นเลย แม่นราวัยรุ่นนะขอบอก เด่อๆ มีแต่นราเองนี่ดิทำไมหน้ามันล้ำหน้ำช่วงอายุไปหลายเลยฟะ หน้าแก่ไม่เกรงใจใคร กรูเพิ่ง 22 แต่บอกใครว่า 28 ก็มีคนเชื่ออ่ะ
รักแม่มากๆนะจ๊ะ คิดถึงด้วย อุ้ยกลับบ้านไปแล้วขอดังนี้
1. มารับที่สนามบินต้องมีราดหน้าเส้นหมี่ทะเล ขอหมึกกับกุ้งเยอะๆ
2. พาไปฉลองวันเกิดย้อนหลังทันที
3. พาไปกินอาหารญี่ปุ่นเยอะๆ
4. นึกยังไม่ออก แหะๆ ขอโน่นขอนี่แต่จุดประสงค์ก็อยากเจอแม่ไวๆนั่นแหละ
ขอบคุณที่บำรุงอุ้ยตั้งแต่อยู่ในท้องแล้วก็เบ่งปรุ๊ดออกมานะ จุ๊บๆ
............................

วันนี้มีเรื่องซาบซึ้งใจอีก คือเหน่มเน้มพาไปกินเลี้ยงวันเกิด ไปกะพี่ออยและบุ๊กในเมือง ตอนแรกว่าจะไปผับแถวบ้านพี่เบียร์ชื่อวิคตอเรีย แต่มันขายหมดแล้ว เลยเดินเตร็ดเตร่เข้าไปหาร้านกินกัน มาจอดป้ายที่ร้าน The Old White Swan เป็นร้านเล็กๆ เห็นว่าเป็นร้านเก่าแก่มีมานาน โต๊ะเต็มเกือบหมด ต้องลากโต๊ะกลมมาต่อกันนั่งข้างเตาผิง

ร้านนี้ ถ้าเป็นที่เมืองไทยนะมีหวังไม่ได้เกิด เพราะไม่มีพนักงานมาต้อนรับ หาที่นั่งเอง ถ้วยชามที่แขกชุดก่อนทิ้งไว้ก็ไม่มีคนมาเก็บต้องเก็บเอง จะสั่งอาหารหรือ? ขอโทษไม่มีคนมารับออเดอร์นะจ๊ะ ต้องเดินไปสั่งเองที่บาร์ สั่งแล้วจ่ายเลย แต่ที่น่ารักก็คือเขาจะคอยเดินมาถามเรื่อยๆว่าเป็นยังไง อาหารโอเคไหม เอาอะไรอีกไหม ถึงร้านนี้จะขายเหล้าเบียร์ด้วยแต่ก็สะอาดไม่เสียงดังเลย มีแบ่งโซนสูบกับไม่สูบบุหรี่ด้วย

ช่วยบอกทีว่านั่นหน้าฉัน ไม่ใช่กระด้ง กรี๊ด หน้าอ้วนมาก
หน้าม้าน่ารักม่ะ ฮิ ฮิ ตัดฉลองวันเกิดเลย แหว่งๆวิ่นๆ
นราสั่งฟิชแอนด์ชิป เนมใจดีเลี้ยงค่าอาหารเป็นของขวัญวันเกิด
คนอื่นๆสั่งไส้กรอกเมนูเด็ดของร้านกัน
พออาหารมา พระเจ้าาาา นี่คืออะไรรร โคตรเยอะเลย
ปลาทอดหนาๆสองชิ้น มันฝรั่งทอด แล้วก็ Mushy Peas มันเหมือนถั่วลันเตาบดหยาบๆ มันคืออะไรใครบอกได้บ้างเนี่ย
จานนี้ 6.7 ปอนด์ คุ้มของโคตรๆคุ้ม เพราะที่ห้องอาหารของม.ขายชิ้นเดียวสี่ปอนด์กว่า คิดว่าใหญ่แล้วพอมาเจอที่นี่ถึงกับช็อกไปเลย ฝรั่งมันตัวโตก็เลยต้องกินทีละเยอะๆสินะ อืมๆ
อันนี้ของคนอื่นเขาสั่งมา ไส้กรอกสามชิ้น มันบดราดน้ำเกรวีกับหอมใหญ่ทอดกรอบ ลองชิมดูเป็นไส้กรอกเนื้อนิ่มๆหยาบๆ มีกลิ่นสะระแหน่ อร่อยแปลกๆดี

กินเกือบไม่หมด อิ่มจะทะลักออกจมูก แต่ก็นะ ก็ยังอยากกินของหวาน
นราหม่ำ Apple Crumble เป็นคล้ายๆพายหรือทาร์ทไส้แอปเปิลแหยะๆ หวานๆ เปรี้ยวๆ ราดคัสตาร์ดครีม เคยไปกินที่ผับกับพี่ๆเขาแล้วติดใจ จานนี้ประมาณสามเกือบสี่ปอนด์

(กรุณาใช้สายตาโลมเลียของหวานจานนี้ได้ตามใจชอบ)
อ๊ายยย อร่อย คัสตาร์ดมันจืดไปหน่อย แต่พอกินกับไส้แอปเปิลแล้วมันอร่อยจังเลยอ่ะ
มันโรยเกล็ดน้ำตาลไว้บนหน้าขนมด้วย กรุบๆ กรุบๆ
ถ้าเป็นของผับที่เคยไปกิน คัสตาร์ดงี้ท่วมมิดขนมเลย แต่ที่นี่ราดมาเฉยๆ
วันหลังจะลองขอเพิ่มดู อุอุ
..................
เดินพุงโย้กลับหอ เอิ๊ก อิ่มค่อดๆ
วันนี้อากาศก็หนาวอีกแล้ว ลืมเอาถุงมือออกไปทุกทีสิน่า มือแข็งจนปวดเลย
พอเข้าหอมา เดินถึงชั้นสอง เจอเจ้าตัวนี้
แต๊แน
จริงๆเห็นตั้งแต่ขาออกมาแล้ว ยังงงๆว่าแมวใครวะ เข้ามาได้ไงเนี่ย เห็นมันนอนซุกๆอยู่ตรงหน้าประตูก็อดไม่ได้ไปลูบๆเกาๆมันเล่น ขนนุ้มนุ่ม น้าหนา ฟู้ฟู อริ๊งอร๊างน่าดู ข้างๆมีขวดยาคูลท์ตกอยู่ พอนราหยิบมาเทๆมันก็พุ่งเข้ามาชาร์จขวด น่าสงสาร สงสัยจะหิว นรากลับเข้ามาก็ยังเจอมันนอนอยู่ชั้นเดิมแต่เปลี่ยนมุม น่าร้าก
ด้วยความที่นราเป็นคนรักแมว มากๆ ก็สงสารมัน เป็นห่วงมัน
พอเข้าห้องไปวางกระเป๋าแล้วก็จะออกไปหาอะไรให้มันกิน แต่นมเพิ่งหมดเมื่อเช้า นราเลยเดินข้ามมหาลัยไปซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อจะไปซื้อนมมาให้มัน แต่ดันลืมคิดไปว่าวันนี้วันอาทิตย์ เหอะๆ ร้านปิดไปสองชาติกว่าแล้ว เลยเดินกลับโดยไม่ได้อะไรติดมือมา
พอมาถึงหน้าหอ เห็นแมวตัวนี้วิ่งออกมาข้างนอก คงโดนไล่ออกมาแล้ว งือออ สงสารอ่ะ นราเลยเดินตามมันไปเรื่อยๆ ดูว่ามันมีที่นอนที่ซุกอุ่นๆไหม เดินไปไกลพอสมควรเลย พอมันไปตรงมืดๆก็เลยเลิกตาม กลัว
น้องแมวตัวนี้ไม่น่าใช่แมวจรจัด หน้าตาสะอาดดี หูไม่สกปรก ไม่ผอมด้วย ไม่รู้แมวใครหลงมาหรือเปล่า อยากให้มันมีที่นอนอุ่นๆตอนกลางคืน เราอยู่ในตึก ใส่เสื้อผ้าหลายๆชั้นยังหนาวเลย มันมีขนชั้นเดียวจะไม่หนาวได้ไง
เอ๊ะ กลายเป็นเอนทรีคนรักแมวได้ไงเนี่ย
มุกกู้ ใบตอง และแนนโกะ ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะคะ หวังว่าคงสบายกันดี
เป็นกำลังใจให้นราเลิกดูยูทูปแล้วไปทำงานทำการซะทีด้วยนะคะ จุ๊บๆ

ปล. นับถอยหลังรอแผ่นดอทเอและแผ่นเสริมซิมส์สามจากตาหมู้สุดเลิฟ กริ๊บกริ้ววว (เจริญละกรู งานการไม่ต้องทำพอดี)

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Happy Birthday in Advance

เมื่อวานเข้าเมืองไปตอนค่ำๆ ไปหิ้วฮีตเตอร์แบบพัดลมมาจากร้านอาร์กอส ตัวละสิบสองปอนด์ เพราะทนไม่ไหวแล้วกับสมรรถภาพโหลยโท่ยของฮีตเตอร์ในห้อง ร้อนน่ะร้อน ร้อนแต่ตัวมันเองนะ ห้องนี่เย็นเจี๊ยบเลย มีดีอย่างเดียวคือเอาไว้ตากผ้าขนหนู
นอกจากนี้ยังได้มาม่าต้มยำมาอีกห้าหกซอง เครื่องต้มยำสำเร็จรูป แล้วก็ข้าวหอมมะลิมาโลนึง ตั้งแต่มีหม้อหุงข้าวนี่กินอะไรๆอิ่มขึ้นเยอะเลย ขนมปังซื้อมาก็แทบไม่ได้แตะ กลัวๆเหมือนกันว่าราจะขึ้นก่อนทันกิน ซื้อของเสร็จก็หอบข้าวของรุงรังไปร้านอาหารอิตาเลียนชื่อ STRADA นราสั่งพาสต้าครีมกอร์กอนโซลากับแฮมรมควัน แฮมอร่อยมากมาย ตบท้ายด้วยของหวานอีก จำชื่อไม่ได้แล้วเพราะเป็นภาษาอิตาเลียน แต่มันเป็นคล้ายๆทาร์ทครีมชีสโรยไพน์นัทกินกะไอศครีมวานิลา อย่อยยย
อีกไม่กี่วันก็จะวันเกิดแล้ว เลยซื้อดอกไม้สำหรับไหว้พระมาช่อนึง สองปอนด์ แบ่งมาใส่ขวดหัวเตียงสองดอก เป็นคาร์เนชั่นซ้อนซ้วยสวย หอมแปลกๆดีนะ
ในมหาวิทยาลัยยอร์ก จะมีพระพุทธรูปอยู่องค์หนึ่ง เป็นแบบจีน สลักป้ายไว้ว่าเป็นของที่ระลึกจากเซ่อร์อะไรสักอย่าง พระรูปนี้ตั้งอยู่ตรงทางเดินระหว่างอาคารเรียน เป็นป่าๆหน่อย มีซุ้มเล็กๆไว้กำบัง เท่าที่เห็นก็มีคนเอาดอกไม้มาถวายตลอดนะ วันนี้มีกล้วยกับเมล่อนด้วย
วันเกิดนราวันอาทิตย์ แต่กลัวดอกไม้เหี่ยวก่อน บวกกับไม่แน่ใจว่าวันอาทิตย์จะออกไปไหนไหม เลยไหว้พระขอพรวันเกิดเอาวันนี้ซะเลย รู้สึกจิตใจแจ่มใสขึ้นเล็กน้อยถึงปานกลาง
วันนี้อากาศก็หนาวอีก หนาวมากๆ กำมือแล้วก็ไม่รู้สึกเพราะมือมันชาเดี้ยงไปเลย แต่ไม่ลืมสัญญานะเรื่องต้นเชอร์รีที่กำลังออกดอก อุตส่าห์เดินอ้อมไปถ่ายมาให้เลยนะเนี่ย ต้นมันอยู่ตรงเชิงสะพานข้ามไปหอเวนท์เวิร์ธ หน้าหอแวนเบรอห์หอหลัก ดอกเล็กๆสีชมพูกำลังทยอยบานน่ารักดี ถ้าบานทั้งต้นคงดูสวยกว่านี้ ตอนนี้ยังดูโกร๋นๆอยู่ๆ

พยายามจะซูมแล้ว แต่ลมมันเฮงซวย พอยกกล้องปุ๊บมันรีบพัดใหญ่เลย กิ่งไม้ก็แกว่งไปไกวมาถ่ายไม่ได้ซะที นี่ขนาดเอามือจับให้อยู่นิ่งๆแล้วนะ ยังออกมามัวๆ เฮ้อ ไว้คราวหน้าเอาใหม่แล้วกัน

ขากลับแวะไปรับกล่องพัสดุจากเมืองไทย ที่บ้านส่งมาให้ ไชโย
ตอนแรกก็แกะกล่องแบบถนอมมาก ค่อยๆเอากรรไกรแซะ แงะ ตัดเชือก ปรากฏแกะไม่ออก เลยสติแตกฉีกกล่องกระจาย ฮ่าๆ นี่ของขวัญที่บ้านพร้อมใจส่งมาให้กู้ภัยหนาวค่ะ

ซุปไข่ผสมผักโขมอบแห้งสองกล่อง
โคอาล่ามาร์ชจิกล่องยักษ์หนึ่งกล่อง
เกาลัดอบสองถุง (ตอนนี้หมดแล้ว)
ครีมทาผิวของแอมเวย์หนึ่งกระป๋อง
ที่ห้อยมือถือรูปหมีสีชมพูจากเอิร์ธหนึ่งอัน
การ์ดวันเกิดจากเอิร์ธ จากเอม และจากป๋ากะแม่
ตุ๊กตาหมีมีซิปสำหรับใส่ของจุกจิกหนึ่งตัว
ปฏิทินปีห้าสามจากธนาคารกรุงไทยหนึ่งเล่ม
.........
น้องๆเขียนการ์ดกันน่ารักดี อ่านแล้วก็ขำนะ ตลกๆ
แม่ก็เขียนซะซาบซึ้ง มีการใบ้คำเล็กน้อยว่ามีของขวัญอีกอย่างให้ด้วยอยู่ในตัวหมี แต่ทำไมป๋าเขียนแค่สามบรรทัดเองฮึ
นราไปคุ้ยๆไส้หมี คิดว่าคงมีพวกแฮนดีไดรฟ์ หรือของใช้มีประโยชน์เล็กๆอะไรเทือกนี้ซ่อนอยู่ ล้วงออกมาเป็นกระดาษม้วนๆเหมือนลักลอบขนส่งยาเสพติด กรี๊ดดดด ร้อยปอนด์ ร้อยยย ปอนด์ ตกใจมาก เพราะเคยคุยกะแม่เล่นๆว่าส่งของมาน่ะ เอาของเบาๆอย่างเงินก็ได้จะได้ไม่เปลืองค่าส่ง ไม่คิดว่าจะเอาจริง ขอบคุณแม่มากๆเลยน้า ไม่น่าลำบากเลยเงินตั้งเยอะ แต่ได้ก็ดี อิอิ
คุ้ยเสร็จ กินขนมในกล่องเสร็จ ก็ตั้งสติให้มั่นแล้วโทรไปหาแม่เพื่อบอกว่าได้ของแล้วนา
สรุป ตั้งสติทำไมวะ สุดท้ายก็ร้องไห้อยู่ดี ฮ่วย
มันเหงามากๆเลย เห็นของจากที่บ้านแบบนี้ยิ่งรู้สึกใหญ่ว่าเราอยู่คนเดียว อยู่ห่างจากครอบครัวมากๆ ออกไปทำข้าวไข่เจียวกินก็เอาอีก คลาสสิค นึกถึงตอนอยู่บ้านเราทำกับข้าวกิน มานั่งดูทีวีไปกินไป ข้างๆมีแม่รีดผ้าไปบ่นไป ป๋านั่งอ่านเว็บการเมือง เอิร์ธก็โซโล่กีตาร์น่ารำคาญ ส่วนเอมก็นอนเล่นอยู่ตรงโซฟา แล้ววันนี้กรูมาทำอะไรที่นี่ นั่งกินข้าวไข่เจียวเค็มๆคนเดียวหน้าจอคอม เหงาจังน้อ
อาทิตย์หน้า อาจารย์กลับจากโรงพยาบาลแล้ว นราต้องตายแน่ๆ
เพราะเขาอัดคลาสที่ขาดสอนไป เช้าเย็น เช้าเย็น
ฮือออ การบ้านไปไม่ถึงไหนเลย
ใครก็ได้ช่วยด๊วยยย

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Winter Is on Its Way

อากาศหนาวลงอีกแล้ว
เมื่อวานนี้มองมาจากหน้าต่าง เหมือนเกมไซเลนท์ ฮิลล์เลย หมอกลงหนามากๆ จนถึงประมาณเที่ยงกว่าๆถึงจะสลายไป ลมก็ยังพัดแรงอยู่เหมือนเดิม เดี๋ยวนี้สี่โมงครึ่งก็มืดตึดตื๋อแล้ว บรรยากาศอึมครึมทั้งปีทั้งชาติ แต่วันไหนถ้าฟ้าไม่มีเมฆก็สวยดี
ต้นไม้ทิ้งใบกันเกือบหมดแล้ว เหลือแต่ต้นโกร๋นๆ แต่ก็มีดอกไม้บางอย่างยังบานอยู่
นี่ดอกอะไรไม่รู้ สีขาวอมชมพูจุ๋มจิ๋มน่ารักดี
จริงๆมีต้นเชอร์รีด้วย ดอกกำลังบานสวยมากๆ เดี๋ยววันหลังเดินผ่านไปแถวนั้นจะถ่ายรูปมาให้ดูนะ
ช่วงนี้ชีวิตนรากำลังเหน็ดเหนื่อย หนังสือตั้งอยู่สิบกว่าเล่ม แตะบ้างไม่แตะบ้างตามประสาสันดานคนขี้เกียจ ตอนนี้นราเริ่มวางแผนเขียนเทอมเปเปอร์สองเรื่องแล้วค่ะ ก็หาข้อมูลไปเรื่อยๆ หัวข้อที่เขาให้มาก็ตีความยากมากมาย ต้องเจาะให้ตรงประเด็นว่าเขาถามว่าอะไร ไม่งั้นตอบไม่ตรงคำถามก็โดนหักคะแนน ดีไม่ดีตกอีก ที่นี่เขาไม่แบ่งเป็น A B+ B C+ อะไรแบบนี้เหมือนบ้านเรา แต่เป็น Distinguished (ดีมาก) Good (ดี) Fair (พอทน) แล้วก็ Fail อันนี้คงไม่ต้องบอก
อาการอีกอย่างคือกำลังลงแดง อยากเล่นเกม อยากเล่นนน อยากเล่นดอทเอ อยากเล่นก็อดออฟวอร์ ทรมานมากๆ จริงๆนะเนี่ย ใครก็ได้ส่งเครื่องเพลย์กับทีวีมาให้หน่อยได้มั้ยยย ตาหมูส่งแผ่นดอทเอมาไวๆนะพลีสสส
จะว่าไปเวลาก็ผ่านไปรวดเร็วเหมือนกันนะ แป๊บๆก็สัปดาห์ที่เจ็ดแล้ว อีกเดี๋ยวก็ครบสิบ แล้วก็ปิดเทอมช่วงคริสต์มาส แล้วก็เปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิ คริสต์มาสนี้เพื่อนๆเขาจะไปเที่ยวลอนดอนกัน แต่นราคงไม่ได้ไป เพราะใช้เงินเยอะเลย อาจจะไปเที่ยวต่างเมืองนิดหน่อย เวลาที่เหลือก็ปั่นรายงานแล้วก็ฉลองคริสต์มาสเดียวดาย อะฮึๆ
วันนี้ไปซื้อของที่ร้าน Aldi มาค่ะ
มันเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ จะไปต้องเดินตัดทุ่งวัว ตัดค่ายทหาร แล้วก็ข้ามถนนไปหน่อย
ตอนที่ต้นไม้มีใบคงจะสวยกว่านี้อ่ะนะ ทุ่งนี่มันเป็นทุ่งกว้างๆ ไม่รู้ของใคร
คราวก่อนไป Iceland ไม่เจอวัว วันนี้เจอเพียบ
กลิ่นโชยมาแต่ไกลเลย
วัวน่าร้ากกก เป็นวัวสีช็อกโกแล็ตน่าอร่อย วัวมีขนหยอยๆด้วย
ลูกวัว น่ารัก แต่เหม็น พุงงี้กางเบ้อเริ่มเทิ่มเลย

ตอนเดินผ่านค่ายทหาร เจอพี่ทหารสองสามคน หน้าตาดีเชียว ทำให้สงสัยว่าทหารอังกฤษจะต้องผ่านการคัดหน้าตามาก่อนหรือเปล่าหว่า หรือเป็นเพราะมันขาวๆ ผิวดี พอหนาวแล้วแก้มเป็นสีแดงๆเลยดูดีกว่าทหารทั่วไป พอเราเดินผ่าน เชอะ ทำมายิ้มๆ รู้ย่ะว่าสวยไม่ต้องมากะลิ้มกะเหลี่ยเลย
ทำไมผู้ชายใส่เครื่องแบบแล้วถึงดูดี สาวกรี๊ด สาวหลง ไม่ว่าจะหน้าหนอนขนาดไหนก็ตาม สงสัยจัง ใครทำวิจัยวานบอกที

บอกลาด้วยอาหารยาจกประจำสัปดาห์
สลัดไก่ใส่ข้าวโพดกับถั่วลันเตา
ทำเอง กินเอง อิ่มเอง
ทำไมข้าวโพดกระป๋องที่นี่มันอร่อยจังก็ไม่รู้ ซื้อมาสามป๋อง สองวันหมดละ กินล้างกินผลาญจริงๆ แต่คิดว่าเป็นเพราะไม่มีข้าว ทำให้ต้องกินเนื้อกินผักเยอะขึ้น ไม่งั้นไม่อิ่ม
คิดถึงทุกคนที่บ้าน คิดถึงตาหมูอู๊ดอี๊ด
อยู่คนเดียวนี่ใกล้บ้าเข้าไปทุกที
เฮ้อ จะวันเกิดแล้วด้วย
ต้องเป็นวันเกิดที่เหงาที่สุดแน่เลย

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Good Friends, Good Time

รู้หรอกว่ารอกันนานแล้ว
รูปหนุ่มซูชิห่อไนลอนในลิเวอร์พูลค่ะ เอาไปขยายใหญ่แล้วเล็งกันตามอัธยาศัย นราได้ปรับแสงไบรท์ให้แล้วเพื่อให้สะดวกแก่การเล็งหาของแต่ละท่าน ถ่ายออกมาแล้วกางเกงมันสีเข้มมองไม่ชัด ก็ตั้งใจเพ่งหน่อยละกัน อย่ามาทำเป็นวี้ดว้ายลามกรับไม่ได้ รู้น่าว่าอยากดู ฮ่าๆ
รูปนี้ไม่ใส่เครดิตตัวเองเพราะไม่ได้ถ่ายเอง เป็นรูปถ่ายของกอล์ฟ ณ English Literature นะคะ ขอบคุณที่เอื้อเฟื้อภาพมา ณ ที่นี้
...................
ช่วงนี้อากาศก็หนาวขึ้นเรื่อยๆ ลมแรงมากๆ เดินไปเรียนเห็นเป็ดซุกตัวกลมๆเต็มสนามหญ้า
คราวที่แล้วที่บอกว่าซื้อเสื้อโค้ทมาแล้วอยากเอาไปคืน ขอถอนคำพูดนะคะ เพราะใส่ๆไปแล้วรู้สึกว่าอุ่นดี กันลมด้วย แถมปกก็จับตั้งขึ้นกันลมเข้าข้างในคอเสื้อได้อีก รู้สึกดีที่ซื้อมาในราคาแค่ 15 ปอนด์ ตอนนี้เสื้อผ้าคงไม่ซื้อแล้ว แต่ต้องรอดูว่าช่วงคริสต์มาสมันจะหนาวโหดแค่ไหน อาจจะได้ซื้ออีกเพราะตอนนี้ปากก็เริ่มเขียวแล้ว คาดว่าจะเขียวทั้งตัวด้วยความหนาวเย็นในไม่ช้า
เฮะเฮ้ แต่อย่างน้อยในห้องนราก็อบอุ่นนะจ๊ะ เพราะได้เพื่อนใหม่มานอนด้วย
เป็นชาวญี่ปุ่น หน้าตาน่ารัก น่ากอดอย่าบอกใคร
ชื่อคุมะค่ะ ฮ่าๆ
ของขวัญวันเกิดล่วงหน้าจากตาหมูอ้วน ขอบคุณมากๆเลยน้า จุ๊บๆ
มาถึงคุมะก็นั่งขัดสมาธิมาเลย อึดอัดแทน
คุมะตัวนิ่มๆ กอดมันดี เอาไว้ฟัดตอนนอน
วันก่อนนอนน้ำลายไหลเปรอะไปนิดนึง แต่ไม่เป็นไรไม่เสียหาย
มีคุมะแล้วรู้สึกเหมือนห้องสว่างสดใสขึ้นมาหน่อย เวลานอนก็เอามากอด จะออกไปข้างนอกก็เอาคุมะมานอนแล้วห่มผ้าให้ เหมือนเด็กๆเลย
เมื่อคืนนี้นราไปนอนค้างที่บ้านรุ่นพี่คนไทยมาค่ะ
เพราะตอนเย็นออกไปทานข้าวกันในเมืองแล้วกลับค่ำที่ ชื่อร้าน Red Chili เป็นร้านอาหารจีน ทำหมี่ผัดอร่อยมากๆ เป็นหมี่เส้นแบนผัดใส่กุ้งยักษ์และหน่อไม้ มีปลาเปรี้ยวหวาน ปลาหมึกผัดเกลือและพริกไทย ไก่ต้มซีอิ้ว ผัดมะเขือ
แต่อาหารจีนร้านไหนร้านนั้น ต้องทานร้อนๆ พอเย็นแล้วทั้งเลี่ยนทั้งมัน ยิ่งไส้หมูผัดต้นหอมนี่กินแทบไม่ลง (แต่ก็กิน) ค่าอาหารตกคนละเจ็ดปอนด์ครึ่ง ถือว่าคุ้มเพราะนรากินเหมือนเครื่องย่อยขยะเลย กั่กๆ
กินเสร็จก็ย้ายขบวนมาทั้งเล่นกันที่บ้านพี่ยุ้ย มานั่งดูเอ็กซ์แฟคเตอร์กัน แต่นราดูได้นิดหน่อยก็ออกมาอ่านหนังสือข้างนอก
ในรูปจากซ้าย พี่ยิ้ม (ถ้าบอกว่าเป็นคนแต่งหนังสือของแจ่มใสชุด ความรู้สึกดีๆที่เรียกว่ารัก ก็คงจะอ๋อกันใช่มั้ย ที่นั่งอ่านก็หนังสือที่เขาแต่งนี่ละ) เนม แล้วก็พี่เบียร์ พี่เบียร์เป็นอาจารย์ที่นี่นะจ๊ะจะบอกให้ แต่หน้าเด็กจนนรารู้สึกอายที่ตัวเองหน้าแก่ล่วงหน้าไม่ปรึกษาใคร
นรากะพี่ยุ้ย

จริงๆมีหลายคนมากกว่านี้ แต่ถ่ายรูปกันมาไม่หมด
พี่ๆที่นี่ใจดีกับนรามากๆ ดูแลเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี คอยให้คำแนะนำดีๆอีกด้วย
รู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกยอร์ก ถึงสำเนียงมันจะแปลกๆก็เหอะ
เมื่อคืนก็นั่งดูทีวี ดูหนัง ฟังพี่เบียร์เล่นกีตาร์กันจนดึก
นรากลับมาถึงหอตอนประมาณ 10 โมงเช้า

ช่วงนี้นราการบ้านเยอะจัง เหนื่อย
อยากทำ แต่ขี้เกียจ สลัดไม่หลุดซะทีเนี่ย
อย่างนี้ตอนเขียนรายงานสองเล่ม เล่มละห้าพันคำต้องตายแหงๆ หนังสือนรายังไม่อ่านสักกะเล่ม แอร๊กกกก
เข้าเรื่องนี้แล้วเครียด ไปนอนดีกว่า

คำคมวันนี้
ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา

ปล. อยาก เล่น เกม โว้ย อะไรก็ได้ ดอทเอก็ได้ God of War ก็ได้ แอร๊ยยสติจะแตกแล้ว

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

It's Liverpool!

เมื่อวานไปเที่ยวเมืองลิเวอร์พูลมากับสมาคมนศ.ต่างชาติของมหาลัย แอบตื่นเต้น เพราะว่าเรียนเกี่ยวกับเมืองนี้มาตั้งแต่สมัยมัธยม จำได้ลางๆว่าเป็นเมืองท่า เป็นเมืองของเดอะบีเทิลส์ แล้วก็อะไรอีกหว่า จำไม่ได้หละ แต่ในที่สุดเราก็จะได้เห็นซะที
ซื้อตั๋วไว้ตั้งแต่หลายสัปดาห์ที่แล้ว ใบละห้าปอนด์ คนแออัดยัดทะนานแย่งกันซื้อ ถ้าจิกหัวตบกันได้คงทำไปแล้ว มีรถบัสสี่คัน คันละประมาณสี่สิบคน รวมเป็นเท่าไหร่เอ้าคิดเลขซิจ๊ะเด็กๆ นัดรวมพลประมาณแปดโมงสิบห้า รถออกจริงๆเก้าโมงกว่า อื่มมม เสียเวลาตื่นเช้าจริงๆ ระยะเวลาจากยอร์กไปถึงลิเวอร์พูลประมาณสองชั่วโมงค่ะ
วันนี้อากาศหนาวมาก เพราะอุณหภูมิลดลงอีกแล้วแถมฝนตกอีก หนาวเข้ากระดูก นราใส่สี่ชั้นยังสั่นงั่กๆๆ รถมาจอดส่งหน้า Word Museum Liverpool ตัวแทนสมาคมบอกว่าให้มาเจอกันที่เดิมนี่ตอนสี่โมงครึ่ง ระหว่างนั้นจะไสหัวไปไหนก็เรื่องของแก ฮ่า นรากับพี่ๆเพื่อนๆคนไทยก็เลยเข้าไปเดินดูในพิพิธภัณฑ์ก่อน(เพราะมันฟรี)
อะไรนะ? หน้านราเกะกะวิวเหรอ ปัดโธ่เรื่องมากจัง เอ้า นี่ค่ะภาพพิพิธภัณฑ์เต็มๆ ข้างล่างเขาแบ่งเป็นหอสมุด แล้วอีกปีกหนึ่งของอาคารก็แบ่งเป็นแกลลอรีศิลปะ
ข้างในแบ่งเป็นสี่ชั้น ชั้นแรกนราอริ๊งอร๊างมากเพราะเป็นตู้ปลา เดินดูจนชาวบ้านเขาไม่รอ มันก็เหมือนที่บางแสนอ่ะแหละ แต่แหมขอดูหน่อยซิปลาอังกฤษหน้าตาเป็นยังไง อู๊ย ระหว่างดูนะไม่อยากจะเม้าท์ทัวร์อีหมวยจีนนรก คุยกันเสียงดังลั่นยังไม่พอ ถ่ายรูปตู้ปลาก็เสือกเปิดแฟลช ปลาไม่ว่ายก็เคาะกระจก (สองอย่างนี้ห้ามทำนะคะเด็กๆเพราะจะทำให้ปลาเครียดแล้วอาจป่วยตายได้) นรานั่งยองๆดูปลาดาวเริงรักอยู่ดีๆ อีเจ๊มาจากไหนไม่รู้เบียดเข้ามาจะถ่ายรูปทำเอาเราเกือบล้ม ยึ้ย โมโหๆ

ชั้นสองเป็นชั้นแมลง พี่เขาบอกว่าเหมือนให้เด็กเข้าไปดูมากกว่า นรารู้ตัวว่าเด็กก็เลยเดินไปดูซะหน่อย มันก็ไม่ค่อยมีอะไรนะ ส่วนมากก็เป็นกิจกรรมให้เด็กทำ พวกเรียงวงจรผีเสื้อ ตัวต่อแมลงอะไรแบบนี้ แต่ตู้นี้เท่านั้นที่อยากนำเสนอ มันคืออะไรทายสิเอ่ยยย

เฉลย แมงสาบจ่ะ แมงสาบล้วนๆ เป็นเวอร์ชั่นแมงสาบผู้ดีไม่มีปีกแต่เป็นเกล็ด ขนาดอยู่ในตู้ยังได้ยินเสียงมันคลาน แซ่กๆๆๆ แกร่กๆๆๆ นราไม่กลัวแมงสาบยังอดหยดหยองไม่ได้เลย รูปนี้สำหรับตาหมูโดยเฉพาะนะ จุ๊บๆ

ชั้นบนเป็นพวกจัดแสดงของโบราณจากวัฒนธรรมต่างๆ ช่วงนี้เน้นของอียิปต์โบราณ แต่นรามัวแต่ไปเดินดูปลาเลยอดดู มีเสื้อผ้าของใช้จากจีน ญี่ปุ่น มองโกเลีย ส่วนใหญ่ก็จากเอเชียนั่นแล นราชอบชุดแรกมาก ดูครีเอทีฟดี มันเป็นชุดของชนเผ่าในหมู่เกาะแปซิฟิกเมื่อก่อนนู้น ชอบตรงที่เอาปลาปักเป้ามาทำหมวกกันน็อกนี่แหละ อันนี้เป็นหลักฐานว่า เด็กแว้นมีอยู่ทั่วทุกมุมโลกและทุกยุคสมัย

แน่นอนนน มาลิเวอร์พูลก๊อต้องไปดูสี่เต่าทองซิ
ไปยืนรอหน้าพิพิธภัณฑ์พักหนึ่ง นึกว่าฟรี ที่ไหนได้เสียค่าเข้า 12.8 ปอนด์ อ๊ายยย ฝันไปเหอะ แค่ 5 ปอนด์ฉันยังไม่อยากจะจ่ายเลย อีกอย่างไม่ได้คลั่งไคล้เดอะบีเทิลส์ไรมากขนาดนั้น เดี๋ยวกลับบ้านไปเปิด Yellow Submarine ฟังเอาก็ได้ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วเลยเข้าไปดูร้านของที่ระลึกหน่อย โดนไป 2 ปอนด์
จริงๆอยากซื้อสายคล้องกีตาร์ลายบีเทิลส์ให้น้องชายด้วย แต่มันตั้ง 50 ปอนด์ เอิ่ม รอไปก่อนนะเอิร์ธน้องรัก ไว้เดี๋ยวพุ่ยถักไหมพรมให้แล้วกัน เหะๆ
(ซีดีขายในนี้โคตร พ. โคตร ม. แพง)

เสร็จแล้วก็เดินไป Albert Dock กันค่ะ อีกหนึ่งสถานที่โด่งดัง
มันคือโกดังเก็บของในครั้งกระโน้นที่เรือจะเข้ามาเทียบท่าแล้วถ่ายมาเก็บโดยตรง เป็นท่าแห่งแรกที่ไม่ใช่ไม้เป็นโครงสร้างเลย สร้างตั้งกะปี 1846 แน่ะ วิวสวยจัง น้ำใสด้วย ขนาดลึกเป็นสิบเมตร นรามองลงไปยังเห็นพื้นข้างล่างเลย เห็นแล้วอยากโดดดด

ร้านนี้ไม่ผ่านถือว่ามาไม่ถึงลิเวอร์พูลใช่ไหมคะ

ไม่ได้เข้าหรอก กลัวเสียตังค์ ไม่ได้ชอบลิเวอร์พูลด้วย
นึกห่ามๆอยากไปตะโกน "บูๆ ลิเวอร์พูล ซักส์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อิส เดอะ เบสท์ เย่ห์ห์ห์" แถวนั้น แต่กลัวโดนฮูลิแกนสามัคคียำตีนเลยไม่เอาดีกว่า

ข้างนอกก็มีร้านขายนะ แต่ไม่รู้ของจริงเปล่า

ลิเวอร์พูลเหมือนจะมีตึกมีอาคารเยอะกว่ายอร์ก รถก็เยอะกว่าด้วย แหงสิก็ยอร์กมันบ้านนานี่จ๊ะ (เสียงเหน่อๆ) ปริมาณคนสูงอายุก็ค่อนข้างมาก แต่ที่สำคัญคือแทบไม่เห็นคนผิวสีกับคนเอเชียเลย ฝรั่งเดินมาทุกคนจะมองกลุ่มเราแล้วยิ้ม ยิ้มทำไมฟะ อยากรู้จริงๆ
อุตส่าห์มาถึงลิเวอร์พูลทั้งที ต้องหาอะไรหม่ำเป็นประสบการณ์ เดินวนไปวนมา สุดท้ายจบที่เบอร์เกอร์คิง ขอบอกว่า BK ที่นี่ เล็ก และอร่อยสู้บ้านเราไม่ได้อย่างที่สุด ไม่มีแฮชบราวน์ด้วย ฟันเฟิร์ม!!
ประมาณสามโมงครึ่ง ใกล้ได้เวลารวมตัวกลับ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปช็อป ในเมืองคนเยอะอย่างหนอน นึกถึงสยาม มาบุญครองวันเสาร์อาทิตย์ขึ้นมาในบัดดล แล้วไม่รู้เป็นอะไร ผู้หญิงทำผมทรงตีโป่งกระเซิงๆกันเยอะมาก มีทั้งแบบหน้ายุ่งหลังโป่ง หน้าโป่งหลังฟู หรือโป่งแม่งทั้งหน้าทั้งหลัง นึกว่าหลงมาสี่แผ่นดินซะอีก
อุ๊ยนอกเรื่องไปด่าคนอีกแล้ว ขอโทษค่ะ จะบอกว่านราเสียไปยี่สิบปอนด์ที่ห้าง Primark (ไพร่มาก) ซื้อโค้ทมาอีกตัว เหอะๆ วันนี้ตื่นเช้ามาแล้วทำไมรู้สึกว่าตัวเองพลาดก็ไม่รู้ อยากเอาไปคืน แต่คงไม่ได้เพราะที่ยอร์กไม่มีสาขา ที่นี่ซื้อเสื้อผ้าแล้วเขาให้ไม้แขวนมาด้วยแหละ
ตามถนนจะมีพวก Street Performers ประปราย
ที่เห็นบ่อยจะเป็นรูปปั้นมนุษย์ คือทาสีตัวเองให้เหมือนรูปปั้นแล้วยืนนิ่งๆ สาวๆเข้ามาใกล้ทีก็ขยับทีให้ได้กรี๊ดกันเล่น มีอยู่คนแกเจาะกล่องใหญ่ๆ ทาหน้าตัวเองเป็นหมาดัลเมเชี่ยนแล้วเอาหัวทะลุออกจากกล่อง เอากรงหมาพลาสติกครอบหัว แล้วก็ร้อง แอ๊วๆ บ็อกๆ ทึ่งในไอเดียแกมาก
แต่นราจะไม่มีทางลืมวันนี้ในลิเวอร์พูลแน่ๆค่ะ
ขณะกำลังเดินไปอัลเบิร์ตด็อก นราก็สังเกตกลุ่มผู้ชายข้างหน้า ตอนแรกไม่ได้คิดไร แต่เริ่มเอะใจว่า เอ๊ะ ทำไมผู้ชายคนนี้ใส่ถุงน่องสีดำแบบผู้หญิงละ แล้วสีเนื้อๆนั่นมันคืออะไร
......
เอ๊ะ มันคือตูดใช่มั้ย
.....
เอ๊ะ ถ้ามันคือตูด แสดงว่าเขาไม่ใส่กางเกงใน ใส่แต่ถุงน่องออกมาเดินหรอ งั้นแสดงว่าข้างหน้าของมันต้องเป็น...
เป็น...
ยังคิดไม่ทันจบประโยค สงสัยอีตานี่แกได้ยินเสียงเรากรี๊ดกร๊าด แกหันขวับมาแบบภูมิใจนำเสนอ
โอ๊ยพ่อแก้วแม่แก้ว
เต็มตา เต็มพวงเลย จะๆ ซูชิห่อเต้าหู้ในผ้าไนลอนสีดำแบบซีทรู
เห็นนราลามกจกเปรตแบบนี้ เจอจังๆก็ตกใจเหมือนกันนะคะ เราก็พยายามเดินผ่านไป แต่อีตานี่แกก็แบบ มาถ่ายรูปกันหน่อย นะๆ คัมม่อนๆ เราบอกโนแต๊งกิ้วฮีก็ยังตื๊อ จนเพื่อนแกบอกว่า แกกำลังจะแต่งงานอาทิตย์หน้า นราเลยเข้าใจว่ามันเป็นกิจกรรมสละโสดของหนุ่มฝรั่งเขานี่เอง เลยถ่ายรูปกะเขาไปด้วยอาการงงๆตะลึงๆ พยายามมองแต่หน้าเขา ไม่งั้นเดี๋ยวได้เห็นจุดสองห้อยรอบสอง
(ถ้าเราเป็นลูกมัน เราจะภูมิใจไหมเนี่ยว่าก่อนแต่งงานพ่อเราเดินแกว่งซูชิไปทั่วลิเวอร์พูล)
เดี๋ยวเพื่อนส่งรูปมาให้แล้วจะเอามาขึ้นบล็อกโชว์นะ
......................
ก่อนขึ้นรถ นราหนาวจนมือไม่รู้สึกแล้ว เลยไปซื้อชาจากรถคนเล็กๆที่เขาขายพวกไอติม กาแฟ รถน่ารักดี กะปุ๊กลุกๆ สีขาวครีม
นราสังเกตนะว่า อากาศหนาวเท่าไหร่ ภาษาอังกฤษยิ่งเฮงซวยลงเท่านั้น เหมือนมันแปรผันตรง แกรมมาร์ในหัวนราจะหายหมด พูดไม่รู้เรื่อง ไม่ปะติดปะต่อ พูดผิดประจำ
ชาแก้วละปอนด์ ไม่หวานมาก แล้วก็อุ่นๆ
ลุงในรถแกพาหลานชายมาด้วย หน้าตาน่ารักเชียว พอคุณปู่จะชงชา เขาก็โผล่มาแล้วก็หยิบนมส่งให้ "Grandpa, milk" "Grandpa, sugar" เลยขอถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึก
กลับถึงยอร์กประมาณสองทุ่ม หิวไส้จะขาด
เลยแห่กันออกไปกิน Hotpot ที่ร้านจีนในเมือง
คิดถึงชาบูชิอ่าาา อร่อยสู้กันไม่ได้เลย เผ็ดอีกเหอะ
ผลจากการตื่นเช้ากลับค่ำ ตากฝน เห็นซูชิ และกินเผ็ด วันนี้เลยไข้รับประทานเล็กน้อย ทานยาแล้วก็ม่อยทั้งวัน เฮ้อ พรุ่งนี้ก็เรียนอีกแล้ว
คิดถึงทุกคนเหมือนเดิมค่ะ

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Boom! It's Guy Fawke's Night

กล่องของแห่งความรักมาถึงแล้ว
ดีใจจังเลย มาม้าส่งของมาให้เยอะแยะเลย เป็นขนมโคอาล่ามาร์จจิซะเยอะ ซุปไข่กับผักโขมแบบอบแห้ง เสื้อหนาวของป้าน้อย แล้วก็ตุ้มหูสวยๆตั้งหลายอัน (เรียกเป็นอันไม่ใช่คู่ เพราะนราเจาะหูข้างเดียว) ขอบคุณนะแม่จ๋า คิดถึงแม่จัง คิดถึงทุกคนเลย

เมื่อคืนวันที่ 5 พฤศจิกายน เป็นคืนกาย ฟอว์กส์ หรือบองไฟร์ไนท์ค่ะ
รู้จักกันไหมเอ่ย นราจำได้คร่าวๆประมาณว่า อีตากาย ฟอว์กส์เนี่ย แกเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่อยากจะล้มล้างนิกายโปรแตสแตนท์ในยุคของพระเจ้าเจมส์ที่หนึ่ง เลยคิดแผนที่เรียกว่า The Gunpowder Plot กะจะระเบิดรัฐสภาให้ตู้มต้ามกันไปข้าง กะว่าพวกโปรฯข้างในต้องม่องเท่งกันหมด แต่ดันมีการตรวจค้นหลังคารัฐสภาก่อนงานจะเริ่ม แผนก็เลยล้มเหลว อันที่จริงตาฟอว์กส์นี่แกไม่ได้เป็นคนวางแผนหรอก แต่แกเป็นคนได้รับมอบหมายให้ไปจุดระเบิด เลยดวงซวยโดนจับไปขังซะเลย
สำหรับที่ยอร์ก เมื่อก่อนเขาจะมีการจัดงานจุดดอกไม้ไฟกับจุดไฟกองโตๆ แต่เนื่องด้วยมาตรการความปลอดภัย เขาก็เลยยกเลิกไปแล้ว (อ้าว) ที่จุดๆกันคืนนี้จะเป็นคล้ายงานส่วนตัวของแต่ละที่หรือไม่ก็สมาคม ที่นราไปกับเพื่อนๆมาเมื่อคืนเป็นของสโมสรรักบี้มั้ง อยู่ไกลจากมหาลัยเหมือนกัน ค่าเข้าคนละหนึ่งปอนด์
สนามกว้างมากค่ะ คนเยอะมาก ลูกเด็กเล็กแดงกระจองอแงเต็มไปหมด หญ้าก็เปียกแฉะ อากาศไม่ต้องพูดถึง หนาวมือจะขาด ขนาดใส่สามชั้น ถุงมือก็ใส่ ผ้าพันคอก็ยัดเข้าไปอีกอ่ะ ยังหนาวมากๆ หายใจเป็นควันกองโตๆ เด็กๆเล็กๆในรถเข็นก็มีพ่อแม่เข็นมา เด็กน่ารักแต่เราไม่กล้ามองตรงๆ เพราะมีความคิดฝังหัวว่าฝรั่งไม่ชอบให้คนมาเล่นลูกตัวเอง แต่เท่าที่เจอนี่ก็ไม่ว่าอะไรนะเวลาเรามอง
นี่ปุ้ย นรา แล้วก็เนม
นราไม่ได้อ้วนนะ อากาศมันหนาวหน้าเลยบวม จริงจริ๊ง
งานจุดดอกไม้ไฟยังไม่เริ่ม แต่ก็มีคนพกไฟเย็นมาจุดกันเองแล้ว
ครอบครัวนี้น่ารักดี มีตายาย มีลูก มีหลานมากันหมด
ยายแกคงสงสาร เห็นเด็กต่างชาติหัวดำๆอย่างเรายืนมองตาละห้อย ยายเลยแบ่งไฟเย็นมาให้เล่น ใจดีจังเลย
ระหว่างรอดอกไม้ไฟ ก็หาอะไรกินกัน ในนั้นมีอยู่ร้านเดียว ขายฮอทดอก เบอร์เกอร์ ชา กาแฟ สงสัยจบงานไปร้านนี้รวยเละ แถวคนงี้ต่อยาวเป็นหางว่าว เราเห็นว่าไม่มีอะไรทำอยู่แล้วก็เลยไปต่อคิวด้วย นราซื้อฮอทดอกมาหม่ำ มีไส้กรอก ชีส แล้วก็หอมใหญ่ กินไปด้วยความแค้น เพราะเป็นคนเดียวที่จ่ายสามปอนด์ ชาวบ้านเขาซื้อกันคนละปอนด์ห้าสิบ ไส้เหมือนกันทุกอย่าง ทำไมๆๆๆ อีป้าคนขายมั่วแล้ว ตอนซื้อก็คนเยอะมะรุมมะตุ้ม นราเลยไม่ได้นับเงินทอนตรงนั้น
แต่คิดในแง่ดี อืมๆ ของเราเป็นฮอทดอกไฮโซแพงกว่าคนอื่น โฮะๆๆ
ฮือออออ

ประมาณทุ่มกว่าดอกไม้ไฟก็บานแล้วค่ะ
งือ บอกตามตรง สนามหลวงงามกว่าหลายเท่า
อาจจะเป็นเพราะเขางบน้อยมั้ง เพราะจัดกันเอง เลยไม่ได้มีแบบใหญ่โตไรมาก แต่ก็สวยใช้ได้ แรกๆลูกจะเล็กหน่อย ยิงๆไปเริ่มใหญ่ขึ้น นราชอบดอกไม้ไฟแบบที่พอมันระเบิดแล้วสะเก็ดมันจะวิ่งไปบนฟ้าอ่ะ ยุกๆยิกๆ เต็มไปหมด สวยดี
เซ็งกับสี่ดอกฟินาเล่มาก เป็นดอกใหญ่ๆ แบบที่บ้านเรายิงตั้งแต่เริ่ม มันยิงสี่ลูก เฟี้ยวๆๆๆ แล้วก็จบ อารายฟะ ยังไม่ทันถ่ายรูปเลย
งานเลิกประมาณสามทุ่ม เจอเพื่อนๆ พี่ๆ คนไทยเยอะเลย ได้เจอเด็กญี่ปุ่นเพิ่มด้วย คนนึงชื่อนาฮิโกะหนุ่มโอซาก้า รู้สึกจะเรียนวิชาจิตวิทยาฯกับนรา ดีจังได้เพื่อนเพิ่มมาอีก ภาษาอังกฤษกำลังถอยหลังเข้าคลอง วันก่อนจะพูดอะไรนึกไม่ออก เอ่อๆ อ่าๆ น่าอายชะมัด
ปิดท้ายด้วยของกินมื้อหรูมื้อสุดท้ายก่อนหน้า
ข้าวแกงกะหรี่ไก่ (ของแช่แข็ง) กับปลาบาสะทอดกระเทียมพริกไทย ฮ่าๆๆ ก็ผงมันยังไม่หมดอ้ะ โลโบ้ช่างสุดคุ้ม
อันที่จริงปลามันมีสามชิ้น นราก็แหมคนดี กินทีละชิ้นแล้วกันนะจะได้ไม่หมดเร็ว แต่รอให้มันละลายนานมาก นานจนทนไม่ไหว ช่างแม่มกินมันทั้งหมดนี่ละวะ อยากไม่ละลายติดกันเป็นก้อนดีนัก บ้าดีเดือดจริงๆ ตอนนี้เลยไส้แห้งกินแต่แซนด์วิชปะแฮมทุกวันๆ
..................
มุกกู้
ได้รับการคอนเฟิร์มแล้วค่ะว่ากอล์ฟเป็นเพื่อนมุกสมัยประถมแน่นอน ยินดีด้วยนะคะ โลกมันกลมจริงๆเลย พี่ที่เขาเป็นอาจารย์ที่นี่บอกว่า จากผลวิจัยนะ คนเราทั้งโลกจะรู้จักโยงใยกันไปมาอยู่ภายในหกคนนี่แหละ คือทุกหกคนต้องจะมีคนรู้จักกันคนนึง
ปัด
โลโบ้จงเจริญนะคะ
หนูแนน
ขอบคุณหนูแนนและบล็อกมาก ที่ทำให้นรามีเรื่องคุยกับนาฮิโกะคุง (ปูยักษ์และกูลิโกะโอซาก้า)
มะแอ้
ขอบคุณนะจ๊ะสำหรับของ ฮือซาบซึ้งๆ คราวหน้าขอเป็นเงินได้ไหมอ่ะ เอกสารเซ็นแล้วเดี๋ยวส่งไปให้นะ
ใบตอง
พระไม่ต้อง แค่หน้านราอย่าว่าแต่ผีเลย คนด้วยกันหันมาเจอก็หลอน
ตาหมู้ว
คิดถึงนะ รอคุมะด้วยใจจดจ่อจ้า

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Dinner with Thais on Halloween Night

หมดเดือนตุลาซะที เงินเดือนนี้เหลือประมาณ 20 ปอนด์ค่ะ ไม่มาก แต่ก็ดีกว่าไม่เหลือ
วันนี้ลมแรงมาก ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นพัดไม่หยุด
เรื่องจริงผ่านจอ นรากำลังจะเดินไปหอสมุด ลมกรรโชกมาจากข้างหลัง ถึงกับกระเด็น! เรื่องจริง ไม่ได้โอเว่อร์ คือลมมันพัดหนุนหลังแล้วนราถลาวูบไปข้างหน้า ไม่งั้นถ้ายืนต้านลมต้องล้มแน่
เสียงลมฟาดกระจกดังฟึ่บฟั่บๆ ได้รู้วันนี้แหละว่าเสียงลมโหยหวนมันเป็นยังไง หลอนมาก ขนาดกระจกเป็นแบบสองชั้นยังได้ยินเสียงลมฟาดเลย
......................
เมื่อคืนวานตอนหกโมงครึ่ง พวกเราเหล่าชาวไทยในยอร์กนัดทานอาหารเย็นกันที่หอเพื่อนคนนึง ต่างคนต่างก็ทำกับข้าวมาแบ่งกันคนละอย่าง น่ากินมากมาย มีเนื้อผัดหอมใหญ่และพริกหยวกของจิ๊บ ลาบไก่พี่นะห์ ไข่เจียวกุ้งของเนม พะแนงของพี่ออย ทอดมันของกอล์ฟ แล้วก็มีแกงกะหรี่ของพี่เต๋า โอ๊ยอร่อยมาก

นี่ของนรา แจ่งแจ๊ง
แซลมอนกระเทียมพริกไทย ฮ่าๆๆๆ เล่นมุกเดิมอีกแล้ว
ก็แหม มายังไม่ถึงเดือนเลย ทำกับข้าวกินเองก็ไม่กี่มื้อ ที่ทำได้แล้วดูดีพอจะเอาไปอวดคนอื่นได้ก็แซลมอนเนี่ยแหละ เพิ่งซื้อสดๆร้อนๆตอนไปซื้อของที่ห้างมอร์ริสัน เอามาทำตอนเย็นโดยเฉพาะ
เฮ้ๆ ปรากฏว่าฟีดแบ็กดีใช้ได้ มีคนบอกว่าอร่อยด้วยยย นราต้มถั่วฝักอ่อนกับเห็ดมาเยอะเลย ตอนแรกนึกกลัวว่าจะไม่มีคนกินเพราะผักต้มมันจืดเนื่องจากเรามีแค่ซีอิ๊วเหยาะ แต่โอ๊ะช่างน่าชื่นใจ หมดเกลี้ยงไม่เหลือเลย นราก็หน้าบาน(กว่าปกติ)ไปตามระเบียบจิ
จากซ้ายไปขวา บุ๊ค Econ. จิ๊บ Linguistics นรา Education Studies กอล์ฟ English Literature
พี่บอล เรียนไรหว่าจำไม่ได้ (ฮ่าๆ แก้แค้นชอบแกล้งเรานัก) พี่นะห์กับพี่เต๋าทุนก.พ. พี่ออยและก็เนม Econ.

สนุกดีนะ ได้คุยกัน เม้าท์แตกครัวแทบระเบิด นั่งเบียดๆกันคุยกันทุกเรื่องตั้งแต่หนัง เพลง การเรียน ถึงภาษาถิ่น แต่ละคนเก่งกันทั้งนั้น เราก็เลยได้ความรู้ไปด้วย
ทีนี้พอกินอิ่มเม้าท์เสร็จ ก็มีหลายคนบ่นว่าไม่อยากกลับห้อง เพราะจะถูกหลุมดำที่เรียกว่าหนังสือเรียนดูดเข้าไปแล้วไม่ได้กลับออกมาอีก เลยว่าจะไปเดินเล่นกันในเมืองสักหน่อย อากาศเมื่อวานก็หนาวเหมือนเดิม แต่นราคิดว่ามากินข้าวแป๊บเดียวเลยใส่รองเท้าแตะมา สุดท้ายต้องเดินกลับไปเปลี่ยนเป็นบู๊ทไม่งั้นหนาวนิ้วหลุดแน่
เมื่อคืนเป็นคืนฮัลโลวีนค่ะ จำได้หรือเปล่า
ในมหาลัยก็มีปาร์ตี้กันคึกคัก หนุ่มๆสาวๆแต่งตัวเป็นผีเดินกันใหญ่ ตอนออกมาเจอสาวฝรั่งใส่ชุดผึ้งน้อย เหอะๆ น่ารัก
ยอร์กตอนกลางคืนก็สวยดีนะ เข้ากับบรรยากาศผีหลอกวิญญาณหลอนดี สำหรับใครที่ยังไม่รู้ ยอร์กเป็นเมืองที่ผีดุที่สุดในอังกฤษค่ะ ตอนเดินเลียบกำแพงเมืองนี่น่ากลัว ถ้าไม่มีถนนใกล้ๆนะจ้างให้ก็ไม่ไปเดินหรอก กำแพงเก่าเป็นร้อยปี มีคนตายคากำแพงมากี่คน เกิดมองขึ้นไปแล้วเห็นเงาดำๆนั่งแกว่งขาอยู่ตรงหน้าต่างหอคอยทำไงอ่ะ แง้
นี่ในเมืองค่ะ บาร์แถวนั้นเขาก็จัดปาร์ตี้ฮัลโลวีนกันหมด นราก็นั่งดูคนเพลินๆ เสียดายจริงๆไม่ได้ถ่ายรูปผีไว้เลย เพราะส่วนใหญ่เขามากันเป็นกลุ่มๆ แล้วก็ดูเมาๆ กึ่มๆ ซ่าๆ นราเลยไม่กล้าขอเขาถ่ายรูปอ่ะ เลยนั่งดูเฉยๆ มีตั้งแต่ เดอะฮัค ไมเคิล แจ็กสัน (อันนี้ของแน่) โจ๊กเกอร์จากเรื่องแบทแมน ผีแมว ผีปากย้อยจากเรื่องสครีม ผีแมนยูก็มี ผีไอพอดอีกอ่ะ มีปีศาจสาวใส่ชุดแดงวิบวับๆ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นผู้หญิงจะเป็นชุดแฟชั่น "สะหมีเหอ" ฮ่าๆๆ เรทเล็กน้อย แต่เป็นเรื่องจริง ผีซีทรู ผีนมล้น โอ๊ยไม่ไหวจะดู แถมหุ่นไม่ได้ดีด้วยเหอะ
สาวคนนึงแต่งเป็นแม่มด โอ้โหหล่อนกล้ามาก เสื้อเกาะอกข้างหน้านี่ขาดเป็นริ้วๆหมด ปิดแต่หน่มน้ม สะบึมน่ะสะบึม แต่พอเดินมาใกล้ๆ โหพุงสะบึมกว่านมอีก แล้วริ้วเสื้อมันเป็นไขว้ๆก็รัดพุงปลิ้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด อืมๆ ฝรั่งนี่เค้ากล้าไม่แคร์สายตาใครเลยเนอะ ฮ่าาา
แต่ที่นราให้รางวัลชนะเลิศ คือหนุ่มคนนึง แกแต่งเป็นมนุษย์เจ้าปัญหา จำได้ป่ะ จากเรื่องแบทแมนแอนด์โรบิน ที่เป็นตัวร้ายใส่ชุดรัดรูปเขียวๆ มีเควสชั่นมาร์กเต็มชุด ถือไม้เท้า ย้อมผมส้ม เหมือนมาก โคตรลงทุนอ่ะ ดูดีกว่าพวกมัมมีที่เอาทิชชูมาพันทั้งตัวอีก มิน่าวันนี้เห็นคนซื้อทิชชูเยอะผิดปกติ
นอกเหนือจากนั้นเป็นรางวัลขวัญใจช่างภาพ หนุ่มหล่อล่ำแต่งเป็นแรมโบ้ กล้ามสวยสุดๆ มากันสองคน อากาศหนาวแต่พี่ท่านเปลือยอกเดิน โอ้ววว
แต่สุดท้ายแฟนเราก็หล่อที่สุดค่ะ (เดี๋ยวงอนๆ)

เดินได้สักชั่วโมงก็พากันเดินกลับ นราเดินรั้งท้าย ดูโน่นดูนี่ แล้วก็ฟังเขาคุยกันระหว่างเดิน
วิชาการล้วนๆ เรื่องประวัติศาสตร์อังกฤษ ตั้งแต่เรื่องเมือง ศาสนาสงคราม ไปจนถึงราชวงศ์
นราฟังแล้วรู้สึกเลยว่าตัวเองเป็นคนที่ "ไม่รู้"
"ไม่รู้" นะ ไม่ใช่ "ไม่ฉลาด"
ทุกเรื่องที่เขาเล่า นราเคยเรียนมาหมดแล้ว แต่ที่รู้คือแค่ผิวเผิน แตะๆไม่ลงลึก ในขณะที่กอล์ฟกะพี่เต๋ารู้หมด เล่าได้เป็นฉากๆ แม่นยำ เชื่อมโยงกันหมด
มีอยู่อย่างนึงที่กอล์ฟพูดแล้วนรารู้ความแตกต่างระหว่างนศ.มหาลัยเขากับเรา
มีพี่คนนึงถามเขาว่า ทำไมต้องเรียนพวกนี้ด้วย พวกประวัติศาสตร์วรรณคดีอังกฤษไรเนี่ย
กอล์ฟบอก "มันต้องเรียนสิ มันเป็นพื้นฐานที่โยงไปหาอย่างอื่น ศาสตร์อื่นได้"
แต่เด็กม.เรา "เรียนทำไม ไร้สาระ จะรู้ไปทำไมว่าวิลเลียม เวิร์ดสเวิร์ธเขียนกลอนชื่ออะไร ใครขึ้นครองราชย์ปีอะไร จบไปก็ไม่ได้ใช้หรอก"
แก้ไขกันตอนนี้คงไม่ทันแล้วมั้ง?
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ
ตอนนี้ก็ยังเหงาอยู่ แต่ก็พยายามปรับตัวและขยันให้มากขึ้น
คิดถึงเพื่อนๆทุกคนเลย มุกกุ ปัด หนูแนน ใบตอง (รูปล่ะ)
คิดถึงตาหมู้ว คิดถึงครอบครัว
แต่...ชีวิตต้องสู้ค่ะ