วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553

[Hengsuay Life Series] 3

เช้าแล้ว สมตุ้ยตื่นขึ้นมางัวเงียๆ ย่างเข้าวันที่สามแล้วสินะที่ต้องมาติดอยู่ที่นี่
บอร์ดเที่ยวบินยังคงเต็มพรืดไปด้วยคำที่ดูแล้วปวดหัวใจดวงน่อยๆอย่างคำว่าแคนเซิล สมตุ้ยเซ็ง ถอนหายใจเฮ้อ พลางส่งสายตาค้อนควักไปให้ไอ้ญี่ปุ่นที่เมื่อคืนนี้เปิดโรงสีจนกรูไม่ได้นอน ไอ้ตัวต้นเหตุทำทองไม่รู้ร้อน นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปแคะขี้มูกไปสบายอารมณ์
.
วันนี้ร้านค้าส่วนใหญ่ในสนามบินปิด ทั้งร้านพวกของหนีภาษี เอ๊ย ปลอดภาษีอย่างเหล้า นาฬิกา แว่นตา บรรยากาศวังเวงวิเหวกโหวง จำนวนผู้โดยสารตกค้างในสนามบินน้อยลง เพราะเริ่มมีคนหนีไปขึ้นเรือและรถไฟกันหมดแล้ว ไอ้เราพลเมืองชั้นสามก็ได้แต่นั่งมองตาปริบๆน่าสงสาร นึกถึงเพลงพี่เบิร์ด...กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง...
.
พอมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่าวันนี้กรูไม่มีบุญได้ขึ้นเครื่องแล้วแน่นอน สมตุ้ยก็ปลงแล้วซึ่งทุกสิ่งอัน หอบโน้ทบุ๊กขึ้นไปศูนย์อินเตอร์เน็ทชั้นบนแล้วเปิดสไกป์กับเอ็มเอสเอ็นโทรหาป๋า แม่ และตาหมู นั่งคุย (อันที่จริงคือโวยวายโมโหที่ต้องติดอยู่อีกวัน) ได้สักพักใหญ่สมตุ้ยก็คิดว่า สมตุ้ยควรจะไปอาบน้ำได้แล้ว ไม่อยากบอกเลย แต่สมตุ้ยกลับกุงเกงลิงหน้าเอหน้าบีจนมันจะเปื่อยอยู่แล้ว ถ้าไม่เอามาซักวันนี้สงสัย...เน่าแน่ๆ (จงเติมคำในช่องว่าง)
.
สมตุ้ยเดินตามป้ายบอกทางห้องอาบน้ำไปเรื่อยๆ แต่หาไม่เจอ เดินขึ้นเดินลงอยู่นานจนรู้สึกเหนื่อย ก็พอดีเจอผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากทิศทางที่เราคิดว่าน่าจะเป็นทางไปห้องน้ำเลยถามซะเลย เหยื่อผู้โชคดีก็แสนดี บอกว่าถ้าจะอาบฟรีต้องไปอีกทางหนึ่ง ไอ้ทางที่กำลังไปนั่นมันก็มี แต่เสียเงิน 15 ยูโร ฝันไปเหอะ สมตุ้ยจะหมดตูดแล้วรีบคว้าของฟรีทันใด เหยื่อผู้โชคดีก็ใจดี พาเดินไปจนถึง สมตุ้ยเห็นแล้วอยากกระโดดฟรีคิกขาคู่ใส่คนทำป้าย มันทำเหมือนไม่อยากให้ใครไปใช้ คือมีป้ายข้างล่างแผ่นนึงว่า ห้องอาบน้ำ แล้วมีอีกทีก็หน้าห้องอาบน้ำที่อยู่ในซอกเลย...ฟาย นี่เป็นระบบเพิ่มมูลค่าของเอ็งใช่ไหมเนี่ย แบบว่าหลอกให้คนไปอาบแบบเสียเงินแทน
.
ห้องอาบน้ำมีสามห้อง ไม่มีใครเลย เงียบกริบได้ยินเสียงท่อน้ำดังโกรกๆอยู่ในผนัง ห้องกว้างประมาณครึ่งเมตร พอดีสมตุ้ยผอมเพรียว หุ่นเหมือนจิเซล บุนด์เซ่น เลยเข้าไปได้แบบไม่มีปัญหา โฮะๆ มันเป็นห้องแบบสองชั้น คือเป็นประตูเปิดเข้าไป มีตะขอและที่แคบให้เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ต้องเปิดประตูเข้าไปในห้องฝักบัวอีกที
.
สมตุ้ยเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ค้นพบว่าข้อดีอย่างเดียวของการมาติดอยู่ที่สนามบินนี่คือตัวผอมบักโกรกลงหน่อย ห้องอาบน้ำฝักบัวมีน้ำเจิ่งนอง ตรงท่อระบายน้ำมีผมใครต่อใครและขนอะไรต่อมิอะไรที่ไม่อยากจะนึกถึงอุดตรึม สมตุ้ยไม่อยากให้น้ำมันทะลักออกไปข้างนอกแล้วทำเป้กับเสื้อผ้าเปียก เลยเอาหัวแม่ตีลเขี่ยๆมันออกแล้วค่อยเปิดน้ำ ที่กดแบบไฮโซมาก ไม่มีปุ่มให้บิดให้หมุนอะไรทั้งสิ้น เป็นปุ่มแบนๆคล้ายๆแบบสัมผัส แตะเบาๆก็ควบคุมการหลั่งได้ดังใจแบบก๊อกซันว่า
.
(ตัดภาพไปที่สายน้ำหลั่งไหล)
พอน้ำซ่าแรกโดนตัว สมตุ้ยรู้สึกเข้าใจความรู้สึกของผู้โดยสารเรือไททานิกขึ้นมาทันที หนาวฉิบหาย!
น้ำเย็นมาก เย็นจนตัวชา เหมือนมีเข็มแทงไปทั่วตัว ยุบยิบๆๆ แต่สมตุ้ยท่องไว้ ของฟรีๆๆ แล้วอาบน้ำอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ในชีวิต นี่ถ้ามีใครมาจับเวลานะรับรองทำลายสถิติอาบน้ำไวชัวร์ๆ สบู่ไม่มีเหรอ สมตุ้ยไม่สน เอามือถูตามตัวแรงๆก็พอแล้ว ไม่รู้คนอื่นเป็นหรือเปล่า แต่เวลาสมตุ้ยไปอาบน้ำที่อื่นที่ไม่ใช่บ้าน มันจะติดนิสัยชอบเงยหน้ามองเลิ่กลั่กๆขึ้นไปข้างบน เป็นการอาบน้ำแนวทริลเลอร์มาก
.
สมตุ้ยหิวแย้ว
ถึงแม้อาหารที่นี่มันจะแพงบัดซบ แถมรสชาติก็ไม่ได้เรื่อง แต่การกินก็เป็นเรื่องสำคัญของคนเรา สมตุ้ยเอามือล้วงกระเป๋า เจอเหรียญกรุ๋งกริ๋งๆแล้วก็ให้สมเพชตัวเองยิ่งนัก หลายคนที่รู้จักสมตุ้ยจะรู้ดีว่า สมตุ้ยจะมีจุดอ่อนกับบางสิ่งบางอย่าง ที่เวลาเห็นแล้วจะรู้สึกหดหู่ สงสาร เวทนายังไงบอกไม่ถูก ได้แก่ 1) เด็กหรือขอทานจนๆเขรอะๆมาเกาะกระจกร้านอาหารดูเรากิน 2) คนแก่นั่งกินข้าวคนเดียว 3) คนที่ท่าทางหิว เอาเหรียญออกมานับว่าพอดีกับค่าอาหารไหมแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก ตอนนี้สมตุ้ยเป็นเบอร์สาม ไอ้เงินพอน่ะมันพอ แต่สมตุ้ยไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องติดเกาะนี่ไปอีกนานแค่ไหน เงินก็ร่อยหรอลงทุกวัน สมตุ้ยไม่อยากเสี่ยงเพราะไม่ได้รวยเหมือนอดีตนา...อุ๊ยขอโทษค่ะ ไม่จุดประเด็นๆ
.
สุดท้ายสมตุ้ยก็กินแมคเหมือนเดิม วันนี้สั่งแมคฟิช ราคาเจ็ดยูโรเท่าเดิม หน้าตามันประหลาดๆไงไม่รู้ ชีสก็ไม่มี แถมมีผักกาดใส่ไว้เต็มเลย ดูมันรกทกเลอะเทอะเหมือนสักแต่โปะๆเข้าไปยังไงไม่รู้ แล้วเบอร์เกอร์ฝรั่งนี่ไม่รู้เป็นไงเหมือนกันหมด ทำทิ้งไว้จนขนมปังเหี่ยวเหนียวเหมือนยางรถ มันฝรั่งทอดก็แห้ง คือเขาชอบทำแล้ววางทิ้งไว้เยอะๆ ไม่เหมือนของบ้านเราทำใหม่ๆร้อนๆเป็นส่วนใหญ่ บ่นไปยังงั้นแหละ สุดท้ายสมตุ้ยก็ยัดประทานจนหมดอยู่ดี
.
หลังจากนั้นสมตุ้ยก็นั่งแหมะเล่นคอมไปจนหมดวัน ใช้ชีวิตแบบว่างเปล่าไร้ความหมาย ในหัวนึกอะไรไม่ออกเลยว่าจะทำยังไงต่อไปดี แอบฟังคนอื่นเขาคุยกันแล้วก็รู้สึกเบลอๆว่า เออนี่เขาจะขึ้นเรือขึ้นรถไฟกลับกันแทนแล้วนะ แล้วกรูล่ะ หลายคนบอกให้โทรไปหาสถานทูต แต่สมตุ้ยไม่รู้ว่าจะโทรไปแล้วพูดว่าอะไร "ฮัลโหล ช่วยด้วยค่ะ พาหนูออกไปหน่อย เงินหมดแย้ว" อาจจะโดนวางหูเอาดื้อๆได้ เล่นจนหิวข้าวก็ไปหาข้าวเย็นกิน ตอนนี้แค่ได้ยินคำว่า แม็คฯ ก็จะอ้วกแล้ว เลยเปลี่ยนมากินสปาเกตตี้จานละ 12 ยูโร แพง แต่ต้องยอมเพราะกระเดือดแม็คฯไม่ลงแล้วจริงๆ ปรากฏว่าจานบักเป้งมาก ใหญ่ เยอะๆ เป็นซอสครีมใส่เบคอนชิ้นหนาๆ กับถั่วลันเตา
.
จริงๆวันนี้สมตุ้ยคิดไม่ตก วันนี้จะนอนหงิกอยู่ตรงโซฟาที่เดิมดี หรือจะย้ายไปนอนในโรงนอนที่เขาดัดแปลงเกทจีให้เป็นค่ายพักทหารหลังสงครามโลกดี แต่พอเดินกลับไปตรงโซฟาแล้วพบว่า ผ้าห่มที่อุตส่าห์มัดไว้อย่างดี ใส่ไว้ในรถเข็นกับหนังสือและขวดน้ำ แสดงให้เห็นจะๆว่ามีเจ้าของ โดยไอ้ฟายที่ไหนไม่รู้ดอดขโมยไปแล้ว อารมณ์สมตุ้ยตอนนั้นระเบิดประทุเงียบๆอยู่ข้างใน เป็นอารมณ์ประหลาดที่สมตุ้ยไม่เคยรู้สึกมาก่อน ประมาณว่า ทำไมวะๆๆๆ ผ้าห่มผืนเดียวเมิงยังจะเอาของกูไปอีกหรอ เดินไปขอเขาใหม่มึงจะตายหรือไง เมื่อคืนกรูอุตส่าห์แหกขี้ตาเดินงัวๆเงียๆไปเจ็ดร้อยเมตรเพื่อไปเอาผ้าห่ม แม่งโคตรชั่วเลย แล้วมึงมาหยิบไปง่ายๆยังงี้นี่นะ สุดท้ายเลยเดินคอตกอย่างน้อยใจในโชคชะตา ลากกระเป๋าสองใบต๊อกแต๊กๆน้ำตาคลอด้วยความแค้นที่โดนขโมยผ้าห่มไปโรงนอน
.
พอไปถึงสมตุ้ยก็พบว่าคนในนั้นส่วนใหญ่เข้าประจำที่เตรียมนอนกันเรียบร้อยแล้ว สมตุ้ยเดินไปไม่นานก็เจอที่นอนว่างๆ ก็เลยวางกระเป๋าแล้วนั่งร้องไห้เงียบๆด้วยความเครียดที่สะสม แบบว่าอัดอั้นตันใจ อยู่คนเดียว ไม่มีใครให้พึ่งพิง แถมผ้าห่มโดนขโมยอีก (อันนี้เฮิร์ทมาก) เจ้าหน้าที่ที่เป็นแพทย์เห็นสมตุ้ยท่าทางไม่ค่อยดี ก็เดินมาถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า มีผ้าห่มหรือยัง แล้วก็เอามาให้อีกผืน พร้อมลูกอมมินท์อีกสองเม็ด สมตุ้ยแสนจะปลาบปลื้มใจที่เจอคุณลุงหมอใจดี เลยรู้สึกดีขึ้นบ้าง นอนอ่านหนังสือเล่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ได้ไม่นานก็หลับไป
.
(ตัดภาพมาหลังจากนั้นสามชั่วโมง)
สมตุ้ยนอนขดเป็นเลขหนึ่งไทยเหมือนเวลากิ้งกือโดนเขี่ย เพราะผ้าห่มสองผืนที่ให้มาไม่ได้ช่วยให้ความอบอุ่นเลย มันเป็นผ้านิ่มๆที่มักจะเข้ามาแนบกับเนื้อตัว แถมบางยังกะกระดาษเช็ดตูด แล้วสมตุ้ยก็รู้ว่าทำไมเตียงที่สมตุ้ยนอนมันว่าง เพราะมันอยู่ตรงหน้าช่องลมพอดี แอร์แม่งพัดแผ่วเบาแต่หนาวเข้ากระเดื่องดำทั้งคืน ส่วนที่เย็นที่สุดคือเท้า เท้าเย็นมากจนจับแทบไม่รู้สึก นี่ถ้าไม่ติดว่ากลัวคนมองว่าบ้าก็กะจะเอาถุงพลาสติกมาห่อเท้าไว้เหมือนห่อมะม่วงแล้วเหมือนกัน แต่ถึงกระนั้นสมตุ้ยก็หลับลงจนได้ ยิ่งนึกยิ่งแค้นใจไอ้เวรคนที่ขโมยผ้าห่มสีแดงกรูไปเหลือเกิน ผืนนั้นผ้ามันหนากว่า อุ่นกว่ามากด้วย
.
ก่อนจะหลับ สมตุ้ยยังมีแก่ใจคิดวาดหวังลมๆแล้งๆว่าพรุ่งนี้จะได้กลับอังกฤษ ทั้งๆที่รู้ว่าท่าจะยาก ชีวิตในสนามบินของสมตุ้ยยังอีกยาวไกล แต่วันนี้สมตุ้ยก็พอใจแล้วที่ได้นอนโดยไม่มีที่วางแขนทิ่มพุง และปราศจากเสียงโรงสีนานาชาติ...

โปรดติดตามตอนต่อไป

3 ความคิดเห็น:

  1. ตามมาอยู่เป็นเพื่อน สู้ๆนะนรา

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ20 เมษายน 2553 เวลา 18:32

    ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ก็ได้กลับแล้วละมั้งหมู ทนหน่อยนา

    ตอบลบ
  3. สมตุ้ยค่ะ เน็ตสมตุ้ยหลุด เลยไม่ได้คุยกันเลย
    หรือว่าสมตุ้ยไม่มีตังค์แม้แต่จะเล่นเน็ตคะ
    นั่นคงเป็นชีวิตที่เฮงซวยมาก ไม่มีอะไรทำ ได้แต่เล่นเน็ต
    แถมไม่มีตังค์เล่นเน็ตแล้วอีก

    สมตุ้ยสู้ๆนะคะ
    จุ๊บๆ

    ตอบลบ