แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทำงาน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทำงาน แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

I Hate Technogy

ถ้านราเคยสงสัยสิ่งที่โมมดจิพูด
ว่าตัวเองนั้นหรือคือ Trouble Magnet
อารมณ์แบบว่า เฮ้ย จริงเร้อ ไม่จริงมั้ง
วันนี้ค่ะ เชื่อแล้ว
ขอคารวะแม่หมอโมมดจิจากใจจริง
คอมเจ๊งค่ะ
.
แอร๊ยยยยยยยยย
อยากจะตะโกนกู่ร้องให้ก้องฟ้าเป็นอักษรลิ่มคูนิฟอร์ม
ร้อยวันพันปี กรูอยู่ว่างๆไม่เคยเจ๊ง
มันต้องมาเสียเอาช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม ช่วงเฉียดเป็นเฉียดตาย ช่วงโค้งสุดท้าย ช่วงลูกผีลูกคน
ไอ้เทคโนโลยีนี่ เชื่อไม่ได้ยิ่งกว่าสัตว์หน้าขนอีก
ยังดีว่าก่อนหน้านี้ เหมือนจะรู้ เพราะแบ็กอัพข้อมูลใส่แฮนดี้ไดรฟ์กับเมล์หาตัวเองไว้ก่อนแล้ว
ก็เลยยังไม่สติแตก แต่ทำงานไม่ได้ ต้องเดินไปใช้คอมที่ตึกเรียน ห่างออกไปสิบห้านาที
.
อาการคอมทรยศ
วันแรกเปิดเครื่อง มันบอกว่า จะ activate windows ตอนนี้เลยมั้ย
งง เกิดมาไม่เคยโดนถามแบบนี้ พอลองกดตกลง มันบอก เข้าวินโด้ไม่ได้ เพราะหมายเลขผลิตภัณฑ์ของคุณไม่ถูกต้อง และวินโด้ของคุณไม่ใช่ของแท้
ฟายยย ของไม่แท้บ้านพ่อง
เห็นอยู่กะตาตอนคนขายลงโปรแกรมให้ ถอดจากกล่องมา มีสติกเกอร์ของแท้แปะมาด้วย ไม่แท้ห่านไร
พอกด activate later มันก็ล็อกออฟ เป็นหน้าจอฟ้าๆ
แน่นิ่งไป กดล็อกอินใหม่มันก็วนไปหน้าจอเดิม
วนลูปอยู่อย่างนี้ ยังไงก็เข้าวินโด้ไม่ได้
.
วันที่สอง ดีขึ้นหน่อย
กดเปิดเครื่องแล้วไปอึ
กลับออกมาก็เห็นว่ามันเข้าหน้าเดสก์ท็อปได้แล้ว
แต่วอลเปเปอร์หายไป กลายเป็นหน้าจอดำมืดเหมือนมิติที่สี่
โปรแกรมบางอย่างหายไป เหมือนว่าวินโด้เรามันเป็นแบบไม่สมบูรณ์
แต่ยังดีว่าเข้าเน็ทได้ (หลังจากพยายามนานมาก) ทำงานอะไรก็ยังได้ดีอยู่
.
นราพลาดด้วยการปิดคอม
คือเป็นคนดีค่ะ ไม่อยากเปิดคอมทิ้งไว้นานๆ สงสารกลัวพี่เค้าเหนื่อย
ไม่คิดเลยว่าพี่เค้าจะทรยศด้วยการกามิกาเซ่เอาดื้อๆ
วันนี้ลองเปิดคอม เจอหน้าจอเดิม เข้าเดสก์ท็อปได้เหมือนเดิม
แต่ต่อเน็ทยังไงก็ไม่ติด
เปิดๆปิดๆอยู่สามสี่ครั้ง
พอมัดมือชกบังคับให้พี่เค้าปิดเครื่องครั้งสุดท้าย
พี่เค้าก็สิ้นลมหายใจไปเลย
คราวนี้เข้าอะไรก็ไม่ได้ กลายเป็นหน้าจอสีดำมืดมนอนธการ
ฮือ
.
นราโทรหาแอนดรูว์ แอนดรูว์บอกจะมาดูให้ตอนบ่ายสาม
นราเลยไปใช้คอมที่ห้องคอมจนถึงบ่ายสองกว่าๆ
คีย์บอร์ดอังกฤษมันต่างจากของไทยเรานิดหน่อย
พิมพ์ไม่คุ้นมือ พิมพ์ผิดบ่อย
หงุดหงิดอิ๊บอ๋าย
เมนก็จะมา อารมณ์แปรปรวน
ม่าง ชีวิตมีสีสันจริงๆให้ตาย
.
แอนดรูว์บอกว่าเขาแก้ไม่ได้ เพราะไฟล์มันเจ๊งไปแล้ว
เข้าวินโด้ไม่ได้ กดอะไรก็ไม่ได้เลย
เขาเลยลง OS อื่นให้แทน ชื่อ Obuntu
เป็นโปรแกรมที่พัฒนามาจากลีนุกซ์ ชื่อเรียกยากนราเลยตั้งชื่อให้ใหม่ว่าบันดี้
หน้าตาแปลกๆ ปุ่มแปลกๆ ใช้ยาก
แต่บ่นไม่ได้
มีคอมทำงานได้ก็บุญแล้ว
.
กำลังคิดว่าต้องไปแมนเชสเตอร์ทำบุญที่วัดไทยมั่งแล้ว
เป็นมนุษย์กรรมหนาจริงๆ
เดือนสิงหาทั้งเดือนมีแต่เรื่องไม่หยุดไม่หย่อน
นี่ถ้าสัปดาห์หน้ามีอะไรซวยๆเกิดขึ้นอีกจะไม่สงสัยเลย
.
ตอนนี้วิทยานิพนธ์ก็ใกล้เสร็จละ
แต่ก็เป็นแค่ฉบับร่างอันแรก แน่นอนว่าพอให้อ.ที่ปรึกษาอ่านแล้วต้องมีแก้อีกบาน
เหนื่อยจังเลย ช่วงนี้ตื่นมาแล้วเนื้อตัวมันจะเหลวๆเหมือนไม่มีแรงไงไม่รู้ ปวดเมื่อยไปหมด
หรือเป็นเพราะน้ำหนักขึ้นหว่า
ค่ะ ขึ้นมาห้าโล โอ้มายโก๊ช
อ้วนตั้บเหมือนไหกระเทียมต่อขาไม่มีผิดเลย
ปัญหาเรื่องวีซ่ายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
หงุดหงิดเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะทำไง ได้แต่รอ
เป็นกำลังใจให้สมตุ้ยด้วยนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

BITS of Asia: ASEAN night

ะรหายไปอีกแล้ว
กลับมาแล้ว
อย่าโกรธกันนะ
ช่วงนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ ชีวิตอยู่ในช่วงลุ่มๆดอนๆ
ดีก็แสนดี บทจะแย่ก็ทำเอานราแทบใจสลาย
นะ ชีวิตมันก็เงี้ย สู้ต่อไป ทาเคชิ
.
วันเสาร์ที่ผ่านมา มีงาน BITS of Asia ค่ะ
BITS ก็เอามาจากชื่อต้นของแต่ละประเทศที่เข้าร่วมงาน
มีบรูไน อินโดนีเซีย ไทย แล้วก็สิงคโปร์
ในงานจะมีการแสดงเล็กๆ อาหารประจำชาติ บอร์ดความรู้ ควิซ แล้วก็คาราโอเกะ
นรา ตอนแรกไม่ได้เกี่ยวอะไร แต่ว่าทำไปทำมาก็มาช่วยเขาซ้อมเต้น แล้วก็เต้นกะเขาด้วย
ตอนบ่ายสามโมงของวันงาน ก็มีการซ้อมใหญ่
การแสดงชุดนี้เป็นการเอาเพลงของแต่ละชาติมาต่อกันเป็นเพลงเดียว
เพลงไทยเราขึ้นเพลงแรกเลย อิอิ
เพลงกลับมาทำไม จากหนังน้าหม่ำ แหยมยโสธร
ว่าจะใช้ตั้งแต่ตอนอินเตอร์เนชันแนลเฟสติวัลละ แต่ไม่ได้ใช้
พอดีเลย เอามาใช้งานนี้แทน
นี่ทั่นประธานกิ๊กกำลังนำการซ้อมอยู่

ประมาณบ่ายห้าโมง ทั่นประธานกิ๊กต้องไปร่วมเลคเชอร์เรื่องอนาคตของอาเซียน นราก็ไปจัดบอร์ดเตรียมไว้ค่ะ แต่มันทุลักทุเลมาก หมุดเหมิก แม็ก กรรไกรไรไม่มีซักอย่าง นราปวดอึพอดีเลยเนียนทำเป็นคนดี บอกว่าเดี๋ยวเดินกลับห้องไปเอากรรไกรกับอุปกรณ์มาให้แล้วกันนะ ในใจกะว่าจะไปอึก่อนแล้วค่อยกลับมา
วันนี้ฝนตกทั้งวันเลย ตอนเดินกลับห้องเจอลูกหงส์ดำ ที่ตอนนี้โตแล้ว เดินตามปะป๊ามะม้าอยู่ ตัวเปียกมะลอกมะแลก ขยู้ขยี้ไปหมด
ตัดภาพกลับมาหลังอึ นราสบายใจลันลาเดินกลับมาช่วยงานต่อ
เจอเลสลี่ คนสิงคโปร์มั้ง ไม่แน่ใจ
อันที่จริงเฮียมีบทบาทใหญ่หลวงในงานนี้มาก
แต่วันก่อนงานจริง เฮียไปทำอะไรมาไม่รู้ กระแสข่าวบอกว่าตกจักรยาน
ฟันหน้าหักกระเด็นไปสามซี่ โอ๊ยแค่พิมพ์ก็เสียวแย้ว
หายไปหาหมอฟัน กลับมาอีกทีก็โอเค แต่พูดเยอะไม่ได้
น่าสงสารจริงๆ
นราจัดบอร์ด
ขันแข็งดีป่ะ
คิดว่าจะไม่ได้ถ่ายรูปของตัวเองซะแล้ว
โชคดีว่ามีหนุ่มคนนึงเดินมาถามว่าถ่ายรูปให้เอามั้ย
มารู้ตอนหลังว่าหนุ่มคนนี้เป็นว่าที่ท่านทูตอินโดฯ ที่มาร่วมงาน
โอ้วเป็นเกียรติเหลือเกินนน
บอร์ดไทยแลนด์ไม่มีอะไรมากค่ะ เพราะรีบร้อนทำ เหะๆ
มีธง (ที่พาดแล้วเหมือนฝรั่งเศส) รูปพระอินทร์จากงานอาหารนานาชาติเทอมที่แล้ว แล้วก็รูปวัดวาอาราม ผลไม้ไทย และแพนด้าหลินปิง
งงละสิว่ามันไทยยังไง
คือประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่มีแพนด้าค่ะ
สิงคโปร์กำลังจะได้ แต่ตอนนี้ยัง เราเลยรีบโฆษณาไว้ก่อน
อีกอย่างหลินปิงนี่เป็นเหมือนลูกในไส้ทั่นประธานกิ๊ก
เผลอไม่ได้ โปรโมทจั๊งงง
ตอนนี้เลยได้ที สมใจเค้าหละ
ถึงของเราจะไม่มีอะไรมาก รูปก็เล็กไปหน่อย
แต่อย่างน้อยก็ดูดีกว่าบอร์ดข้างๆนะ
ไม่บอกว่าประเทศอะไร เดี๋ยวเป็นชนวนสงครามข้ามประเทศ
ของเขามีโปสเตอร์แปะสามแผ่น จอ ออ บอ จบ
.
ส่วนนี่สาวๆจากบรูไน
เสื้อผ้าเขาธรรมดาแหละ แต่สีสันสวยมาก
เหมือนลูกกวาดเลย น่ากิน แง่มๆ
บอร์ดเสร็จแล้ว จัดเกือบคนเดียว เก่งมั้ย
เห็นเสื้อผ้านราป่ะ โอ๊ยอาย ทำไปได้หนอเรา
คือการแสดงเนี่ย นรากับน้องกิ๊กก็จะเล่นเป็นละครประกอบนิดนึง
ประมาณว่าผู้หญิงตามง้อผู้ชายเหมือนในหนังแหละค่ะ
แต่ระดับนรากับน้องกิ๊ก ทำไรมันต้องไม่ธรรมดา อึฮื้อ ไม่ธรรมด๊า
ก็เลยแต่งข้ามเพศกันซะเลย
นราสมแมนมาก

คนไม่มากนัก ไม่ใช่งานใหญ่อะไร
แต่ก็ดีใจที่มีคนมา อิอิ
ตอนแรกนราแอบคิดนิดหน่อย ว่างานมันเงียบจัง
ไม่เห็นเขาค่อยโปรโมทเลย คนจะรู้เหรอ
แต่ถึงเวลาก็อุ่นหนาฝาคั่งดีค่ะ

คาดว่าคงจะมาเพราะอาหารฟรี

นี่ไงทั่นประธานกิ๊ก สาวกรีกเพื่อนกิ๊ก นรา และแพทริเซีย สาวอินโดตัวตั้งตัวตีของงาน
อย่ามองนานเดี๋ยวตาบอด
คาดว่าถ้าไปยืนข้างน้องกิ๊ก คงต้องมีคนปวดตากันบ้าง
สีแสบสันมากกก นีออนสุดๆ
แพทริเซียเขาโชว์ระบำจานของอินโด
สวยดีนะ เต้นมันๆ เขาจะถือจานไว้ในมือสองใบแล้วเต้น
ฟังดูธรรมดาอะ แต่จานนั่นมันไม่ได้ติดอยู่กะมือนะคะ มันอาศัยแรงเหวี่ยงไม่ให้หล่นเวลาเต้น
ตอนซ้อมก็เห็นจานบินบ่อยๆ เสียวเหมือนกันว่าเกินเต้นจริงแล้วมันบินใส่คนดูจะเป็นไง
แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น การแสดงเรียบร้อยดีค่ะ
อันนี้โต๊ะอาหาร มีอาหารจากแต่ละชาติมาให้จ้วงกันได้เต็มที่
ของไทยเรามีหมึกแห้ง เพื่อนคนจีนชอบมาก
ถั่วโก๋แก่ ถั่วลันเตาอบกรอบรสวาซาบิ ขนมขาไก่ มะม่วงดอง
และเถ้าแก่น้อย คนชอบมาก
นรายังชอบเลย ขโมยมาห่อนึง อิอิ
เออใช่ น้องกิ๊กทำน้ำตะไคร้มาด้วย หอมดี แต่ไม่ได้กิน
แต่ว
เพราะแก้วมันไม่มี กำลังคิดว่าจะเอาหลอดดูดจากถังเลยดีมั้ย
พอดีว่าเห็นคนมองอยู่เลยช่างมันวะ ไม่กินก็ได้
นราว่าเสียอยู่อย่าง คือเขาไม่ได้ติดป้ายบอกให้ชัดเจนว่าอาหารแต่ละอย่างมันคืออะไร นราก็เลยไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงว่ามันมีอะไรมั่ง
มีอะไรสักอย่างหน้าตาเหมือนทอดมันผัก
อินโดมีอะไรสักอย่างที่เหมือนถั่วเขียวต้มน้ำตาลบ้านเรา
แต่ข้นคลั่ก เขียวปื๋อ
มีฟรุตค็อกเทล (อันนี้จำได้) เค้กช็อกโกแลตไอซิ่งไรสักอย่าง
เอาเป็นว่าเยอะแล้วกันค่ะ
.
นราไม่ได้อยู่จนจบงาน
เพราะเพื่อนบอกว่าจะแวะมาหาจากนอกเมืองเลยออกมาก่อน
แต่นะ ทำไมถึงทำกะฉันได้
แมร่ง ยกเลิก ไม่มาซะงั้น
แล้วจะให้กรูรีบร้อนไปเพื่ออะไรเนี่ย เซ็งมาก
เมื่อวันก่อนก็ทีนึงละ นัดเราแล้วก็ไม่มา ลืมเรา
คนยิ่งเฟลๆอยู่ด้วย ชิ
.
นราอยู่จนถึงคาราโอเกะค่ะ
เปิดเพลงให้คนออกมาร้องกัน
นราว่ามันก็น่าเบื่อนิดหน่อยนะ เพราะห้องมันใหญ่ไปด้วยแหละ
แต่ทุกคนก็ดูสนุกสนานกันดี
ตอนนี้นราเข้าสู่ช่วงวิทยานิพนธ์แล้ว
ก็คิดว่าคงถึงเวลาซะทีที่จะต้องอ่านหนังสือ
เขียนคำถามสำหรับสัมภาษณ์เก็บข้อมูล
และทำไพลอทสตั๊ดดี้แย้ว
งือ ขี้เกียจอ่ะ
.
วันนี้ก็ฝนตกอีกแล้ว
อากาศเปลี่ยนแปลง นั่นแปลว่านราไม่สบายอีกแล้วค่ะ
ทุกคนก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Everyone, It's Fuji-kun!

หายไปหนึ่งสัปดาห์ ไม่ได้งานยุ่ง ไม่ได้ขี้เกียจ
แต่ไม่มีเรื่องอะไรเด่นๆเกิดขึ้นเลยช่วงนี้ แหงะ
วันนี้หิมะก็ตกอีกแล้ว แต่ตกถึงพื้นก็ละลายแฉะทางเดินไปหมด เสียดายว่ามันไม่ตกลงมาเป็นหิมะฟูๆหนาๆอีกแล้ว ยังไม่มีโอกาสได้ปั้นสโนว์แมนสักตัวเลยค่ะ เสียดายๆ
.
ช่วงนี้เป็นเพราะอากาศมันทึมๆด้วยหรือเปล่านะ เลยเหงาหน่อย
เพื่อนนะมี แต่ไม่ค่อยเจอ ชีวิตสังคมติดลบมาก
ยังดีว่าเมื่อหลายวันก่อนได้ไปนั่งคุยกับเพื่อนคนฮ่องกงที่รู้จักกันตอนเปิดเทอมใหม่ๆ แล้วก็ได้รู้จักเพื่อนเขาอีกสองสามคน หน้าตาหล่อเหลาเอาการทั้งสิ้น แถมยังนิสัยน่ารักมากๆ แต่ใครที่ตาลุกจะฝากนราขอเมล์ติดต่อหนุ่มๆกลุ่มนี้ ต้องขอแสดงความเสียใจไว้ ณ ที่นี้ด้วย เพราะเขาเป็นเกย์กันทั้งกลุ่มนะจ๊ะ อยู่สมาคม LGBT: Lesbian, Gay, Bisexual, and Transgendered เป็นสมาคมเปิดกว้างอันนึงในมหาลัย
.
อาทิตย์ก่อน เกิดอาการวิงเวียนฟุบไปหน้าจอตอนดูเว็บ Amazon.co.uk ไม่รู้ตัว
รู้ตัวว่าทำอะไรไปอีกทีก็ตอนกล่องไอ้นี่ส่งมาถึง กรี๊ดดดด
ฉันทำอะไรลงปายยย โอ้โน่ว

โวยวายไปยังงั้นแหละ จริงๆรู้ตัวตลอด แต่อดเสียดายเงินไม่ได้
Fujifilm Finepix S1500 ซื้อมาในราคา £114
ตีเป็นเงินไทยแล้วถูกกว่าบ้านเราประมาณเจ็ดแปดร้อย
ฟูจิคุงตัวนี้ เป็นกล้องที่อยู่ตรงกลางระหว่างกล้องดิจิตอลแบบที่เราใช้กันทั่วไปกับกล้องแบบที่เราเห็นโปรฯเขาใช้กัน แบบที่เปลี่ยนเลนส์ได้ แถมเลนส์อันนึงราคาแพงตับเปื่อยนั่นแหละ ประมาณว่าเป็นกล้องสำหรับมือใหม่ที่อยากจะหัดถ่ายรูปแบบโปรๆด้วยตัวเองขั้นต้น
ด้านหลังค่ะ หน้าจอ 2.7 นิ้ว กับปุ่มมากมายที่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าไว้ทำอะไร
นราก็สุนทรีย์กะเขาเหมือนกันนะจะบอกให้
ไม่ใช่วันๆเอาแต่วิ่งไล่เป็ด หาของกิน กับนอนเผาอ็อกซิเจนไปเฉยๆ
ชอบถ่ายรูปค่ะ อยากถ่ายรูปอาร์ตๆ สวยๆ กะเขาบ้าง เลยยอมทุ่มทุนสร้างด้วยเงินเก็บร้อยกว่าปอนด์ ฮื้อออ
จริงๆ กล้องดิจิตอลอันเล็กที่ซื้อไว้ก่อนมานี่ก็ใช้ได้นะ
แต่มันถ่ายระยะประชิดแบบมาโครโหมดไม่ค่อยดี โฟกัสบ้างไม่โฟกัสบ้าง แถมถ่ายย้อนแสงนี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่เห็นอะไรเลย ก็หวังว่าฝีมือจะกระดืบไปเรื่อยๆ ให้คุ้มกับเงินที่เสียไปนะ
เทียบกับมือให้ดูความล่ำบึ้กของฟูจิคุง ฟูจิคุงตาโตมาก
จำต้นไซคลาเมนที่นราซื้อมาจากงานต้นไม้ในมหาลัยเมื่อสามเดือนที่แล้วได้มั้ยคะ ที่ดอกสีชมพูๆ ก้านยาวๆ ชูขึ้นมาข้างบน น่านแหละ
เกือบเท่งทึงไปแล้ว เพราะนราดูแลดีมาก ลืมรดน้ำประจำเลย
ตอนนี้ย้ายมาตั้งข้างหน้าต่างรับแดด และรดน้ำทุกสองวัน สุขภาพก็แข็งแรงขึ้นเป็นลำดับ ใบเขียวเข้มไม่ดูอ่อนแอเหมือนเป็นวัณโรคอีกต่อไป ที่สำคัญมีดอกงอกออกมาอีกแล้วแหละ มีเพื่อนแนะนำให้เอาไม้ขีดไฟแช่ในน้ำที่ใช้รด ดอกจะออกเยอะเพราะหัวไม้ขีดมีฟอสฟอรัส อยากลองเหมือนกัน
เอ๊ะๆ เห็นอะไรนั่นไหมเอ่ย
พวงมาลัยที่แม่ให้มาวันที่ออกเดินทางมาอังกฤษ
ยังเก็บไว้อยู่นะ คิดถึงแม่ ป๋า น้องๆ และทุกคนเลย
อีกไม่กี่วันก็วันวาเลนไทน์แล้ว
ปีนี้อยู่คนเดียว คงจะเหงาหน่อย
ต้องหาอะไรทำแก้เหงา แบบว่าเห็นใครจี๋จ๋ากันเราก็แซ้บเข้าไปแทรกตรงกลางดีไหม โฮะๆ ยุทธการทำลายวาเลนไทน์ของชาวบ้านตามประสาคนตาร้อนค่ะ ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
นราทำปฏิทินอันนึงส่งให้แฟน ข้างในเป็นรูปที่ถ่ายด้วยกันกับรูปที่ถ่ายที่ยอร์ก เป็นปฏิทิน "แขวน" ฮิฮิฮิฮิ ใช้สำหรับแขวน ไม่ใช่ตั้งหรือฉีกนะจะบอกให้
ส่วนคุณหมู ไม่ยอมน้อยหน้า ส่งของน่ารักๆ มาให้โด้ย
นาฬิกาปลุกหน้าหมีริแลกคุมะ อรั๊ยยย น่าร้ากกก มากๆ
กลมดิ๊กเลย เป็นคุมะลายวัว
เสียงกริ่งปลุกดังมาก ดังแบบปลุกคนตายให้ฟื้นได้ เพราะเป็นระบบกระเดื่องเคาะ เป็นหลักประกันว่าต้องตื่นแน่ ถ้าไม่ตื่นก็เตรียมโดนเพื่อนบ้านด่าได้เลยเพราะเสียงมันดังไปปลุกเขาด้วย
ขอบคุณนะหมูจ้า เสียตังไปตั้งเยอะเลย ขอบคุณน้า
ส่วนนาฬิกาสติทช์ของแม่ก็ยังแขวนไว้อยู่นะ ไม่ต้องน้อยใจไป
.
ตอนนี้เหลือเวลาอีกสองสัปดาห์ ก็พยายามซ้อมกันมากๆ สัปดาห์ละสามครั้งอย่างน้อย นราอยากให้งานออกมาดีที่สุดอะ ไม่ใช่ไปรำแล้วมองหน้ากันเลิ่กลั่กๆ
แต่เท่าที่เห็นซ้อมก็ท่าจะไปได้ดีนะคะ ก็ต้องคอยดูต่อไป
นราซ้อมรำมวย เข่าช้ำหมดแล้ว อร๊ายย เจ็บจังเยยหมูจ๋าาา
.
ตอนนี้สุขภาพแข็งแรงดี
แต่หายใจแล้วปอดมีเสียงนิดหน่อย
เอาไว้กลับบ้านแล้วค่อยไปตรวจ
ทุกคน รักษาสุขภาพกันด้วยนะ เคโระเคโรรี้

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Another Closer Step to England

ใกล้เข้ามาแล้วสินะ...อังกฤษ

ไปซื้อของและจัดการธุระกับตาหมูมาค่ะ
Went out buying some stuff and having some things done with my Sweetie today

อันที่จริงก็ซื้อของจุกๆ จิกๆ มาไว้มั่งแล้ว แต่วางไว้ทั่วตรงโน้นตรงนี้
ตอนนี้ในห้อง (ที่ปกติก็รกเหมือนบ่อขยะ กทม.) มีแต่ถุงพลาสติกกับเสื้อผ้า
นอกเหนือจากไอ้สามชิ้น (ยาสีฟัน ครีมทาตา กระติกน้ำ) ที่เล่าให้ฟังเอนทรี่ก่อน
จริงๆ ก็มีกางเกงวอร์ม ไดรเป่าผม จานชามช้อนส้อม
เครื่องเขียน หนังกะติ๊ก ปลั๊กกับอะแดปเตอร์
แล้วก็ซีร็อกซ์เอกสารสำคัญมาเรียบร้อยแล้ว
...โคตรสะเปะสะปะเลย...
I actually both some stuff earlier, but put them in different places.
My room (which is usually messy) is now full of plastic bags and clothes.
Other than those three things I mentioned earlier (toothpaste, eye cream, and thermos), I already have exercise trousers, hair dryer, utensils, stationary, elastic bands, plugs and adaptors, and I also photocopied all important documents.
...What a mess!...
ถุงรีแลกคุมะสีเหลืองอันนี้ตาหมูซื้อมาให้ น่ารักมากมาย ชอบๆ
ปกติเอาไว้ใส่เงินตอนพาแขกไปเที่ยว คราวนี้จะได้ใช้ใส่เงินตัวเองซะที
ส่วนหลอดขาวๆ นั่นคือครีมทามือกลิ่นมะลิค่ะ ดัดจริตโน๊ะ
ซื้อมาจากบู๊ทส์ตามเคย ข้าวของที่นี่น่ากินไปหมด แม้แต่ของที่ไม่ควรกิน
เช่น แชมพูสตรอว์เบอร์รีผสมครีม สบู่เห็ดผสมแปะก๊วย
ตามมาติดๆ ด้วยลิปมันของโอเรียนทัลพรินเซส กลิ่นราสเบอร์รี อร่อยดี
The yellow Rilakkuma bag was from my Sweetie, I used to put the school's money in it when I took a guest out. Now it is time I shall put my own money in!
That white tube is Jasmine hand cream, hehe
I bought it from Boots. Things here look so delicious, even stuff we shouldn't be thinking of eating them, like Strawberry and Cream shampoo and Mushroom and Ginko soap.
The raspberry lip balm is from Oriental Princess.
นาฬิกาน่ารักมั้ยๆ เป็นนาฬิกาเครื่องซักผ้าหละ
นรานี่ใช้เงินเหมือนน้ำ แต่ของมันน่ารักอ่ะช่วยไม่ได้
ส่วนสุดท้ายเป็นแป้งปะหน้าธรรมดาๆ
Isn't the clock cute? Can you see it's the washing machine?
I know I've been spending money like water, but I can't help, they are all so cute!
The last one is just normal face powder.
และเนื่องจากนราต้องนั่งเครื่องรวดเดียวสิบสองชั่วโมง กรุงเทพไปลอนดอน
ก็เลยอยากจะหาอะไรทำตอนอยู่บนนั้น เพราะคิดว่าคงไม่หลับแหง
ถ้าไม่ใช่เพราะร้องไห้ ก็คงจะเมาเครื่องบิน
ว่าแล้วก็สอยหนังสือหนาๆ มาหนึ่งเล่ม เกือบห้าร้อยแน่ะ
กะว่าอ่านจบก็ถึงลอนดอนพอดี เผลอๆ จบก่อนอีกอ่ะ
Since I will have to fly twelve hours straight from Bangkok to London, I want to do something when I'm up there because I know I won't be sleeping, having air sickness, if not crying.
I ended up spending almost 500 Baht on this book.
Hope I will finish it just when I reach London, or maybe even before that.

"จำฉันได้ไหม"
หนังสือชื่อบาดใจ มากกกกกก
นวนิยายญี่ปุ่นที่ได้รับรางวัลโยโคมิโซ เซชิ ที่เป็นคนเขียนเรื่องคินดะอิจิยอดนักสืบอ่ะ ซื้อเพราะรางวัลแท้ๆ เลยนะเนี่ย เพราะไม่เคยได้ยินชื่อคนเขียนมาก่อนเลย ถ้าไม่สนุกจะเอาไปเผาถ่านที่ยอร์กให้ดู ฮึ่ย
'Remember Me?'
This name just pierces through me.
It's a Japanese novel winning Yokomiso Seshi Awards, you know, he's the man writing Kindaichi series. I truly bought it because of the name of the award on the cover since I didn't know the writer. If it's not good I'll burn it the first thing in York.
.......................
ฮ่าาา ไปซื้อมาแล้วจริงๆ นะเนี่ย
อุปกรณ์สรรค์สร้างความสร้างสรรค์ของนรา
พอกันทีกับสไบเฉียงและรำอวยพร!
ต่อไปนี้เป็นยุคของ มวยไทยยยย
อ๊าย นึกภาพตัวเองใส่แล้วอาย
เดี๋ยวใส่เมื่อไหร่จะถ่ายรูปกลับมา สร้างความดังให้ตัวเอง
Haha, I really got this 'creative' cultural thing, finally!
Enough with Thai traditional dress and Thai Classical Dance!
It's now the era of Muay Thaiiii
...So embarassed thinking of myself wearing this thing...
I'll surely get photos of me wearing this and send it to Bangkok U.,
just making myself famous hehe

ภาพต่อไป ถ้าใครมาเม้นท์ว่านมแบน
นราจะไปปล่อยไวรัสเข้าคอม คอยดู๊
If I ever get comments telling me I'm flat as a surfboard in the next photo, I'll let the Trojans crash your computer, understand?


เออค่ะ รู้แล้วว่านมแบน แต่ดูแค่ชุดกันเถอะได้โปรด
เอาไว้เผื่อออกงานค่ะ ผ้าฝ้ายสีดำธรรมดา สองร้อยเอง
ถ้าไม่ได้ออกงานกลางคืนก็ยังใส่เป็นชุดธรรมดาวันที่ไม่หนาวมากได้
ใส่ออกมาแล้วโอเคเลยแฮะ นึกว่าจะเหมือนชุดนอนซะอีก
Right, I know I'm flat, but please, just look only at the dress, please!
This dress is for formal night. It's cotton, and it's only 200.
I can still wear it as a normal dress in a warm day, if not in the night gala.
It looks okay when I wear it. I thought it would look like a pyjama.
............................
วันนี้ตอนเย็นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดนผู้ใหญ่ดุเรื่องไม่ไปรายงานตัวกับคณบดี
พอไปโลตัส จะซื้อแชมพูกับลิปกลอส โอ้โหคนแม่งเยอะเหมือนแจกฟรี
หมดอารมณ์เดินเลย
แต่ก็อยากจะบอกว่า ชาโออิชิรสใหม่ รสพีช อร่อยอ่ะ
หอมเหมือนลูกพีชจริงๆ รสก็เหมือน ทั้งๆที่มันอาจจะไม่มีน้ำพีชอยู่ในนั้นสักกะหยด
ไม่หวานเทียมเหมือนอีกยี่ห้อที่ดังๆ ด้วย อะไรลิบๆ ตันๆ นั่นน่ะ
It's a bit sucks in late afternoon since I was complaint about how I didn't go see the Dean. Once I got to Tesco, I wondered if they're having freebies festival because it seemed like half of the world population were there and that killed my mood.
Just want to tell you that the new Oishi tea, Peach Tea, is quite good.
It smells like real peach and it tastes like one, though it might not contain a single drop of peach juice at all.
This tea is not so artificially sweet like another brand, the *cough* Lipton *cough*


ขวดสวยอีกตะหาก
The bottle is also nice.
........................
ใบตอง งองๆ
ตอนนี้เริ่มเบื่อหละ ซิมส์สาม
ทำปณิธานไม่สำเร็จซะทีง่ะ
มุกกุกู้
ยินดีด้วยนะคะที่สบายดี เอาชีวีรอดมาจากการสอบได้
อยากว่างมั่งอ่ะ ขี้เกียจไปหมดเลยตอนนี้
อยากเจอมุกเหมือนกันนะคะ แต่บ้านมุกไกลอ่ะ
ทำไงดีไม่ให้มุกต้องเดินทางไกลๆ คะ

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

Goodbye, BUIAO, I Don't Wanna Go

วันนี้ทำงานที่ฝ่ายกิจการต่างประเทศเป็นวันสุดท้าย
เริ่มเก็บของมาตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเราจะเก็บของไว้เยอะขนาดนี้

เต็มเป้ แถมถุงพลาสติกอีกสองถุงโตๆ

เศร้าจัง รู้สึกโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก

เราทำงานที่นี่มาตั้งเกือบหกเดือน แล้ววันนี้เราก็จากไป

และนี่เป็นแค่การเริ่มต้นของการพรากจากสิ่งที่รักเท่านั้น

Today was my last day at BUIAO

I've been cleaning out my desk since last Saturday, can't believe how many stuffs I had in that small booth! I filled my backpack and other two plastic bags.

Felt so sad...felt indescribably empty inside.

I've worked here for almost six months, now I have left,

and I know this is just the beginning of being away from people I love.


หมู่บ้านเล็กๆ ของเรา

Our small neighbourhood


ตอนเช้ามาถึง เพิ่งนึกออกว่ามีประชุมคณะ

ไก่ทอดที่ซื้อมาก็เลยอดกิน งือ ต้องรีบตาลีตาเหลือกวิ่งตามเขาไปประชุม

แต่ก่อนไปก็เดินแจกการ์ดอำลา กับของที่่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ ให้พี่ๆ ที่ทำงาน

ประชุมตั้งแต่เก้าโมงถึงบ่ายโมง แอร์ก็เย็นจับใจ เหมือนจะซ้อมเราให้พร้อมกับสภาพอากาศหนาวเหน็บที่อังกฤษโน่น

I arrived at the office just to know that I had to join School of Humanities meeting at nine!

Poor me, I didn't even have a chance to have the fried chicken I bought in the morning, since I had to run to the meeting room.

But before I left, I gave my colleages some souvenirs and cards for them to remember me by.

The meeting was from nine to one in the afternoon, and the air conditioner was terribly too cold.

Maybe they were preparing me for the weather in UK!


ตอนบ่ายลุกมาถ่ายรูปกับพี่ๆ ที่ทำงานเป็นที่ระลึก

ถ่ายไม่ครบคนอ่ะ เสียดาย เพราะตอนนั้นบางคนไม่อยู่

ได้ของเล็กๆ น้อยๆ มาด้วย ดีใจจังไม่คิดว่าจะได้เลย ซิก ซิก

พี่แหวนคนดีให้เครื่องคิดเลข ฮิฮิ สงสัยทนรำคาญที่นรายืมบ่อยๆ ไม่ไหว

พี่กิ๊งให้กระเป๋าใส่เครื่องโน้ทบุ๊กที่สวยมากๆ อันนึง

พี่เดือน ผอ.กตป. ให้หนังสือทำอาหารไทยมาเล่มนึง มีสองภาษาด้วย

ซึ้งใจจัง ทั้งๆ ที่นราก่อเรื่องยุ่งไว้ตั้งเยอะเขาก็ยังจะดีกับนราขนาดนี้

อยากทำงานที่นี่ต่อไปจังน้า

I took some photos with my officemates in the afternoon.

Too bad not everyone was there.

I even got some things! Don't know how to say how happy I was since I did not expect anything like that.

P'Wan gave me a small calculator. Maybe because I've been borrowing her too often lately haha.

P'Ging gave me a very nice laptop bag, and P'Duan gave me a book of Thai recipes in both Thai and English.

I'm elated. Though I've made a lot of mess, everyone still seemed to be so good to me.

Wish I could come back and work here...


ปล. อย่าไปสนใจหน้าบานๆ โทรมๆ ของนราเลยนะ วันนี้ไม่ได้แต่งหน้าน่ะ

PS. Just don't care about my swollen, scary face ok? I just didn't wear any makeups today.

.................................


วันนี้มีบุญมาก ได้ทานขนมฝีมืออาจารย์

พอถามแกว่านี่มันคือขนมอะไร แกบอก ไม่รู้เหมือนกัน

รู้แต่มีข้าวโอ๊ต ช็อกโกแลตชิป อืมม แล้วก็กล้วยหอมมั้ง?

ลองทานดูก็อร่อยดี คล้ายๆ บราวนี่แต่ไม่เหนียวเท่า ออกร่วนๆ

ของฟรีอร่อยทั้งนั้นแหละ หงัมๆ

Today I was also lucky for having a chance to taste one of my teachers' dessert.

When I asked her what it was called, she said 'I don't know'

There were oatmeals, chocolate chips, and banana, maybe?

It tasted good anyway. A little bit like brownie but not as sticky.

Well, freebies always taste good, right? *yum*



ตอนนี้ก็ได้กระเป๋าเดินทางมาแล้ว

หลังจากได้ใบแรกมาแล้วพบว่ามันหนักเกินไป

บริติชแอร์เวย์สให้แค่ 23 โล ตัวมันเองหนักเข้าไป 10 โลแล้ว

จะเหลือที่ให้กรูใส่อะไรเข้าไปได้อีกเนี่ย

นราก็เลยไปขอยืมกระเป๋าจากพี่สาวมาอีกใบ

เล็กกว่าหน่อย หนัก 7 โล พอไหววะ

นรากะเติ้ลลากกระเป๋าตึงตังๆ มาตั้งแต่ยูเนี่ยนมอลล์ลาดพร้าว แล้วนราก็ลากมันขึ้นรถไฟฟ้าหมอชิตไปลงอ่อนนุช แล้วตากฝนเรียกแท็กซี่กลับบ้านอีกสิบห้านาที

หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

Finally, I got my luggage.

The first one I had was way too heavy. The quota from British Airways was only 23 kg., but the luggage itself already weighed 10. What else could I put in?

So I borrowed another one from my sister. It was a little bit smaller with the weight of 7.

My boyfriend and I drag it from Union Mall, Lad Phrao to Mochit BTS station, and after that I took it to Onnuch and waited for a taxi in the rain for fifteen minutes.

This is how it looks like:


กระเป๋าใบนี้เคยไปเที่ยวอเมริกามาแล้วนะ

ป้าย AFS ยังติดอยู่เลย ของพี่สาวนั่นแหละ

This luggage has been to the US before!

My sister's AFS tag is still on it.



เหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เดียว ก็ต้องเดินทางแล้ว

มองกระเป๋าแล้วเศร้า มองอะไรก็เศร้าไปหมดแม้แต่ส้มตำไก่ย่าง

ตอนนี้ของที่เตรียมใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้วคือ...

There's only a week left before my departure.

It's so sad looking at the travel luggage, it's so sad looking at everything around me, even Somtam and grilled chicken.

Right now what I already have in my luggage are:



สามอย่างเนี้ยแหละ

...These three...


ห๊า ว่าไงนะ ทำไมมันมีแค่นี้เองหรอ?

อ่า ก็คือขี้เกียจจัดกระเป๋าง่ะ ไม่ได้ตื่นเต้นจะไปเลยไม่กระตือรือร้นมั้ง

กะว่ามีแค่ยาสีฟันของแอมเวย์ ครีมทากันตาห้อยของอาร์ทิสทรี กับกระติกน้ำกระบอกนึง กรูก็อยู่รอดได้ในอังกฤษแน่ๆ เหอ เหอ

ล้อเล่นน่า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะซักผ้าแล้ว จะซักจริงๆ นะ

จะไม่เล่นซิมส์สามทั้งวัน แล้วก็นอนอุตุหรอก จริงๆ นะเอ้อ

Huh? What? Why are there only these three?

Well, I'm just too lazy to pack things up. I'm not so excited about going abroad so I'm not really enthusiastic in doing anything, maybe.

Maybe I could survive in UK with just a toothpaste from Amway, eye cream from Artistry, and a thermos, haha.

Pff, that was just kidding. I'll wash my clothes tomorrow, really.

No more playing the Sims 3 all day and then sleeping, seriously!


พูดถึงซิมส์สาม ก็เอาซะหน่อย

เห็นสวนมันสวยดีเลยเอามาอวดค่ะ

Just a little update from my Sims 3 gameplay,

the garden is so beautiful (to me) I just wanna put it on my blog.


ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้นะคะ

ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนร่วมงานใน กตป. ทุกคนที่ดูแลนรามาตลอดเลย

ขอบคุณตาหมูที่เคียงข้างกันเสมอ และหวังว่าจะเคียงข้างกันต่อไป

ขอบคุณครอบครัวที่ห่วงใยตลอดเวลา

และขออภัยหากเปลี่ยนแบคกราวน์บล็อกบ่อยมาก

พอดีเป็นพวกไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่ตนมีน่ะค่ะ

Thank you everyone for giving me courage when I need it.

Thank you every colleage for always taking care of me.

Thank you my dear Love for always standing by my side,
and I hope you will stay the same.
Thanks to my family for their love and careness.
And also sorry for changing the blog background so often :P
I'm just can't be pleased easily.

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

Meet Shiva

Welcome to Sunset Valley
ซื้อแผ่นซิมส์สามมาเล่นนานแล้ว
วันก่อนว่างๆ เลยลองเอามาลงเครื่องโน้ทบุ๊กเอซัสสุดหรูดู
ผลก็คือ วันนี้ทั้งวันนั่งเล่นเกม ข้าวไม่กิน ผ้าไม่ซัก เหอะๆ
ลื่นปรู๊ดปร๊าดทันใจ โหลดไม่นาน แถมเครื่องไม่ร้อนอีกเหอะ
รักเธอจังเอซัสจ๋า จุ๊บ จุ๊บ แต่หนักไปหน่อยนะ

ตอนแรกกะจะลองสร้างซิมแล้วย้ายเข้าบ้านสักหลัง
ลองเล่นดูว่ามันเป็นไงมั่ง แล้วก็ค่อยลบออก
ปัจจุบันติดงอมแงม ไม่สามารถเลิกเล่นได้
Meet Shiva ของนราค่ะ
เล่นใหม่ๆ ค่าสถานะทุกอย่างจะหมดเร็วมาก
ทั้งพลังงาน ขับถ่าย ความหิว วันๆไม่ต้องทำไร หาข้าวให้มันกินอย่างเดียว
เล่นไปสักพักจะดีขึ้น ทนทานมากขึ้น ทำอะไรได้มากขึ้น
เคยบอกไปแล้วเมื่อหลายบล็อกก่อนหน้า ว่าต้นไม้สวยมาก
พอมาเล่นกับคอมสเปกสูงๆ มันยิ่งสวยใหญ่เลยอ่ะ ฮือๆ ไม่ไหวแล้ว
ไอ้ฟังค์ชั่นสำหรับเปลี่ยนสีข้าวของที่ทำให้เรารำคาญตอนเล่นกับพีซี
ตอนนี้สนุกกะมันมากมาย เปลี่ยนสีฝาบ้านแม่งทุกวัน
ไม่รู้เป็นไร ทำไมชอบทำสวนในเกมจังเล้ย
เพราะชีวิตจริงทำไม่ได้มั้ง ปลูกอะไรก็ตายหมด
ยกเว้นถั่วเขียวนะ งอกงามดีเชียว


วันดีคืนดี เดินไปเจอเมล็ดพืชตกใต้ต้นไม้
เก็บมาปลูก แล้วมันจะงอกเป็นต้นอะไรก็ต้องลุ้นเอาเอง
นราว่าเกมมันหลากหลายจนน่ากลัว
ชอบทำสวนเรอะ เอ้า ไปสะสมเมล็ดพืชในตำนานมาให้ครบไป
ชอบสะสมแมลงเรอะ ไปเดินตามป่าแล้วจับมาให้ครบไป
ชอบทำอาหารเรอะ ฝึกทักษะเยอะๆ แล้วไปซื้อตำราอาหารใหม่ๆ มาอ่านซะ
เสียดายว่านาฬิกาชีวิตมันเดินเร็วไป แก่เร็วมาก
นี่ต้องหยุดการเติบโตไว้ ไม่งั้นคงได้ตายก่อนทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน


มีซูชิด้วยหละ ดูแล้วหิวข้าวจัง

ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการหาผัว เอ๊ย สามีให้ชีว่าอยู่ค่ะ


กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงบ้าง
เมื่อวาน วันเสาร์ นราก็เริ่มรื้อบู๊ทเก็บข้าวของกลับบ้านแล้วค่ะ
เก็บๆไปก็สงสัยว่า นี่กรูยัดอะไรเข้าไปบ้างเนี่ย ทำไมมันเยอะแบบนี้
ส่วนใหญ่เป็นเอกสาร ส่วนพวกของหนักๆ ใหญ่ๆ พวกแฟ้ม หนังสือ
เดี๋ยวค่อยให้ปะป๋าขับรถมารับวันอังคาร วันสุดท้ายที่จะทำงาน

ใจหายจังเลยน้อ
ทำงานที่ฝ่ายกิจการต่างประเทศมาหกเดือนแล้วเหรอเนี่ย
ไวเหมือนโกหก
ได้เรียนรู้อะไรก็เยอะแยะ ก่อเรื่องอะไรไว้ก็มากมาย
รู้สึกโหวงๆ เหวงๆ แปลกๆ นะ
นราไม่อยู่แล้วเขาคงโล่งใจกันอ่ะ
มา เหมือนมาสร้างเรื่องยุ่ง มากกว่าจะมาช่วย เหอะ เหอะ
ไม่ต้องห่วงค่ะ
รายต่อไปที่จะซวย คือคณะมนุษยศาสตร์ เหอ เหอ

ถึงใครไม่รู้ มาเม้นท์ไม่ลงชื่อ
ไอ้กระเป๋าน่ะมีที่ว่างอยู่หรอก
แต่น้ำหนักดิไม่ไหว มันให้แค่ 23 โลเอง
งกชะมัด

หมูหวาน
ทำไมรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจความรู้สึกหมูหวานจัง
เหมือนเกิดกับนราเมื่อหกเดือนก่อน
อยากจะบอกว่า ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้นะ ก็ทำไปเหอะ
แล้วก็มองอะไรในแง่ดีไว้ ชีวิตจะได้ไม่เฮงซวยไปกว่าเดิม
ส่วนน้องเอฯนี่ ซื้อมาสี่หมื่นเก้าค่ะ
อย่าเพิ่งบอกว่านรารวย เพราะนี่มันงบมหาลัย
แปลว่าชั้นต้องกลับมาทำงานไถ่มันนั่นเองงง

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

This Is How My Heart Break

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาให้กำลังใจเมื่อเอนทรีก่อน
ทั้งหมูหวาน ปัด และมุกนะคะ นราซึ้งใจจริงๆ
ตอนนี้นราสบายใจดีแล้ว เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ภาพประกอบไม่เกี่ยวหรอก
เป็นผลงานจากการแข่งขันจัดดอกไม้ของนักศึกษาเอกโรงแรมฯน่ะ
ช่วงนี้นราเครียด หลายคนก็คงเครียด
มาดูดอกไม้สวยๆ ให้จิตใจเบ่งบานกันเต๊อะ
First of all, I'd like to thank my dear friends for giving me such a courage: Moowann, Pat, and Mukku, I do appreciate your kindness.
I'm alright right now, and I'll tell you just what had happened.
The pictures are not related to the story, actually.
They're from the flower arrangement competition of students majoring in Hotel and Tourism Management.
I'm quite stressed lately, and I guess so is everybody else.
Let's watch something beautiful and lift our minds off every tension!



หลายๆคนก็คงจะทราบว่า หลังจากกลุ่มนศ.เม็กซิโก
นราก็ได้ดูแลกลุ่มนศ.สิงคโปร์ต่อ
ทุกอย่างก็ดูเรียบร้อยดี จนกระทั่งวันหนึ่งที่เป็นคิวนราพาเขาไปทำกิจกรรมร่วมกับนศ.ม.เราที่บ้านเด็กพิการซ้ำซ้อน (ที่เคยอัพไว้น่านแหละ) และไปเกาะเกร็ดในตอนบ่าย
You might have known already that after Mexican students, I have to take care of the Singaporean students.
Everything went well, until the day I had to take them to the House of Handicapped Children (as I've mentioned in my earlier entry) and Kret Island in the afternoon.



มีเรื่องขลุกขลักแต่เช้า เมื่อเราไปถึงบ้านเด็กฯตอนเก้าครึ่งตามนัด แต่นศ.ม.เรายังไม่มา กว่าจะมาถึงก็สิบโมงกว่า ระหว่างนั้นนราทำอะไรไม่ได้ ยังดีว่ามีนศ.ม.อื่นมาทำกิจกรรมด้วย ก็ขอแจมๆเขาไป คอยบอกให้เขาเอาขนมไปแจก พาเด็กตบมือ เต้น ไปเข็นรถเข็น พอนศ.เรามาก็เอาของไปมอบให้ โดยทุกคนเอาของที่จะบริจาคไปวางรวมกันในห้อง แล้วก็ถ่ายรูปกัน (พลาดจุดที่หนึ่ง) เพิ่งมารู้ทีหลังว่านักเรียนเรามาแบบไม่มีแผนอะไรเลย!

Things didn't go well since the early morning. We arrived at the Handicapped's House at 9.30 according to the program, but students from BU were not there yet until late ten. I can do nothing during that time. Luckily, there were students from other university, so I asked them if we could join. During that time, I kept telling my group when to give children the snacks, help them dance, and help them with the wheelchair. When BU students finally arrived, we gathered stuff we prepared for the kids together, then take a photo (First Mistake.) I knew after that that the students didn't prepare anything for this activity before at all!



เสร็จจากบ้านเด็กฯ ก็ไปเกาะเกร็ดกัน
นราเองก็ไม่เคยไปเกาะเกร็ด ไม่รู้ข้อมูลอะไรของที่นี่เลย (พลาดจุดที่สอง)
แต่เห็นเขาหิวข้าวกันก็เลยพาไปทานข้าวกลางวันก่อน
เรียบร้อยแล้วก็บอกเขาว่า เอาละ เรามีเวลาให้คุณเดินสำรวจเกาะกันนะ
จะไปไหนก็ได้ เสร็จแล้วกลับมาเจอกันที่เดิมตอนบ่ายสองครึ่ง (พลาดจุดที่สาม)
After that we left for Kret Island.
I have never been to this place myself, so I know nothing about it (Second Mistake)
The students looked tired and hungry, so I took them to the local restaurant around there, ordered them some food, and made sure they all got what they wanted.
When everyone finished their meal, I told them they were free to explore the island, just had to come back here at 2.30 (Third Mistake)



เด็กๆก็แยกย้ายกันไป นราก็ถือกล้องไปถ่ายภาพบรรยากาศรอบๆ
ใครเคยไปเกาะเกร็ดคงจะรู้ว่ามันจะเป็นทางเส้นเดียววนรอบเกาะ ขนาบด้วยร้านค้า
เดินไปเดินมา นราก็ไปเจอกลุ่มเด็กสิงคโปร์กลุ่มนึง
สุดท้ายก็เลยเดินไปด้วยกันจนถึงเวลานัดพบ
ก็กลับมาขึ้นเรือข้ามฟาก ขึ้นรถตู้กลับโรงแรม
นราดันลืมวางกล้องของฝ่ายไว้ที่โรงแรมเขาด้วย ดีที่ไม่หาย
(พลาดจุดที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ขี้เกียจนับ)
The students wandered around, while I took some photos for the University report.
If you have been to Kret Island, you would know that between hundreds of shops, there is only one main route going round the island.
I accidentally found a group of students, so I walked with them until we came back at two thirty.
We took the boat back to where the vans were waiting and headed to the hotel.
I forgot the camera, which is not mine but the University's, at the hotel as well.
Luckily, someone took it to the reception.
(Can someone tell me how many mistakes we have so far?)



สองวันหลังจากนั้น ได้เรื่องเลย
เจ้านายนราเรียกเข้าไปคุยตอนเย็น
เขาว่า ได้คุยโทรศัพท์กับอาจารย์ผู้ควบคุมคณะของเด็กกลุ่มนี้แล้ว
และอาจารย์เขาก็บอกว่า ไม่พอใจการทำงานของนรามากๆ
เพราะนราไม่ทำหน้าที่ของตัวเองเลย เห็นแต่เพื่อนอีกคนที่ไปด้วยกันทำ
นราทำตัวเหมือนนักเรียนคนนึงของเขา ไม่ใช่ผู้ประสานงาน
ไปเกาะก็ไม่อธิบายอะไรเลย ไปบ้านเด็กก็ไม่มีการมอบของ
เจ้านายนราบอกว่า เขาผิดหวังในตัวนรามาก
The shit hit the fan two days after that.
My Boss said she needed to see me in her office.
She said she had a telephone conversation with an instructor who took care of the students, and he said that he 'does not like my performance very much' since I didn't seem to do what I should do. The only person he saw working responsibly was my friend who also accompanied the group on that day.
He said I acted like one of his students, not a coordinator:
No explaination about Kret Island, no proper ceremony taken place at the Handicapped's House.
Finally, my Boss said she was so disappointed in me.



นราอธิบายว่า นราไม่ได้ปล่อยให้เพื่อนทำงานคนเดียว
แต่แบ่งกันทำ ช่วยกันทำ คนนึงโทรตามนศ. คนนึงโทรตามรถตู้
แต่นราไม่เถียงเรื่องความโหลยโท่ยของนรา
เป็นความผิดของนราเองที่ไม่รู้จักหาข้อมูลก่อนพาแขกไป
และไม่รู้จักมีไหวพริบในการจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับแขก
ตัวนราเองเป็นคนไม่ค่อยเข้าหาใคร เงียบๆ และไม่ค่อยถาม
แถมยังขี้ลืม สะเพร่า และไม่รอบคอบเป็นที่สุด
ก็เลยทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้
นราไม่เถียงเลย

I explained that I didn't toss all my responsibility on my friend, but we both helped each other: one calling for BU students, while one calling for the vans.
However, I had no excuse for my lousiness at all.
It was my fault for not searching and giving information to the guests when I should,
and couldn't even make proper activities for them.
I myself is quite quiet at work. I don't really ask much.
I'm terribly forgetful and not so neat. That is why this thing did happen.
I do not argue at all.


สุดท้าย ก็อย่างที่รู้
นราถูกถอดออกจากโปรเจ็คแล้ว
At last, as you might have guessed,
I was taken off the project.



นราไม่โกรธเจ้านายเลยที่ว่านรามากมายขนาดนั้น
เพราะนราก็เป็นอย่างที่พี่เขาว่ามาจริงๆ
พอมีคนมาตำหนิแรงๆ ตรงๆ นราก็รู้ตัว และก็อยากจะเปลี่ยนแปลง
ตกเย็น นราไล่โทรศัพท์ไปหาพี่ๆที่ทำงานด้วยกันเพื่อขอโทษ
ขอโทษที่ไม่ค่อยกระตือรือร้นถามงานจนทำให้เรื่องยุ่ง เสียชื่อมหาลัย
ขอโทษถ้าเห็นแก่ตัว อวดดีมากไป
ซึ่งทุกคนก็แสนดี เข้าใจและช่วยเหลือนราทุกคน
นราเขียนเมล์ไปขอโทษอาจารย์คุมคณะสิงคโปร์ด้วยนะ...

I wasn't angry at all,
because I know that I really AM what my Boss has said.
It's good when someone frankly and sincerely criticises you.
I know how I cause problems now, and I am more than ready to change.
That evening, I phoned my colleages to say Sorry.
Sorry for not being enthusiastic in work and therefore, putting us in shame
Sorry for being so selfish and deluded
Everyone was so nice to me. They understood and were willing to help.
I even wrote to the instructor to say how sorry I was...

ที่เสียใจที่สุดคืออะไรรู้มั้ย
นราคิดว่า นราห่วงใยสวัสดิภาพของแขกแต่ละคนมากแล้ว
นราคอยเดินปิดท้ายขบวนให้แน่ใจว่าไม่มีใครเดินหลง
โทรตามรถตู้ให้มารับทันกัน ดูแลว่าทานอาหารกันได้หรือเปล่า
กลัวจะเบื่อที่บ้านเด็กฯ นราก็คอยคุยกับพี่เจ้าหน้าที่ว่ามีอะไรให้กลุ่มเราทำบ้าง
เวลามีข้อผิดพลาด หรือแขกไม่พอใจอะไร นราก็อยากจะรู้ ณ ตรงนั้น
จะได้แก้ไขให้ได้ อย่างน้อยก็จะพยายาม
สิ่งที่ตอบกลับมาในเมล์คือ
"It seems like you want to have fun with the students more than anything else"



You know what truly hurt?
I thought I took a good care in every student's wellbeing.
I always walked at the back to make sure that no one would get lost.
I called the vans to pick them up in time. I made sure that food they had was okay for them.
Afraid of them getting bored at the Handicapped's House, I kept asking an officer there whether there would be something our group could join.
If there were any mistakes I made, I would want to know it right there,
so that I can fix things up, or at least I can try, I would try.
And what I got back was
>>
>>
You can read that sentence is red, right, fella?

"What you thought was good enough might not be so for the others"



PS. นราได้วีซ่านักเรียนอังกฤษแล้วค่ะ ย้าฮู ยี้ฮา/I finally got my UK VISA!

PS. นราได้หอพักแล้วด้วยค่ะ อุตส่าห์เลือกตรงๆกลาง ดันได้กระเด็นไปซะชายแนวป่าโน่น กรรม...



วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

I'm Lost...

I'm
Lost
.
.
.
It was just like what my mom said
"Carelessness and thoughtless will bring you troubles someday"

Now it did happen

What hurt you the most was not how you failed your responsibility,
but to know that you disappointed someone,
That, was real hurt

Don't know what to say
Don't know how to react
When I was just proved to be the biggest loser in the world
what was worse was that it was all my fault

This, is why I keep telling you people
that good grade in school does not mean any motherfucking thing
and I'm
the world's biggest motherfucking loser
at the moment
.
.
.
Cheers

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

A Visit to Nonthaburi with Singaporian Students!


วันนี้เริ่มต้นวันไม่สวยเลย มีเรื่องให้เศร้าใจแต่เช้า
เดินเข้ามหาลัยเพื่อจะไปขึ้นรถตู้ ไปรับเด็กสิงคโปร์ไปทำกิจกรรม
เจอนกกระจอกสองตัว อยู่บนพื้น
ตัวนึงตาย นอนนิ่งสนิท อีกตัวกระโดดไปมาอยู่ข้างๆ ร้องจิ๊บๆ
สะเทือนใจอย่างแรง
นกสองตัวนี้มันเป็นอะไรกัน เป็นแม่กับลูก? หรือว่าเป็นแฟนกัน?
คนเดินมาไล่ เอาศพนกไปทิ้ง นกอีกตัวก็ยังบินกลับมาวนเวียนตรงนั้นเหมือนเดิม
เศร้าจังเลย สงสาร ได้แต่แผ่เมตตาให้นกเงียบๆ ชาติหน้าขอให้ไม่ต้องเกิดมาทรมานแบบนี้
It was not a really beautiful morning to me today. Sad thing did happen.
I was on my way to the van, picking Singaporean students to do some activities in Nonthaburi, when I found two sparrows on the ground: one dead, one hopping around and chirping.
That shook me real hard.
What was this bird to the dead one? Mother - Offspring? Or maybe Lovers?
Even when someone put the dead bird away, another bird kept returning to that spot.
That was terribly sad...All I could do to pray for it to have a better life if reincarnation exists.

แปดโมงครึ่ง ออกเดินทางไปยังบ้านเด็กพิการซ้ำซ้อนราชาวดีชาย ที่ปากเกร็ด นนทบุรี
จุดประสงค์เพื่อพานักศึกษาสิงคโปร์จาก Ngee Ann Polytechnic ที่มาสัมมนาที่ม.กรุงเทพไปร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมที่บ้านเด็กฯ
ไปถึงเก้าโมงครึ่งพอดิบพอดี
โทรหานักศึกษา พบว่า ท่านๆยังรอกันไปรอกันมาอยู่ที่รังสิตอยู่เลย พระเจ้า มันน่านัก
ยังดีว่ามีนศ.จากม.อื่นเขามาจัดกิจกรรมด้วยเหมือนกัน เลยขอแจมๆเขาไป
ร้อน เหนื่อย แล้วก็เครียดด้วย อะไรๆก็ไม่เป็นไปตามที่วางแผน
At eight thirty, we left for the House for Handicapped Children Rajavadee in Pak Kret, Nonthaburi.
This activity aimed to take dear students from Ngee Ann Polytechnic, Singapore, to join a social activity held by BU Club. (The full name of the Club is fricking long, so I will just let it go, hehe)
We got there at nine thirty, but when we called the student responsible for this activity, the answer we got was 'we're still at Rangsit Campus.'
Gosh! At that moment I wished I could reach into the phone and strangle them.
Luckily, there were students from another university preparing some activities for the kids, too, so at least we could join them.
It was hot and it was stressful. Nothing seemed to go according to plan.




เด็กๆที่นี่ อายุตั้งแต่เจ็ดถึงสี่สิบขวบ
บางคนก็ไม่พิการอะไรมาก เดินได้พูดได้ บางคนก็หนักหน่อย แขนขาหงิกงอ ใบหน้าผิดส่วน
บางคนต้องนั่งแต่รถเข็น ไม่สามารถไปไหนเองได้เลย
มีคนนึง เขานอนคว่ำตลอดเวลา เหมือนท่าซูเปอร์แมนน่านละ ขาสองข้างหงิกขดเป็นเลขสี่อารบิก มือสองข้างหงิกแนบกับใต้ลำตัวตลอดเวลา
ฟังดูฮา แต่ไม่เลย เมื่อคิดว่าเขาเกิดมาแบบนั้น และต้องอยู่ในสภาพนั้นไปตลอดชีวิต
อีนังคนไหนที่ชอบบ่นว่า "โอ๊ย ขาใหญ่น่าเกลียด โอ๊ยอ้วน โอ๊ยไม่ชอบรูปร่างตัวเองเลย ฯลฯ"
หล่อนควรจะสำนึกให้มากๆ ว่าบุญแค่ไหนที่เกิดมาครบถ้วน มีข้าวกินทุกมื้อ และดูแลตัวเองได้
The age range of the children here are from seven to forty.
Some kids' illness are not so serious: they can walk and talk sensibly. Some of them are not that lucky. They were born very much deformed.
There was one child I remembered. He laid on his stomach all the time, just like how Superman flew, his legs were twisted into the shape of 4, and his hands were tightly stuck beneath himself.
That might sound funny, but no, not at all, when thinking that he was born that way and had to be like that for the rest of his life.
So ladies, if you are one of those girls who always goes 'Oh no my legs are too big and ugly/Oh I'm too fat/Oh I hate my body...' etc. You should be grateful now that you were born physically perfect, you have good meals every day, and can take good care of yourself.

หนุ่มเจ็ท (ชื่อจำง่ายเพราะนึกถึงเจ็ท ลีตลอด) ป้อนขนมน้อง
น่ารักมาก ตอนแรกก็กล้าๆกลัวๆกัน หลังๆเห็นไปนั่งตบมือตบไม้
เดินแจกขนมน้องกันสนุกสนาน
อืมๆ ถึงพูดคนละภาษา แต่หัวใจก็สื่อกันได้เนอะ
ก่อนกลับก็มาถ่ายรูปด้วยกัน
Jet (I always think of Jet Li :D) gave the golden service to a kid. I really like this photo.
It is so touching and lovely.
At first they were a little bit scared (or so I guessed) but after that all went okay. I saw David sitting with one child, clapping his hands along with the song, while the rest walked around and gave the kids the snack they prepared.
Now I truly understand that the language barrier means nothing!
We took one group photo before we left.


เป้าหมายต่อปายยย...เกาะเกร็ด
ท้องฟ้ากระจ่างสดใส ลมร้อนๆพัดเอื่อยๆ นั่นหมายความว่าวันนี้ร้อนตับแตกแน่นอน
พาเด็กๆ (เด็กจริง เพราะอายุแค่สิบหกสิบเจ็ด สาวยี่สิบเอ็ดอย่างเรารู้สึกแก่เฒ่าเหลือเกินนน) ลงเรือข้ามฟากไปเกาะ
พาไปหม่ำๆ ในเพิงอาหารแถวนั้น เขาก็ทานผัดไทย ก๋วยเตี๋ยว ห่อหมกหน่อกะลา ข้าวผัดได้ไม่มีปัญหา ไอ้เรากลัวกินเยอะแล้วเดี๋ยวเดินจะปวดท้อง เลยดื่มแต่โค้ก
ทีนี้ก็ปล่อยให้เดินเล่นกันบนเกาะ บ่ายสองครึ่งมาเจอกันที่เดิม
Next, Kret Island
The sky was so blue, the breeze was so warm, so gentle I was dang sure it would surely be another hot day, and I was right.
I and my colleage brought the kids (well, they are kids, since they are 16-17. How could someone feel sooo old with the age of 21?) to get the boat to the island.
We had lunch at the local restaurant. Everyone can have local food like Pat Thai, noodles, steamed fish with curry paste with special ingredient called Kala shoot (specialty of this island.) It is of the Ginger Family, but with milder taste, and fried rice. I myself did not dare to eat much since I knew I would get a cramp. So I had just Coke.
Then there was a free time for everyone to walk around.



ซื้อดอกไม้ทอดมาถุงนึง อัญชันกับโสนทอด
เสียดายว่าคงทอดมานานแล้ว มันเลยเหี่ยวๆหน่อย แต่ก็อร่อยแปลกดี
จริงๆอยากลองกล้วยไม้ทอด กับดอกเข็มทอด แต่ไม่กล้า
เห็นเขาฉีดน้ำยาใส่กล้วยไม้เลี้ยงในทีวีแล้ว เดี๊ยนไม่เสี่ยงค่ะ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าดอกไม้นี่มันมาจากไหน แถมไอ้ดอกที่ทอดนั่นก็เหมือนดอกไม้ไหว้พระเป๊ะๆ
I bought a bag of fried flowers (another specialty), fried Butterfly Pea flowers and Sesbania flowers.
Too bad they had been fried and left on the tray for too long, so it was no longer crunchy, but still good.
Actually I wanted to tried fried orchid and ixora (Hakim, now I figure out the name of that flower we tried to think of its name!), but wasn't brave enough since I saw how the used the pesticide on orchids, and I had no idea where these orchids were from.



อย่างที่ทราบกันดีว่า เกาะเกร็ดนั้นดังด้านเครื่องปั้นดินเผา เพราะงั้นก็ขาดไม่ได้เลย แผงขายน้ำที่ขายพร้อมแก้วดินเผา
เดี๋ยวนี้เขาทันสมัยนะ เมื่อก่อนเราซื้อกินมีแต่เป็นโอ่งทรงต่างๆ
เดี๋ยวนี้เขามีโดราเอม่อน เฮลโหลคิตตี้ วินนีเดอะพูห์ ชินจัง และแม้กระทั่งเบ็กแฮม!
ขออภัยที่ภาพปลากรอบหมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะเดินไปเรื่อยๆ แม่มอากาศร้อนขึ้นๆจนหายใจไม่ออก หมดอารมณ์ถ่าย
รู้แต่ซื้อของมือเติบมาก กำไลข้อมือลูกปัด พวงกุญแจเฟลิเซียจากดาร์กสตอล์กเกอร์ (มาได้ไงไม่รู้) ที่ห้อยโทรศัพท์มือถือลูกปัดแก้วน่ารักสี่อัน (ขอบคุณพ่อหนุ่มฮาคิมที่ช่วยออกตังให้ก่อน แล้วจะไม่ยอมเอาคืนด้วย ใจดีจริงจริ๊ง) หม้อข้าวหม้อแกงและชามตราไก่จิ๋วหลิวให้น้องสาว และจิปาถะ จำไม่ได้
กลับขึ้นรถมา สลบเหมือดกันทั้งรถ แต่เด็กชุดนี้น่ารักจริงๆ ร้อนก็ไม่บ่นอะไรมากมาย ของกินก็ไม่เกี่ยงอะไรมากมาย มาเรียนตรงเวลา สุภาพน่าร้ากจริงๆเลย
Kret Island is famous for its earthenwares, so what you will definitely see is the shops selling drinks with terracotta container.
They are quite up-to-date these days. When I bought one several years ago, the containers were only jars with different shapes, but today they have Doraemon, Hello Kitty, Winnie the Pooh, Shin-Chan, and even David Beckham!
Sorry if I had too few photos. It was so hot and humid that I did not feel like taking photos.
All I knew was that I bought a lot of stuff: a bracelet, Felicia from Darkstalker key holder, glass beads mobile phone holders (thank you so much Hakim for paying for me first when I had no smaller notes than 1000. That was very kind of you), and mini terracotta cooking pots and bowls for my sister, and much more :D
They quickly fell asleep once we got back to the van. Haha
I do adore this group of students. They are really nice. They don't complain too much about the heat, the food, and the class. Most important, they are polite. I'm more than comfortable to have accompanied them around!