แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กิจกรรม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กิจกรรม แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

The Great Yorkshire Show #2

ม่ะ ภาคสอง มาต่อกันให้จบ
ความเดิมตอนที่แล้ว นราเดินดูแต่ดอกไม้ผลไม้ ทั้งๆที่ธีมหลักของงานคือปศุสัตว์ การประมูลพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ประกวดเนื้อสัตว์
ออกมาจากโซนพืชผักผลไม้ ก็เดินย้อนฝ่าฝูงชนมหาศาลออกไปข้างนอก ฟ้าเริ่มท่าทางไม่ค่อยดี ลมก็เริ่มพัดแรงขึ้น รู้สึกดีใจที่ใส่เสื้อแจ็กเก็ตหนังสีน้ำตาลมาด้วย ตอนแรกก็บ่นแหละว่าร้อนอิบอ๋าย ถึงตอนนี้ดีใจจริงๆที่ใส่ไว้
.
เดินมาถึงเวทีใหญ่ๆ เขากำลังแข่งขันตัดขนแกะกันอยู่
ผู้เข้าแข่งขันต้องลากแกะออกมากล้อนขนให้มากและเนี้ยบที่สุดภายในเวลาที่กำหนดไว้
ยืนๆดูไป ขำก็ขำ สงสารก็สงสารแกะ
แบบมันยืนอยู่ในคอกของมันดีๆ เคี้ยวหญ้าเคี้ยวฟางอะไรของมันไปเรื่อย อยู่ๆก็โดนจับลากออกมาจากคอก จับหงายท้อง แล้วโดนปัตตาเลี่ยนไถแครกๆๆๆ แป๊บเดียวเกลี้ยง
บางตัวเหมือนจะงงๆ ตั้งตัวไม่ทัน อารมณ์ประมาณ เห อะไรเหยอ
แต่บางตัวนี่ดิ้นสุดฤทธิ์ เตะ ถีบ ดิ้นเหมือนนางเอกตอนจะโดนตัวร้ายปล้ำยังไงยังงั้น
พอถลกขนออกมาได้เป็นแผ่นใหญ่ๆ ก็จะมีผู้ช่วยในเสื้อเขียวคอยช่วยเอามาคลี่ให้เป็นผืน แล้วม้วนๆกองไว้รวมกัน มีลุงเสื้อฟ้าเป็นกรรมการคอยดู
การตัดขนแกะเนี่ยนราว่าเป็นสกิลอย่างนึงเลยนะ เพราะขนแกะแต่ละพันธ์มันไม่เหมือนกัน แถมดีกรีความพยศของแกะก็ไม่เหมือนกันอีก
ตัดลึกเดี๋ยวโดนหนังแกะ ตัดตื้นเกินก็ได้ขนแกะไม่หมด
ชาวนาที่มาแข่งนี่มือฉมังล้วนๆ
กล้อนเสร็จ แกะนี่เย็นสบายไม่ต้องพึ่งซันซิลค์เลย
เกลี้ยง เป็นสีชมพูอ่อนๆ กลับเข้าคอกไปอย่างมึนๆ
ไหนๆก็เดินมาโซนแกะแล้ว ก็เดินเล่นดูน้องแกะไปพลางๆ
แกะที่เอามาโชว์ มีทั้งแบบที่ชนะได้รางวัลสุดยอดแม่พันธ์พ่อพันธุ์ พวกนี้ก็จะตัวใหญ่ อวบอ้วนสมบูรณ์ ดูแข็งแรงมาก
แล้วก็แบบที่เลี้ยงไว้เพื่อกิน พวกนี้มักจะเป็นลูกแกะ น่ารักๆ
เห็นแววตาแล้วสงสาร เมิงจะรู้ไหมว่าที่เขาประคบประหงมเมิง เอาหญ้าเอาน้ำให้กิน ก็เพื่อจะแดรกเมิงในวันหน้า
เกิดเป็นสัตว์ต้องทำใจอย่างเดียว
.
ยืนขำแกะตัวนี้นานมาก
แกะปลิ้น
ปลิ้นออกมานอกกรง
ที่เห็นนี่คือเขาเอาสีข้างถูกรงอยู่ ถูไปถูมา
นานมาก สันนิษฐานว่าคัน แต่เกาไม่ถึง ติดพุง

ปอเปี๊ยะแกะ
หนึ่งในลูกแกะดวงจู๋ ผู้ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง
วันนั้นอากาศค่อนข้างเย็น เพราะลมแรง เจ้าของเลยต้องเอาผ้ามาคลุมให้ แต่เห็นแกะตัวใหญ่ๆนอนหอบลิ้นแดงกันใหญ่

ตูดแกะ
ใหญ่มาก
ใครจะไปนึกว่าตูดแกะจะบานได้ขนาดนี้

แกะหน้าดำ
พยายามจะจำชื่อพันธุ์ แต่นึกไม่ออกวุ้ย

มีแกะประหลาดๆด้วย
อันนี้แกะดำ มีเขา
แล้วก็มีแกะไรไม่รู้ มีเขาตั้งสี่อัน
ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรเยอะแยะ
ตัวนี้น่ารักม้ากมาก
กลมๆ ฟูๆ เหมือนปุยนุ่น
ก้มหน้าก้มตากินฟางไม่สนใจใคร
เห็นแบบนี้แล้วก็ไม่อยากกินเนื้อแกะเลย
ซึ่งปกตินราก็ไม่กินอยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่ามันเหนียวและหยาบ ไม่แซ่บ
อยู่ในคอกแกะประมาณครึ่งชั่วโมง ออกมาหูชาไปเลย
แกะมันร้องตลอดเวลา
ตัวเดียวไม่เท่าไหร่หรอก แต่พอหลายๆตัวมันแบรรรร่นี่สิ
เสียงเหมือนมีคนเป็นร้อยๆเรอพร้อมกัน
แบรรรรร่ะะะ เบร่อออออ เอริ่กกกกก
.
ถัดไป เป็นคอกหมูอู๊ด
หมูอู๊ดใหญ่มั่ก หมูอู๊ดเหม็นมั่ก
และไม่เห็นตัวไหนทำอะไรนอกจากนอน
ชะโงกไปดูกี่ตัวกี่ตัวก็นอนท่าเดียวกันหมด ท่าบังคับ
หมูอู๊ดถ้ามันสะอาดๆมันก็น่ารักเหมือนกันนะ
ดูน้องอู๊ดตัวนี้ซิ กลมเกลี้ยงออกชมพู น่าเอามาหนุน
แถมเล่นกล้อง ชะมดชะม้อยหางตาให้อีกตะหาก
หมูอู๊ดตัวนี้ เป็นหนึ่งในแม่พันธุ์ที่ได้รับรางวัล
หญ่ายมาก หญ่ายจนน่ากลัว
เกือบๆสองเมตรได้ละมั้ง
จริงๆมีอีกตัว ที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา
เพราะมัวแต่ตกตะลึงจนลืม
โคตรใหญ่ โคตรของโคตรใหญ่ เกิดมาไม่เคยเห็นหมี เอ๊ย เห็นหมูที่ไหนใหญ่ขนาดนี้
หล่อนเป็นแม่พันธุ์ลาร์จไวท์ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าใหญ่
ตัวยาวเกินสองเมตรอ่ะค่ะ ขานี่เป็นกล้ามเนื้อมัดๆ อ้วนๆ
คือถ้าเมิงเหยียบยอดอกกรูนี่ อกทะลุผลุไปถึงสันหลังแน่นอน
.
ที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาอีกอย่างคือปศุสัตว์ พวกวัว
พอได้เห็นแล้วก็เข้าใจว่า ทำไมพ่อซิมบ้าในเรื่องเดอะไลออนคิงถึงได้ตาย ตอนโดนฝูงวิลเดอร์บีสท์วิ่งเตลิดมาทับ
ก็วัวแต่ละตัวมันใหญ่ซะขนาดนี้ ไม่ตายก็แปลกแล้ว
คือวัวใหญ่มาก จะบอกว่าใหญ่เท่ารถคันนึงก็คงจะเว่อร์ไป แต่ที่แน่ๆใหญ่ประมาณยาริสหรือแจ๊ซแน่นอน
เห็นแล้วถึงกับกลัว ต้องเดินห่างๆ
ปีเตอร์ผู้ใจดี พานราไปดูตู้ประกวด Carcass แกะ หรือพวกเนื้อที่เขาแล่ออกมาแต่ยังมีโครงอยู่ ยังไม่เลาะเป็นก้อนๆ แผ่นๆ คือยังเห็นเป็นรูปร่างตัวสัตว์อยู่นั่นแหละ เหมือนที่เขาแขวนไว้ในห้องเย็น
แล้วปีเตอร์ผู้ช่ำชองการชำแหละ ก็อธิบายให้ฟังว่า เวลาประกวดเขาดูเนื้อกันตรงไหน ไขมันตรงสะโพกต้องหนาบางยังไงถึงจะดี ความหนาของซี่โครงต้องเป็นยังไง
ดูนานๆ นึกถึง Resident Evil ซะงั้น หลอนเหมือนกันนะ เห็นเนื้อสดๆ เป็นรูปร่างแกะไม่มีหัว ห้อยโตงเตงเป็นแถวๆน่ะ
.
ขากลับ นรกบนดินดีๆนี่เอง
หาชานชาลาไม่เจอ เพราะมันเป็นสถานีเล็กมาก แถมปีเตอร์ก็ไม่ได้มาด้วยเพราะต้องทำงานต่อ กว่าจะตรัสรู้ว่ามันต้องเดินข้ามถนนแล้วมุดลงสะพานลอดข้างใต้ก็เสียไปเป็นครึ่งชั่วโมง แน่นอนไม่ทันรถไฟฮ่ะ รถไฟไปยอร์กมาแค่ชั่วโมงละขบวน ก็นั่งรอไปเหอะ ลมก็แรง หนาวก็หนาว
ขึ้นรถไฟมาถึงยอร์ก โอ้สวรรค์ชิงชังฉันหรือไร
ฝนตกทันที
ไม่ใช่ตกแบบหยุมหยิมตามปกติด้วย ไม่รู้มันเป็นอะไรทำไมวันนี้ต้องตกแบบพายุเข้า ตกแรงมาก
นรายืนรอรถเมล์สี่สิบนาที รถเมล์ไม่มา ปวดฉี่ก็ปวด ห้องน้ำก็ไม่มี สุดท้ายต้องนั่งแท็กซี่กลับมหาลัย โดนไปหกปอนด์
แถมเพราะหนาวและอั้นฉี่ สุดท้ายเลยได้ของแถมมาเป็นทางเดินปัสสาวะอักเสบ เพื่อนเก่าที่เราไม่อยากเจอ
.
โมมดจิ
เมนท์ยาวๆแหละดีแล้ว นราชอบอ่าน
ไปงานนี้นราไม่ได้เสียตังค์ซื้อของกินอะไรเลยค่ะ
อยากเหมือนกัน แต่มันแพง ซื้อไม่ลง
เรื่องงาน เหอะๆ ยังไม่ถึงไหนเลยค่ะ
แต่นราก็เป็นซะงี้แหละ ไม่อนาทรร้อนใจ เดี๋ยวรอดูเดือนสิงหาสิ ไฟลนแน่ๆ
รีบๆมายอร์ก แล้วไปตะลุยหาของกินกันเถอะๆๆ

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

The Great Yorkshire Show #1

วันนี้รูปเยอะ โหลดโหด
ใครเครื่องตกรุ่น แนะนำให้ไปถอยเครื่องใหม่ได้แล้ว เพื่ออรรถรสและความสะดวกในการอ่านบล็อกของนราค่ะ เป็นห่วงนะเนี่ย
เรื่องของเรื่องคือ วันนี้ไปงานออกร้านการเกษตรและปศุสัตว์มา
อาศัยอานิสงค์ของปีเตอร์ เพื่อนคนอังกฤษ ที่ทำงานเป็นคนแล่เนื้ออยู่ในงานเอาบัตรฟรีมาให้ เลยเข้าได้ฟรี จากราคาตั๋วมหาโหดยี่สิบปอนด์ ราคานักเรียนแล้วนะน่ะ
งานจัดที่ฮอร์นบีมพาร์คในแฮร์โรเกต ปีเตอร์เมื่อคืนก่อนมาค้างกับแฟนเขาที่มหาลัย ตอนเช้าเลยออกไปด้วยกัน เป็นงานออกร้านที่เจ้าของหมู วัว แกะ หมา บลาๆๆ ผลิตผลการเกษตรทั้งหลายจะเอาของมาอวดกัน
นั่งรถไฟจากยอร์กไปลงสถานีฮอร์นบีมพาร์ค ตั๋วไปกลับห้าปอนด์ยี่สิบ ใช้เวลาประมาณสี่สิบนาที แล้วเป็นไรไม่รู้ขึ้นรถไฟทีไรได้ที่นั่งแบบที่มันหันหลังให้ทางรถไฟวิ่งทุกที เดินทางแบบถอยหลัง
.
จากสถานีรถไฟ เดินไปตัวงานอีกประมาณสามโกฏชาติ โคตรไกล มีการเดินเข้าป่าเข้าดงอีกตะหาก เข้าใจว่าเป็นทางลัด แต่อดไม่ได้ต้องถามปีเตอร์ "เมิงหลอกกรูมาฆ่าทิ้งหรือเปล่าเนี่ย"
ร้านส่วนใหญ่เป็นร้านผลิตภัณฑ์การเกษตรอะไรทำนองนั้น มีร้านไอศกรีมนม ไส้กรอกย่าง ฟิชแอนด์ชิปส์ เด็กเปรตวิ่งเกะกะทางเดิน คนเยอะเป็นหนอน เห็นแล้วนึกถึงบรรยากาศงานพรรณไม้งามที่สวนหลวง ไม่ก็งานหนังสือแห่งชาติตรงซุ้มนานมีบุ๊กส์กับเจบุ๊ก แน่นแบบนั้นเลย
เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัด ปีเตอร์เลยพาเข้าห้อง บ้าเหรอ พาเข้าไปในอาคารจัดแสดง แบ่งออกเป็นสามโซน โซนอาหาร โซนนมเนย แล้วก็โซนพืชผักต่างๆ
.
เนยยยยย
เห็นแล้วอยากเอาหน้าลงไปไถๆๆ เกลือกกลิ้งพลางเคี้ยวกินให้คอเลสเตอรอลมันพุ่งเล่นจริงๆ เนยคุณภาพจากผู้ผลิตท้องถิ่นเขาส่งเข้าประกวดกันเยอะแยะไปหมด แต่ละก้อนหอมหึ่ง เป็นกลิ่นหอมแบบอับๆ นมๆ ยังไงบอกไม่ถูก รู้แต่ชอบมาก
เนยก้อนเหลี่ยมๆดูเหมือนเล็ก แต่ของจริงใหญ่มาก ขนาดเท่าเครื่องพรินเตอร์ใหญ่ๆเครื่องนึงเลย ไม่ได้โม้ ใหญ่แบบกินทุกวันไปทั้งเดือนก็ไม่หมด
เนยแข็งก้อนเขียวๆนี่ชนะรางวัลที่หนึ่งค่ะ เป็นเนยแข็งผสมเสจ น่ากิน เนื้อเหมือนหินอ่อนเลย
เขามีการสาธิตการทำชีสให้ดูด้วย คนพูดตลกดี แต่ติดสำเนียงยอร์กเชียร์ค่อนข้างแรง เลยไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาพูดอะไร แต่ก็ดูเป็นความรู้ดีค่ะ เอานมเทใส่ชาม เทสารอะไรไม่รู้ลงไปสองสามอย่าง จำได้ว่าอย่างแรกคือ live bacteria ทิ้งไว้แป๊บเดียวแข็งตัวเป็นคล้ายๆเต้าหู้ซะแล้ว เสร็จแล้วเขาก็จะตัดเป็นชิ้นเล็กๆ เอาใส่ผ้าขาวบางเพื่อบีบน้ำ โรยเกลือ แล้วเอาไปอัดใส่พิมพ์ ทาดาาา
เดินลึกเข้าไปอีกหน่อย เป็นโซนผลไม้
ตื่นตาตื่นใจสมตุ้ยม้ากกก เพราะชอบดูผลไม้ที่มันติดอยู่กับต้น ไม่รู้เป็นโรคอะไร สงสัยชาติที่แล้วจะเป็นอุรังอุตัง
มีการประกวดผลไม้พวกเบอร์รีต่างๆ ที่หนึ่งเงี้ยไม่อยากจะพูด อวบอิ่มสีสันสดใสสุดๆ อีนี่ก็ไปยืนน้ำลายย้อยอยู่หน้าร้านเขา
ส่วนตัวนราชอบสตรอว์เบอร์รีนะ
นี่ก็กำลังจะหมดฤดูมันแล้ว ต้องรีบไปซื้อมาตุนกิน
แต่วันนี้ได้เห็นเรดเคอร์เรนท์ สุดยอด
ไม่คิดเลยว่าจะสวยได้ขนาดนี้ สวยแบบไม่อยากเอามากิน อยากเอามาใส่จานแล้วนั่งดูเฉยๆ
สีแดงสดใส เป็นประกาย เหมือนพลอยเลย
ยิ่งที่ได้รางวัลที่หนึ่งนะ เป็นสีชมพูอ่อนอมส้ม สีแชมเปญ เหมือนไข่มุกเลยค่ะ
งานใหญ่มาก
แต่นราเดินอยู่แต่ตรงพืชผักเนี่ย เป็นชั่วโมงๆ
โซนต่อไปเป็นโซนกุหลาบ หอมฟุ้งเลย
กุหลาบใหญ่กว่ามือเราก็มี บานแจงแวงทั่วไปหมด
ดอกกุหลาบพวกนี้ก็เป็นของส่งประกวดเหมือนกันค่ะ
ช่อนี้ได้รางวัลชนะเลิศ
จำไม่ได้ว่าชนะการจัดแต่งหรือชนะแบบนำเสนอหลากสายพันธุ์ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าดอกสีเหลืองที่ซ่อนอยู่ข้างหลังหอมมาก หอมหวานๆเย็นๆน่ากินดี
สุดยอดจริงๆ น่าอิจฉาคนปลูกต้นไม้เก่งๆนะ นราก็อยากปลูกดอกไม้แล้วมันบานสวยๆอย่างนี้มั่งอ่ะ ไม่เคยทำได้เลย ปลูกผักปลูกดอกไม้ทีไรมันต้องเน่าตายก่อนวัยอันควรทุกที
ปล.อย่ามาชวนไปปลูกผักเฟซบุ๊กซะให้ยาก
Alice's Red
แดง แด๊งงงจนตาจะบอด ยิ่งทาบกับฉากหลังสีน้ำเงินแล้วยิ่งจ้าจนปวดตา
ดูๆไปแล้วก็เหมือนขนมชั้นเลยเนอะ
ยัง ยังไม่พอ มีแสบกว่านั้นอีก
แสบทั้งสี แสบทั้งชื่อเลย
Tequila Sunrise
ดงเบญจมาศ
เห็นแล้วก็พยายามจะไม่นึกถึงงานศพอ่ะ
ไม่ใช่งานศพธรรมดานะ เป็นงานศพญี่ปุ่นด้วย
จริงๆมีดอกไม้มากกว่านี้ แต่เอาลงบล็อกหมดไม่ได้หรอก เหนื่อย ขี้เกียจย่อ ตามไปดูในเฟซบุ๊กเอาละกันนะ
มีกล้วยไม้ ฟุกเชีย ไฮเดรนเยีย สวีทพีที่สีหวานสมชื่อ แล้วก็ดอกไรไม่รู้แท่งยาวๆ เนี่ยหงุดหงิดจังเลยนึกชื่อไม่ออก
ฝรั่งกรี๊ดกล้วยไม้มาก ต้นนึงขายเกือบสิบปอนด์
นราได้แต่ชายตามอง แล้วพ่นลมออกจมูกด้วยมาดนางอิจฉาช่องเจ็ด "ฮึ แม่ฉันมีหมดแล้วย่ะ"
.
มีผลงานการปลูกผักส่งเข้าประกวดของนักเรียนประถมด้วย
เป็นบล็อกสี่เหลี่ยมที่มีผักผลไม้ปลูกไว้ตรึม
บ้านเราก็น่าจะทำมั่งนะ
เท่าที่จำได้ ตอนป.สามโดนสั่งให้ปลูกคะน้ากับผักบุ้งจีนที่สวนครัวหลังห้องเรียน
สรุป หมดอดแดรก ลูกภารโรงเอาสวนผักกรูไปทำสนามบอลซะยังงั้น
ส่วนใครที่คิดว่ามันฝรั่ง ก๊อคือมันฝรั่ง
ดูรูปนี้แล้วคิดใหม่ เพราะที่ท่านเห็นคือมันฝรั่งทั้งสิ้น
หลากสี หลากขนาด เรียงรายน่าเอ็นดูเชียว
ฝรั่งเขามีสูตรด้วยนะ ว่าพันธุ์นี้เหมาะจะเอามาทำอะไร อบหรือต้ม พันธุ์นี้ควรกินเมื่อไหร่
แต่ขอให้เป็นมันฝรั่งเถอะ นรากินหมด
เป็นมนุษย์เขมือบมันระดับชาติ
บางพันธุ์ชื่อน่ารักเชียว
"Smile"
"Charlotte"
"Mozart"
พันธุ์สุดท้ายนี่ถ้าเอาไปยัดปากลูก มันจะฉลาดเหมือนเปิดเพลงโมซาร์ทให้ฟังมั้ยนะ
จริงๆเป็นความใฝ่ฝันของนรามานานแล้ว
ว่าอยากจะได้มีประสบการณ์มางานออกร้านอย่างนี้สักครั้ง
เพราะตอนเด็กๆ พ่อซื้อหนังสือชุดบ้านเล็กของลอรา อิงกัลส์ ไวล์เดอร์มาให้ แล้วมันมีเล่มนึง Farmer Boy ที่เป็นเรื่องราวของสามีเขาตอนเด็ก ที่เขาช่วยพ่อดูแลม้าและวัวก่อนส่งเข้าประกวด แล้วพอถึงวันงานก็ไปเดินเล่นดูร้านรวง สัตว์เลี้ยง สุนัขล่าสัตว์ อาหารต่างๆ
หนังสือเล่มนี้แหละ ฝังใจนรามาจนถึงทุกวันนี้
วันนี้ mission accomplished แล้ว ได้เห็นสมใจว่า อ้อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง
เห็นแล้วก็คิดถึงพ่อขึ้นมาด้วย
ว่าแต่เราพลาดเต๊นท์ช่างเหล็กได้ไงเนี่ย เห็นเขาบอกว่าถอดเสื้อทำงานกันทั้งร้าน
แหม่ เกือบจะจบดีแล้วนะกรู
.
วันนี้ขอจบครึ่งแรกไว้เท่านี้ก่อน
เดี๋ยวภาคสอง ภาคจบค่อยตามมาทีหลังนะคะ
เหนื่อย อัพลงทีเดียวไม่ไหว
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Afternoon Tea at Betty's

อยู่อังกฤษมาก็นาน
เดือนนี้ก็ปาเข้าไปเดือนที่สิบแล้ว
ไม่เคยสักทีที่จะได้ลองดื่มชายามบ่ายแบบผู้ดีอีงกฤษกะเขา
ไปแต่ร้านอาหารจีน ร้านติ่มซำสนองตัณหาตัวเอง
พอดีว่าเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา แดน เพื่อนคนอเมริกันที่เคยมาเรียนที่ยอร์กเทอมนึงแล้วก็กลับนิวเจอร์ซีย์เขากลับมาเที่ยว นราก็ไปรอรับที่สถานีรถไฟ แล้ววันนี้ก็เลยนัดกับเพื่อนๆหลายๆคนไปเป็นผู้ดีอังกฤษที่ร้านชาที่ดังที่สุดในยอร์ก เบ็ตตี้ ที รูม
เคยพูดถึงตอนมาถึงใหม่ๆ ไปหาอ่านเอาเองนะขี้เกียจไปย้อนดูว่ามันอยู่เอนทรี่ไหน อิอิ
วันนี้แปลก คิวไม่ยาว
ปกติแถวต้องยาวตวัดหางออกมานอกร้าน ประหนึ่งว่าเป็นชาเทพ สโคนทิพย์ กินแล้วเขียนวิทยานิพนธ์เสร็จในสองสัปดาห์
แต่ถ้ามันกินแล้วเสร็จได้เร็วอย่างนั้น ชุดละพันปอนด์นราก็เอาค่ะ
ทุกคนเรียกเบ็ตตี้ว่าเป็นร้านชา แต่จริงๆมันก็เป็นเหมือนคาเฟ่อะนะ
คือไม่ได้มีแต่ชา แต่มีขนมที่ไว้ทานกับน้ำชา แล้วก็อาหารเบาๆไม่หนักมากให้เลือกเยอะเหมือนกัน ทั้งแซนด์วิช สลัด แล้วก็ย่างๆแบบบิสโทร
ไปกันแปดชีวิต ที่นั่งชั้นบนริมหน้าต่างมันเต็มหมดแล้ว
พนักงานก็เลยพาไปนั่งชั้นใต้ดินแทน ได้บรรยากาศสลัวๆหรูหราไปอีกแบบ
ชอบชุดพนักงานอ่ะค่ะ เป็นเสื้อเชิ้ตขาวติดกระดุมถึงคอ มีกระดุมทองแบบป้าแก่ๆโบราณติด แล้วก็ผ้ากันเปื้อนสีดำ ส่วนใหญ่เป็นป้าแก่ๆ เท่าที่เห็นไม่มีพนักงานเอเชียหัวดำเลยนะ สงสัยเดี๋ยวเสียบรรยากาศมั้งเนอะ
เมนูน่ารักมากมาย
นราก็ไม่ค่อยรู้จักหรอก ชาเชออะไรชื่อประหลาดๆ
แต่เอาวะ กระเหรี่ยงไทยวันนี้จะขอเป็นผู้ดีจิบชาไฮโซซะหน่อย ว่าแล้วก็สั่ง "อะ โพะ ออฟ ถี" ทันที
เพื่อนๆกลุ่มนี้จริงๆก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่
เพราะส่วนใหญ่พวกนี้เขาเป็นเด็กป.ตรีกัน ก็สนุกอะไรกันไปตามประสากลุ่มเพื่อน ใคร้เขาจะมาสนใจยายแก่ๆอายุ 22 จะ 23 อย่างเรา
แต่พอดีว่าแดนมา ก็เลยดรีมทีมรวมตัวกันเป็นการพิเศษ
ซ้ายสุด แดน จากนิวเจอร์ซีย์ ที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเมนูไม่สนใจใครก็นิค สวีเดนส่งเข้าประกวด สาวแว่นชื่อเทเรซา มาจากสิงคโปร์ แล้วก็อเล็กซ์ หนุ่มอังกฤษ
นราสั่ง Betty's Cream Tea ชุดละ 7.95 จริงๆอยากกินสตรอว์เบอร์รีครีมทีมากกว่า แต่มันแพงกว่ากันตั้งปอนด์นึง เลยตัดใจไม่เอา
นั่งอยู่ไม่นานก็มีพนักงานมารับออเดอร์ สักพักที่มาก่อนก็ชาเลย
จะเป็นผู้ดีแร้นเค่อะ
ชามาเป็นสองกา ใบใหญ่ใส่ชา ใบเล็กเป็นน้ำร้อนไว้เติม แจ่มมาก
เกือบหน้าโง่เอากาเล็กมาเทกินเปล่าๆแล้วสิ ดีนะยั้งไว้ทัน
มีนมใส่เหยือกอันจิ๋วมาให้เติมในชา แล้วก็น้ำตาลก้อนที่น่าจะทำเอง เพราะมันไม่เป็นสี่เหลี่ยมป็อกล็อกเหมือนที่เห็นตามร้านทั่วไป แต่เป็นเหมือนน้ำตาลอัดก้อนหยาบๆ อารมณ์เหมือนน้ำตาลทรายที่บ้านเราเวลาเปิดป๋องมาใช้แล้วเสือกปิดไม่สนิท อากาศเข้า น้ำตาลเลยจับเป็นก้อน ประมาณนั้น
.
ครีมทีที่สั่ง มาแล้วจ้า
คิดว่าเป็นชาใส่ครีมใช่มั้ย ต้องมีคนคิดแน่ๆ เพราะเมื่อก่อนก็คิดเหมือนกัน
มาเห็นคนที่นี่กินแล้วถึงเข้าใจว่ามันไม่ใช่ชาใส่ครีมเลี่ยนๆ แต่เป็นชุดน้ำชา ที่เสิร์ฟมาพร้อมสโคนสองชิ้นผ่าครึ่งมาให้ แยมสตรอเบอร์รี แล้วก็ Clotted Cream ที่เหลืองๆเหมือนเนยนั่นแหละค่ะ มีคำแปลภาษาไทยไหม?
สโคน หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
เนื้อออกร่วนๆหน่อย แต่ไม่ถึงกับกัดแล้วร่วงกราว ในเนื้อแป้งผสมลูกเกดด้วย พอดีนราไม่ปลื้มลูกเกดเท่าไหร่เลยเฉยๆ แต่สโคนของเบ็ตตี้หอมเนยมากๆ เสียดายว่ามันไม่ร้อน ไม่งั้นคงอร่อยกว่านี้วิธีทดลองกินแบบผู้ดี:
1) ทาครีมก่อน แล้วค่อยทาแยม วิธีนี้ให้ผลว่าทาแยมไม่ติด เพราะครีมมันหนาเตอะลื่นแพร่ดไปหมด ดังนั้นก็เลย 2) ทาแยมแล้วค่อยทาครีม
คราวนี้แจ่มเลย
แยมสตรอว์เบอร์รีหวานไปหน่อย เข้าใจว่าเป็นโฮมเมดเลยหนืดซะขนาดนั้น ส่วนครีมก็รสชาติอธิบายไม่ถูกดีค่ะ มันจะรสชาติคล้ายเนยตอนแรก แต่พอเคี้ยวไปสักพักรสมันจะจางลงเป็นรสเย็นๆมันๆ บอกไม่ถูก
นราทำให้เพื่อนฝรั่งตกตะลึงด้วยการปาดครีมทีนึงหนาครึ่งนิ้ว มอริทซ์ คนเยอรมันถามว่า กินเข้าไปได้ไงไม่เลี่ยนเหรอ
แหม ถ้ากินแล้วเลี่ยนกรูก็คงไม่หน้าบานเป็นลานจอดคอปเตอร์ยังงี้หรอกจ่ะ
.
ไม่รู้นิคสั่งอะไร น่ากินสุดโคตร อยากขอกินแต่ไม่กล้า
หน้าตาเหมือนเป็นไอศกรีม ราดซอสสตรอว์เบอร์รีกับครีม ปะด้วยสตรอว์เบอร์รีลูกมโหฬารมาก เจ็บใจว่าทำไมเราไม่สั่งอย่างนั้นมั่งฟะ น่ากินกว่าหนมปังทาครีมตั้งเยอะ หมายมั่นปั้นมือไว้แล้วว่าโดนแน่เมนูนี้ คราวหน้าถ้ามีบุญได้มาอีกจะสั่งมากินซะให้หายแค้น
.
อเล็กซ์ที่ตัดผมแล้ว เมื่อก่อนไว้ยาวสลวยมาก นราสุดเซ็กซ์ แล้วก็มอริทซ์
อเล็กซ์นี่ โปรดสังเกต เป็นฝรั่งที่ชูสองนิ้วทุกรูป แปลกมาก
ปกติมีแต่คนเอเชียที่ชอบทำ ฝรั่งไม่ค่อยทำ
บางทีเพื่อนก็ถามนรานะ ว่าทำไมยูต้องชูสองนิ้วด้วย แปลว่าอะไร
เอ ไม่รู้แฮะ แปลว่านราขอสองมั้ง อิ๊อิ๊อิ๊
วันนี้ได้หายโง่ไปอีกหนึ่งเรื่อง
คือเรื่องส่งไฟล์จากมือถือเข้าคอมผ่านบลูทูธ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยโอนไฟล์จากมือถือเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เลย มันจะขึ้นมาบอกว่าส่งไม่ได้ เฟลตลอด ส่งได้แต่จากคอมเข้ามือถือ
วันนี้ดวงตาเห็นธรรม ว่าต้องไปกดตรงไอ่บลูทูธไฟล์วิซาร์ด แล้วเลือกก่อนว่าจะให้คอมรับหรือส่งไฟล์
แหมมมมม แล้วก็ไม่บอกกันก่อนว่าเป็นได้ทั้งฝ่ายรุกและฝ่ายรับ
ปล่อยให้น้องโมฯเป็นฝ่ายรับอยู่คนเดียวมาเป็นปี โทรมกันพอดี
ว่าแล้วก็ให้ดูความอุดมสมบูรณ์ของนรา นมเล็กรู้แล้วไม่ต้องทัก
แล้วที่เห็นแขนงอๆ ไม่ได้ดันนมด้วยความพยายามอยากจะใหญ่นะ ถือไอติมอยู่แล้วมันละลายย้อยลงมาเลยหมุนข้อมือหนีค่ะ
อูย ขี้เกียจอะ
ใครมียาแก้ขี้เกียจบ้างไหมเนี่ย
โคตรของโคตรขี้เกียจเลย ไม่อยากทำอะไรเลยอยากนอนอย่างเดียว
ตอนหน้าหนาวก็เป็นแบบนี้ แต่ตอนนั้นมันหิมะตก อากาศมัวซัว
ตอนนี้จะโทษอากาศไม่ได้แล้วสินะ เพราะแดดดี สดใสซะขนาดนี้
ต้องโทษตัวเองแล้วค่ะ
เอวัง

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Shopping like A Girl

หลังจากโง่มาแปดเดือนกว่า
วันนี้สมตุ้ยก็ดวงตาเห็นธรรม
ได้เข้าสมาคมโอทูแทนไอดีทีโมบายล์ที่ใช้มาตลอดตั้งแต่มาถึงอังกฤษแล้วค่ะ
คิดแล้วรู้สึกเลยว่ากรูนี้หนอช่างแสนโง่งม
เพราะซิมโอทูที่ซื้อมาใหม่นี้ ส่งข้อความฟรีไม่จำกัด
โทรฟรีสามร้อยนาที โทรหาเครือข่ายโอทูด้วยกันฟรี
เดือนละสิบปอนด์นี้ดๆ สัญญาสิบสองเดือน

ที่แค้นใจยิ่งกว่านั้น คือเมื่อมาคิดดีๆแล้ว
ถ้านราไปสมัครโอทู เซ็นสัญญาซื้อมือถือพร้อมสัญญาแบบสิบแปดเดือนตั้งแต่เดือนแรกที่มาถึง ป่านนี้ก็ได้ใช้มือถือสมาร์ทโฟนแบบถูๆไถๆ เท่เก๋ไก๋กับเขาไปแล้ววว ฮือ เสียดาย
ใครจะมาเรียนอังกฤษ เรื่องนี้อย่าพลาดนะคะ
มาถึงแล้ว ยิ่งอยู่นานหลายปี
ทำสัญญาแบบสิบแปดเดือน หรือยี่สิบสี่เดือน เขาให้โทรศัพท์ฟรี
พร้อมเงื่อนไขว่าต้องจ่ายอย่างต่ำเดือนละเท่านั้นเท่านี้
ส่วนใหญ่เริ่มที่ประมาณสิบปอนด์
แต่แหม เน็ทฟรี ข้อความไม่จำกัด โหลดโน่นนี่ฟรี
คุ้มจะตาย เสียดายๆ
.
ไอดีทีโมบายล์ที่ว่า หาซื้อได้ที่ศูนย์วีเอฟเอสที่เราไปทำวีซ่าอ่ะ
เป็นซิมการ์ดเหลืองๆ ไปค้นดูเอาเองในเอนทรี่เก่าของนรานะ
มันสะดวกจริงอะไรจริง ถึงอังกฤษปั๊บยัดใส่มือถือโทรกลับบ้านได้เลย
แต่มันแพง และมันหาที่เติมเงินยากกว่าเครือข่ายอื่น
ในขณะที่พวกโอทู ทีโมบายล์ ออเรนจ์ และทรี เติมจากเครื่องเอทีเอ็มได้ ร้านสะดวกซื้อที่ไหนก็มี
นราต้องเดินไปหาร้านที่มีเครื่องเหลืองๆสำหรับขายบัตรเติมเงินของเครือข่ายนี้เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่มักอยู่ตามไปรษณีย์
ไอ้โทรนาทีละประมาณสิบห้าเพนซ์ไม่เท่าไหร่หรอก
เพราะเครือข่ายอื่น ถ้าโทรข้ามเครือข่ายกันมันแพงกว่านี้เยอะ
แต่ไอ้ส่งข้อความนี่สิ ส่งทีสิบห้าเพนซ์ สามสิบเพนซ์
แล้วนราก็พวกชอบส่งข้อความซะด้วย
หมดตัวสิคะ เติมแป๊บๆก็หมด
ยิ่งช่วงหลังๆนี่ ส่งข้อความคุยกับเพื่อนที่อยู่ลีดส์ทุกวัน
วันละสามสี่ฉบับ มันจะเหลืออะไรรรร
.
เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ ที่นี่โอทูแพงสุดและดีสุด ส่วนทีโมบายล์เป็นอะไรที่เน้นประหยัดและคุ้มค่า ประมาณว่า Budget Friendly ค่ะ
.
เข้าเรื่องตามหัวข้อเอนทรี่
วันนี้ไปช้อปปิ้งแบบผู้ญิ้งผู้หญิงกับเคียร่า เพื่อนสาวคนจีนมาค่ะ
ตื่นเต้นเหมือนกันนะ
เพราะไม่ค่อยได้ช็อปอะไรแบบนี้เลย
ปกติซื้อแต่เสื้อ ซื้อเสร็จก็ออก กลับบ้าน
ไม่ค่อยได้เข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ ลองโน่นนี่เท่าไหร่
วันนี้ไปบู๊ทส์แล้วก็ร้านเครื่องสำอางค์ประมาณสี่ร้าน
ลองลิปสติก เลือกลิปกลอส เลือกสีทาเล็บ
ผู้ญิ้งผู้หญิง แม่มาเห็นต้องไม่เชื่อแน่
เครื่องสำอางค์ที่นี่แพงกว่าไทยเยอะเลย
แต่ก็มีบางยี่ห้อที่พอถูไถ ไหนๆที่ใช้อยู่ก็จะหมดแล้ว
ได้สีทาเล็บสีชมพูลูกกวาดจากเซเว่นทีนมาขวด พร้อมด้วยสีทองแรดสะแมนแตนอีกขวด ขวดละปอนด์
ลิปสติกสีโรสซอร์เบต์ของริมเมลมาแท่ง สีชมพูแหละแต่ไม่หวานมาก
เอาไว้ทาเป็นเบสก่อนทับด้วยลิปกลอส
ลิปกลอสยี่ห้อไรไม่รู้ สีชมพูอมม่วงอ่อน
เหนียวสุดๆ ยังกะกาวดักหนู แต่อยู่ทนดี
...แต่มีความรู้สึกว่าอยากกลับไปสอยลิปกลอสของริมเมลมาอีกแท่ง ทาแล้วจูซซี่ ปิ๊งปั๊งเยิ้มแหยะสุดๆ แหมมม ก็มันลืมไม่ลงงงนินา...
.
สถานีต่อปายยย
ชาริตี้ช็อป หรือร้านการกุศลนั่นเองจ้า
วันนี้เราไปกันที่บริติชฮาร์ทฟาวเดชั่นกัน
ร้านขององค์กรการกุศลพวกนี้ จะขายของมือสองต่างๆ ตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หนังสือ เครื่องแต่งบ้าน และอื่นๆ โดยรายได้จะแบ่งไปให้องค์การการกุศลนั้น เขาก็เอาไปสนับสนุนเด็กๆในประเทศด้อยพัฒนา คนยากจน หรือเด็กที่เป็นมะเร็งอะไรแบบนี้
เพราะงั้นวันนี้เราไม่ได้แค่หว่านเงินลงผืนดินอังกฤษนะ
เนี่ย ทำบุญนะเนี่ยยย...
.
เดี๋ยวนี้เบื่อกระเป๋าใบใหญ่
เวลาออกไปเที่ยวกับเพื่อน บางทีไม่อยากถืออะไร
ถือกระเป๋าใหญ่บางทีเกะกะ ของก็มีไม่มาก
เป็นคนไม่พกเครื่องสำอางต่างๆติดตัวค่ะ
หลักๆที่ต้องพกติดตัวตลอด ก็มีพาสปอร์ต คีย์การ์ดเข้าหอ เป๋าตังค์ ลิปบาล์ม ลิปกลอส แป้ง จบ แค่นี้เอง
ไม่เยอะ แต่ยัดใส่กระเป๋าที่ใช้อยู่ ณ ตอนนี้ไม่หมด
ถึงใส่หมดก็ตุงซะ น่าเกลียด เหมือนถุงเป็นริดสีดวง
วันนี้โชคดี ป๊ะกระเป๋าสะพายใบเล็กสีแดงกำมะหยี่ ถูกใจเจ๊
ใบละ 1.99 ปอนด์ ก็สอยมาซะแบบไม่คิดอะไร


ช่วงนี้ยังเป็นฤดูร้อนอยู่
แต่ทำไม้วันนี้ฝนตกทั้งวัน
ขนาดคนอังกฤษเองยังบ่นกันพึมพำเรื่องอากาศไม่ดี
แถมนรากับเพื่อนก็ไม่มีใครเอาร่มไปอีก เจริญ
เดินตากฝนกันหัวแฉะ ตั้งแต่บ่ายโมงถึงบ่ายห้า
แต่ฝนอังกฤษไม่เหมือนฝนไทยนะคะ มันตกแต่มันไม่เปียก
งงไหม
คือมันเป็นฝอยๆ อากาศจะเย็น เยือก หนาว ชื้นแฉะ ลื่น
ถ้าเป็นฝนไทย มันจะเทซ่าลงมาทำให้เราเปียกโชกได้ทั้งตัว
แต่ฝนอังกฤษ เราเดินตากฝนได้โดยเสื้อแค่ชื้นๆ กลับถึงบ้านก็แห้งพอดี อยู่อังกฤษมานี่ไม่เคยตัวเปียกแฉะเพราะฝนเลยนะจริงๆ
.
แต่เอาเถอะ ประเด็นคือฤดูร้อน
ก็ต้องมีบางวันบ้างละน่าที่แดดดี อากาศแจ่มใส
วันแบบนั้นก็จะเห็นฝรั่งเลื้อยกันเต็มสนามหญ้า
สาวๆก็แต่งตัวสวยๆกัน สายเดี่ยว เกาะอก ผ้าป่านผ้าฝ้าย
เห็นแล้วก็เสียดายว่าเราน่าจะเอามาจากบ้านมามากกว่านี้
ตอนนี้นรามีชุดกระโปรงที่เป็นผ้าบางๆสำหรับใส่ฤดูร้อนแค่ตัวเดียว
แถมใส่แล้วคันอีกเหอะ
เสื้อยืดนี่ใส่แล้วรู้สึกตัวเองเฉิ่มเบ๊อะมากมาย
พอดีว่าวันนี้ไปร้านองค์กรการกุศลใช่ไหมคะ
เจอเสื้อมือสองตัวนี้ ราคาสองปอนด์กว่า
สอยแบบไม่คิดเลย น่ารักดี
นางแบบเซ็กซี่ม่ะ อิอิ
รู้หรอกว่ามันแพง
แต่ราคานี้ถือว่าถูกเหมือนได้เปล่าเมื่อเทียบกับเสื้อผ้าแนวนี้ตามร้านค้าทั่วไป
ที่มาบุญครอง เราสามารถซื้อเสื้อแบบนี้ได้ในราคาสองร้อยบาท หรือเกือบสี่ปอนด์ แต่ที่นี่เสื้อผ้าฤดูร้อนแบบนี้ ราคาประมาณตัวละสิบปอนด์ขึ้นไปทั้งสิ้น ยิ่งเป็นกระโปรงผ้าฝ้ายด้วยแล้วละโคตรแพง อาจจะถึงยี่สิบห้าปอนด์ด้วยซ้ำไป
รู้อย่างนี้ขนพวกเสื้อผ้าหน้าร้อนมาด้วยดีกว่า
ใครจะไปคิดว่าอังกฤษก็ร้อนกับเขาเป็นเหมือนกัน
.
ช่วงนี้ก็ยังสบายดีค่ะ
มีอะไรให้ต้องทำบ้าง ทั้งยากทั้งง่าย
แต่ก็คงผ่านพ้นมันไปได้ในเร็ววัน
ทุกคนก็รักษาสุขภาพนะคะ
ขอบคุณที่ยังติดตามค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

BITS of Asia: ASEAN night

ะรหายไปอีกแล้ว
กลับมาแล้ว
อย่าโกรธกันนะ
ช่วงนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ ชีวิตอยู่ในช่วงลุ่มๆดอนๆ
ดีก็แสนดี บทจะแย่ก็ทำเอานราแทบใจสลาย
นะ ชีวิตมันก็เงี้ย สู้ต่อไป ทาเคชิ
.
วันเสาร์ที่ผ่านมา มีงาน BITS of Asia ค่ะ
BITS ก็เอามาจากชื่อต้นของแต่ละประเทศที่เข้าร่วมงาน
มีบรูไน อินโดนีเซีย ไทย แล้วก็สิงคโปร์
ในงานจะมีการแสดงเล็กๆ อาหารประจำชาติ บอร์ดความรู้ ควิซ แล้วก็คาราโอเกะ
นรา ตอนแรกไม่ได้เกี่ยวอะไร แต่ว่าทำไปทำมาก็มาช่วยเขาซ้อมเต้น แล้วก็เต้นกะเขาด้วย
ตอนบ่ายสามโมงของวันงาน ก็มีการซ้อมใหญ่
การแสดงชุดนี้เป็นการเอาเพลงของแต่ละชาติมาต่อกันเป็นเพลงเดียว
เพลงไทยเราขึ้นเพลงแรกเลย อิอิ
เพลงกลับมาทำไม จากหนังน้าหม่ำ แหยมยโสธร
ว่าจะใช้ตั้งแต่ตอนอินเตอร์เนชันแนลเฟสติวัลละ แต่ไม่ได้ใช้
พอดีเลย เอามาใช้งานนี้แทน
นี่ทั่นประธานกิ๊กกำลังนำการซ้อมอยู่

ประมาณบ่ายห้าโมง ทั่นประธานกิ๊กต้องไปร่วมเลคเชอร์เรื่องอนาคตของอาเซียน นราก็ไปจัดบอร์ดเตรียมไว้ค่ะ แต่มันทุลักทุเลมาก หมุดเหมิก แม็ก กรรไกรไรไม่มีซักอย่าง นราปวดอึพอดีเลยเนียนทำเป็นคนดี บอกว่าเดี๋ยวเดินกลับห้องไปเอากรรไกรกับอุปกรณ์มาให้แล้วกันนะ ในใจกะว่าจะไปอึก่อนแล้วค่อยกลับมา
วันนี้ฝนตกทั้งวันเลย ตอนเดินกลับห้องเจอลูกหงส์ดำ ที่ตอนนี้โตแล้ว เดินตามปะป๊ามะม้าอยู่ ตัวเปียกมะลอกมะแลก ขยู้ขยี้ไปหมด
ตัดภาพกลับมาหลังอึ นราสบายใจลันลาเดินกลับมาช่วยงานต่อ
เจอเลสลี่ คนสิงคโปร์มั้ง ไม่แน่ใจ
อันที่จริงเฮียมีบทบาทใหญ่หลวงในงานนี้มาก
แต่วันก่อนงานจริง เฮียไปทำอะไรมาไม่รู้ กระแสข่าวบอกว่าตกจักรยาน
ฟันหน้าหักกระเด็นไปสามซี่ โอ๊ยแค่พิมพ์ก็เสียวแย้ว
หายไปหาหมอฟัน กลับมาอีกทีก็โอเค แต่พูดเยอะไม่ได้
น่าสงสารจริงๆ
นราจัดบอร์ด
ขันแข็งดีป่ะ
คิดว่าจะไม่ได้ถ่ายรูปของตัวเองซะแล้ว
โชคดีว่ามีหนุ่มคนนึงเดินมาถามว่าถ่ายรูปให้เอามั้ย
มารู้ตอนหลังว่าหนุ่มคนนี้เป็นว่าที่ท่านทูตอินโดฯ ที่มาร่วมงาน
โอ้วเป็นเกียรติเหลือเกินนน
บอร์ดไทยแลนด์ไม่มีอะไรมากค่ะ เพราะรีบร้อนทำ เหะๆ
มีธง (ที่พาดแล้วเหมือนฝรั่งเศส) รูปพระอินทร์จากงานอาหารนานาชาติเทอมที่แล้ว แล้วก็รูปวัดวาอาราม ผลไม้ไทย และแพนด้าหลินปิง
งงละสิว่ามันไทยยังไง
คือประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่มีแพนด้าค่ะ
สิงคโปร์กำลังจะได้ แต่ตอนนี้ยัง เราเลยรีบโฆษณาไว้ก่อน
อีกอย่างหลินปิงนี่เป็นเหมือนลูกในไส้ทั่นประธานกิ๊ก
เผลอไม่ได้ โปรโมทจั๊งงง
ตอนนี้เลยได้ที สมใจเค้าหละ
ถึงของเราจะไม่มีอะไรมาก รูปก็เล็กไปหน่อย
แต่อย่างน้อยก็ดูดีกว่าบอร์ดข้างๆนะ
ไม่บอกว่าประเทศอะไร เดี๋ยวเป็นชนวนสงครามข้ามประเทศ
ของเขามีโปสเตอร์แปะสามแผ่น จอ ออ บอ จบ
.
ส่วนนี่สาวๆจากบรูไน
เสื้อผ้าเขาธรรมดาแหละ แต่สีสันสวยมาก
เหมือนลูกกวาดเลย น่ากิน แง่มๆ
บอร์ดเสร็จแล้ว จัดเกือบคนเดียว เก่งมั้ย
เห็นเสื้อผ้านราป่ะ โอ๊ยอาย ทำไปได้หนอเรา
คือการแสดงเนี่ย นรากับน้องกิ๊กก็จะเล่นเป็นละครประกอบนิดนึง
ประมาณว่าผู้หญิงตามง้อผู้ชายเหมือนในหนังแหละค่ะ
แต่ระดับนรากับน้องกิ๊ก ทำไรมันต้องไม่ธรรมดา อึฮื้อ ไม่ธรรมด๊า
ก็เลยแต่งข้ามเพศกันซะเลย
นราสมแมนมาก

คนไม่มากนัก ไม่ใช่งานใหญ่อะไร
แต่ก็ดีใจที่มีคนมา อิอิ
ตอนแรกนราแอบคิดนิดหน่อย ว่างานมันเงียบจัง
ไม่เห็นเขาค่อยโปรโมทเลย คนจะรู้เหรอ
แต่ถึงเวลาก็อุ่นหนาฝาคั่งดีค่ะ

คาดว่าคงจะมาเพราะอาหารฟรี

นี่ไงทั่นประธานกิ๊ก สาวกรีกเพื่อนกิ๊ก นรา และแพทริเซีย สาวอินโดตัวตั้งตัวตีของงาน
อย่ามองนานเดี๋ยวตาบอด
คาดว่าถ้าไปยืนข้างน้องกิ๊ก คงต้องมีคนปวดตากันบ้าง
สีแสบสันมากกก นีออนสุดๆ
แพทริเซียเขาโชว์ระบำจานของอินโด
สวยดีนะ เต้นมันๆ เขาจะถือจานไว้ในมือสองใบแล้วเต้น
ฟังดูธรรมดาอะ แต่จานนั่นมันไม่ได้ติดอยู่กะมือนะคะ มันอาศัยแรงเหวี่ยงไม่ให้หล่นเวลาเต้น
ตอนซ้อมก็เห็นจานบินบ่อยๆ เสียวเหมือนกันว่าเกินเต้นจริงแล้วมันบินใส่คนดูจะเป็นไง
แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น การแสดงเรียบร้อยดีค่ะ
อันนี้โต๊ะอาหาร มีอาหารจากแต่ละชาติมาให้จ้วงกันได้เต็มที่
ของไทยเรามีหมึกแห้ง เพื่อนคนจีนชอบมาก
ถั่วโก๋แก่ ถั่วลันเตาอบกรอบรสวาซาบิ ขนมขาไก่ มะม่วงดอง
และเถ้าแก่น้อย คนชอบมาก
นรายังชอบเลย ขโมยมาห่อนึง อิอิ
เออใช่ น้องกิ๊กทำน้ำตะไคร้มาด้วย หอมดี แต่ไม่ได้กิน
แต่ว
เพราะแก้วมันไม่มี กำลังคิดว่าจะเอาหลอดดูดจากถังเลยดีมั้ย
พอดีว่าเห็นคนมองอยู่เลยช่างมันวะ ไม่กินก็ได้
นราว่าเสียอยู่อย่าง คือเขาไม่ได้ติดป้ายบอกให้ชัดเจนว่าอาหารแต่ละอย่างมันคืออะไร นราก็เลยไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงว่ามันมีอะไรมั่ง
มีอะไรสักอย่างหน้าตาเหมือนทอดมันผัก
อินโดมีอะไรสักอย่างที่เหมือนถั่วเขียวต้มน้ำตาลบ้านเรา
แต่ข้นคลั่ก เขียวปื๋อ
มีฟรุตค็อกเทล (อันนี้จำได้) เค้กช็อกโกแลตไอซิ่งไรสักอย่าง
เอาเป็นว่าเยอะแล้วกันค่ะ
.
นราไม่ได้อยู่จนจบงาน
เพราะเพื่อนบอกว่าจะแวะมาหาจากนอกเมืองเลยออกมาก่อน
แต่นะ ทำไมถึงทำกะฉันได้
แมร่ง ยกเลิก ไม่มาซะงั้น
แล้วจะให้กรูรีบร้อนไปเพื่ออะไรเนี่ย เซ็งมาก
เมื่อวันก่อนก็ทีนึงละ นัดเราแล้วก็ไม่มา ลืมเรา
คนยิ่งเฟลๆอยู่ด้วย ชิ
.
นราอยู่จนถึงคาราโอเกะค่ะ
เปิดเพลงให้คนออกมาร้องกัน
นราว่ามันก็น่าเบื่อนิดหน่อยนะ เพราะห้องมันใหญ่ไปด้วยแหละ
แต่ทุกคนก็ดูสนุกสนานกันดี
ตอนนี้นราเข้าสู่ช่วงวิทยานิพนธ์แล้ว
ก็คิดว่าคงถึงเวลาซะทีที่จะต้องอ่านหนังสือ
เขียนคำถามสำหรับสัมภาษณ์เก็บข้อมูล
และทำไพลอทสตั๊ดดี้แย้ว
งือ ขี้เกียจอ่ะ
.
วันนี้ก็ฝนตกอีกแล้ว
อากาศเปลี่ยนแปลง นั่นแปลว่านราไม่สบายอีกแล้วค่ะ
ทุกคนก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Poor-Quality Life

ป่วยอีกแล้ว
เป็นข้ออ้างที่หายไปอีกเกือบสองสัปดาห์ ขอโทษด้วยค่ะ
ชีวิตเฮงซวย เฮงกะบ๊วยชิบเป๋งช่วงนี้ หาเรื่องให้ร่าเริงไม่ได้เลย
เริ่มจากทะเลาะกับเพื่อน ไม่ได้โกรธอะไรกันมากหรอก
แต่ก็ปั้นปึ่ง ห่างเหินเย็นชากันไป
นราก็เสียใจ เพราะเป็นฝ่ายผิด และรักเพื่อนคนนี้มาก
ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้อะไรมันดีขึ้น นอกจากขอโทษไปแล้ว
แล้วก็รอให้เขาใช้เวลาปรับอารมณ์
แต่นะ อะไรที่มันร้าวไปแล้ว เอามาประกอบใหม่ มันก็ยังเห็นรอยแตก
เสียใจจังเลย ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้เลย
.
ผมทรงนี้ จริงๆตัดมาตั้งนานแล้ว
แต่เพิ่งจะเปิดแสดงสู่สายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรก
บ้างก็กรี๊ดกร๊าดชื่นชม บอกว่าเปรี้ยวซ่าได้ใจ
บางก็ตกตะลึงร้องเฮ้ย แล้วถามว่าเมิงคิดอะไร
แต่ไม่เป็นไร นราแฮปปี้กับผมสั้นทรงนี้มากๆ ดูแลง่าย สบายใจ
โดดเด่นเป็นสง่า ช่างฝรั่งตัดแบบนี้ไม่ค่อยได้หรอกนะ
ส่วนใหญ่จะเป็นบ๊อบเท ไม่ก็สั้นกลมๆเท่ากันทั้งหัว
ถ่ายรูปนี้ออกมา แล้วถึงได้ตระหนักว่า ตัวเองคิ้วไม่มี
นี่คือเคยกันแล้วปล่อยให้มันงอกใหม่ มันเลยสะเปะสะปะเยี่ยงนี้
คิ้วขวาไม่เป็นไร แต่คิ้วซ้ายทำไมมันเหมือนเวลาคนทาลิปสติกในรถ
อารมณ์แบบ กำลังวาดๆอยู่แล้วรถออกตัว พรืด เบี้ยว เละเทะไปหมด
สงสัยว่างๆต้องกันคิ้วใหม่แล้ว อย่างน้อยก็ให้มันเรียบร้อย
ที่อังกฤษนี่ไม่มีมีดโกนขายนะ แบบที่มันเป็นด้ามจับแล้วมีใบมีดยาวๆอีกด้าน
มีแต่แบบสำเร็จรูปไว้โกนจั๊กกะแร้กับหน้าแข้ง
จะเอาแบบนั้นมาโกนก็ไม่ถนัด เสียวมือลื่นครั้งเดียว เกลี้ยงทั้งหน้า
.
ช่วงนี้ที่ยอร์กก็ยังสวยอยู่
ดอกเชอร์รีบลอสซอมโรยเกือบหมดแล้ว เหลือให้เห็นไม่กี่ต้น
แดฟโฟดิลก็ไม่เหลือแล้วเหมือนกัน ที่เคยเป็นดอกก็กลายเป็นกระเปาะกลมๆใส่เมล็ด เหลือให้เห็นก็แต่ดอกสีขาวเล็กๆไม่โดดเด่นสวยเด้งเหมือนสีเหลือง
ตอนนี้เป็นช่วงของดอกมัสตาร์ด สีเหลืองเต็มทุ่งไปหมด
ไลแลคก็เป็นสีม่วงเข้มสวยเชียว
แล้วยังมีดอกไอริสสีน้ำเงินอมม่วง กับทิวลิปประปราย
แต่ดอกแอปเปิล หอมมาก หอมหวานชื่นใจสุดๆ
นราถึงกับยอมเดินอ้อมทางกลับหอ เพื่อไปดมดอกแอปเปิลต้นหน้าร้านซูเปอร์มาเก็ต ซึ่งตอนนี้มันก็ร่วงแล้ว อีกหน่อยคงเริ่มออกเป็นลูกมาให้ดู
.
ไหนๆ ก็ฤดูใบไม้ผลิ บวกกับชอบดอกเชอร์รีบลอสซอมจังเลย
ก็ไปสอยโอ เดอ ตัวแล็ตต์ เชอร์รีบลอสซอม ของบอดี้ชอปมาขวดหนึ่ง
น่าจะเป็นไซส์เล็กนะ เพราะราคา 15 ปอนด์
เคยเห็นขวดใหญ่ ขายที่ไทยขวดละ 990 บาท ที่นี่คิดเป็นเงินไทยแล้วคือ 700 รู้สึกดีมากที่ไม่เสียรู้ซื้อตั้งแต่ที่ไทย ไม่งั้นได้มานั่งน้ำตาตกเหมือนตอนซื้ออลาธีน่าแหงๆ
หอมหวาน ไม่ฉุนมากค่ะ ขวดนี้ น่ารักดีด้วย
แต้มตรงคอกับปกเสื้อ ได้กลิ่นอ่อนๆ พาให้ตัวเองรู้สึกยิ้งหญิง
แต่ยังไม่เห็นมีใครทักนะ
สงสัยต้องอาบให้มากกว่านี้ แต่ถ้าอย่างนั้นมันก็หมดเร็วนะสิ
มีกลิ่นกุหลาบโมร็อกกันด้วย แต่ดันฉีดเชอร์รีบลอสซอมซะฟุ้งเต็มสองข้อมือไปหมดแล้ว เลยไม่รู้จะดมยังไงให้รู้กลิ่น ไว้วันหลังละกันนะน้อง
.
กลับมาเรื่องอาการป่วย
เป็นโรคห่า...นอะไรไม่รู้ค่ะ แต่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นหวัด
น้ำมูกไหลไม่หยุด ผลิตได้เรื่อยๆทั้งวันไม่มีปิดก๊อก ไข้สูงๆต่ำๆแต่ไม่ได้เล่นไฮโล เจ็บคอไม่มากนัก เวียนหัว ไอโขลกๆแบบมีเสมหะในปอด และไอหนักจนท้องไส้มันขย้อนต้องวิ่งไปอ้วกในห้องน้ำก็หลายครั้ง (ขออภัยผู้ที่กำลังรับประทานอาหาร...อร่อยละซิ) เอาเป็นว่าหมดแรง โซเซ ประกอบกับสภาพจิตใจย่ำแย่จากการมีเรื่องกับเพื่อน เลยยิ่งป่วยเข้าไปใหญ่ แต่หนักที่สุดคือ ลิ้นเป็นฝ้า ตกใจมาก เพราะมันน่ากลัวจริงๆ เกิดมาไม่เคยเป็นเลย
อาการคือ เป็นฝ้าบนลิ้น แล้วตุ่มรับรสบนลิ้นมันก็พากันบวมเป็นเม็ดเป้งๆขึ้นมาตรงโคนลิ้น เจ็บอิบอ๋าย ตอนแรกก็คิดว่าเป็นอาการเจ็บคอ พอไปแลบลิ้นดูในกระจกแทบช็อก น่าเกลียดน่ากลัวมั่ก
ไปหาหมอของมหาลัย เขาก็บอกว่าเป็นหวัด และไอ้ฝ้าบนลิ้นนี้ฝรั่งเรียก thrush เกิดขึ้นเมื่อภูมิคุ้มกันบกพร่อง ติดเชื้อราหรือไวรัส และเป็นเอดส์
เหอะ เหอะ สบายใจจริงๆ
ตอนนี้เป็นมนุษย์สังคมรังเกียจมาก ต้องเก็บตัวอยู่ในห้อง
รมตัวเองด้วยอาวุธชีวภาพที่ตัวเองสร้างเอง เจริญ
.
ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วค่ะ
แต่ยังโผลเผล โซเซ มึนตลอดเวลาอยู่บ้าง โดยเฉพาะเวลาไข้แดก
ก็มีออกไปออกกำลังบ้างนะ เบาๆ ไม่หนักมาก
เดี๋ยวตายซะก่อน
เนื่องจากเป็นหวัด ก็เลยไปว่ายน้ำไม่ได้ เสียเงินเปล่าๆปลี้ๆ
นราเลยได้ออกกำลังด้วยการไปตีแบดบ้าง เล่นบาสบ้าง
แอบหวังให้ใครสักคนติดหวัดกรูไปที กรูจะได้หาย

ค่าเช่าสนามบาส คิด 17 ปอนด์ต่อหนึ่งชั่วโมง
แพงบัดซบเอาเรื่องเหมือนกัน
แล้วนะ คนเล่นก็มีอยู่เท่าเนี้ย ก็เล่นกันครึ่งคอร์ท
แต่ถึงอย่างนั้นก็หอบกันลิ้นห้อยใช่เล่น
บาสเป็นกีฬาที่เหนื่อยมากค่ะ เหนื่อยเหมือนจะตาย
เล่นเสร็จปวดกระดูกกระเดี้ยวไปทั้งตัวอีก
.
ช่วงนี้นราก็เป็นห่วงสถานการณ์ที่ไทยมากนะคะ
ทุกคนก็ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าไปพื้นที่อันตรายละ
เดี๋ยวกลับมาหัวแหว่ง บรึ๋ย
ขอให้ประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติโดยไว
ไม่อยากให้คนบาดเจ็บล้มตายไปมากกว่านี้เลย
อากาศก็ร้อน คนก็ร้อน
อย่าให้แผ่นดินต้องร้อนลุกเป็นไฟเลยเน้อ

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

What It Takes To Be Healthy

ก่อนอื่นขอขอบคุณตาหมู ใบตอง และผู้อ่านที่ยังแวะเข้ามาเยี่ยมเยือนนะคะ และโปรดอภัยให้แก่ความหยาบคายของข้าพเจ้าที่ละเลยไม่กล่าวถึงมาหลายเอนทรี
เสียงทักทายจากท่านๆเป็นกำลังใจให้สมตุ้ย เอ้ย นราเขียนบล็อกไร้สาระนี้ต่อไปนะคะ
.
วันนี้ออกไปตีแบดกับพี่ๆคนไทยมา
เพราะอุดอู้อยู่ในห้อง เขียนเรียงความ 5000 คำมาหลายวัน
รู้สึกว่าตัวเองสุขภาพเสื่อมโทรมอย่างยิ่ง
เล่นแบดไม่เหนื่อยเท่าไหร่ แต่เล่นบาสทำเอาหอบแดก
ขนาดมือไม่ได้แตะลูก ลงไปยืนโบกมือ ร้องอย่าน้าๆ แค่เนี้ย
หายใจเกือบไม่ทัน
.
แล้ววันนี้ตอนบ่ายสองกว่าๆ ก็ไปสมัครสมาชิกที่ฟิตเนสแถวมหาลัยกับน้องกิ๊ก จุดประสงค์คือเพื่อว่ายน้ำ อยากว่ายน้ำค่ะ เพราะรู้สึกว่าเล่นแล้วข้อไม่เสื่อม ออกกำลังได้หลายส่วนพร้อมกัน และเหงื่อไม่ออก ฟิตเนสที่ว่านี่ชื่อเดวิด ลอยด์ส อยู่เลยหลังมหาลัยไปหน่อย เป็นตึกใหญ่เชียว มีทั้งสระว่ายน้ำ คอร์สเทนนิส ฟิตเนสพร้อมเทรนเนอร์ สนามบาส สนามแบด สควอช บลาๆๆ จารไนไม่หมด เอาเป็นว่ามันใหญ่และหรูมากแล้วกันค่ะ พนักงานให้การต้อนรับอย่างดี พาไปดูสระพร้อมสาธยายความเจ๋งของที่นี่ และสุดท้ายนราก็หลงลมสตีฟ (ชื่อเซลส์) สมัครไปจนได้...
.
ค่าสมัครและค่าสมาชิกรายเดือน ได้โปรดอย่าถามว่าเป็นเงินเท่าไหร่ เอาเป็นว่ามันมากพอที่จะซื้อโทรศัพท์มือถือได้เครื่องครึ่งเลยแหละ เล่นเอานราซีดไปเหมือนกัน โดนสนามบินที่อัมสเตอร์ดัมเล่นซะหมดตูดไปหยกๆ มาหมดกับไอ้นี่อีกแล้ว แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่าเป็นการจ่ายเงินเพื่อสุขภาพ แพงขนาดนี้คอยดูนะกรูจะไปว่ายแม่งทุกวันให้ตัวเปื่อยเลย (แอบเสียดายเงิน) แล้ววันนี้ก็ได้ทดลองไปต๋อมแต๋มมาเรียบร้อยแล้ว ก็สมควรอยู่หรอกที่แพง มีห้องเตียงอาบแดดอบผิวสองห้อง ห้องอบไอน้ำ ห้องซาวน่า สระกลางแจ้งและในร่ม และจากุซซี น้ำอุ่นด้วย ส่วนใหญ่คนว่ายเป็นป้าๆลุงๆ ทำให้นรารู้สึกดีมากเพราะสาวและผอมที่สุดในนั้น อะเหอๆ
.
ตอนกลับห้องมา ปวดร้าวไปทั้งตัว โดยเฉพาะกล้ามเนื้อไตรเซปใต้แขนที่มันต่องแต่ง และขา น่อง ตรูด คาดว่าพรุ่งนี้คงทำอะไรไม่ได้นอกจากคลาน
.
พูดถึงสุขภาพ ช่วงนี้นราเป็นกึ่งมังสวิรัติอยู่ค่ะ บอกหรือยังหว่าจำไม่ได้
เอาเป็นว่ากินแต่ผัก แล้วก็อนุโลมให้ตัวเองกินเนื้อสัตว์ได้ชนิดเดียว คือกุ้ง
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่กินสลัดผักสดได้ เยๆๆ ปรบมือหน่อยสิ
เมื่อคืนกินสลัดไข่ ใส่ผักกาดหอม มะเขือเทศ แล้วก็มันฝรั่งต้ม
แซนด์วิชก็ใส่ผักกาดกับมะเขือเทศเหมือนกัน
.

วันก่อนไปซื้อสตรอเบอร์รีจากร้านมาร์กแอนด์สเปนเซอร์มา
อาหย่อย หวานฉ่ำ มีรสเปรี้ยวปนๆไม่มาก แบบที่นราชอบ
ทานกับคาราเมลคัสตาร์ด หกถ้วยปอนด์นึง จากร้านไอซ์แลนด์

พอกินผักผลไม้มากขึ้น ก็เหมือนจะรู้สึกว่าตัวเองสุขภาพดี
อึ๊อึง่ายถ่ายคล่อง ไม่ได้เบ่งจนหน้าดำหน้าเขียวอีกต่อไป
คัสตาร์ดเนื้อเนียนนุ่ม คาราเมลหวานไปนิด
แต่พอกินกับสตรอว์เบอร์รีสดแล้วก็เข้ากันพอดีเลย
ขอโทษที่บรรยายของกินต่อจากเรื่องขี้นะ
.

ฤดูใบไม้ผลิช่วงปลาย ก็ยังสดใสเหมือนเดิม
แต่ฝนเริ่มตกบ่อยขึ้น
อีกวันเข้าไปในเมือง ไปเจอแดฟโฟดิลพวกนี้ที่ร้านดอกไม้ตรงจตุรัสเข้า สีขาว ดอกซ้อน ตรงกลางสีส้ม ดอกกลมๆ เล็กๆ น่ารัก ที่สำคัญเขาเขียนไว้ว่าหอมด้วย ลองดมดูปุ๊บก็ถูกใจมากมาย กรูต้องซื้อไอ้ดอกนี่กลับบ้านให้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะราคาถูกมากเมื่อเทียบกับดอกไม้อื่น สนนราคาสามกำ 1.5 ปอนด์

เอากลับห้องมาปักใส่ขวดแตงกวาดองที่ล้างแล้วเก็บไว้เพราะชอบทรงขวด (ชอบสะสมขยะ)ตอนซื้อมาทั้งดอกทั้งก้านนี่เหี่ยวสลดอย่างแรง จนเรากลัวว่ามันจะเหี่ยวหมดก่อนจะได้ทันบาน แต่พอเอาใส่ขวดเท่านั้นแหละ โหยมันดูดน้ำแบบหิวกระหาย แทบจะได้ยินเสียงมันสูบขึ้นไปตามก้านแน่ะ ก้านที่งอๆได้น้ำปั๊บก็ตั้งตรงขึ้น แล้วดอกที่เหี่ยวก็ดูสดชึ่นกว่าเดิม ดอกตูมก็พากันบาน ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งห้องเลย มันหอมคล้ายๆนางแย้มถ้าดมห่าง ดมใกล้ๆแม่งเหม็นง่ะ ฉุน แต่มีความสุขจังเวลากลับเข้าห้องมาแล้วได้กลิ่นดอกไม้หวานๆ ลอยอยู่ในกาศ เสิร์ชในเน็ทดูชื่อพันธุ์ Cheerfulness ค่ะ

จำยอดดอกตูมๆของต้นอะไรสักอย่างที่นราเคยโพสท์ไว้เมื่อนานมาแล้วได้ไหม รู้หรอกว่าจำไม่ได้ เอามาลงให้ดูอีกทีละกัน เจ้าตูมๆเหล่านี้ นราคิดจินตนาการไว้ว่ามันคงบานออกมาเป็นสีขาว ดอกชั้นเดียว ไส้สีเหลือง

ตอนนี้มันบานแล้วค่ะ
บานแล้วเป็นอย่างนี้ ผิดความคาดหมายสุดๆ
แต่ก็สวยจนแสบตาไปเลย
ตอนนี้เพราะฝนตก อากาศก็เลยหนาวยะเยือกขึ้นมาอีกระลอก
ฟ้าขมุกขมัวขาวๆขุ่นๆทั้งวัน มองไม่เห็นพระอาทิตย์เลย
แดฟโฟดิลแบบสีเหลืองอ่อนและขาวโรยหมดแล้ว เหลือสีเหลืองอยู่ในช่วงโค้งสุดท้าย ถือจะเป็นดอกไม้ธรรมดาๆ แต่พอเขาเอามาปลูกเรียงกันเป็นระเบียบหน้าบ้านแบบนี้ก็สวยดี
ดอกหญ้า สีเหลืองอีกแล้ว ขึ้นเป็นพรมเต็มสนามหญ้าไปหมด
มันเล็กมากเลย จิ๋วเดียว
เลยไม่แน่ใจว่าใช่แดนดีไลออนเปล่า
เพราะเคยเห็นดอกแบบเนี้ย แต่ไม่งอกติดดิน เป็นก้านยาวๆ
พอมันมีเมล็ดแล้วก็แห้งเป็นทัมโป๊ะโปะกลมๆ
แต่ต้องขอบคุณเขาละ ไม่มีจุดเหลืองๆพวกนี้สนามหญ้าก็จืดชืดจะตาย
ช่วงนี้เห็นลูกห่านแบบนี้บ่อยขึ้น
บางครอกมีตั้งเจ็ดตัว เยอะที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
นี่ถ้ามองดีๆจะเห็นมีตัวนึงซุกอยู่ใต้ปีกแม่ห่านด้วยนะ
แต่หงส์ขาวยังไม่ออกมาเลย เห็นนั่งฟักไข่นานแล้วเหมือนกัน
วันนี้ตอนเดินอยู่ด้วยกัน นราก็ชี้ให้น้องกิ๊กดูหงส์ขาวกกไข่
"กิ๊กดูสิ หงส์อ่ะๆๆ อยู่ในรัง นี่มันฟักกันรึยังน้อ"
กิ๊กตอบ "ก็มันกกไข่อยู่ มันก็คงต้องฟัคกันแล้วแหละไม่งั้นจะมีไข่ออกมาได้ไง"
นรา "ไอ้บ้าฉันหมายถึงฟักแบบ hatch โว้ยไม่ใช่ฟัก fuck"
จบข่าวในยอร์กวันนี้
เออใช่ วันนี้นราได้บรรลุถึงสัจธรรมสัตว์โลกขณะนั่งแช่จากุซซี น้ำเป็นฟองพลุ่งคลั่กๆเหมือนน้ำเดือด
เข้าใจละว่าเนื้อหมู เนื้อไก่ หรือกุ้งโดนต้มเป็นๆ เขาจะรู้สึกยังไง
เวลาอยู่ในหม้อสุกี้หรือจิ้มจุ่ม
ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่สระว่ายน้ำก็ทำให้เรานึกถึงของกินได้
สวัสดี.