แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อาหาร แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อาหาร แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

Newgate Market

ไร้สาระมาหลายเอนทรี่มาก ขออภัย
พอดีสติสตังไม่ค่อยสมประกอบช่วงนี้
วันก่อนเพิ่งไปส่งวิทยานิพนธ์มาค่ะ โล่งหายใจสะดวกเหมือนกลืนวิกส์วาโปรัปเข้าไปทั้งขวด
เพราะว่าพี่คอมเขาเจ๊ง วันนั้นนราเลยต้องแหกขี้ตาไปห้องคอมที่ตึกแลงก์วิธ แก้งานจนเสร็จ เซฟเป็นไฟล์พีดีเอฟ เดินกลับมาพรินท์ที่ห้อง พรินท์เสร็จเอาไปเข้าเล่มที่ร้านของมหาลัย (บริการรวดเร็วประทับใจมากขอบอก ไม่ถึงสามนาทีอ่ะค่ะ ไม่เกินห้าสิบหน้าคิดราคาสามปอนด์) เสร็จแล้วเดินกลับไปตึกแลงก์วิธเพื่อส่งงานอีกที
และแล้วสงครามสิบเอ็ดเดือนของนราก็จบลงค่ะ
จะว่าไปมันก็โล่งๆยังไงไม่รู้นะ ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว
นั่งในห้องก็นั่งเฉยๆ เบื่ออ่ะ ไม่รู้จะทำไรดี

แน่นอนว่าพอเสร็จงานก็ต้องเตรียมตัวกลับบ้าน
นรานะเซ็งกะการเก็บของมาก
ของในห้องนี่เหมือนเห็ดรา เก็บตรงนั้นเสร็จไหงตรงนี้มันงอกออกมาใหม่อีกแล้ว ไม่เข้าใจ
ขยะงี้บาน
กล่องเปล่าที่สะสมไว้ พอเราแกะมันกางออกมาเพื่อที่จะเอาไปทิ้งขยะรีไซเคิล หนาตั้บแบกแทบไม่ไหว
เดินไปก็ปล่อยเศษกระดาษแข็งร่วงกราวเป็นทาง
ช่วงนี้ก็พยายามไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ก่อนกลับ
เดี๋ยวอีกไม่นานจะไปเที่ยวกลอสเตอร์ไชร์ด้วย
แต่ก่อนหน้านั้นต้องตระเวนซื้อของที่ระลึกไปฝากญาติโยมทางเมืองไทยก่อนค่ะ
วันนี้ก็เลยเข้าเมืองคนเดียว ไปเดินเล่นด้วย ซื้อของด้วย
สำหรับผู้ที่กำลังจะมายอร์กนะคะ
มานิวเกท มาร์เก็ทด้วย ไม่งั้นจะหาว่าสมตุ้ยไม่บอกไม่กล่าวแหล่งของดีไม่ได้นะเอ๊อะ

นิวเกท มาร์เก็ท อยู่ตรงที่ถนนมาร์เก็ทสตรีทตัดกับพาร์เลียเมนท์สตรีทค่ะ
จุดสังเกตคือน้ำพุตรงกลางจตุรัส ใครๆก็รู้จัก
ตรงนี้วันดีคืนดีก็จะเป็นที่จัดงานเทศกาลต่างๆ
อย่างตอนนี้ก็มีเทศกาลอาหารอยู่ น่ากินมากแต่ไม่มีตัง
บางทีก็มีคนมาจัดการแสดงเปิดหมวกอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่ตัวเล็กตัวน้อยไปจนถึงคุณตาผมไม่มี
ตลาดนิวเกทที่ว่านี้ ก๊อเป็นตลาดอ่ะนะ
ขายผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ เสื้อผ้า
อารมณ์ประมาณตลาดอ่อนนุชบ้านเรามั้ง แต่พวกอาหารของสดนี่เหมือนเจ้าของเขามาเอง
แผงขายผัก อาจจะแพงกว่าในซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างมอร์ริสันหรือเซนส์บิวรี่นิดหน่อย แต่คุณภาพต่างกันเยอะอย่างเห็นได้ชัด
(ไม่ทุกอย่างหรอกแต่ส่วนใหญ่ เดี๋ยวจะหาว่าโฆษณาเกินจริง)
มะเขือเทศลูกกลม โต เกลี้ยงเกลา แดงฉ่ำ
ขนาดนราไม่ชอบมะเขือเทศยังรู้สึกว่ามันน่ากินจังเลยอ่ะ
ผักมีมาตามฤดูกาล อย่างหน่อไม้ฝรั่งถ้าไปตอนเดือนพ.ค.จะเยอะมาก อวบอิ่ม น่ากินสุดๆ ถ้าไปซื้อตอนนี้จะได้หน่อไม้ฝรั่งที่เหมือนขุดขึ้นมาจากซากอารยธรรมเมโสโปเตเมีย

ตรงกลางตลาดปกติจะขายพวกถุงเท้า เสื้อไหมพรม อุปกรณ์ของใช้ในบ้าน แต่วันนี้ทำไมเป็นร้านดอกไม้ไม่ทราบ ดอกไม้ที่นี่ที่ราคาถูกจะเป็นพวกคริแซนธิมัม นาร์ซิสซัส แดฟโฟดิล ช่วงนี้ดอกดาห์เลียออกเยอะก็ราคาถูก กำละปอนด์เดียว เวลาซื้อคนขายจะเอาดอกไม้ไปห่อกระดาษให้ แล้วแถมอาหารดอกไม้เหลวๆให้มาด้วย

แผงตรงนี้ขายหัวดอกไม้บานเบอะค่ะ
อยากซื้อกลับบ้านแต่คงไม่ผ่าน ตม.

ตรงนี้ใครชอบหนังสือ ห้ามพลาด อย่าพลาด อย่าบังอาจพลาด
เป็นมุมขายหนังสือมือสอง ดูเหมือนไม่ตั้งใจขายเพราะเอาลังกระดาษมากองๆตั้งๆแล้วก็อยู่ยังเงี้ยทั้งวัน
แต่ๆๆๆ อย่าให้รูปลักษณ์ภายนอกมาหลอกท่านได้
หนังสือทุกเล่มในร้านนี้สองปอนด์เท่ากันหมด
ค้นดีๆท่านอาจเจอหนังสือที่ท่านตามหามาแสนนานในราคาถูกบัดซบก็ได้

The Historians เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ เล่มหนาเตอะ
ที่ไทยขายไม่ต่ำกว่าเล่มละสามสี่ร้อย
ที่นี่ สองปอนด์ = ร้อยบาท
ถึงเป็นมือสองแต่สภาพดีมาก สันไม่งอด้วย
หนังสือดีๆอย่างของ John Grisham, Stephen King, Tom Clancy มีให้เลือกมากมาย
พวกหนังสือชิคลิท แบบสาวนักช้อปตะลุยโน่นตะลุยนี่ก็มี
วันนี้นราน้ำตาแทบร่วง
เจอ Encore Provence ของ Peter Mayle ที่เขียน A Year in Provence กับ Toujours Provence ฉบับภาษาไทยจัดพิมพ์โดยมติชน
เล่มนี้เหมือนจะยังไม่ออกมาเป็นภาษาไทย คิดว่าน่าจะออกมาให้ชื่นใจในงานหนังสือเร็วๆนี้
คว้าแบบไม่คิดเลย
จริงๆมีหนังสือเล่มอื่นที่อยากได้ อย่าง Under the Tuscan Sun ของ Frances Meyes แปลไทยโดยมติชนเหมือนกัน อยากได้มากกก แล้วยังมีหนังสือทำนองนี้อีกเป็นตั้ง ไม่ติดว่ากระเป๋าเดินทางจะระเบิดแล้วจะซื้อมาให้หมดเลยจริงๆ

หนังสือบางเล่มอาจจะซีดไปสักหน่อย เพราะตั้งไว้ให้แดดเลียหลายวันหลายคืน
แต่หนังสือดีก็คือหนังสือดี
ถึงพิมพ์ลงบนกระดาษทิชชู่ก็ยังเป็นหนังสือดี
ไม่เหมือนพวกหนังสือ "สักแต่เขียน" ที่ทะลักทะล้นเต็มร้านหนังสือเดี๋ยวนี้
ไอ้ประเภท "วิธีหาผัวฝรั่ง" "คำสารภาพของสาวนักอึ๊บ" "คัมภีร์สยบผู้ชายแทบเท้า" "ดิฉันเป็นฮิสทีเรีย" "สาวไส้ไซด์ไลน์" "เมื่ออกหักรักคุดตุ๊ดเมิน" และเก้าโลเก้าลากยาวไปถึงอาบูดาบี
อีแบบนั้นพิมพ์ลงบนกระดาษอาร์ทอย่างดีสี่สีประดับเกล็ดคริสตัลชวารอฟสกี้ยังไม่อยากจะอ่านเลย

การไปเดินตลาดนี่
นอกจากจะได้ของที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นผักสดจากไร่ ปลาสด หรือหนังสือดีๆ
เรายังได้เรียนรู้ความเป็นอังกฤษไปด้วยนะ
ป้าร้านขายผักร้านนึง ร้านที่อยู่หน้าร้านปลา เค้าจะมีสำเนียงการเรียกลูกค้าที่ประหลาดมาก
ไม่รู้จะอธิบายยังไง ลอกเสียงเขามาสะกดให้ฟังเลยละกัน ลองออกเสียงตามแบบลากยาวๆยานๆหน่อยนะจะได้อารมณ์มาก
"สตร๊อบะหรีจุสท์วั้นพ่าวน์อี๋ช คว้อลิฝล่าวเหวอร์ฟิ้ฟติเผนซ์ พี้ชแอนด์เน็กทะหรีนเธ้ออิฟ้ายฟ์เพนซ์อี๋ช" (Strawberries just one pound each, cauliflower fifty pence, peach and nectarine thirty-five pence each)
ใครมาลองแวะไปฟังดูได้
Yorkshire English แต๊ๆเจ้า
ปล.ช่วงนี้พีชน่ากินมาก ลูกใหญ่ สด หอม ถ้าแผงตั้งตรงที่แดดส่องนะเวลาเดินผ่านได้กลิ่นลูกพีชหอมฟุ้งไปทั่วเลยค่ะ

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Curry Night

ก่อนอื่นเลย ขอขอบคุณทั้งโมมดจิและอวนมากๆ
ที่มอบให้ทั้งกำลังใจและความช่วยเหลือ
ยังไงขอนราดูสถานการณ์ไปก่อนนะคะ ว่าจะหานศ.มาทดแทนได้หรือไม่ ถ้าหาไม่ได้จริงๆก็คงจะงานเข้า ต้องปรับเปลี่ยนหัวข้อวิทยานิพนธ์ใหม่ และขยายขอบเขตกลุ่มศึกษาเป็นนศ.ชายระดับมหาลัยแทน ไม่เจาะจงว่าต้องมาจากม.ใดเป็นพิเศษ ฮึ งอนแล่ว
ถึงเวลานั้นคงได้รบกวนจริงๆจังแน่ค่ะ โดยเฉพาะโมมดจิ เห็นว่ามีเด็กในสต๊อกเยอะใช่ไหมคะ ฮิ ฮิ
.
หลังจากตามตื๊อผู้ชายคนหนึ่งอยู่นาน
ในที่สุดเขาก็ใจอ่อน ยอมนราจนได้
อิอิ ยอมทำแกงกะหรี่ให้กินค่ะ
ไปถึงบ้านนัทตอนหกโมงครึ่ง พ่อครัวนุ่งชุดตีแบดแฉะๆกำลังทำแกงกะหรี่ให้เราอยู่เลย อิ๊ๆ
อันนี้นราไม่ได้ข่มขู่บังคับให้เขาทำนะ
แค่บอกเฉยๆว่าอยากกิน ทำได้แล้ว ฮ่า
เรื่องของเรื่องคือ เคยนวดกล้ามเนื้อให้นัทเมื่อนานมาแล้ว
แต่คนอย่างนรา มีหรือจะหว่านพืชมิหวังผล
ก็คอยเซ้าซี้มาเรื่อยๆว่าอยากกินแกงกะหรี่จังเลย อยากกินข้าวฟรี เมื่อไหร่จะทำ
วันนี้ที่ทำจนได้ก็ไม่รู้ว่าเพราะตามสัญญา หรือทนรำคาญไม่ไหว
แต่มันอร่อยนี่นา ถามหลายทีแล้วว่าใช้ก้อนแกงยี่ห้ออะไร ไม่เคยจำได้เลย วันนี้ก็ลืมอีกแล้ว
นรา หน้าตาชื่นบานกับข้าวฟรี
อิ่มจังตังอยู่ครบ
ตู้เย็นสงบ ไม่เสียเสบียงอีกหนึ่งวัน
วันนี้สงสัยนัทจะวางยา ทำแกงกะหรี่เผ็ดอ่ะ
คือมันไม่เผ็ดสำหรับคนอื่น แต่มันเผ็ดมากสำหรับเรา กินไปก็ลิ้นห้อยไป เป็นที่น่าอนาถใจยิ่งนัก
วันนี้มันฝรั่งออกแข็งๆหน่อย แต่ชอบ ไม่ชอบเละเกินกินไปไม่มีรสสัมผัส หอมใหญ่ก็ดี แครอทก็หวานดี ข้าวใช้ข้าวเกาหลี แข็งไปนิดแต่อร่อย
กินของฟรีต้องไม่เรื่องมากค่ะ
เดี๋ยวโดนพ่อครัวตบฉาด
นราซัดไปเป้งๆ สองชาม อิ่มท้องจะแตก
สบายใจ เหมือนบรรลุสวรรค์ชั้นฟ้า นอนอืดแผ่พังผืดพุงหน้าทีวีไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น ฮ่า
แถมยังมีคนเอาสตรอว์เบอร์รีมาอีก โอ๊ยสุขใจๆ
ตอนนี้สตรอว์เบอร์รียังอร่อยอยู่ ลูกโตๆ หวานฉ่ำไม่เปรี้ยวเลย ก็ซัดไปซะครึ่งถาดอย่างไร้ยางอาย
พอกินเสร็จ สติกลับคืน
ก้มมองพุงตัวเองแล้วก็ถอนใจเฮือกๆ
อ้วนอีกแล้ว
ตอนนี้นรากำลังประสบปัญหาโยโย่เอฟเฟค
เพราะเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนหน้าไปว่ายน้ำตลอด ก็ผอมลงอย่างรวดเร็วมาก แต่ทีนี้ตั้งแต่สัปดาห์ที่มีงานนำเสนอหน้าชั้นเป็นต้นมาก็แทบไม่ได้ไปเลย คือออกกำลังกายน้อยลงแต่ยัดห่าเท่าเดิม ไขมันรีเทิร์นมาอย่างรวดเร็ว ตันไปหมดรอบองรอบเอว อึดอัดอ่า ต้องกลับไปว่ายน้ำให้เร็วที่สุดแล้วไม่งั้นเกินเยียวยา
.
กินแกงกะหรี่เสร็จ นัทขับรถพาไปสวนสาธารณะราวน์ทรี พาร์ก ที่นราเคยไปถ่ายรูปเมื่อตอนโน้น
สวนปิดสามทุ่มครึ่ง มีเวลาประมาณชั่วโมงนึงให้เดินเล่น เล่นของเล่นกัน
คนอื่นๆก็ไปเล่นชิงช้า ม้ากระดก ห้อยโหนปีนป่ายอะไรกันไป
แต่นรา สสารในท้องทิ้งถ่วงตกหนัก
จะหายใจยังไม่ไหวเลย
เลยขอนั่งชมธรรมชาติดีกว่า
ซ่าไปเล่นชิงช้าแปปนึง แกว่งไปแกว่งมา จะอ้วก ก็เลยหยุด
ไม่ได้มีความโรแมนติกเล้ย
.
จะว่าไปก็ไม่ได้เล่นชิงช้านานมากแล้วนะ
เป็นปีแหละ
รู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ หวิวๆ ลอยๆ
ตอนนี้ก็ยังยุ่งเหมือนเดิม
เรื่องงานล้วนๆ
เวลาหดสั้นลงทุกที แต่งานทำไมไม่ก้าวหน้าซักที
อาจารย์ที่ปรึกษา ตอนไม่อยากเจอก็อยู่จังเลย พออยากจะเจอก็ไม่เคยอยู่เลย หาตัวไม่ได้ หุดหิดมาก
นี่กะว่าจะไปปักหลักกินอยู่หน้าออฟฟิศแก ประมาณว่ามาเมื่อไหร่ หรือออกจากห้องมาเมื่อไหร่เจอแน่ๆ หนีไม่ได้ ห้ามไปไหนทั้งนั้นจนกว่าฉันจะปรึกษาจบ
.
วันนี้อากาศดีค่ะ เมฆน้อย ไม่ร้อนมาก
น่านอนกลิ้งบนสนามหญ้ากับหนังสือดีๆสักเล่ม กินขนมหวานๆ แล้วนอนขึ้นอืดให้เป็ดมาแทะศพ
จะตั้งใจทำงานแล้ว จะพยายามนะ
ฮึ้ยๆ

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Lunch in Town at Red Chili

บ่นๆๆๆ ว่าตังไม่มี
แต่พอเพื่อนมาชวนไปกินข้าวข้างนอกก็ไปทุกที
ช่วงนี้นรกมาก ไม่ได้ไปว่ายน้ำเลยตั้งแต่ทำงานนำเสนอหน้าชั้น อ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะยัดห่าในปริมาณเท่าเดิมหรือมากขึ้น แต่ไม่ออกกำลังกาย พุงหนานุ่มน่าขยำเข้าไปทุกวัน
.
วันนี้ไปทานที่ร้าน Red Chili ในเมืองมา
เป็นร้านอาหารจีนร้านใหญ่ ราคาแพงใช้ได้
เหมาะกับการไปหลายๆคนแล้วแบ่งกันจ่าย
วันนี้ทั่นประธานกิ๊กจะกลับบ้านที่ไทย ก็เลยถือโอกาสเลี้ยงบ๊ายบายซะเลย
ไปถึงตอนเที่ยง ร้านไม่มีคน
มีพนักงานหน้าตาเหมือนโดนผัวทิ้งมาต้อนรับ
ร้านนี้เป็นร้านที่ห้ามพนักงานยิ้ม ไม่มีใครยิ้มเลย
ไปกันหกคน แต่ละคนหิวซ่กกันทั้งนั้น
คนอื่นไม่รู้ แต่นราอะหิว แถมช่วงนี้กินเยอะมาก
อยากกินไปซะทุกอย่าง
คนที่เคยมากินแล้วก็พอรู้ว่าต้องสั่งอะไรมั่ง
นราเคยมาแค่ครั้งเดียว จำได้ว่าเคยได้กินหมี่เส้นแบนๆผัดที่อร่อยมาก ใส่หน่อไม้ กุ้งยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ ไข่เต็มๆ อาหย่อยยย แต่ดันจำชื่อมันไม่ได้ วันนี้อยากจะกินแต่นึกไม่ออกก็เลยอดไป ดูในเมนูก็อ่านไม่ออก คำอธิบายก็คลุมเครือๆ เลยช่างมันไม่กินก็ได้ ไม่ง้อ
.
จริงๆไปแล้วก็อยากจะกินเป็ดย่างที่เขาลือว่าอร่อยนักหนา แต่พนักงานบอกว่าเราไม่เสิร์ฟเป็ดจนกว่าจะหกโมง เลยอด ได้กิน Aromatic Duck แทน เป็ดหอม เป็นไงหว่า
สั่งโค้กไปสามชาติเศษ โค้กไม่มา สันนิษฐานโดยทั่นประธานกิ๊กว่าพนักงานกำลังปลูกต้นโคคาอยู่
สักพัก(ใหญ่มาก) พนักงานก็เอาเครื่องเคียงกับซอสฮอยซินมาเสิร์ฟ
เป็นแตงกวากับลีคซอยเป็นเส้น ผักสดน่ากินดี ขนาดนราไม่ชอบกินผักดิบยังคิดว่ามันน่ากินเลย
เป็ดมาแล้ว มาพร้อมพนักงานหนึ่งคน
เป็ดที่ว่านี่เป็นเป็ดทอดกรอบ มีเสิร์ฟสามพอร์ชัน คือ 1/4 ตัว ครึ่งตัว แล้วก็ทั้งตัว 25 ปอนด์ ตอนแรกลังเลกัน เอ๊ จะสั่งทั้งตัวดีไหมเดี๋ยวกินไม่หมด ปรากฏว่าแทบไม่พอจะกินซะยังงั้น
คุณพนักงานที่มาพร้อมเป็ด มีหน้าที่ขูดเป็ดให้เป็นฝอยๆ เพื่อจะได้ทานคู่กับแผ่นแป้งกลมๆคล้ายปอเปี๊ยะ แต่อันนี้มันหนากว่าหน่อย แล้วก็แห้งๆเหมือนกระดาษ
ขูดเสร็จแล้วเขาก็ไป
สังเกตปากจู๋ มุ่งมั่นมาก
เป็ดมาร้อนๆ กินร้อนๆ หนังกรอบๆ อร่อยมาก
ยิ่งทานกับฮอยซินซอสยิ่งแซบอ่ะ ซอสมันเหนียวๆ หวานๆ แตงกวาก็สด กรอบ ลีคปกติมันจะเหม็นๆ เผ็ดซ่าๆ กินกับเป็ดกับซอสแล้วก็กรอบๆ อร่อย สดชื่นดี

ใช้เวลาจัดการเป็ดประมาณยี่สิบนาทีถึงครึ่งชั่วโมง
ก็บอกให้เขาเอาอาหารหลักมาเสิร์ฟได้
ที่นี่เลือกได้นะคะว่าจะรับอาหารที่สั่งทั้งหมดทีเดียวเลย หรือจะรับอาหารเรียกน้ำย่อยก่อนแล้วค่อยทานมื้อหลัก แต่แบบหลังจะช้ากว่ามาก
เป็ดอร่อยนะ แต่เทพีของมื้อนี้ยกให้จานนี้เลยอ่ะ
ปูนิ่มทอดกระเทียม
โคตร พ. โคตร ม. อร่อย

มันเป็นส่วนกรรเชียงปู ที่ชุบแป้งทอดจนกรอบแล้วกินได้ทั้งอัน ไม่ต้องมานั่งแคะเปลือกให้เสียอารมณ์
เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาอังกฤษที่ได้กินปู
อาหารจีนต้องกินร้อนๆ ไม่งั้นเลี่ยน
โดยเฉพาะอาหารทอดแบบนี้ กินตอนร้อนๆ กรอบๆ โคตรอร่อยเลย
แถมจานนี้มันมีเศษแป้งฝอยๆ กรอบๆ ผสมเศษหอมใหญ่กับพริกหวานสับ เอามาคลุกกินกับข้าวก็อร่อยแล้ว
เนื้อปูหวานมากค่ะ เสียดายคนเยอะ กินได้นิดเดียว กะว่าวันหลังจะแอบกลับไปล้างแค้นกับจานนี้คนเดียว กินแม่งให้กรรเชียงงอกไปเลย

จานนี้ก็อร่อยนะ
ปลาหมึกทอดเกลือและพริกไทย
แต่นราไม่ชอบเนื้อหมึกแบบนี้ ชอบแบบที่เป็นเนื้อขาวๆชิ้นใหญ่ๆ แบบที่ร้านติ่มซำมากกว่า
แต่ก็อร่อยดี เศษแป้งทอดก้นจานก็อร่อย แต่เค็ม

จบมื้อ โดนค่าเสียหายกันไปคนละ 13 ปอนด์
ค่อนข้างแพงนะ แต่ถ้าไม่มากินทุกวันก็คงไม่หมดตัว
กินเสร็จคนอื่นก็ทยอยกันแยกย้าย เหลือนรากับเพื่อนชื่อนัทเดินโต๋เต๋กันในเมืองสองคน
เป็นครั้งแรกที่ซื้อเสื้อชั้นในกับคนที่ไม่ใช่แฟนและแม่
แอบเขินนะเนี่ย
ได้เต้าหู้กับลูกชิ้นปลาไส้เห็ดหอมมาด้วย
ตอนเดินกลับกินไอติมไปโคนกับเกาลัดจากร้านจีนอีกถุง
ตัวเองยังตกใจเลยว่าทำไมกรูกินเยอะอย่างนี้
ตอนนี้นั่งพิมพ์ๆอยู่ก็อยากกินอะไรสักอย่างนะเนี่ย
คือท้องมันไม่หิวหรอก แต่ปากน่ะมันอยาก
เจริญ
เงินหมดเพราะเรื่องกินนี่แหละ
.
อัพเดทเรื่องเรียนกันหน่อย
ก่อนมา มีคนดูลายมือให้แล้วบอกว่า เรื่องเรียนจะมีปัญหานะ
ไม่น่าเชื่อ มันมาแล้ว ปัญหาขนาดใหญ่สามช้างโอบ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เราด้วย ไม่รู้จะแก้ยังไง ตอนนี้เครียดแล้ว ผมร่วงนิดหน่อย แต่ไม่ผอมแฮะ เซ็ง
คือนราทำแบบสอบถามเพื่อวัดว่าเกมดอทเอมันเป็นที่นิยมในหมู่นศ.ชายแค่ไหน ก็แจกไปร้อยชุด แล้วก็บอกว่าถ้าใครยินดีอยากให้สัมภาษณ์ก็ทิ้งอีเมล์ไว้นะ
ก็มีคนเขียนอีเมล์ทิ้งไว้ให้สิบกว่าคน
แต่พอเมล์ไป เชื่อหรือไม่ เกินครึ่งเป็นเมล์ปลอม ส่งไปแล้วตีกลับทันที
ที่เหลือที่นิดหน่อยก็ไม่เคยตอบกลับเลย
ไม่เข้าใจว่า ถ้าไม่อยากให้สัมภาษณ์ เมิงจะทิ้งอีเมล์ปลอมเอาไว้เพื่ออะไรวะ ก็ทิ้งว่างไปเด้
ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว นศ.ที่กะเอาไว้สัมภาษณ์ นรกมาเยือน
ไม่รู้จะทำไงแล้วค่ะ ฮือ
.
เหลือเวลาอีกสองเดือน
ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า
แต่ก็จะพยายามต่อไป
มีเรื่องอะไรเข้ามาเยอะแยะไปหมดเลย
คิดถึงทุกคนนะคะ

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Afternoon Tea at Betty's

อยู่อังกฤษมาก็นาน
เดือนนี้ก็ปาเข้าไปเดือนที่สิบแล้ว
ไม่เคยสักทีที่จะได้ลองดื่มชายามบ่ายแบบผู้ดีอีงกฤษกะเขา
ไปแต่ร้านอาหารจีน ร้านติ่มซำสนองตัณหาตัวเอง
พอดีว่าเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา แดน เพื่อนคนอเมริกันที่เคยมาเรียนที่ยอร์กเทอมนึงแล้วก็กลับนิวเจอร์ซีย์เขากลับมาเที่ยว นราก็ไปรอรับที่สถานีรถไฟ แล้ววันนี้ก็เลยนัดกับเพื่อนๆหลายๆคนไปเป็นผู้ดีอังกฤษที่ร้านชาที่ดังที่สุดในยอร์ก เบ็ตตี้ ที รูม
เคยพูดถึงตอนมาถึงใหม่ๆ ไปหาอ่านเอาเองนะขี้เกียจไปย้อนดูว่ามันอยู่เอนทรี่ไหน อิอิ
วันนี้แปลก คิวไม่ยาว
ปกติแถวต้องยาวตวัดหางออกมานอกร้าน ประหนึ่งว่าเป็นชาเทพ สโคนทิพย์ กินแล้วเขียนวิทยานิพนธ์เสร็จในสองสัปดาห์
แต่ถ้ามันกินแล้วเสร็จได้เร็วอย่างนั้น ชุดละพันปอนด์นราก็เอาค่ะ
ทุกคนเรียกเบ็ตตี้ว่าเป็นร้านชา แต่จริงๆมันก็เป็นเหมือนคาเฟ่อะนะ
คือไม่ได้มีแต่ชา แต่มีขนมที่ไว้ทานกับน้ำชา แล้วก็อาหารเบาๆไม่หนักมากให้เลือกเยอะเหมือนกัน ทั้งแซนด์วิช สลัด แล้วก็ย่างๆแบบบิสโทร
ไปกันแปดชีวิต ที่นั่งชั้นบนริมหน้าต่างมันเต็มหมดแล้ว
พนักงานก็เลยพาไปนั่งชั้นใต้ดินแทน ได้บรรยากาศสลัวๆหรูหราไปอีกแบบ
ชอบชุดพนักงานอ่ะค่ะ เป็นเสื้อเชิ้ตขาวติดกระดุมถึงคอ มีกระดุมทองแบบป้าแก่ๆโบราณติด แล้วก็ผ้ากันเปื้อนสีดำ ส่วนใหญ่เป็นป้าแก่ๆ เท่าที่เห็นไม่มีพนักงานเอเชียหัวดำเลยนะ สงสัยเดี๋ยวเสียบรรยากาศมั้งเนอะ
เมนูน่ารักมากมาย
นราก็ไม่ค่อยรู้จักหรอก ชาเชออะไรชื่อประหลาดๆ
แต่เอาวะ กระเหรี่ยงไทยวันนี้จะขอเป็นผู้ดีจิบชาไฮโซซะหน่อย ว่าแล้วก็สั่ง "อะ โพะ ออฟ ถี" ทันที
เพื่อนๆกลุ่มนี้จริงๆก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่
เพราะส่วนใหญ่พวกนี้เขาเป็นเด็กป.ตรีกัน ก็สนุกอะไรกันไปตามประสากลุ่มเพื่อน ใคร้เขาจะมาสนใจยายแก่ๆอายุ 22 จะ 23 อย่างเรา
แต่พอดีว่าแดนมา ก็เลยดรีมทีมรวมตัวกันเป็นการพิเศษ
ซ้ายสุด แดน จากนิวเจอร์ซีย์ ที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเมนูไม่สนใจใครก็นิค สวีเดนส่งเข้าประกวด สาวแว่นชื่อเทเรซา มาจากสิงคโปร์ แล้วก็อเล็กซ์ หนุ่มอังกฤษ
นราสั่ง Betty's Cream Tea ชุดละ 7.95 จริงๆอยากกินสตรอว์เบอร์รีครีมทีมากกว่า แต่มันแพงกว่ากันตั้งปอนด์นึง เลยตัดใจไม่เอา
นั่งอยู่ไม่นานก็มีพนักงานมารับออเดอร์ สักพักที่มาก่อนก็ชาเลย
จะเป็นผู้ดีแร้นเค่อะ
ชามาเป็นสองกา ใบใหญ่ใส่ชา ใบเล็กเป็นน้ำร้อนไว้เติม แจ่มมาก
เกือบหน้าโง่เอากาเล็กมาเทกินเปล่าๆแล้วสิ ดีนะยั้งไว้ทัน
มีนมใส่เหยือกอันจิ๋วมาให้เติมในชา แล้วก็น้ำตาลก้อนที่น่าจะทำเอง เพราะมันไม่เป็นสี่เหลี่ยมป็อกล็อกเหมือนที่เห็นตามร้านทั่วไป แต่เป็นเหมือนน้ำตาลอัดก้อนหยาบๆ อารมณ์เหมือนน้ำตาลทรายที่บ้านเราเวลาเปิดป๋องมาใช้แล้วเสือกปิดไม่สนิท อากาศเข้า น้ำตาลเลยจับเป็นก้อน ประมาณนั้น
.
ครีมทีที่สั่ง มาแล้วจ้า
คิดว่าเป็นชาใส่ครีมใช่มั้ย ต้องมีคนคิดแน่ๆ เพราะเมื่อก่อนก็คิดเหมือนกัน
มาเห็นคนที่นี่กินแล้วถึงเข้าใจว่ามันไม่ใช่ชาใส่ครีมเลี่ยนๆ แต่เป็นชุดน้ำชา ที่เสิร์ฟมาพร้อมสโคนสองชิ้นผ่าครึ่งมาให้ แยมสตรอเบอร์รี แล้วก็ Clotted Cream ที่เหลืองๆเหมือนเนยนั่นแหละค่ะ มีคำแปลภาษาไทยไหม?
สโคน หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
เนื้อออกร่วนๆหน่อย แต่ไม่ถึงกับกัดแล้วร่วงกราว ในเนื้อแป้งผสมลูกเกดด้วย พอดีนราไม่ปลื้มลูกเกดเท่าไหร่เลยเฉยๆ แต่สโคนของเบ็ตตี้หอมเนยมากๆ เสียดายว่ามันไม่ร้อน ไม่งั้นคงอร่อยกว่านี้วิธีทดลองกินแบบผู้ดี:
1) ทาครีมก่อน แล้วค่อยทาแยม วิธีนี้ให้ผลว่าทาแยมไม่ติด เพราะครีมมันหนาเตอะลื่นแพร่ดไปหมด ดังนั้นก็เลย 2) ทาแยมแล้วค่อยทาครีม
คราวนี้แจ่มเลย
แยมสตรอว์เบอร์รีหวานไปหน่อย เข้าใจว่าเป็นโฮมเมดเลยหนืดซะขนาดนั้น ส่วนครีมก็รสชาติอธิบายไม่ถูกดีค่ะ มันจะรสชาติคล้ายเนยตอนแรก แต่พอเคี้ยวไปสักพักรสมันจะจางลงเป็นรสเย็นๆมันๆ บอกไม่ถูก
นราทำให้เพื่อนฝรั่งตกตะลึงด้วยการปาดครีมทีนึงหนาครึ่งนิ้ว มอริทซ์ คนเยอรมันถามว่า กินเข้าไปได้ไงไม่เลี่ยนเหรอ
แหม ถ้ากินแล้วเลี่ยนกรูก็คงไม่หน้าบานเป็นลานจอดคอปเตอร์ยังงี้หรอกจ่ะ
.
ไม่รู้นิคสั่งอะไร น่ากินสุดโคตร อยากขอกินแต่ไม่กล้า
หน้าตาเหมือนเป็นไอศกรีม ราดซอสสตรอว์เบอร์รีกับครีม ปะด้วยสตรอว์เบอร์รีลูกมโหฬารมาก เจ็บใจว่าทำไมเราไม่สั่งอย่างนั้นมั่งฟะ น่ากินกว่าหนมปังทาครีมตั้งเยอะ หมายมั่นปั้นมือไว้แล้วว่าโดนแน่เมนูนี้ คราวหน้าถ้ามีบุญได้มาอีกจะสั่งมากินซะให้หายแค้น
.
อเล็กซ์ที่ตัดผมแล้ว เมื่อก่อนไว้ยาวสลวยมาก นราสุดเซ็กซ์ แล้วก็มอริทซ์
อเล็กซ์นี่ โปรดสังเกต เป็นฝรั่งที่ชูสองนิ้วทุกรูป แปลกมาก
ปกติมีแต่คนเอเชียที่ชอบทำ ฝรั่งไม่ค่อยทำ
บางทีเพื่อนก็ถามนรานะ ว่าทำไมยูต้องชูสองนิ้วด้วย แปลว่าอะไร
เอ ไม่รู้แฮะ แปลว่านราขอสองมั้ง อิ๊อิ๊อิ๊
วันนี้ได้หายโง่ไปอีกหนึ่งเรื่อง
คือเรื่องส่งไฟล์จากมือถือเข้าคอมผ่านบลูทูธ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยโอนไฟล์จากมือถือเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เลย มันจะขึ้นมาบอกว่าส่งไม่ได้ เฟลตลอด ส่งได้แต่จากคอมเข้ามือถือ
วันนี้ดวงตาเห็นธรรม ว่าต้องไปกดตรงไอ่บลูทูธไฟล์วิซาร์ด แล้วเลือกก่อนว่าจะให้คอมรับหรือส่งไฟล์
แหมมมมม แล้วก็ไม่บอกกันก่อนว่าเป็นได้ทั้งฝ่ายรุกและฝ่ายรับ
ปล่อยให้น้องโมฯเป็นฝ่ายรับอยู่คนเดียวมาเป็นปี โทรมกันพอดี
ว่าแล้วก็ให้ดูความอุดมสมบูรณ์ของนรา นมเล็กรู้แล้วไม่ต้องทัก
แล้วที่เห็นแขนงอๆ ไม่ได้ดันนมด้วยความพยายามอยากจะใหญ่นะ ถือไอติมอยู่แล้วมันละลายย้อยลงมาเลยหมุนข้อมือหนีค่ะ
อูย ขี้เกียจอะ
ใครมียาแก้ขี้เกียจบ้างไหมเนี่ย
โคตรของโคตรขี้เกียจเลย ไม่อยากทำอะไรเลยอยากนอนอย่างเดียว
ตอนหน้าหนาวก็เป็นแบบนี้ แต่ตอนนั้นมันหิมะตก อากาศมัวซัว
ตอนนี้จะโทษอากาศไม่ได้แล้วสินะ เพราะแดดดี สดใสซะขนาดนี้
ต้องโทษตัวเองแล้วค่ะ
เอวัง

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

British Pub

หลังจากฝนตกเฉอะแฉะมาทั้งสัปดาห์
ในที่สุดวันนี้พระอาทิตย์ก็มีอารมณ์ออกมาเฉิดฉายเสียที
พยากรณ์อากาศก็บอกว่าแดดจะออกไปทั้งสัปดาห์ อาจมีเมฆมาก
แต่เอาเหอะ ฝนไม่ตกก็ดีแล้ว หนาวจะตาย ไปไหนก็ลำบาก
.
วันนี้ฟ้าสวยค่ะ
อังกฤษนี่นะ วันไหนคิดจะอากาศดีก็ดีแบบน่าตกใจ แดดแรง ลมเอื่อยๆ
แล้ววันนั้นก็จะเป็นวันที่คนออกมาจากบ้าน มาเดินเล่น มาเลื้อยกันเต็มสนามหญ้า เอาผ้ามาปู กลิ้งเกลือกอ่านหนังสือตามเนิน ประหนึ่งว่าชาตินี้ไม่เคยเห็นพระอาทิตย์มาก่อนเลย แต่นราก็ว่ามันยังเย็นๆอยู่ดีถึงช่วงนี้พระอาทิตย์จะตกตอนสามทุ่มครึ่ง พอสักห้าโมงอากาศก็จะเริ่มเย็นลงอยู่ดี
ถ้าไม่มีเสื้อแจ็กเก็ตก็หนาวสั่นได้เหมือนกันนะ
แต่ไอ้เพื่อนฝรั่ง มันก็พากันขำนรา ว่าขนาดนี้แล้วเมิงยังหนาวอีกเหรอ
พวกกรูเหงื่อตกกันจะตายห่า
.
นี่เป็น Central Hall ของมหาลัยยอร์กค่ะ
ดอกเชอร์รี ที่เคยถ่ายรูปมาให้ดูช่วงฤดูร้อนตอนต้น จำกันได้ไหม
ตอนนี้มันกลายเป็นลูกเชอร์รีแดงๆหมดแล้ว
ไม่ถึงกับพราวเต็มต้น แต่คนไม่เคยเห็นอย่างเราก็ตื่นตาเหมือนกัน
ตอนแรกมันเป็นเม็ดกลมๆ เขียวๆ ก่อน แล้วค่อยๆเหลือง ส้ม แดง
กะว่าเดี๋ยวมืดเมื่อไหร่ จะแอบออกไปเก็บกิน อยากรู้อร่อยไหม
อารมณ์เดียวกับตอนที่มาถึงใหม่ๆ แล้วไปเดินเก็บเม็ดเกาลัดที่ร่วงๆตามพื้น กะเอามาลองคั่วกินเลย ฮ่าาา พูดแล้วก็คิดถึง วันเวลานี่มันผ่านไปเร็วจังเลยนะ
นอกจากเชอร์รี แอปเปิลก็เริ่มติดเป็นลูกกลมๆ แล้วเหมือนกัน
อากาศเจือกลิ่นหอมหวานจางๆ บอกไม่ถูก ดมแล้วชื่นใจดี
ตอนนี้กุหลาบบานกันเยอะมาก บานตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้ว เห็นเขาว่าพ.ค.นี่เป็นเดือนดอกกุหลาบนะ ออกเยอะมาก ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ แต่เริ่มเลยช่วงที่สวยที่สุดของมันแล้ว
.
ดอกสีเหลือง ขึ้นอยู่ริมทางเดิน เลื้อยเกาะผนังอาคารในหมู่บ้านเฮสลิงตัน เห็นตั้งแต่มาใหม่ๆ
ตอนนั้นมันเป็นกิ่งก้านแห้งๆแกร็นๆ เหมือนคุณยายอายุแปดสิบซักน้ำสองครั้งแล้วบิดเอาไปตากแห้ง
ตอนนี้ออกดอกออกใบสวยงาม ดอกนึงใหญ่เกือบเท่าแผ่นซีดีแน่ะ
บ้านหลังนี้อยู่ตรงข้ามกับอาคารกุหลาบเหลืองค่ะ
เป็นบ้านเตี้ยๆ เล็กๆ น่ารักดี เหมือนบ้านในนิยายที่เคยอ่านเลย
บ้านนี้เขาสวนสวยมากเลย ยิ่งกุหลาบสีชมพูหน้าบ้านนี่ดอกมันใหญ่จนย้อยออกมาข้างนอก เลยแอบมั่วถ่ายรูปมาได้
นราช้อบชอบกุหลาบเลื้อยสีแดง มันแดงสดดูนุ่มนิ่มเหมือนกำมะหยี่เลย
แถมเลื้อยขึ้นไปบานตรงริมหน้าต่างอีก อยากได้ห้องนอนแบบนี้มาก
แบบว่ามองออกมาแล้วเห็นดอกกุหลาบสวยๆบาน คงสดใสดีนะตอนเช้า
ตอนนี้ห้องนรา ตื่นมา เห็นต้นไม้ที่จะตายมิตายแหล่ของตัวเอง เหี่ยวๆเหลืองๆต้นเดียว
กำลังวิเคราะห์อยู่ว่ากรูทำไรผิด รดน้ำก็รดทุกวัน ทำไมจู่ๆใบมันเหลืองหมดต้นเลย

เอาละ ทั้งหมดที่ว่ามา มันอยู่ระหว่างเส้นทางเดินไปผับหลังมหาลัยค่ะ
เรื่องของเรื่องคือ เล่าให้แม่ฟังว่าชอบไปนั่งเล่นที่ผับ กินโน่นนี่ เจอเพื่อน
แล้วแม่เป็นห่วง ไม่อยากให้ไป เพราะเข้าใจว่าผับฝรั่งคงเหมือนผับไทย แบบว่าคนถือเหล้าเดินกันว่อน แดนซ์กันกระจาย มีแต่ฝรั่งเลวๆจ้องจะงาบลูกสาวแม่ตาเป็นมัน
หารู้ไม่ว่ากรูนี่แหละ ภัยรายวันของหนุ่มอังกฤษ โดยเฉพาะผมบลอนด์ กร๊ากกก
เพื่อเป็นการแก้ไขความเข้าใจ และให้แม่สบายใจ วันนี้เดี๋ยวพาไปเที่ยวผับนะ
ผับนี้ชื่อชาร์ลส์ค่ะ เป็นที่รู้กันว่าทำอาหารนานฉิบหาย
ประมาณว่าสั่งตอนไม่หิว กว่าอาหารจะมาก็หิวแทบจะแดกขาโต๊ะได้
แน่นอนว่าต้องมีบาร์ขายเครื่องดื่ม
ชาร์ลส์เป็นผับที่ยึดมั่นในมาตรฐานมาก คือเมื่อสิบปีที่แล้วมีพนักงานหน้าบาร์ไม่เกินสามคน ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่เท่านั้น ไม่ว่าลูกค้าจะเยอะแทบเหยียบหัวกันตายยังไงก็จะมีไม่เกินสามคน คงเส้นคงวามากกก
เวลาจะสั่งอาหารและเครื่องดื่ม ก็ต้องไปสั่งตรงบาร์นี่แหละค่ะ ไม่มีใครเดินมารับออเดอร์เหมือนร้านเจ๊แอ๊วแถวบ้านนะ สั่งเสร็จก็จ่ายเงินเลย เขาจะให้ขวดไวน์เปล่าติดเบอร์มาขวดนึง เหมือนเป็นบัตรคิวไว้รอรับอาหาร
เห็นสีดำๆ อย่าตกใจคิดว่านรากินเบียร์ดำละ
โค้กจ้าโค้ก ที่อังกฤษเวลาสั่งเครื่องดื่มมันจะมีสองไซส์ให้เลือก คือไพนท์ กับครึ่งไพนท์ วันนี้หิวน้ำเลยสั่งแก้วใหญ่ไพนท์นึงไปเลย
ข้างหลังคือเมนูเครื่องดื่ม มีเบียร์ ไซเดอร์ เอล เหล้าผสม อะไรก็ว่าไป
ปกติชาร์ลส์จะคนเยอะ เบียดเสียดแออัดเหมือนงานชิงเปรต
โดยเฉพาะวันที่อังกฤษเตะกับอเมริกา โอ้โหผับทั่วประเทศแทบระเบิด
ฝรั่งทาหน้าทาตัวเป็นสีขาวแดง เดินร่อนทั่วเมือง
บอลเตะทุ่มครึ่ง แม่งเมาแอ๋กันตั้งแต่เที่ยง อังกรี๊ดอังกฤษ
แต่วันนี้คนน้อย มีที่ให้เลือกนั่งได้ตามสบาย
ปราศจากขี้เมาหรือจิ๊กโก๋หรือเพลงแดนซ์อะไรทั้งสิ้น
ไปถึงหกโมงครึ่ง กว่าอาหารจะมาก็นั่งรอถึงทุ่มครึ่ง เชื่อหรือไม่
โคตรนานเลย แอบไปชะโงกดูในครัว เจริญ มีคนทำอยู่สองคน
วันหลังมากินแนะนำให้เอาเต๊นท์มาตั้งด้วย
นราสั่ง Southern Fried Chicken พร้อมมันทอดแบบม้วนๆ ของดังของร้าน
พอมาถึงก็บางอ้อว่ามันคือไก่ไม่มีกระดูกของผู้พันแซนเดอร์สนั่นเอง
อาหย่อย
เห็นมั้ยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย
ผับอังกฤษส่วนมากจะเป็นแบบนี้แหละ ขายเหล้าเบียร์ แต่จะเลือกไม่กินก็ได้ มีที่นั่งดีๆให้นั่งคุยกัน ยืดแข้งขาได้สบายๆ
ถ้าจะไปแดนซ์ ไปเที่ยวกลางคืน อันนั้นเรียกว่าไนท์คลับค่ะ
เปิดตั้งแต่ประมาณสี่ทุ่มครึ่งถึงตีสอง-สาม-สี่ แล้วแต่ที่ ค่าฝากกระเป๋าหรือเสื้อโค้ทอยู่ที่ชิ้นละหนึ่งปอนด์-ปอนด์ครึ่ง หน้าประตูจะมีเบาน์เซอร์หรือผู้รักษาความปลอดภัยตัวบวมๆยืนขวางอยู่เหมือนยักษ์วัดแจ้ง
เอ๊ะ ทำไมรู้ดีจัง โฮะๆๆ
.
อันที่จริงวันก่อนไปผับนอกเมืองกับเพื่อนมาด้วย ชื่อผับ Riverside เป็นผับใหญ่สวยมาก น้องๆร้านอาหารเลย เสียดายไม่ได้เอากล้องไป
เป็นครั้งแรกที่ตูดมีโอกาสได้สัมผัสเบาะหนังรถสปอร์ต โตโยต้าเซลิก้า ล้อแม็กสิบเจ็ดนิ้ว ร้อยเก้าสิบแรงม้า ลำโพงเซอร์ราวด์รอบด้าน
เพื่อนมารับที่ในเมือง แล้วขับพาไปผับที่ว่าเนี่ย
ระหว่างนั่งโอ้โหเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ภาวนาว่ากรูไม่อยากตายๆๆๆๆ
โอ้โหขับโคตรซิ่ง เหมือนอยู่ในหนังเรื่องโตเกียวดริฟท์ อันนี้เป็นยูเคดริฟท์
มารู้ทีหลังว่าพ่อคุณท่านขับรถแข่งมาก่อน ขอบคุณมาก ทำไมเมิงไม่บอกกันก่อน
กรูจะได้เอาเข็มขัดนิรภัยส่วนตัวอีกอันมาคาดเพิ่ม
ลงจากรถมา พูดภาษาอังกฤษไม่ออกเลย
ไอ้คนขับ ขำนะขามมมมเข้าไป ฟาย
.
อาทิตย์หน้าจะเป็นคราวนรานำเสนอโครงงานวิทยานิพนธ์แล้วค่ะ
เพิ่งทำได้คร่าวๆ ยังไม่ถึงไหนเลย
ช่วงนี้ยุ่งมากๆ ยุ่งแบบไม่เคยคิดว่าจะยุ่งได้ขนาดนี้
ก็ค่อยๆทำไปเนอะ
บุญรักษาทุกท่านค่ะ จุ๊บๆ

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

BITS of Asia: ASEAN night

ะรหายไปอีกแล้ว
กลับมาแล้ว
อย่าโกรธกันนะ
ช่วงนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ ชีวิตอยู่ในช่วงลุ่มๆดอนๆ
ดีก็แสนดี บทจะแย่ก็ทำเอานราแทบใจสลาย
นะ ชีวิตมันก็เงี้ย สู้ต่อไป ทาเคชิ
.
วันเสาร์ที่ผ่านมา มีงาน BITS of Asia ค่ะ
BITS ก็เอามาจากชื่อต้นของแต่ละประเทศที่เข้าร่วมงาน
มีบรูไน อินโดนีเซีย ไทย แล้วก็สิงคโปร์
ในงานจะมีการแสดงเล็กๆ อาหารประจำชาติ บอร์ดความรู้ ควิซ แล้วก็คาราโอเกะ
นรา ตอนแรกไม่ได้เกี่ยวอะไร แต่ว่าทำไปทำมาก็มาช่วยเขาซ้อมเต้น แล้วก็เต้นกะเขาด้วย
ตอนบ่ายสามโมงของวันงาน ก็มีการซ้อมใหญ่
การแสดงชุดนี้เป็นการเอาเพลงของแต่ละชาติมาต่อกันเป็นเพลงเดียว
เพลงไทยเราขึ้นเพลงแรกเลย อิอิ
เพลงกลับมาทำไม จากหนังน้าหม่ำ แหยมยโสธร
ว่าจะใช้ตั้งแต่ตอนอินเตอร์เนชันแนลเฟสติวัลละ แต่ไม่ได้ใช้
พอดีเลย เอามาใช้งานนี้แทน
นี่ทั่นประธานกิ๊กกำลังนำการซ้อมอยู่

ประมาณบ่ายห้าโมง ทั่นประธานกิ๊กต้องไปร่วมเลคเชอร์เรื่องอนาคตของอาเซียน นราก็ไปจัดบอร์ดเตรียมไว้ค่ะ แต่มันทุลักทุเลมาก หมุดเหมิก แม็ก กรรไกรไรไม่มีซักอย่าง นราปวดอึพอดีเลยเนียนทำเป็นคนดี บอกว่าเดี๋ยวเดินกลับห้องไปเอากรรไกรกับอุปกรณ์มาให้แล้วกันนะ ในใจกะว่าจะไปอึก่อนแล้วค่อยกลับมา
วันนี้ฝนตกทั้งวันเลย ตอนเดินกลับห้องเจอลูกหงส์ดำ ที่ตอนนี้โตแล้ว เดินตามปะป๊ามะม้าอยู่ ตัวเปียกมะลอกมะแลก ขยู้ขยี้ไปหมด
ตัดภาพกลับมาหลังอึ นราสบายใจลันลาเดินกลับมาช่วยงานต่อ
เจอเลสลี่ คนสิงคโปร์มั้ง ไม่แน่ใจ
อันที่จริงเฮียมีบทบาทใหญ่หลวงในงานนี้มาก
แต่วันก่อนงานจริง เฮียไปทำอะไรมาไม่รู้ กระแสข่าวบอกว่าตกจักรยาน
ฟันหน้าหักกระเด็นไปสามซี่ โอ๊ยแค่พิมพ์ก็เสียวแย้ว
หายไปหาหมอฟัน กลับมาอีกทีก็โอเค แต่พูดเยอะไม่ได้
น่าสงสารจริงๆ
นราจัดบอร์ด
ขันแข็งดีป่ะ
คิดว่าจะไม่ได้ถ่ายรูปของตัวเองซะแล้ว
โชคดีว่ามีหนุ่มคนนึงเดินมาถามว่าถ่ายรูปให้เอามั้ย
มารู้ตอนหลังว่าหนุ่มคนนี้เป็นว่าที่ท่านทูตอินโดฯ ที่มาร่วมงาน
โอ้วเป็นเกียรติเหลือเกินนน
บอร์ดไทยแลนด์ไม่มีอะไรมากค่ะ เพราะรีบร้อนทำ เหะๆ
มีธง (ที่พาดแล้วเหมือนฝรั่งเศส) รูปพระอินทร์จากงานอาหารนานาชาติเทอมที่แล้ว แล้วก็รูปวัดวาอาราม ผลไม้ไทย และแพนด้าหลินปิง
งงละสิว่ามันไทยยังไง
คือประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่มีแพนด้าค่ะ
สิงคโปร์กำลังจะได้ แต่ตอนนี้ยัง เราเลยรีบโฆษณาไว้ก่อน
อีกอย่างหลินปิงนี่เป็นเหมือนลูกในไส้ทั่นประธานกิ๊ก
เผลอไม่ได้ โปรโมทจั๊งงง
ตอนนี้เลยได้ที สมใจเค้าหละ
ถึงของเราจะไม่มีอะไรมาก รูปก็เล็กไปหน่อย
แต่อย่างน้อยก็ดูดีกว่าบอร์ดข้างๆนะ
ไม่บอกว่าประเทศอะไร เดี๋ยวเป็นชนวนสงครามข้ามประเทศ
ของเขามีโปสเตอร์แปะสามแผ่น จอ ออ บอ จบ
.
ส่วนนี่สาวๆจากบรูไน
เสื้อผ้าเขาธรรมดาแหละ แต่สีสันสวยมาก
เหมือนลูกกวาดเลย น่ากิน แง่มๆ
บอร์ดเสร็จแล้ว จัดเกือบคนเดียว เก่งมั้ย
เห็นเสื้อผ้านราป่ะ โอ๊ยอาย ทำไปได้หนอเรา
คือการแสดงเนี่ย นรากับน้องกิ๊กก็จะเล่นเป็นละครประกอบนิดนึง
ประมาณว่าผู้หญิงตามง้อผู้ชายเหมือนในหนังแหละค่ะ
แต่ระดับนรากับน้องกิ๊ก ทำไรมันต้องไม่ธรรมดา อึฮื้อ ไม่ธรรมด๊า
ก็เลยแต่งข้ามเพศกันซะเลย
นราสมแมนมาก

คนไม่มากนัก ไม่ใช่งานใหญ่อะไร
แต่ก็ดีใจที่มีคนมา อิอิ
ตอนแรกนราแอบคิดนิดหน่อย ว่างานมันเงียบจัง
ไม่เห็นเขาค่อยโปรโมทเลย คนจะรู้เหรอ
แต่ถึงเวลาก็อุ่นหนาฝาคั่งดีค่ะ

คาดว่าคงจะมาเพราะอาหารฟรี

นี่ไงทั่นประธานกิ๊ก สาวกรีกเพื่อนกิ๊ก นรา และแพทริเซีย สาวอินโดตัวตั้งตัวตีของงาน
อย่ามองนานเดี๋ยวตาบอด
คาดว่าถ้าไปยืนข้างน้องกิ๊ก คงต้องมีคนปวดตากันบ้าง
สีแสบสันมากกก นีออนสุดๆ
แพทริเซียเขาโชว์ระบำจานของอินโด
สวยดีนะ เต้นมันๆ เขาจะถือจานไว้ในมือสองใบแล้วเต้น
ฟังดูธรรมดาอะ แต่จานนั่นมันไม่ได้ติดอยู่กะมือนะคะ มันอาศัยแรงเหวี่ยงไม่ให้หล่นเวลาเต้น
ตอนซ้อมก็เห็นจานบินบ่อยๆ เสียวเหมือนกันว่าเกินเต้นจริงแล้วมันบินใส่คนดูจะเป็นไง
แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น การแสดงเรียบร้อยดีค่ะ
อันนี้โต๊ะอาหาร มีอาหารจากแต่ละชาติมาให้จ้วงกันได้เต็มที่
ของไทยเรามีหมึกแห้ง เพื่อนคนจีนชอบมาก
ถั่วโก๋แก่ ถั่วลันเตาอบกรอบรสวาซาบิ ขนมขาไก่ มะม่วงดอง
และเถ้าแก่น้อย คนชอบมาก
นรายังชอบเลย ขโมยมาห่อนึง อิอิ
เออใช่ น้องกิ๊กทำน้ำตะไคร้มาด้วย หอมดี แต่ไม่ได้กิน
แต่ว
เพราะแก้วมันไม่มี กำลังคิดว่าจะเอาหลอดดูดจากถังเลยดีมั้ย
พอดีว่าเห็นคนมองอยู่เลยช่างมันวะ ไม่กินก็ได้
นราว่าเสียอยู่อย่าง คือเขาไม่ได้ติดป้ายบอกให้ชัดเจนว่าอาหารแต่ละอย่างมันคืออะไร นราก็เลยไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงว่ามันมีอะไรมั่ง
มีอะไรสักอย่างหน้าตาเหมือนทอดมันผัก
อินโดมีอะไรสักอย่างที่เหมือนถั่วเขียวต้มน้ำตาลบ้านเรา
แต่ข้นคลั่ก เขียวปื๋อ
มีฟรุตค็อกเทล (อันนี้จำได้) เค้กช็อกโกแลตไอซิ่งไรสักอย่าง
เอาเป็นว่าเยอะแล้วกันค่ะ
.
นราไม่ได้อยู่จนจบงาน
เพราะเพื่อนบอกว่าจะแวะมาหาจากนอกเมืองเลยออกมาก่อน
แต่นะ ทำไมถึงทำกะฉันได้
แมร่ง ยกเลิก ไม่มาซะงั้น
แล้วจะให้กรูรีบร้อนไปเพื่ออะไรเนี่ย เซ็งมาก
เมื่อวันก่อนก็ทีนึงละ นัดเราแล้วก็ไม่มา ลืมเรา
คนยิ่งเฟลๆอยู่ด้วย ชิ
.
นราอยู่จนถึงคาราโอเกะค่ะ
เปิดเพลงให้คนออกมาร้องกัน
นราว่ามันก็น่าเบื่อนิดหน่อยนะ เพราะห้องมันใหญ่ไปด้วยแหละ
แต่ทุกคนก็ดูสนุกสนานกันดี
ตอนนี้นราเข้าสู่ช่วงวิทยานิพนธ์แล้ว
ก็คิดว่าคงถึงเวลาซะทีที่จะต้องอ่านหนังสือ
เขียนคำถามสำหรับสัมภาษณ์เก็บข้อมูล
และทำไพลอทสตั๊ดดี้แย้ว
งือ ขี้เกียจอ่ะ
.
วันนี้ก็ฝนตกอีกแล้ว
อากาศเปลี่ยนแปลง นั่นแปลว่านราไม่สบายอีกแล้วค่ะ
ทุกคนก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Dear Alathena

สวัสดีและขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านอีกครั้งนะคะ
ที่แวะมาอ่านและทิ้งข้อความไว้เป็นกำลังใจ
รวมถึงผู้อ่านนิรนามที่ผ่านมาอ่าน ขอบคุณมากๆนะคะ
วันหลังถ้าแวะมาอ่านอีกก็ทิ้งชื่อแนะนำตัวไว้ก็ได้จ้า
แต่อ่านมากระวังไร้สาระเหมือนเจ้าของบล็อกนะ อิอิ
.
ฤดูใบไม้ผลิ ของอร่อยก็ทยอยกันออกมาแล้ว
นอกจากสตรอว์เบอร์รีแล้ว ช่วงนี้ผักที่กำลังอร่อยและมาแรงก็คือแอสปารากัส หรือหน่อไม้ฝรั่งนี่เองค่ะ หน่อไม้ฝรั่งของที่นี่ก็สมแล้วที่เป็นสัญชาติฝรั่ง เพราะทั้งหนาทั้งอวบใหญ่ ไม่เหมือนหน่อไม้ฝรั่งไทยที่เป็นเส้นบางๆผอมๆยังกะดินสอ
เมื่อวานติดสอยห้อยตามนัทและน้องสาวไปซื้อของสดที่ห้างเทสโก้
ได้สตรอว์เบอร์รีจากเคนท์มาสองกล่อง
และหน่อไม้ฝรั่งอวบเขียวน่าหม่ำสองแพ็ก
ตะวันยังไม่ทันจะตกดิน หนึ่งในนั้นก็กลายร่างเป็นแบบนี้เรียบร้อยแล้ว
เมนูพื้นฐานสุดๆของหน่อไม้ฝรั่งที่นรารู้จักและทำกินเองได้
ก็หน่อไม้ฝรั่งผัดกุ้งนี่แหละค่ะ
ไม่ต้องทำอะไรมาก ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพอร้อน ใส่หน่อไม้ฝรั่งลงไปผัด กุ้งมันสุกอยู่แล้วไม่ต้องใส่ใจมาก แค่เอาลงไปผัดให้มันร้อนเท่ากันก็พอ ปรุงรสตามชอบแล้วก็เรียบร้อยอั๊งอ่าง
.
ยอดหน่อไม้ฝรั่งอ้วนๆ เท่ากับปลายนิ้วชี้เชียวนะเอ้อ
สด หวาน กรอบ เหมือนลงไปเคี้ยวสดๆในไร่เลยทีเดียว
ตอนนี้อาหารอีกอย่างที่กำลังทำอยู่
คือหัวแม่โป้งหมักเกลือ
เหอะๆ เรื่องของเรื่องคือตัดเล็บลึกเกิน กริ๊บไปโดนเนื้ออ่อน
เช้าวันต่อมาได้เรื่อง บวมเป่ง ปวดจนนอนต่อไม่ได้
วิธีการทำหัวแม่โป้งตรีนหมักเกลือ คือ
1) ล้างหัวแม่โป้งตรีนให้สะอาด พักไว้
2) เอายางลบใส่ปากเจ้าของหัวแม่โป้ง กันเสียงกรีดร้อง
3) เอาเกลือป่นยัดเข้าไปในซอกแม่โป้งบริเวณที่บวมปวด
4) กรีดร้องได้ตามอัธยาศัย
หากท่านชื่นชอบ สามารถปรับเปลี่ยนเป็นสูตรซีอิ้วได้ โดยเปลี่ยนจากเกลือเป็นเบตาดีนแทน
.
อิอิอิอิอิ
หัวเราะมีเลศนัย
ไม่ใช่อะไร แต่วันนี้เพิ่งไปรับของที่สั่งไว้มาค่ะ
อิ๊อิ๊อิ๊อิ๊
อลาธีนา มูนบรีซ จากเวิร์ลด์ออฟวอร์คราฟค่ะ
หล่อนเป็นใครนราไม่รู้จักหรอก เพราะเล่นแต่ดอทเอซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ WoW เท่านั้น แต่บังเอิญไปเห็นเขาขายอยู่ในอเมซอนยูเค ถูกใจมาก ถ้าได้อ่านเอนทรี่ที่เคยอัพไว้นานแล้วก็คงทราบกันนะคะว่านราเก็บสะสมตุ๊กตาและฟิกเกอร์ที่ชอบไว้พอสมควร อันไหนเก็บเป็นชุดได้ก็เก็บ แต่บางทีไปเจอตัวที่ไม่รู้จักแต่ชอบก็จะซื้อเก็บเหมือนกัน อันนี้เป็นกรณีหลังค่ะ
นราพยายามจะลืมหล่อนไปจากใจแล้ว แต่ว่านอนไม่หลับ อยากด๊ายยย สุดท้ายก็ต้องสนองตัณหาตัวเองด้วยประการฉะนี้ เอิงเอย
.
รูปเต็มตัวค่ะ
ด้านหลังๆ
เธอเป็นเผ่าไนท์เอลฟ์ค่ะ ไม่รู้ใช่ตัวเดียวกับที่เป็นโลโก้หน้ากล่องเวิร์ลด์ออฟวอร์คราฟท์หรือเปล่า หน้าตาดูแข็งกระด้างหน่อยๆ
แม่รู้ละโดนด่าอีกแหง ฮะๆๆ
ตัวนี้สูงยี่สิบเซนต์ค่ะ ไม่เล็กไม่ใหญ่กำลังพอดี
เล็กกว่าบาร์บี้นิดหน่อย
คือนรามีความรู้สึกว่าบาร์บี้มันเหมือนผู้หญิงไฮโซหัวสูง
วันๆไม่ทำอะไร หิ้วกระเป๋าเฉิดฉายไปวันๆ แบบบิวตี้บ่มีสมองอะ
ชอบแบบนี้มากกว่า ดูแข็งแรง เท่ดี
แอบเจ็บใจเล็กน้อย
ในเว็บไซต์ ผมมันเป็นสีฟ้าอมเงินสว่างๆอ่ะ
ไหงของจริงมากมันเป็นสีน้ำเงินเข้มก็ไม่รู้
แอบเซ็ง
ที่เซ็งกว่าก็คือ ตอนซื้อมา มัน 19.xx ปอนด์
ซื้อเสร็จกลับไปดู เหลือ 17.xx ปอนด์
ไอ่ สาด เอ๊ยยย

ว่าจะทำการบ้าน รีวิวและทดลองแต่งตาแบบที่หนูแนนสอนไว้ในบล็อก http://nunanko.blogspot.com (แนนติดต่อจ่ายค่าโฆษณาบล็อกด้วย) แต่มัวถ่ายรูปอลาธีนาเพลินจนลืม ขอยกยอดไปคราวหน้านะคะ

เจอกันคราวหน้าค่ะ

สวัสดี