แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สุขภาพ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สุขภาพ แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

BITS of Asia: ASEAN night

ะรหายไปอีกแล้ว
กลับมาแล้ว
อย่าโกรธกันนะ
ช่วงนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ ชีวิตอยู่ในช่วงลุ่มๆดอนๆ
ดีก็แสนดี บทจะแย่ก็ทำเอานราแทบใจสลาย
นะ ชีวิตมันก็เงี้ย สู้ต่อไป ทาเคชิ
.
วันเสาร์ที่ผ่านมา มีงาน BITS of Asia ค่ะ
BITS ก็เอามาจากชื่อต้นของแต่ละประเทศที่เข้าร่วมงาน
มีบรูไน อินโดนีเซีย ไทย แล้วก็สิงคโปร์
ในงานจะมีการแสดงเล็กๆ อาหารประจำชาติ บอร์ดความรู้ ควิซ แล้วก็คาราโอเกะ
นรา ตอนแรกไม่ได้เกี่ยวอะไร แต่ว่าทำไปทำมาก็มาช่วยเขาซ้อมเต้น แล้วก็เต้นกะเขาด้วย
ตอนบ่ายสามโมงของวันงาน ก็มีการซ้อมใหญ่
การแสดงชุดนี้เป็นการเอาเพลงของแต่ละชาติมาต่อกันเป็นเพลงเดียว
เพลงไทยเราขึ้นเพลงแรกเลย อิอิ
เพลงกลับมาทำไม จากหนังน้าหม่ำ แหยมยโสธร
ว่าจะใช้ตั้งแต่ตอนอินเตอร์เนชันแนลเฟสติวัลละ แต่ไม่ได้ใช้
พอดีเลย เอามาใช้งานนี้แทน
นี่ทั่นประธานกิ๊กกำลังนำการซ้อมอยู่

ประมาณบ่ายห้าโมง ทั่นประธานกิ๊กต้องไปร่วมเลคเชอร์เรื่องอนาคตของอาเซียน นราก็ไปจัดบอร์ดเตรียมไว้ค่ะ แต่มันทุลักทุเลมาก หมุดเหมิก แม็ก กรรไกรไรไม่มีซักอย่าง นราปวดอึพอดีเลยเนียนทำเป็นคนดี บอกว่าเดี๋ยวเดินกลับห้องไปเอากรรไกรกับอุปกรณ์มาให้แล้วกันนะ ในใจกะว่าจะไปอึก่อนแล้วค่อยกลับมา
วันนี้ฝนตกทั้งวันเลย ตอนเดินกลับห้องเจอลูกหงส์ดำ ที่ตอนนี้โตแล้ว เดินตามปะป๊ามะม้าอยู่ ตัวเปียกมะลอกมะแลก ขยู้ขยี้ไปหมด
ตัดภาพกลับมาหลังอึ นราสบายใจลันลาเดินกลับมาช่วยงานต่อ
เจอเลสลี่ คนสิงคโปร์มั้ง ไม่แน่ใจ
อันที่จริงเฮียมีบทบาทใหญ่หลวงในงานนี้มาก
แต่วันก่อนงานจริง เฮียไปทำอะไรมาไม่รู้ กระแสข่าวบอกว่าตกจักรยาน
ฟันหน้าหักกระเด็นไปสามซี่ โอ๊ยแค่พิมพ์ก็เสียวแย้ว
หายไปหาหมอฟัน กลับมาอีกทีก็โอเค แต่พูดเยอะไม่ได้
น่าสงสารจริงๆ
นราจัดบอร์ด
ขันแข็งดีป่ะ
คิดว่าจะไม่ได้ถ่ายรูปของตัวเองซะแล้ว
โชคดีว่ามีหนุ่มคนนึงเดินมาถามว่าถ่ายรูปให้เอามั้ย
มารู้ตอนหลังว่าหนุ่มคนนี้เป็นว่าที่ท่านทูตอินโดฯ ที่มาร่วมงาน
โอ้วเป็นเกียรติเหลือเกินนน
บอร์ดไทยแลนด์ไม่มีอะไรมากค่ะ เพราะรีบร้อนทำ เหะๆ
มีธง (ที่พาดแล้วเหมือนฝรั่งเศส) รูปพระอินทร์จากงานอาหารนานาชาติเทอมที่แล้ว แล้วก็รูปวัดวาอาราม ผลไม้ไทย และแพนด้าหลินปิง
งงละสิว่ามันไทยยังไง
คือประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่มีแพนด้าค่ะ
สิงคโปร์กำลังจะได้ แต่ตอนนี้ยัง เราเลยรีบโฆษณาไว้ก่อน
อีกอย่างหลินปิงนี่เป็นเหมือนลูกในไส้ทั่นประธานกิ๊ก
เผลอไม่ได้ โปรโมทจั๊งงง
ตอนนี้เลยได้ที สมใจเค้าหละ
ถึงของเราจะไม่มีอะไรมาก รูปก็เล็กไปหน่อย
แต่อย่างน้อยก็ดูดีกว่าบอร์ดข้างๆนะ
ไม่บอกว่าประเทศอะไร เดี๋ยวเป็นชนวนสงครามข้ามประเทศ
ของเขามีโปสเตอร์แปะสามแผ่น จอ ออ บอ จบ
.
ส่วนนี่สาวๆจากบรูไน
เสื้อผ้าเขาธรรมดาแหละ แต่สีสันสวยมาก
เหมือนลูกกวาดเลย น่ากิน แง่มๆ
บอร์ดเสร็จแล้ว จัดเกือบคนเดียว เก่งมั้ย
เห็นเสื้อผ้านราป่ะ โอ๊ยอาย ทำไปได้หนอเรา
คือการแสดงเนี่ย นรากับน้องกิ๊กก็จะเล่นเป็นละครประกอบนิดนึง
ประมาณว่าผู้หญิงตามง้อผู้ชายเหมือนในหนังแหละค่ะ
แต่ระดับนรากับน้องกิ๊ก ทำไรมันต้องไม่ธรรมดา อึฮื้อ ไม่ธรรมด๊า
ก็เลยแต่งข้ามเพศกันซะเลย
นราสมแมนมาก

คนไม่มากนัก ไม่ใช่งานใหญ่อะไร
แต่ก็ดีใจที่มีคนมา อิอิ
ตอนแรกนราแอบคิดนิดหน่อย ว่างานมันเงียบจัง
ไม่เห็นเขาค่อยโปรโมทเลย คนจะรู้เหรอ
แต่ถึงเวลาก็อุ่นหนาฝาคั่งดีค่ะ

คาดว่าคงจะมาเพราะอาหารฟรี

นี่ไงทั่นประธานกิ๊ก สาวกรีกเพื่อนกิ๊ก นรา และแพทริเซีย สาวอินโดตัวตั้งตัวตีของงาน
อย่ามองนานเดี๋ยวตาบอด
คาดว่าถ้าไปยืนข้างน้องกิ๊ก คงต้องมีคนปวดตากันบ้าง
สีแสบสันมากกก นีออนสุดๆ
แพทริเซียเขาโชว์ระบำจานของอินโด
สวยดีนะ เต้นมันๆ เขาจะถือจานไว้ในมือสองใบแล้วเต้น
ฟังดูธรรมดาอะ แต่จานนั่นมันไม่ได้ติดอยู่กะมือนะคะ มันอาศัยแรงเหวี่ยงไม่ให้หล่นเวลาเต้น
ตอนซ้อมก็เห็นจานบินบ่อยๆ เสียวเหมือนกันว่าเกินเต้นจริงแล้วมันบินใส่คนดูจะเป็นไง
แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น การแสดงเรียบร้อยดีค่ะ
อันนี้โต๊ะอาหาร มีอาหารจากแต่ละชาติมาให้จ้วงกันได้เต็มที่
ของไทยเรามีหมึกแห้ง เพื่อนคนจีนชอบมาก
ถั่วโก๋แก่ ถั่วลันเตาอบกรอบรสวาซาบิ ขนมขาไก่ มะม่วงดอง
และเถ้าแก่น้อย คนชอบมาก
นรายังชอบเลย ขโมยมาห่อนึง อิอิ
เออใช่ น้องกิ๊กทำน้ำตะไคร้มาด้วย หอมดี แต่ไม่ได้กิน
แต่ว
เพราะแก้วมันไม่มี กำลังคิดว่าจะเอาหลอดดูดจากถังเลยดีมั้ย
พอดีว่าเห็นคนมองอยู่เลยช่างมันวะ ไม่กินก็ได้
นราว่าเสียอยู่อย่าง คือเขาไม่ได้ติดป้ายบอกให้ชัดเจนว่าอาหารแต่ละอย่างมันคืออะไร นราก็เลยไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงว่ามันมีอะไรมั่ง
มีอะไรสักอย่างหน้าตาเหมือนทอดมันผัก
อินโดมีอะไรสักอย่างที่เหมือนถั่วเขียวต้มน้ำตาลบ้านเรา
แต่ข้นคลั่ก เขียวปื๋อ
มีฟรุตค็อกเทล (อันนี้จำได้) เค้กช็อกโกแลตไอซิ่งไรสักอย่าง
เอาเป็นว่าเยอะแล้วกันค่ะ
.
นราไม่ได้อยู่จนจบงาน
เพราะเพื่อนบอกว่าจะแวะมาหาจากนอกเมืองเลยออกมาก่อน
แต่นะ ทำไมถึงทำกะฉันได้
แมร่ง ยกเลิก ไม่มาซะงั้น
แล้วจะให้กรูรีบร้อนไปเพื่ออะไรเนี่ย เซ็งมาก
เมื่อวันก่อนก็ทีนึงละ นัดเราแล้วก็ไม่มา ลืมเรา
คนยิ่งเฟลๆอยู่ด้วย ชิ
.
นราอยู่จนถึงคาราโอเกะค่ะ
เปิดเพลงให้คนออกมาร้องกัน
นราว่ามันก็น่าเบื่อนิดหน่อยนะ เพราะห้องมันใหญ่ไปด้วยแหละ
แต่ทุกคนก็ดูสนุกสนานกันดี
ตอนนี้นราเข้าสู่ช่วงวิทยานิพนธ์แล้ว
ก็คิดว่าคงถึงเวลาซะทีที่จะต้องอ่านหนังสือ
เขียนคำถามสำหรับสัมภาษณ์เก็บข้อมูล
และทำไพลอทสตั๊ดดี้แย้ว
งือ ขี้เกียจอ่ะ
.
วันนี้ก็ฝนตกอีกแล้ว
อากาศเปลี่ยนแปลง นั่นแปลว่านราไม่สบายอีกแล้วค่ะ
ทุกคนก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Poor-Quality Life

ป่วยอีกแล้ว
เป็นข้ออ้างที่หายไปอีกเกือบสองสัปดาห์ ขอโทษด้วยค่ะ
ชีวิตเฮงซวย เฮงกะบ๊วยชิบเป๋งช่วงนี้ หาเรื่องให้ร่าเริงไม่ได้เลย
เริ่มจากทะเลาะกับเพื่อน ไม่ได้โกรธอะไรกันมากหรอก
แต่ก็ปั้นปึ่ง ห่างเหินเย็นชากันไป
นราก็เสียใจ เพราะเป็นฝ่ายผิด และรักเพื่อนคนนี้มาก
ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้อะไรมันดีขึ้น นอกจากขอโทษไปแล้ว
แล้วก็รอให้เขาใช้เวลาปรับอารมณ์
แต่นะ อะไรที่มันร้าวไปแล้ว เอามาประกอบใหม่ มันก็ยังเห็นรอยแตก
เสียใจจังเลย ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้เลย
.
ผมทรงนี้ จริงๆตัดมาตั้งนานแล้ว
แต่เพิ่งจะเปิดแสดงสู่สายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรก
บ้างก็กรี๊ดกร๊าดชื่นชม บอกว่าเปรี้ยวซ่าได้ใจ
บางก็ตกตะลึงร้องเฮ้ย แล้วถามว่าเมิงคิดอะไร
แต่ไม่เป็นไร นราแฮปปี้กับผมสั้นทรงนี้มากๆ ดูแลง่าย สบายใจ
โดดเด่นเป็นสง่า ช่างฝรั่งตัดแบบนี้ไม่ค่อยได้หรอกนะ
ส่วนใหญ่จะเป็นบ๊อบเท ไม่ก็สั้นกลมๆเท่ากันทั้งหัว
ถ่ายรูปนี้ออกมา แล้วถึงได้ตระหนักว่า ตัวเองคิ้วไม่มี
นี่คือเคยกันแล้วปล่อยให้มันงอกใหม่ มันเลยสะเปะสะปะเยี่ยงนี้
คิ้วขวาไม่เป็นไร แต่คิ้วซ้ายทำไมมันเหมือนเวลาคนทาลิปสติกในรถ
อารมณ์แบบ กำลังวาดๆอยู่แล้วรถออกตัว พรืด เบี้ยว เละเทะไปหมด
สงสัยว่างๆต้องกันคิ้วใหม่แล้ว อย่างน้อยก็ให้มันเรียบร้อย
ที่อังกฤษนี่ไม่มีมีดโกนขายนะ แบบที่มันเป็นด้ามจับแล้วมีใบมีดยาวๆอีกด้าน
มีแต่แบบสำเร็จรูปไว้โกนจั๊กกะแร้กับหน้าแข้ง
จะเอาแบบนั้นมาโกนก็ไม่ถนัด เสียวมือลื่นครั้งเดียว เกลี้ยงทั้งหน้า
.
ช่วงนี้ที่ยอร์กก็ยังสวยอยู่
ดอกเชอร์รีบลอสซอมโรยเกือบหมดแล้ว เหลือให้เห็นไม่กี่ต้น
แดฟโฟดิลก็ไม่เหลือแล้วเหมือนกัน ที่เคยเป็นดอกก็กลายเป็นกระเปาะกลมๆใส่เมล็ด เหลือให้เห็นก็แต่ดอกสีขาวเล็กๆไม่โดดเด่นสวยเด้งเหมือนสีเหลือง
ตอนนี้เป็นช่วงของดอกมัสตาร์ด สีเหลืองเต็มทุ่งไปหมด
ไลแลคก็เป็นสีม่วงเข้มสวยเชียว
แล้วยังมีดอกไอริสสีน้ำเงินอมม่วง กับทิวลิปประปราย
แต่ดอกแอปเปิล หอมมาก หอมหวานชื่นใจสุดๆ
นราถึงกับยอมเดินอ้อมทางกลับหอ เพื่อไปดมดอกแอปเปิลต้นหน้าร้านซูเปอร์มาเก็ต ซึ่งตอนนี้มันก็ร่วงแล้ว อีกหน่อยคงเริ่มออกเป็นลูกมาให้ดู
.
ไหนๆ ก็ฤดูใบไม้ผลิ บวกกับชอบดอกเชอร์รีบลอสซอมจังเลย
ก็ไปสอยโอ เดอ ตัวแล็ตต์ เชอร์รีบลอสซอม ของบอดี้ชอปมาขวดหนึ่ง
น่าจะเป็นไซส์เล็กนะ เพราะราคา 15 ปอนด์
เคยเห็นขวดใหญ่ ขายที่ไทยขวดละ 990 บาท ที่นี่คิดเป็นเงินไทยแล้วคือ 700 รู้สึกดีมากที่ไม่เสียรู้ซื้อตั้งแต่ที่ไทย ไม่งั้นได้มานั่งน้ำตาตกเหมือนตอนซื้ออลาธีน่าแหงๆ
หอมหวาน ไม่ฉุนมากค่ะ ขวดนี้ น่ารักดีด้วย
แต้มตรงคอกับปกเสื้อ ได้กลิ่นอ่อนๆ พาให้ตัวเองรู้สึกยิ้งหญิง
แต่ยังไม่เห็นมีใครทักนะ
สงสัยต้องอาบให้มากกว่านี้ แต่ถ้าอย่างนั้นมันก็หมดเร็วนะสิ
มีกลิ่นกุหลาบโมร็อกกันด้วย แต่ดันฉีดเชอร์รีบลอสซอมซะฟุ้งเต็มสองข้อมือไปหมดแล้ว เลยไม่รู้จะดมยังไงให้รู้กลิ่น ไว้วันหลังละกันนะน้อง
.
กลับมาเรื่องอาการป่วย
เป็นโรคห่า...นอะไรไม่รู้ค่ะ แต่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นหวัด
น้ำมูกไหลไม่หยุด ผลิตได้เรื่อยๆทั้งวันไม่มีปิดก๊อก ไข้สูงๆต่ำๆแต่ไม่ได้เล่นไฮโล เจ็บคอไม่มากนัก เวียนหัว ไอโขลกๆแบบมีเสมหะในปอด และไอหนักจนท้องไส้มันขย้อนต้องวิ่งไปอ้วกในห้องน้ำก็หลายครั้ง (ขออภัยผู้ที่กำลังรับประทานอาหาร...อร่อยละซิ) เอาเป็นว่าหมดแรง โซเซ ประกอบกับสภาพจิตใจย่ำแย่จากการมีเรื่องกับเพื่อน เลยยิ่งป่วยเข้าไปใหญ่ แต่หนักที่สุดคือ ลิ้นเป็นฝ้า ตกใจมาก เพราะมันน่ากลัวจริงๆ เกิดมาไม่เคยเป็นเลย
อาการคือ เป็นฝ้าบนลิ้น แล้วตุ่มรับรสบนลิ้นมันก็พากันบวมเป็นเม็ดเป้งๆขึ้นมาตรงโคนลิ้น เจ็บอิบอ๋าย ตอนแรกก็คิดว่าเป็นอาการเจ็บคอ พอไปแลบลิ้นดูในกระจกแทบช็อก น่าเกลียดน่ากลัวมั่ก
ไปหาหมอของมหาลัย เขาก็บอกว่าเป็นหวัด และไอ้ฝ้าบนลิ้นนี้ฝรั่งเรียก thrush เกิดขึ้นเมื่อภูมิคุ้มกันบกพร่อง ติดเชื้อราหรือไวรัส และเป็นเอดส์
เหอะ เหอะ สบายใจจริงๆ
ตอนนี้เป็นมนุษย์สังคมรังเกียจมาก ต้องเก็บตัวอยู่ในห้อง
รมตัวเองด้วยอาวุธชีวภาพที่ตัวเองสร้างเอง เจริญ
.
ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วค่ะ
แต่ยังโผลเผล โซเซ มึนตลอดเวลาอยู่บ้าง โดยเฉพาะเวลาไข้แดก
ก็มีออกไปออกกำลังบ้างนะ เบาๆ ไม่หนักมาก
เดี๋ยวตายซะก่อน
เนื่องจากเป็นหวัด ก็เลยไปว่ายน้ำไม่ได้ เสียเงินเปล่าๆปลี้ๆ
นราเลยได้ออกกำลังด้วยการไปตีแบดบ้าง เล่นบาสบ้าง
แอบหวังให้ใครสักคนติดหวัดกรูไปที กรูจะได้หาย

ค่าเช่าสนามบาส คิด 17 ปอนด์ต่อหนึ่งชั่วโมง
แพงบัดซบเอาเรื่องเหมือนกัน
แล้วนะ คนเล่นก็มีอยู่เท่าเนี้ย ก็เล่นกันครึ่งคอร์ท
แต่ถึงอย่างนั้นก็หอบกันลิ้นห้อยใช่เล่น
บาสเป็นกีฬาที่เหนื่อยมากค่ะ เหนื่อยเหมือนจะตาย
เล่นเสร็จปวดกระดูกกระเดี้ยวไปทั้งตัวอีก
.
ช่วงนี้นราก็เป็นห่วงสถานการณ์ที่ไทยมากนะคะ
ทุกคนก็ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าไปพื้นที่อันตรายละ
เดี๋ยวกลับมาหัวแหว่ง บรึ๋ย
ขอให้ประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติโดยไว
ไม่อยากให้คนบาดเจ็บล้มตายไปมากกว่านี้เลย
อากาศก็ร้อน คนก็ร้อน
อย่าให้แผ่นดินต้องร้อนลุกเป็นไฟเลยเน้อ

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

What It Takes To Be Healthy

ก่อนอื่นขอขอบคุณตาหมู ใบตอง และผู้อ่านที่ยังแวะเข้ามาเยี่ยมเยือนนะคะ และโปรดอภัยให้แก่ความหยาบคายของข้าพเจ้าที่ละเลยไม่กล่าวถึงมาหลายเอนทรี
เสียงทักทายจากท่านๆเป็นกำลังใจให้สมตุ้ย เอ้ย นราเขียนบล็อกไร้สาระนี้ต่อไปนะคะ
.
วันนี้ออกไปตีแบดกับพี่ๆคนไทยมา
เพราะอุดอู้อยู่ในห้อง เขียนเรียงความ 5000 คำมาหลายวัน
รู้สึกว่าตัวเองสุขภาพเสื่อมโทรมอย่างยิ่ง
เล่นแบดไม่เหนื่อยเท่าไหร่ แต่เล่นบาสทำเอาหอบแดก
ขนาดมือไม่ได้แตะลูก ลงไปยืนโบกมือ ร้องอย่าน้าๆ แค่เนี้ย
หายใจเกือบไม่ทัน
.
แล้ววันนี้ตอนบ่ายสองกว่าๆ ก็ไปสมัครสมาชิกที่ฟิตเนสแถวมหาลัยกับน้องกิ๊ก จุดประสงค์คือเพื่อว่ายน้ำ อยากว่ายน้ำค่ะ เพราะรู้สึกว่าเล่นแล้วข้อไม่เสื่อม ออกกำลังได้หลายส่วนพร้อมกัน และเหงื่อไม่ออก ฟิตเนสที่ว่านี่ชื่อเดวิด ลอยด์ส อยู่เลยหลังมหาลัยไปหน่อย เป็นตึกใหญ่เชียว มีทั้งสระว่ายน้ำ คอร์สเทนนิส ฟิตเนสพร้อมเทรนเนอร์ สนามบาส สนามแบด สควอช บลาๆๆ จารไนไม่หมด เอาเป็นว่ามันใหญ่และหรูมากแล้วกันค่ะ พนักงานให้การต้อนรับอย่างดี พาไปดูสระพร้อมสาธยายความเจ๋งของที่นี่ และสุดท้ายนราก็หลงลมสตีฟ (ชื่อเซลส์) สมัครไปจนได้...
.
ค่าสมัครและค่าสมาชิกรายเดือน ได้โปรดอย่าถามว่าเป็นเงินเท่าไหร่ เอาเป็นว่ามันมากพอที่จะซื้อโทรศัพท์มือถือได้เครื่องครึ่งเลยแหละ เล่นเอานราซีดไปเหมือนกัน โดนสนามบินที่อัมสเตอร์ดัมเล่นซะหมดตูดไปหยกๆ มาหมดกับไอ้นี่อีกแล้ว แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่าเป็นการจ่ายเงินเพื่อสุขภาพ แพงขนาดนี้คอยดูนะกรูจะไปว่ายแม่งทุกวันให้ตัวเปื่อยเลย (แอบเสียดายเงิน) แล้ววันนี้ก็ได้ทดลองไปต๋อมแต๋มมาเรียบร้อยแล้ว ก็สมควรอยู่หรอกที่แพง มีห้องเตียงอาบแดดอบผิวสองห้อง ห้องอบไอน้ำ ห้องซาวน่า สระกลางแจ้งและในร่ม และจากุซซี น้ำอุ่นด้วย ส่วนใหญ่คนว่ายเป็นป้าๆลุงๆ ทำให้นรารู้สึกดีมากเพราะสาวและผอมที่สุดในนั้น อะเหอๆ
.
ตอนกลับห้องมา ปวดร้าวไปทั้งตัว โดยเฉพาะกล้ามเนื้อไตรเซปใต้แขนที่มันต่องแต่ง และขา น่อง ตรูด คาดว่าพรุ่งนี้คงทำอะไรไม่ได้นอกจากคลาน
.
พูดถึงสุขภาพ ช่วงนี้นราเป็นกึ่งมังสวิรัติอยู่ค่ะ บอกหรือยังหว่าจำไม่ได้
เอาเป็นว่ากินแต่ผัก แล้วก็อนุโลมให้ตัวเองกินเนื้อสัตว์ได้ชนิดเดียว คือกุ้ง
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่กินสลัดผักสดได้ เยๆๆ ปรบมือหน่อยสิ
เมื่อคืนกินสลัดไข่ ใส่ผักกาดหอม มะเขือเทศ แล้วก็มันฝรั่งต้ม
แซนด์วิชก็ใส่ผักกาดกับมะเขือเทศเหมือนกัน
.

วันก่อนไปซื้อสตรอเบอร์รีจากร้านมาร์กแอนด์สเปนเซอร์มา
อาหย่อย หวานฉ่ำ มีรสเปรี้ยวปนๆไม่มาก แบบที่นราชอบ
ทานกับคาราเมลคัสตาร์ด หกถ้วยปอนด์นึง จากร้านไอซ์แลนด์

พอกินผักผลไม้มากขึ้น ก็เหมือนจะรู้สึกว่าตัวเองสุขภาพดี
อึ๊อึง่ายถ่ายคล่อง ไม่ได้เบ่งจนหน้าดำหน้าเขียวอีกต่อไป
คัสตาร์ดเนื้อเนียนนุ่ม คาราเมลหวานไปนิด
แต่พอกินกับสตรอว์เบอร์รีสดแล้วก็เข้ากันพอดีเลย
ขอโทษที่บรรยายของกินต่อจากเรื่องขี้นะ
.

ฤดูใบไม้ผลิช่วงปลาย ก็ยังสดใสเหมือนเดิม
แต่ฝนเริ่มตกบ่อยขึ้น
อีกวันเข้าไปในเมือง ไปเจอแดฟโฟดิลพวกนี้ที่ร้านดอกไม้ตรงจตุรัสเข้า สีขาว ดอกซ้อน ตรงกลางสีส้ม ดอกกลมๆ เล็กๆ น่ารัก ที่สำคัญเขาเขียนไว้ว่าหอมด้วย ลองดมดูปุ๊บก็ถูกใจมากมาย กรูต้องซื้อไอ้ดอกนี่กลับบ้านให้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะราคาถูกมากเมื่อเทียบกับดอกไม้อื่น สนนราคาสามกำ 1.5 ปอนด์

เอากลับห้องมาปักใส่ขวดแตงกวาดองที่ล้างแล้วเก็บไว้เพราะชอบทรงขวด (ชอบสะสมขยะ)ตอนซื้อมาทั้งดอกทั้งก้านนี่เหี่ยวสลดอย่างแรง จนเรากลัวว่ามันจะเหี่ยวหมดก่อนจะได้ทันบาน แต่พอเอาใส่ขวดเท่านั้นแหละ โหยมันดูดน้ำแบบหิวกระหาย แทบจะได้ยินเสียงมันสูบขึ้นไปตามก้านแน่ะ ก้านที่งอๆได้น้ำปั๊บก็ตั้งตรงขึ้น แล้วดอกที่เหี่ยวก็ดูสดชึ่นกว่าเดิม ดอกตูมก็พากันบาน ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งห้องเลย มันหอมคล้ายๆนางแย้มถ้าดมห่าง ดมใกล้ๆแม่งเหม็นง่ะ ฉุน แต่มีความสุขจังเวลากลับเข้าห้องมาแล้วได้กลิ่นดอกไม้หวานๆ ลอยอยู่ในกาศ เสิร์ชในเน็ทดูชื่อพันธุ์ Cheerfulness ค่ะ

จำยอดดอกตูมๆของต้นอะไรสักอย่างที่นราเคยโพสท์ไว้เมื่อนานมาแล้วได้ไหม รู้หรอกว่าจำไม่ได้ เอามาลงให้ดูอีกทีละกัน เจ้าตูมๆเหล่านี้ นราคิดจินตนาการไว้ว่ามันคงบานออกมาเป็นสีขาว ดอกชั้นเดียว ไส้สีเหลือง

ตอนนี้มันบานแล้วค่ะ
บานแล้วเป็นอย่างนี้ ผิดความคาดหมายสุดๆ
แต่ก็สวยจนแสบตาไปเลย
ตอนนี้เพราะฝนตก อากาศก็เลยหนาวยะเยือกขึ้นมาอีกระลอก
ฟ้าขมุกขมัวขาวๆขุ่นๆทั้งวัน มองไม่เห็นพระอาทิตย์เลย
แดฟโฟดิลแบบสีเหลืองอ่อนและขาวโรยหมดแล้ว เหลือสีเหลืองอยู่ในช่วงโค้งสุดท้าย ถือจะเป็นดอกไม้ธรรมดาๆ แต่พอเขาเอามาปลูกเรียงกันเป็นระเบียบหน้าบ้านแบบนี้ก็สวยดี
ดอกหญ้า สีเหลืองอีกแล้ว ขึ้นเป็นพรมเต็มสนามหญ้าไปหมด
มันเล็กมากเลย จิ๋วเดียว
เลยไม่แน่ใจว่าใช่แดนดีไลออนเปล่า
เพราะเคยเห็นดอกแบบเนี้ย แต่ไม่งอกติดดิน เป็นก้านยาวๆ
พอมันมีเมล็ดแล้วก็แห้งเป็นทัมโป๊ะโปะกลมๆ
แต่ต้องขอบคุณเขาละ ไม่มีจุดเหลืองๆพวกนี้สนามหญ้าก็จืดชืดจะตาย
ช่วงนี้เห็นลูกห่านแบบนี้บ่อยขึ้น
บางครอกมีตั้งเจ็ดตัว เยอะที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
นี่ถ้ามองดีๆจะเห็นมีตัวนึงซุกอยู่ใต้ปีกแม่ห่านด้วยนะ
แต่หงส์ขาวยังไม่ออกมาเลย เห็นนั่งฟักไข่นานแล้วเหมือนกัน
วันนี้ตอนเดินอยู่ด้วยกัน นราก็ชี้ให้น้องกิ๊กดูหงส์ขาวกกไข่
"กิ๊กดูสิ หงส์อ่ะๆๆ อยู่ในรัง นี่มันฟักกันรึยังน้อ"
กิ๊กตอบ "ก็มันกกไข่อยู่ มันก็คงต้องฟัคกันแล้วแหละไม่งั้นจะมีไข่ออกมาได้ไง"
นรา "ไอ้บ้าฉันหมายถึงฟักแบบ hatch โว้ยไม่ใช่ฟัก fuck"
จบข่าวในยอร์กวันนี้
เออใช่ วันนี้นราได้บรรลุถึงสัจธรรมสัตว์โลกขณะนั่งแช่จากุซซี น้ำเป็นฟองพลุ่งคลั่กๆเหมือนน้ำเดือด
เข้าใจละว่าเนื้อหมู เนื้อไก่ หรือกุ้งโดนต้มเป็นๆ เขาจะรู้สึกยังไง
เวลาอยู่ในหม้อสุกี้หรือจิ้มจุ่ม
ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่สระว่ายน้ำก็ทำให้เรานึกถึงของกินได้
สวัสดี.

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Everyone, It's Fuji-kun!

หายไปหนึ่งสัปดาห์ ไม่ได้งานยุ่ง ไม่ได้ขี้เกียจ
แต่ไม่มีเรื่องอะไรเด่นๆเกิดขึ้นเลยช่วงนี้ แหงะ
วันนี้หิมะก็ตกอีกแล้ว แต่ตกถึงพื้นก็ละลายแฉะทางเดินไปหมด เสียดายว่ามันไม่ตกลงมาเป็นหิมะฟูๆหนาๆอีกแล้ว ยังไม่มีโอกาสได้ปั้นสโนว์แมนสักตัวเลยค่ะ เสียดายๆ
.
ช่วงนี้เป็นเพราะอากาศมันทึมๆด้วยหรือเปล่านะ เลยเหงาหน่อย
เพื่อนนะมี แต่ไม่ค่อยเจอ ชีวิตสังคมติดลบมาก
ยังดีว่าเมื่อหลายวันก่อนได้ไปนั่งคุยกับเพื่อนคนฮ่องกงที่รู้จักกันตอนเปิดเทอมใหม่ๆ แล้วก็ได้รู้จักเพื่อนเขาอีกสองสามคน หน้าตาหล่อเหลาเอาการทั้งสิ้น แถมยังนิสัยน่ารักมากๆ แต่ใครที่ตาลุกจะฝากนราขอเมล์ติดต่อหนุ่มๆกลุ่มนี้ ต้องขอแสดงความเสียใจไว้ ณ ที่นี้ด้วย เพราะเขาเป็นเกย์กันทั้งกลุ่มนะจ๊ะ อยู่สมาคม LGBT: Lesbian, Gay, Bisexual, and Transgendered เป็นสมาคมเปิดกว้างอันนึงในมหาลัย
.
อาทิตย์ก่อน เกิดอาการวิงเวียนฟุบไปหน้าจอตอนดูเว็บ Amazon.co.uk ไม่รู้ตัว
รู้ตัวว่าทำอะไรไปอีกทีก็ตอนกล่องไอ้นี่ส่งมาถึง กรี๊ดดดด
ฉันทำอะไรลงปายยย โอ้โน่ว

โวยวายไปยังงั้นแหละ จริงๆรู้ตัวตลอด แต่อดเสียดายเงินไม่ได้
Fujifilm Finepix S1500 ซื้อมาในราคา £114
ตีเป็นเงินไทยแล้วถูกกว่าบ้านเราประมาณเจ็ดแปดร้อย
ฟูจิคุงตัวนี้ เป็นกล้องที่อยู่ตรงกลางระหว่างกล้องดิจิตอลแบบที่เราใช้กันทั่วไปกับกล้องแบบที่เราเห็นโปรฯเขาใช้กัน แบบที่เปลี่ยนเลนส์ได้ แถมเลนส์อันนึงราคาแพงตับเปื่อยนั่นแหละ ประมาณว่าเป็นกล้องสำหรับมือใหม่ที่อยากจะหัดถ่ายรูปแบบโปรๆด้วยตัวเองขั้นต้น
ด้านหลังค่ะ หน้าจอ 2.7 นิ้ว กับปุ่มมากมายที่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าไว้ทำอะไร
นราก็สุนทรีย์กะเขาเหมือนกันนะจะบอกให้
ไม่ใช่วันๆเอาแต่วิ่งไล่เป็ด หาของกิน กับนอนเผาอ็อกซิเจนไปเฉยๆ
ชอบถ่ายรูปค่ะ อยากถ่ายรูปอาร์ตๆ สวยๆ กะเขาบ้าง เลยยอมทุ่มทุนสร้างด้วยเงินเก็บร้อยกว่าปอนด์ ฮื้อออ
จริงๆ กล้องดิจิตอลอันเล็กที่ซื้อไว้ก่อนมานี่ก็ใช้ได้นะ
แต่มันถ่ายระยะประชิดแบบมาโครโหมดไม่ค่อยดี โฟกัสบ้างไม่โฟกัสบ้าง แถมถ่ายย้อนแสงนี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่เห็นอะไรเลย ก็หวังว่าฝีมือจะกระดืบไปเรื่อยๆ ให้คุ้มกับเงินที่เสียไปนะ
เทียบกับมือให้ดูความล่ำบึ้กของฟูจิคุง ฟูจิคุงตาโตมาก
จำต้นไซคลาเมนที่นราซื้อมาจากงานต้นไม้ในมหาลัยเมื่อสามเดือนที่แล้วได้มั้ยคะ ที่ดอกสีชมพูๆ ก้านยาวๆ ชูขึ้นมาข้างบน น่านแหละ
เกือบเท่งทึงไปแล้ว เพราะนราดูแลดีมาก ลืมรดน้ำประจำเลย
ตอนนี้ย้ายมาตั้งข้างหน้าต่างรับแดด และรดน้ำทุกสองวัน สุขภาพก็แข็งแรงขึ้นเป็นลำดับ ใบเขียวเข้มไม่ดูอ่อนแอเหมือนเป็นวัณโรคอีกต่อไป ที่สำคัญมีดอกงอกออกมาอีกแล้วแหละ มีเพื่อนแนะนำให้เอาไม้ขีดไฟแช่ในน้ำที่ใช้รด ดอกจะออกเยอะเพราะหัวไม้ขีดมีฟอสฟอรัส อยากลองเหมือนกัน
เอ๊ะๆ เห็นอะไรนั่นไหมเอ่ย
พวงมาลัยที่แม่ให้มาวันที่ออกเดินทางมาอังกฤษ
ยังเก็บไว้อยู่นะ คิดถึงแม่ ป๋า น้องๆ และทุกคนเลย
อีกไม่กี่วันก็วันวาเลนไทน์แล้ว
ปีนี้อยู่คนเดียว คงจะเหงาหน่อย
ต้องหาอะไรทำแก้เหงา แบบว่าเห็นใครจี๋จ๋ากันเราก็แซ้บเข้าไปแทรกตรงกลางดีไหม โฮะๆ ยุทธการทำลายวาเลนไทน์ของชาวบ้านตามประสาคนตาร้อนค่ะ ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
นราทำปฏิทินอันนึงส่งให้แฟน ข้างในเป็นรูปที่ถ่ายด้วยกันกับรูปที่ถ่ายที่ยอร์ก เป็นปฏิทิน "แขวน" ฮิฮิฮิฮิ ใช้สำหรับแขวน ไม่ใช่ตั้งหรือฉีกนะจะบอกให้
ส่วนคุณหมู ไม่ยอมน้อยหน้า ส่งของน่ารักๆ มาให้โด้ย
นาฬิกาปลุกหน้าหมีริแลกคุมะ อรั๊ยยย น่าร้ากกก มากๆ
กลมดิ๊กเลย เป็นคุมะลายวัว
เสียงกริ่งปลุกดังมาก ดังแบบปลุกคนตายให้ฟื้นได้ เพราะเป็นระบบกระเดื่องเคาะ เป็นหลักประกันว่าต้องตื่นแน่ ถ้าไม่ตื่นก็เตรียมโดนเพื่อนบ้านด่าได้เลยเพราะเสียงมันดังไปปลุกเขาด้วย
ขอบคุณนะหมูจ้า เสียตังไปตั้งเยอะเลย ขอบคุณน้า
ส่วนนาฬิกาสติทช์ของแม่ก็ยังแขวนไว้อยู่นะ ไม่ต้องน้อยใจไป
.
ตอนนี้เหลือเวลาอีกสองสัปดาห์ ก็พยายามซ้อมกันมากๆ สัปดาห์ละสามครั้งอย่างน้อย นราอยากให้งานออกมาดีที่สุดอะ ไม่ใช่ไปรำแล้วมองหน้ากันเลิ่กลั่กๆ
แต่เท่าที่เห็นซ้อมก็ท่าจะไปได้ดีนะคะ ก็ต้องคอยดูต่อไป
นราซ้อมรำมวย เข่าช้ำหมดแล้ว อร๊ายย เจ็บจังเยยหมูจ๋าาา
.
ตอนนี้สุขภาพแข็งแรงดี
แต่หายใจแล้วปอดมีเสียงนิดหน่อย
เอาไว้กลับบ้านแล้วค่อยไปตรวจ
ทุกคน รักษาสุขภาพกันด้วยนะ เคโระเคโรรี้

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

The Kitchen

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกไปไหนเลย
มีเมื่อเช้าได้ออกไปตีแบดหน่อยหลังจากห่างหายไปนาน ก่อนจะออกไปสนามก็คิดว่าไหนๆก็ออกมาแล้ว วิ่งจ๊อกกิ้งไปด้วยเลยละกัน จากหอไปสนามแบดระยะเวลาประมาณสิบห้านาที วิ่งไปได้ไม่ถึงห้านาทีเหนื่อยลิ้นห้อยอย่างหมา รู้ซึ้งถึงสภาพสุขภาพและสังขารตัวเองทันที เมื่อก่อนซิทอัพนี่ที่หนึ่งในชั้น แข็งแรงมาดแมน เดี๋ยวนี้จะให้เกร็งพุงยังจะยากเลย
.
จริงๆกะว่าจะกลับมาซักผ้า อุตส่าห์ไปขอแลกเหรียญเพื่อนจะเอามาหยอดตู้ ได้มาก็เอามาเก็บใส่กระเป๋ากางเกง พอกลับถึงหอก็ล้วงกระเป๋า อ้าว กระเป๋ากรูมีรู เหรียญกรูหายไปแล้ว สรุปว่าวันนี้ไม่ซักแล้วเพราะเหรียญไม่พอ ขี้เกียจออกไปแตกแบงค์ ไว้วันหลังละกัน
.
ตั้งแต่มาอยู่นี่ ไม่เคยพาชมครัว แหล่งเลี้ยงปากท้องกันเลยใช่ไหม
งั้นเดี๋ยวพาไปดูนะ
ครัวของหอนรา มันแบ่งกันใช้ระหว่างแฟลตเจ็ดกับแปด มีครัวแบบนี้หน้าตาเหมือนกันอยู่คนละฝั่งของห้อง ตอนแรกคิดว่าครัวตัวเองเป็นอะไรที่ธรรมดา แต่ไปดูครัวหออื่นมาแล้ว โอ้โหทั้งเล็ก ทั้งแคบ ทั้งเก่ากว่านี้หลายขุมนัก ยิ่งครัวพวกเด็กป.ตรีนะอย่าให้เซด โคตรเขรอะ ไอ้โน่นไอ้นี่วางทั่วไปหมด ขนาดนราชุ่ยขนาดนี้ยังรับไม่ได้อย่างแรง
ที่นี่เขาเน้นเรื่องรีไซเคิลมากๆค่ะ พวกบรรจุภัณฑ์แทบทุกอย่างของเขาจะมีบอกหมดว่ารีไซเคิลได้ไหม เป็นขยะประเภทอะไร ในครัวก็มีถุงเน่าๆสี่ถุงนี้วางอยู่ไว้ให้แยกขยะ มีถุงสำหรับพวกกระดาษแข็ง พวกกล่องอาหารแช่แข็ง น้ำผลไม้ พิซซ่าต่างๆ (cardboard) ถุงใส่ขวดพลาสติก ถุงใส่กระป๋องโลหะ แล้วก็ถุงใส่กระดาษ (paper) ปกติถุงกระดาษแข็งจะเต็มเร็วสุด นี่เพิ่งมีคนใจดีทนไม่ไหวเอาไปทิ้งให้ ซึ่งไม่ใช่นราแน่นอน กร๊ากกก

นราเคยโชว์โง่กับความแตกต่างระหว่าง cardboard กับ paper มาแล้ว
แรกๆที่เอาขยะไปทิ้งถังใหญ่ข้างล่าง เขาจะมีป้ายติดตามถังว่าถังไหนใส่อะไร ทีนี้นราเห็นถังเขียนว่า paper มองในมือ อ้อ พวกกล่องแพ็กโยเกิร์ต กล่องพิซซ่ามันก็ทำจากกระดาษนี่หว่า เทพรวดเดียวหมดทั้งถุงลงไปในนั้น เดินออกมาสองก้าวปรากฏว่าเจอถังติดป้ายว่า cardboard เหอะๆ วันนั้นคนแยกขยะคงด่ากันระงม
.
นี่ตู้เย็นค่ะ แบ่งๆกันแช่
อาจสงสัยกันว่า เอ๊ ทำไมต้องมีวงกลมแดงๆ เขียวๆ ด้วย มีวิญญาณในตู้เย็นหรอ นราจะบอกว่า ใช่ค่ะ แต่ไม่ใช่ผีแบบในชัตเตอร์กดติดหน้านรานะ แต่มันคือผีเห็นแก่ตัว จำที่นราเล่าเรื่องอี...เอ๊ย...คุณยิวเพื่อนร่วมแฟลตนราได้ไหมคะ ที่นราเทิดทูนหล่อนเรื่อยช่วงมาแรกๆ เอาเป็นว่าวงเขียวๆน่ะ คืออาณาเขตหล่อนค่ะ ส่วนวงแดงๆก็ของลูกเมียน้อยอย่างอิฉันเอง จะแช่อะไรต้องกระมิดกระเมี้ยนคุณนายเรือนใหญ่ ประเดี๋ยวที่หล่อนเต็มขึ้นมาจะพาลมาย้ายข้าวของน้อยนิดของอิฉันเอา
ต้องเอารูปมาให้ดูเดี๋ยวคนจะหาว่าโม้ ว่าใส่ร้าย
ที่แช่ในตู้เย็นนรามีเท่านั้นจริงๆค่ะ ทุกวันนี้ต้องมีโค้กขวดโตๆ ใส่ไว้ในตู้เย็นตลอด ไม่ได้ติด แต่เอามากั๊กที่ ไม่งั้นหายทันตาเห็น แย่งที่กันดุเดือดยิ่งกว่าแย่งที่จอดรถในมาบุญครองอีก

ตรงผนังมีตู้เก็บของไว้ให้ใช้ค่ะ อันนี้ดีหน่อยไม่มีคนมาแย่ง
นราติดป้ายชื่อน่ารักโนเนะเอาไว้ด้วย กลัวคนไม่รู้ ตอนแรกว่าจะฉี่ใส่เพื่อประกาศความเป็นเจ้าของแล้วนะเนี่ย

ข้างในๆ เปิดๆ
อุปกรณ์ยังชีพ เซ็ตหนึ่งค่ะ
มีกล่องใส่ถุงชา ที่พอเดี๋ยวนี้ซื้อโค้กมาติดตู้เย็นไว้ก็ไม่ค่อยได้ชงดื่มแล้ว น้ำตาลโลนึง อาหารกระป๋อง ตอนนี้เหลือแค่ข้าวโพดกับครีมเห็ด ไม่รู้จะเอามาทำไรดี แล้วก็ซุปอบแห้งที่แม่ส่งมาให้ มีน้ำปลาขวดนึง ซีอิ้วตราเด็กสมบูรณ์ น้ำสลัดซีซาร์ น้ำมันพืช แล้วก็โลโบรสต่างๆที่ถูกใช้งานอย่างโชกโชนมาก
ต่อไป อุปกรณ์ยังชีพ เซ็ตสอง
เซ็ตนี้อยู่ในตู้ข้างล่างค่ะ ที่นราไปตบตีแย่งพื้นที่คืนมานั่นแหละ
มีหม้อป๋องแป๋งหนึ่งใบ ซื้อมาจากร้านปอนด์เดียว กระทะสองใบ จริงๆถ้าไม่โดนขโมยไปใบนึงก็คงมีสาม ยึ่ย คิดแล้วแค้น ช้อนสองอัน ส้อมสองอัน ที่เปิดกระป๋อง(ไปไถพี่คนไทยมา) มีดหนึ่งอันถ้วน ใช้ทำทุกอย่างตั้งแต่เปิดกล่องแช่แข็ง หั่น สับ คน มีเล่มเดียวจริงๆ
แล้วก็มีข้าวสารเหลือครึ่งถุง ไม่ได้เข้าเมืองเลยไม่ได้ซื้อข้าวไทย ต้องทนกินข้าวอะไรก็ไม่รู้ที่ถึงแม้ว่าจะเขียนว่าเป็น long grain rice หรือข้าวเม็ดยาวแบบข้าวไทย แต่หุงออกมาแล้วมันก้อนกรวดชัดๆ พอใส่น้ำมากหน่อยแม่งแฉะเหมือนกระดาษลังโดนหมาฉี่ใส่จนยุ่ย แล้วมันนะมีคุณสมบัติพิเศษคือถ้ากินไม่หมดเอาใส่ตู้เย็นหรือทิ้งไว้ในหม้อ วันต่อมามันจะกลายเป็นฟอสซิลได้ทันที
อุ๊ย ลืม มีจานชามสองสามอัน ไข่ กับหอมแดงด้วยล่ะ อัตคัตเนอะชีวิตนรา
นี่เลย หม้อหุงข้าวผู้ช่วยชีวิต
ได้มาจากพี่คนไทยเหมือนกัน เขาใจดีให้ยืมมา เห็นบอกว่าตกทอดกันมาหลายรุ่น หม้อข้าวทำให้นราไม่อดตายไปเสียก่อน กินแต่ขนมปังมันอยู่ไม่ได้อ่ะสำหรับกระเพาะเอเชียแบบเรา
นี่นะจะเล่าเรื่องลึกลับให้ฟัง
.....
มันเกี่ยวกับหม้อใบนี้แหละ
เหอ เหอ เหอ
ปกติแล้ว นราจะหุงข้าวทิ้งไว้ในหม้อ พอมันสุกก็จะปิดสวิทช์ ตักเท่าที่อยากกินมากิน ที่เหลือก็ไว้ในนั้นแหละ ไม่ก็เอาใส่ชามพลาสติกมีฝาเข้าตู้เย็น แต่บางครั้งก็มีบ้างที่เราหุงข้าวทิ้งไว้แล้วลืม หรือกดอุ่นไว้แล้วลืม เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่มีความเฟอะฟะเป็นยีนเด่น
.
ทีนี้ เรื่องลึกลับที่ว่าก็คือ ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่า เอ๊ะ เมื่อวานเราลืมไปกดปิดหม้อหุงข้าวนี่หว่า แล้วเดินออกไปเพื่อจะกด ปรากฏว่า...
...มีใครสักคนมาปิดให้แล้ว...
ตอนแรกก็คิดว่า เอ เรากดแล้วลืมเองหรือเปล่า วันก่อนเลยทดลองเลย เพราะหุงข้าวแล้วดันลืม ไปต้มมาม่ากินก่อน อิ่มแล้วอะแต่ข้าวยังไม่สุกเลย ก็กะว่าเดี๋ยวพอเอาชามมาม่าออกมาล้างจะออกมากดปิดไปทีเดียว แต่พอดีว่าทำโน่นนี่เพลินจนง่วง ก็เข้านอนโดยไม่ได้ออกไปครัวอีก
วันรุ่งขึ้น
...หม้อหุงข้าวถูกปิดสวิทช์อีกแล้ว...
...ยิ่งกว่านั้น สวิทช์ที่เป็นตัวปิด-เปิดกระแสไฟก็ถูกปิดด้วย...
โอววว ช่างน่ากลัว
ทุกวันนี้อยากรู้มากว่าใครฟะที่เป็นห่วงเราขนาดนี้ บางทีนะเหมือนมีคนมาแอบเปิดดูข้างในด้วยเพราะฝามันเบี้ยวไปจากเดิม บางทีหุงข้าวหลายๆครั้งแล้วคราบไอน้ำมันจับฝาเป็นเกล็ดๆ คราบๆ ก็มีการเอาไปวางไว้ให้ที่อ่างล้างจานด้วยเว้ย หรือบางทีนราเอาหม้อข้าวไปแช่น้ำข้ามคืนให้ข้าวมันไม่เกาะหม้อ เช้ามามีฝาปิดให้เรียบร้อยเชียว
อยากรู้จริงๆว่าใคร เจอแล้วจะมอบโล่อนามัยดีเด่นพร้อมประกาศนียบัตรให้แม่งจริงๆพับผ่า
.
หม้อข้าวเรื่องเดียวเม้าท์ไปครึ่งหน้า
มองออกไปนอกหน้าต่างเป็นวิวถนนเข้าเมืองค่ะ
ตอนนี้นราก็อิ่มหนำสำราญดี สุขภาพพุงแข็งแรง ได้กินอาหารดีๆ ครบห้าหมู่เป็นประจำ แม้รสชาติจะเฮงซวยสุนัขบ้วนทิ้งลิงเมินก็ตามที
หวังว่าทุกคนจะสบายดีนะ ตอนนี้หิวจังท้องร้องโกร๊กๆเลย
ไว้เจอกันใหม่จ้า

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

Food, Glorious Food

ช่วงนี้เขียนรายงานสองเรื่องใกล้เสร็จแล้วล่ะ
เหลือเขียนสรุป ตรวจเช็กไวยากรณ์ การสะกด ก็คงพอแล้ว พอกันที
คงพอมีเวลาให้อยู่นิ่งๆสักสัปดาห์ หลังจากนั้นก็ต้องเริ่มหาข้อมูลสำหรับรายงานอีกสองเรื่องของเทอมใหม่นี้ รวมถึงเตรียมเสนอหัวข้อวิทยานิพนธ์ด้วย
จะเรียกว่าหยุดพักหายใจเฮือกสั้นๆ ก่อนต้องฟันผ่าด่านสิบแปดอรหันต์อีกยาวไกลก็ไม่ผิดนักค่ะ
..........
เอนทรี่ที่แล้ว แนนบ่นว่าไม่เห็นมีของกินเลย
ม่ะ เจ๊จัดให้
ทั้งหมดนี้เป็นรีวิวอาหารที่เขมือบเข้าไปในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาค่ะ
.
ช็อกโกแลตแคดบิวรี แผ่นใหญ่ๆ สัปดาห์นี้กินไปสี่แผ่นแล้ว
เหลือในตู้เย็นอีกแผ่นเนี่ย นราชอบแบบใส่เฮเซลนัทค่ะ กรุบๆ มันๆ เอาไว้เคี้ยวเวลาดูหนังในยูทูปอร่อยอย่าบอกใคร ช็อกโกแลตนี่กินเป็นแผ่นใหญ่ๆ แล้วมันอร่อยขึ้นจริงๆนะขอบอก
ที่นี่ขายแผ่นละ 1.75 ปอนด์ ตกประมาณเก้าสิบบาท พอๆกับบ้านเรามั้ง ไม่รู้เหมือนกันไม่เห็นมีขายที่ไทยนะแบบแผ่นโตๆเนี่ย
อ่ะนั่นแน่ะ ทายว่าเป็นพิซซ่าละสิท่า เหอะๆ
ผิดค่ะ มันคือขนมปังกระเทียมชีสใส่เห็ด ตอนแรกนราก็งงเหมือนกันว่าเป็นขนมปังกระเทียมทำไมหน้าตาเหมือนพิซซ่าเลยฟะ โอ๊ะ แต่อร่อยลืมอ้วนกันเลยทีเดียว ขนาดสิบเอ็ดนิ้ว 5 ปอนด์ถ้วนค่ะ ตอนมาส่งร้อนๆ นะอร่อยมากๆ ชีสหนาเตอะ เห็ดก็อร่อยค่ะ ถาดนึงมีประมาณแปดชิ้น สั่งมาจากร้าน Efes Pizza แถวมหาลัยนี่แหละ สั่งมาทีไรกินรวดเดียวไม่ต่ำกว่าห้าชิ้นทุกทีเลย
เมื่อวานนี้ลองทำอะไรเผ็ดๆ กินดูบ้าง
ไม่ไหว กินแต่อาหารฝรั่ง ขนมปัง เนย เบื่ออ่ะ เลี่ยนด้วย
ตับไก่ผัดฉ่าค่ะ ทำออกมาหน้าตาดูดีน่ากินเกินคาด แถมอร่อยด้วย
อิอิ ทำเองชมเอง แต่มันก็อร่อยจริงๆนะ เครื่องผัดฉ่าแน่นอนว่าสนับสนุนโดยโลโบ้ ตับไก่ซื้อมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว ทิ้งแน่นิ่งอยู่ในช่องแข็ง เมื่อวานนึกขึ้นได้เลยเอามาทำก่อนมันจะกินไม่ได้จริงๆ
จะบอกว่ากุญแจสำคัญของรสชาติไทย มันคือข้าวโพดอ่อนค่ะ จริงๆนะ พอเอามาผัดด้วยแล้วอร่อยแบบไทยขึ้นมาทันที หรือเพราะว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์จากไทยหว่า โอ รสแผ่นดินแม่
วันนี้เข้าเมืองไปตอนเช้า ไปติดต่อธุระกับธนาคารแล้วก็ซื้อของนิดหน่อย เลยซื้อโน่นนี่ติดมือมามากมาย ในเมืองจะมีร้านเบเกอรีอยู่ร้าน ชื่อ Cooplands ทำขนมอร่อยมากมาย ไปทีไรคนก็เข้าคิวรอยาวเหยียดออกมานอกร้านทุกที ไม่เป็นไรเค่อะเพื่อของอร่อยเจ๊รอได้
.
Apple Pastries ค่ะ สองชิ้น 69 เพนซ์ ถูกดี
แต่ไม่ค่อยอร่อยอ่ะ แป้งกรอบร่วนดี กินเสร็จพรมเปรอะไปหมด เวร เครื่องดูดฝุ่นกรูก็ไม่มี ไส้แอปเปิลมันออกเปรี้ยวๆหน่อยไม่ค่อยถูกปากนรา แต่น้ำตาลเคลือบหน้าอาหย่อยนะ
นราไปคูปแลนด์สก็เพื่อสิ่งนี้แหละค่ะ
Strawberry Crown กับ Strawberry Tart
สตรอฯคราวน์ คืออันข้างหน้านะคะ ข้างในเป็นคล้ายๆครีมคัสตาร์ดหวานๆ แต่ไม่หวานเทียมแบบโหมใส่น้ำตาลนะ หวานแบบนุ่มๆ ละมุนละไมอ่ะค่ะ สตรอฯเละไปหน่อย แต่ไม่เป็นไรทนได้ ตอนไปถึงมันเหลืออยู่ชิ้นเดียว แล้วนรายืนอยู่เป็นคนที่สี่ในแถวแน่ะ ระหว่างรอนี่คือเพ่งกระแสจิตไปจับจองขนมไว้แล้ว ของกรูๆๆๆๆ คนอื่นห้ามซื้อๆๆๆๆๆ ฮ่า
ทาร์ทก็อร่อยนะ สตรอฯลูกโตดี หวานๆเปรี้ยวๆ
.
ซูมดูความฉ่ำ อุอิ๊งงง
กลับเข้ามาจากเมือง เข้าคอสต์คัตเตอร์ไปซื้อเชอร์รีมานิดนึง เอามาลองกินดู จริงๆกะว่าจะไปซื้อที่ตลาดในเมืองแหละแต่มันไม่มี เชอร์รีประมาณสี่อุ้งมือขยุมราคา 1.19 ปอนด์ ไม่รู้คนขายคิดราคาผิดหรือเปล่า เห็นในใบเสร็จมันเขียนว่าองุ่นดำสเปน แต่ดีแล้วแหละเพราะราคาต่อโลมันถูกกว่า อิอิ
แอร๊ยยยยย อร่อยยยยย
ถ้าเป็นการ์ตูนช่องเก้า ป่านนี้ต้องกระเด็นลอยขึ้นไปบนอากาศ มีแสงวิ้งออกมาจากปาก เห็นดอกเชอร์รีพริ้วๆเป็นฉากหลังแน่ๆ อาหร่อยยยยง่ะ
เชอร์รีไม่ค่อยสด มีบุบๆบ้าง (ก็เป็นที่รู้กันว่าผลไม้จากคอสต์คัตเตอร์จะเป็นยังงี้ทั้งนั้นแหละ ของสดไม่ขาย ขายแต่ของเหี่ยว) แต่กัดไปแล้วเนื้อหวานเด้งดึ๋งกรอบอร่อยสุดๆ พรุ่งนี้ไปเหมาทั้งลังเลยได้ไหม
.
ซื้อดอกไม้มาเปลี่ยนด้วยค่ะ
กุหลาบคราวที่แล้ว ใส่แจกันสองวันเหี่ยว เซ็ง วันนี้พาน้องทิวลิปสีแดงอมส้มสดใสมาแทน
มีดอกไม้สวยๆอยู่ในห้องค่อยรู้สึกว่าห้องเป็นห้องหน่อย ไม่รู้มันจะบานไหม อยากให้บานจังเพราะไม่เคยเห็น ทิวลิปซื้อที่ตลาด 1.75 ปอนด์ค่ะ
จริงๆอะไรหลายๆอย่างที่นี่มันก็ถูก แล้วก็แพงกว่าเมืองไทยนะ ต้องเลือกเอา แต่นราเลิกเปรียบเทียบเงินปอนด์เป็นเงินไทยตั้งนานแล้วแหละ เพราะไม่งั้นจะหาอะไรแดรกไม่ได้เลย มัวแต่คิดว่าเอ๊ะ แซนด์วิชสองปอนด์เป็นเงินไทยตั้งร้อยกว่าแน่ะ หรือว่าทำเองดีนะ หรือว่าๆๆ มัวแต่คิดงี้ตะวันตกดินพอดี ต้องเปรียบราคาเงินปอนด์ด้วยกันดีกว่าค่ะ
ช่วงนี้อากาศดีขึ้นแล้ว มีฝนตกหนักเมื่อสองวันก่อน หิมะละลายหมด ข้างนอกไม่หนาวฉิบหายวายวอดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถอดถุงมือไปเดินได้ บางทีก็มีฝนลงเม็ดกระปริบกระปรอยค่ะ อากาศอังกฤษนี่ไว้ใจไม่ได้จริงๆนะ
.
ร่ำลาด้วยเชอร์รีแสนอร่อยในอ้อมกอดของดอกทิวลิป
ใบตอง
ได้ยลโฉมเจ้าแล้ว ใจหาย
ชีวาจะวางวาย ตาตั้ง
ฮ่าาา ล้อเล่นค่ะ ขอบคุณที่อัพบล็อกเพื่อนรานะ ได้เห็นสมใจนอนหลับสบายละทีนี้
.
ตาหมู
อยากกลับบ้านจะตายอยู่แล้ว ห้ามมีกิ๊กนะฮึ่ม
.
แนนคะ
บล็อกนี้จัดของกินกระหน่ำ อิ่มไหมคะ ไม่อิ่มเดี๋ยวมีอีก
.
มุกกุ
ขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตคนสวยด้วยนะคะ ขอให้ได้ทำงานที่อยากทำจริงๆเน้อ เป็นกำลังใจให้จ้า
.
เอมมือกระจุก
โอโหพัฒนาแล้วนิ เม้นท์บล็อกเป็นแล้ว เก่งมากๆ มาอีกบ่อยๆนะ
.
แม่-ป๋า
ช่วงนี้อุ้ยยุ่งอย่างอนละจ๊ะ

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

Going Solo in London #3

สวัสดีจ้า ขอเสียงหน่อย วู้ฮู้
ทำเป็นร่าเริงกลบเกลื่อน แง งานยังไม่เสร็จเลย
เดี๋ยวนี้นอนตีหนึ่งตีสอง ตื่นสิบโมงกว่าทุกวันเลย ทรุดโทรมอย่างมาก
อยู่ในห้องอุดอู้เหมือนหนูในรูตุ่น
กินอาหารแช่แข็งยัดใส่ไมโครเวฟแล้วอุ่น
มีใครได้ยินเสียงโหยหวนจากแดนไกลบ้างงง โฮๆๆๆ
......
วันที่สาม วันพุธที่หกมกรา ตื่นตั้งแต่เก้าโมงครึ่ง
ร่ำลาเพื่อนและพี่ๆป้าๆที่บ้านเรียบร้อยก็ขึ้นรถไฟใต้ดินสายเขียว ตรงจาก Ealing Broadway มาลง Tower Hill เช้านี้กะว่าจะไปลอนดอนทาวเวอร์ เสร็จแล้วก็ไปขึ้นรถไฟกลับยอร์กตอนบ่ายสองสิบห้า เดินทำเวลาสุดๆ
ลอนดอนทาวเวอร์ อะฮ้า มันก็คือสถานที่สุดดังที่มีคนเห็นผีของแอนน์ โบลีน เมียของเฮนรี่ที่แปดเดินอยู่บนหอคอยไง้ ใช้เป็นทั้งที่พักกษัตริย์ คุก แล้วก็โกดังเก็บชุดเกราะ เครื่องเพชร บลาๆๆ
ถึงแย้ว Tower of London มีหิมะขาวๆก็สวยไปอีกแบบนะ

ใหญ่โตเหมือนกัน เห็นแล้วนึกถึงวัดพระแก้ว แต่ของเขาเป็นอิฐทึมๆเยอะกว่า ก็เข้าใจว่าบ้านเมืองเขาอากาศหนาว คงจะสร้างให้โปร่งๆแบบของเราไม่ได้มั้ง นราจองตั๋วไว้ล่วงหน้าทางเน็ทแล้วค่ะ ค่าเข้า 13.50 ปอนด์ โคตรแพง เดินไปรับตั๋วเสร็จก็ลุยกันเล้ย
ตรงทางเข้ามีตาลุงยืนตรวจกระเป๋าผู้เข้าชมอยู่ นราแบกเป้ใส่เสื้อผ้าเข้าไปด้วยเขาก็เลยขอตรวจ ก็เข้าใจว่าต้องเข้มงวดเพราะเป็นพื้นที่ราชฐาน แต่แม่ง ควักเสื้อผ้ากรูออกมาหมดเลย ถ้ากางเกงในใช้แล้วหล่นออกมามรึงจะทำยังไง พอเจอสายชาร์จกล้องก็ถามใหญ่ว่านี่อะไรๆ ตื่นเต้นไปได้เด่อ ที่น่าเจ็บใจคือพอควักเสื้อผ้าออกมาเสร็จแล้วมันไม่เสือกเก็บให้ดิ ฟายยย จับยัดๆเป็นก้อนๆ แล้วผลักกระเป๋าเราไปอีกทาง กว่านราจะม้วนจะยัดกลับเข้าไปให้กระเป๋ามันรูดซิปปิดได้ก็ตั้งนาน
.
ข้างในจ้า
คนเยอะเหมือนกันนะ
เข้าไปแล้วก็นึกถึงว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนมันจะเป็นยังไงน้อ หินที่สร้างกำแพงนี่มันอยู่ตรงนี้มากี่ปีแล้วน้อ เกิดอะไรในนี้บ้าง ฮ่า ฟุ้งซ่านใช้ได้

เขาจะมีบันไดให้ขึ้นไปเดินดูบนกำแพงป้อมตามทาง ทะลุผ่านทาวเวอร์ต่างๆไปเรื่อยๆ จากตรงนี้มองเห็นสะพานนี่ด้วย โอ๊ยลืมชื่อไปแล้วอ่า แต่ที่ดีใจที่ได้เห็นก็เพราะว่ามันเป็นสะพานที่เขาถ่ายหนังเรื่อง เดอะมัมมี่ 2 ไง้ ฮ่าฮ่า โคตรไร้สาระเลย ตรงนี้เมื่อก่อนถือว่าเป็นวิวที่ดีที่สุด ห้องนอนของกษัตริย์ก็จะมองออกมาเห็นวิวริมแม่น้ำนี่แหละ

เห็นตึกแตงกวาด้วย วู้ว มันคืออะไรไม่รู้ จำได้ว่าเคยอ่านในรีดเดอร์ไดเจสต์
สวยดีค่ะ เห็นจากที่ไกลๆ
ที่ดังอีกอย่างของทาวเวอร์ออฟลอนดอนก็คือ กา ใช่แล้ว อีกา ดำๆ ก๊าๆ
เขาเรียก Ravens ไม่ใช่ Crows คิดว่าเพราะมันตัวใหญ่กว่าเยอะ จิกทีลูกตาหลุดแน่ กาที่นี่ปีกแหว่งค่ะ เขาตัดมันไม่ให้มันบินหนีไปที่อื่น
กาพวกนี้ไม่ได้มาอยู่ตามใจชอบนะคะ แต่เป็นกาที่รัฐบาลเลี้ยงไว้เลยแหละ เพราะมีตำนานว่าที่ลอนดอนทาวเวอร์ต้องมีอีกาอยู่เสมอ ไม่งั้นทั้งราชบัลลังก์และบ้านเมืองจะล่มสลาย อีกาต้องมีอยู่สิบตัวเสมอค่ะ และมีตำแหน่ง Ravenmaster สำหรับคนดูแลกาให้เป็นพิเศษเลยอีกด้วย
ประติมากรรมดุกดุ๋ยเหล็กหล่อ จำลองตำแหน่งนักรบเวลาออกศึกป้องกันปราสาท
ทำไมนรารู้สึกว่ามันน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้อ่า
ข้างในแต่ละหอ บางทีก็มีพวกหมวกเหล็ก หน้าไม้ให้ลองถือด้วยละ

จำชื่อหอคอยไม่ได้อ่ะ โฮๆ ขอโทษ มันผ่านมาหลายวันแล้ว แถมต้องรีบเดินแบบทำเวลาด้วย เพราะนัดเจอเพื่อนสมัยมัธยมไว้ตอนเที่ยงครึ่งค่ะ แต่จำได้ลางๆว่ามันใช้เป็นคุกเก่านะ ข้างในก็เป็นอิฐเก่าๆทึมๆเหมือนที่อื่นๆทั่วไป แต่ตามผนังยังมีลายมือนักโทษที่สลักอะไรไว้เยอะแยะ เขาก็รักษาเอาไว้ให้ดูนะ ส่วนใหญ่เป็นข้อความสลักชื่อตัวเองแล้วก็ข้อความเชิงศาสนา

สงสัยจังเอาเอาอะไรสลักหว่า ช้อนหรอ ลายเส้นคมกริบเชียว

นี่ White Tower ค่ะ
สัญลักษณ์อีกอย่างของลอนดอนทาวเวอร์
William the Conqueror สั่งสร้าง หินที่ใช้สร้างสั่งมาจากฝรั่งเศส ส่วนที่ได้ชื่อว่าเป็นไวท์ทาวเวอร์เพราะพระเจ้าเฮนรี่ที่สามสั่งให้กัดสีผนังหินด้านนอกทั้งหมดให้ขาวสวย ปัจจุบันเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงพวก Armoury ชุดเกราะคน เกราะม้า ชุดออกศึกของพระเจ้าเฮนรี่ที่แปด อุปกรณ์ต่อสู้ในสงคราม
จากพิพิธภัณฑ์นี้ทำให้เราได้รู้ว่า ตัวจริงของพระองค์ ทรงบึ้บบั้บมาก
จริงๆนราเข้าไป Jewellery House ด้วย แน่นอนห้ามถ่ายรูป
ออกมาตาพร่าพรายเดินไม่ตรงทางกันเลยทีเดียว
โอ้ยโหยย เพชร ทอง ล้วนๆ ปิ๊งปั๊งเปล่งปลั่งเต็มไปหมด
ข้างในจัดแสดงพวกมงกุฎ คฑา ดาบ เสื้อคลุมทองคำ
เพชรยอดมงกุฎเม็ดเท่าไข่ไก่ จริงๆไม่ได้อุปมา อุปลักษณ์ใดๆทั้งสิ้น
สมแล้วที่เขาบอกว่าประตูเซฟหนักข้างละสองตัน
.
ก่อนจะออก หิมะก็เริ่มลงบางๆ
แต่นราไม่ยอมกลับโดยไม่ได้เห็น Bloody Tower ร้อก
มันเป็นหอคอยที่ใช้ขังบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์เยอะแยะ ตายไปก็เยอะแยะ อย่าง Sir Walter Raleigh คนที่เป็นกวีก็โดนขังตั้ง 13 ปี ที่เขาบอกว่าถ้าคนนี้ไม่ตายก่อนนะเชคสเปียร์ไม่ได้เกิดหรอก
ริชาร์ดที่สามก็มีข่าวลือว่าคุมขังหลานที่มีสิทธิ์ในการขึ้นครองราชย์ไว้ที่นี่จนหลานตายไปตัวเองถึงได้ขึ้นครองราชย์แทน
Traitor's gate ประตูสำหรับนำตัวนักโทษเข้ามา
แต่ก่อนใช้สำหรับเป็นทางน้ำไหลสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่หนึ่ง แต่ต่อมาก็กลายเป็นประตูรับนักโทษที่มาทางเรือผ่านแม่น้ำเทมส์ เห็นเขาว่าบางทีก็มีการเอาหัวนักโทษที่ตัดคอแล้วมาเสียบประจานบนเหล็กแหลมๆด้วย แอนน์ โบลีนผู้โด่งดังก็ผ่านประตูนี้มาเหมือนกัน ก่อนจะถูกประหารที่ Tower Green

ยังดูไม่ค่อยทั่วเลย แต่ต้องไปแล้วเพราะนัดกับเพื่อนไว้ นัดเจอกันที่ Tottenham Court Road เพื่อนบอกจะพาไปกินร้านเกาหลี แต่อุแม่เจ้าเอ๊ย โผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน ก็เจอแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ปกติลอนดอนหิมะไม่ตกไม่ใช่เรอะ

หิมะตกหนักมาก แถมเพื่อนมาช้าด้วย นราก็ยืนรอด้วยความกระวนกระวายใจ กว่าเพื่อนจะมาก็เกือบบ่าย สรุปมีเวลากินข้าวกันแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แทนที่จะได้ไปกินร้านเกาหลีก็กลายเป็นแมคโดนัลด์แทน แต่ก็ยังดีได้เจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอมานานนะ กินเสร็จนราก็รีบขึ้นรถไฟไปคิงส์ครอสทันที แต่แหมโว้ย หิมะตก รถไฟช้า รถไฟไม่วิ่งโว้ย กว่าจะไหวตัวทันเปลี่ยนสาย เวลาก็ลดน้อยลงทุกที
(จากตรงนี้ไปให้ตัดภาพเข้าโหมดสโลโมชั่น)
นราโผล่ขึ้นมาจากรถไฟใต้ดิน-นรามองหาชานชาลา-โอ้โน่ว รถไฟกรูไม่ได้อยู่คิงส์ครอส แต่มันอยู่เซนต์แพนคราส-นราวิ่งหาชานชาลา-เจอแล้วมีโลโก้รถบัสที่เราขึ้นขามาด้วย-นราเหลือบมองนาฬิกา ฉิบหายบ่ายสิบหกแล้ว รถออกบ่ายสิบห้า-นรากระโจนเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ ถามว่า "Excuse me, where is the train for Megabus passengers?"-เจ้าหน้าที่หันมาตอบ "อิ๊ทส์ ก๋อน"-It's gone มันไปแล้วโว้ยยย
แอร๊ยยย ตกรถไฟ นาทีเดียวมรึงก็ไม่รอหรอเนี่ย เครียด
สรุป ต้องร่อนเร่กลับไปหาเพื่อน ขอนอนอีกคืนเด่ะ แถมเสียตังค์ค่ารถไฟใหม่ 23 ปอนด์ ฮือๆๆ
นี่แหละเรื่องตื่นเต้นที่บอกค่ะ
.
ไหนๆก็ตกรถ ต้องอยู่อีกคืนแล้ว นราเลยไปที่ที่ยังไม่ได้ไปซะเลย
National History Museum ค่ะ ลงสถานี South Kensington บัตรรถไฟแบบใช้วันเดียวนี่เจอนราใช้แบบโคตรคุ้มอ่ะ 6.30 ปอนด์นี่ใช้จนบัตรเจ๊งไปรอบต้องไปขอให้เขาออกบัตรใหม่
วันนั้นเข้ามีลานไอซ์สเกตเปิดให้บริการด้วย แต่เราเล่นไม่เป็นขอดูเฉยๆแล้วกัน เห็นหนุ่มสาวจูงมือกันเล่นสเกต กระดี๊กระด๊า ทำเป็นหกล้ม อ๊าย ทับกันหวานชื่น ยึ่ย เห็นแล้วอยากเอาน้ำร้อนราดแม่ง (อิจฉาตาร้อน เป็นนิสัยที่ไม่ดีนะคะเด็กๆ Don't try this at home)
พิพิธภัณฑ์นี่เข้าฟรีไม่เสียเงินจ้า ยกเว้นส่วนที่เป็นนิทรรศการภาพถ่ายสัตว์ป่า

บอกตามตรง British Museum น่าสนใจกว่าเยอะ ที่นี่เขาเน้นพวกเกี่ยวกับโลก แผ่นดิน ระบบนิเวศน์อะไรทำนองนี้มากกว่า แต่ป๋าน่าจะชอบ มีพวกแร่อัญมณีเยอะแยะเลย นราก็ดูผ่านๆแหละเพราะไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้ แต่คราวนี้เดินสบายหน่อยเพราะเอากระเป๋าไปฝากไว้แล้ว เสียไปอีกปอนด์ยี่สิบ เด่อ
.
นราชอบห้องเกี่ยวกับสัตว์มากฝ่า
ห้องแรกเป็นห้องนก นกสตัฟฟ์เยอะมาก บางตัวก็น่ากลัวดี แต่งานเขาทำดีมากนะคะ บางตัวเหมือนยังมีชีวิตอยู่เลย
ต่อไปเป็นห้องฟอสซิล ถึงบัดนี้นราก็ยังไม่รู้ว่าที่เขาโชว์ๆไว้อ่ามันของจริงหรือเปล่า เห็นติดป้ายไว้ว่าซื้อมาจากไหนเมื่อไหร่ด้วย ก็น่าจะเป็นของจริงละเนอะ โครงกระดูกใหญ่ๆนั่นเขาว่าเป็นโครงสล็อธโบราณค่ะ ใหญ่ค่อดๆ
ทำไม้ทำไมเวลาเข้าพิพิธภัณฑ์ นราเข้าผิดด้านทุกทีเลยให้ตายเถอะ เดินมาเรื่อยๆถึงรู้ว่า อ่อ ข้างหน้ามันอยู่ตรงนี้นี่เอง โถงสวยมากกกก มีโครงกระดูกไดโนเสาร์คอยาวตามแบบฉบับพิพิธภัณฑ์ทั่วไป
แต่นราประทับใจกับโถงจริงๆ ศิลปกรรมการก่อสร้างนราไม่รู้หรอกเขาเรียกว่าอะไร แต่สวยจังเลย ใหญ่โตอลังการมาก ยิ่งตรงบันไดทอดขึ้นไปชั้นสองนะแจ่มสุดๆ เสียดายถ่ายรูปมาไม่ได้ ติดอีญี่ปุ่น แม่งถ่ายกันอยู่นั่นน่ะไม่เลิกไม่รา นราเลยช่างมันไว้มาใหม่ก็ได้
บนเพดานมีภาพวาดดอกไม้ต่างๆด้วยนะ แต่ละช่องไม่ซ้ำกันเลย ให้นราเอาเต๊นท์มากางนอนดูดอกไม้บนเพดานทั้งคืนยังได้เลยนะเนี่ย
ก่อนกลับเสียตังค์ซื้อโปสการ์ดมาอีกสี่ใบ สวยดี
และก่อนกลับก็แรดไปไชน่าทาวน์อีกแล้ว ฮ่า กินโฟร์ซีซั่นอีกแล้ว
แต่ไม่ได้กินเป็ดเพราะงบหมด เอาไปซื้อตั๋วหมดแล้ว กินแต่บะหมี่เกี๊ยวกุ้งอย่างเดียวแล้วกลับบ้านไปหาบี ซิกๆ ซิกๆ บีขาเพื่อนกลับมาแล้ว
เช้าวันต่อมาก็เหมือนรีเพลย์เทปใหม่ บีไปส่งที่สถานี กอดร่ำลากัน แล้วนราก็กลับสู่โลกใบเดิมที่ยอร์กค่ะ
...และตั้งแต่นั้นมา นราก็ไม่ได้ออกจากห้องอีกเลย โฮๆๆๆ...
.
ใบตอง
วันหลังพานราไปกินจิคะ
เมื่อไหร่จะได้ดูรูป
.
มุกกุ
โหยฟิตใหญ่เลยนะคะ ขอให้เพรียวสวยสมใจไวๆ อย่าลืมเอารูปให้ดูด้วย นราเองก็ผอมลงนิดหน่อย แต่เป็นผอมโทรมค่ะ ซิกๆ
.
แนนโกะ
รายงานยังอยู่ค่ะแต่ไม่รู้อยู่มุมไหนของบ้าน
เรื่องทิป นราก็ไม่รู้เหมือนกัน ทุกวันนี้ก็หน้าด้านไม่ให้ทิปไปเรื่อยๆค่ะ
.
มะแอ้
ไม่ต้องเสียใจไป เดี๋ยวอุ้ยเรียนจบกลับไปแล้วเราไปแรดที่ฮ่องกงด้วยกัน เดี๋ยวพาไปจับตูดมิกกี้เม้าส์นะ ช่วงนี้อุ้ยยุ่งมากๆเลย ขอโทษทีน้าไม่ได้โทรหา เดี๋ยวเคลียร์งานต้นเดือนนี้หมดแล้วจะโทรหาแน่ไม่ต้องห่วงจ้า
.
ตาหมู
ไม่อยากเม้นท์มั่งหรอไง