แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การเรียน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การเรียน แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

I Hate Technogy

ถ้านราเคยสงสัยสิ่งที่โมมดจิพูด
ว่าตัวเองนั้นหรือคือ Trouble Magnet
อารมณ์แบบว่า เฮ้ย จริงเร้อ ไม่จริงมั้ง
วันนี้ค่ะ เชื่อแล้ว
ขอคารวะแม่หมอโมมดจิจากใจจริง
คอมเจ๊งค่ะ
.
แอร๊ยยยยยยยยย
อยากจะตะโกนกู่ร้องให้ก้องฟ้าเป็นอักษรลิ่มคูนิฟอร์ม
ร้อยวันพันปี กรูอยู่ว่างๆไม่เคยเจ๊ง
มันต้องมาเสียเอาช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม ช่วงเฉียดเป็นเฉียดตาย ช่วงโค้งสุดท้าย ช่วงลูกผีลูกคน
ไอ้เทคโนโลยีนี่ เชื่อไม่ได้ยิ่งกว่าสัตว์หน้าขนอีก
ยังดีว่าก่อนหน้านี้ เหมือนจะรู้ เพราะแบ็กอัพข้อมูลใส่แฮนดี้ไดรฟ์กับเมล์หาตัวเองไว้ก่อนแล้ว
ก็เลยยังไม่สติแตก แต่ทำงานไม่ได้ ต้องเดินไปใช้คอมที่ตึกเรียน ห่างออกไปสิบห้านาที
.
อาการคอมทรยศ
วันแรกเปิดเครื่อง มันบอกว่า จะ activate windows ตอนนี้เลยมั้ย
งง เกิดมาไม่เคยโดนถามแบบนี้ พอลองกดตกลง มันบอก เข้าวินโด้ไม่ได้ เพราะหมายเลขผลิตภัณฑ์ของคุณไม่ถูกต้อง และวินโด้ของคุณไม่ใช่ของแท้
ฟายยย ของไม่แท้บ้านพ่อง
เห็นอยู่กะตาตอนคนขายลงโปรแกรมให้ ถอดจากกล่องมา มีสติกเกอร์ของแท้แปะมาด้วย ไม่แท้ห่านไร
พอกด activate later มันก็ล็อกออฟ เป็นหน้าจอฟ้าๆ
แน่นิ่งไป กดล็อกอินใหม่มันก็วนไปหน้าจอเดิม
วนลูปอยู่อย่างนี้ ยังไงก็เข้าวินโด้ไม่ได้
.
วันที่สอง ดีขึ้นหน่อย
กดเปิดเครื่องแล้วไปอึ
กลับออกมาก็เห็นว่ามันเข้าหน้าเดสก์ท็อปได้แล้ว
แต่วอลเปเปอร์หายไป กลายเป็นหน้าจอดำมืดเหมือนมิติที่สี่
โปรแกรมบางอย่างหายไป เหมือนว่าวินโด้เรามันเป็นแบบไม่สมบูรณ์
แต่ยังดีว่าเข้าเน็ทได้ (หลังจากพยายามนานมาก) ทำงานอะไรก็ยังได้ดีอยู่
.
นราพลาดด้วยการปิดคอม
คือเป็นคนดีค่ะ ไม่อยากเปิดคอมทิ้งไว้นานๆ สงสารกลัวพี่เค้าเหนื่อย
ไม่คิดเลยว่าพี่เค้าจะทรยศด้วยการกามิกาเซ่เอาดื้อๆ
วันนี้ลองเปิดคอม เจอหน้าจอเดิม เข้าเดสก์ท็อปได้เหมือนเดิม
แต่ต่อเน็ทยังไงก็ไม่ติด
เปิดๆปิดๆอยู่สามสี่ครั้ง
พอมัดมือชกบังคับให้พี่เค้าปิดเครื่องครั้งสุดท้าย
พี่เค้าก็สิ้นลมหายใจไปเลย
คราวนี้เข้าอะไรก็ไม่ได้ กลายเป็นหน้าจอสีดำมืดมนอนธการ
ฮือ
.
นราโทรหาแอนดรูว์ แอนดรูว์บอกจะมาดูให้ตอนบ่ายสาม
นราเลยไปใช้คอมที่ห้องคอมจนถึงบ่ายสองกว่าๆ
คีย์บอร์ดอังกฤษมันต่างจากของไทยเรานิดหน่อย
พิมพ์ไม่คุ้นมือ พิมพ์ผิดบ่อย
หงุดหงิดอิ๊บอ๋าย
เมนก็จะมา อารมณ์แปรปรวน
ม่าง ชีวิตมีสีสันจริงๆให้ตาย
.
แอนดรูว์บอกว่าเขาแก้ไม่ได้ เพราะไฟล์มันเจ๊งไปแล้ว
เข้าวินโด้ไม่ได้ กดอะไรก็ไม่ได้เลย
เขาเลยลง OS อื่นให้แทน ชื่อ Obuntu
เป็นโปรแกรมที่พัฒนามาจากลีนุกซ์ ชื่อเรียกยากนราเลยตั้งชื่อให้ใหม่ว่าบันดี้
หน้าตาแปลกๆ ปุ่มแปลกๆ ใช้ยาก
แต่บ่นไม่ได้
มีคอมทำงานได้ก็บุญแล้ว
.
กำลังคิดว่าต้องไปแมนเชสเตอร์ทำบุญที่วัดไทยมั่งแล้ว
เป็นมนุษย์กรรมหนาจริงๆ
เดือนสิงหาทั้งเดือนมีแต่เรื่องไม่หยุดไม่หย่อน
นี่ถ้าสัปดาห์หน้ามีอะไรซวยๆเกิดขึ้นอีกจะไม่สงสัยเลย
.
ตอนนี้วิทยานิพนธ์ก็ใกล้เสร็จละ
แต่ก็เป็นแค่ฉบับร่างอันแรก แน่นอนว่าพอให้อ.ที่ปรึกษาอ่านแล้วต้องมีแก้อีกบาน
เหนื่อยจังเลย ช่วงนี้ตื่นมาแล้วเนื้อตัวมันจะเหลวๆเหมือนไม่มีแรงไงไม่รู้ ปวดเมื่อยไปหมด
หรือเป็นเพราะน้ำหนักขึ้นหว่า
ค่ะ ขึ้นมาห้าโล โอ้มายโก๊ช
อ้วนตั้บเหมือนไหกระเทียมต่อขาไม่มีผิดเลย
ปัญหาเรื่องวีซ่ายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
หงุดหงิดเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะทำไง ได้แต่รอ
เป็นกำลังใจให้สมตุ้ยด้วยนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Thunderstorm

ตอบจดหมายจากทางบ้านก่อน
โมมดจิ
ถ้ามาคงให้ซ้อนท้ายจักรยานไม่ได้อ่ะค่ะ ผิดกฏหมาย ดีไม่ดีพากันกลิ้งลงเนินทั้งคู่ ยิ่งตอนปั่นขึ้นเนินหน้าหอนะ ไม่อยากจะเซด เห็นมันไม่ชันเท่าไหร่ทำไมหนืดงี้ฟะ เข่าแทบป่น
มะแอ้
ไม่ต้องห่วงตอนนี้ Tokyo Drift สุดๆ สามารถปั่นไปกลับตามถนนใหญ่จากหอไปห้องสมุดกับหมู่บ้านท้ายมหาลัยได้แล้วโดยไม่ลังเลเวลาเจอรถที่วงเวียน ปาดหน้าแม่งเลย ยังไงมันก็ต้องหยุดให้เรา ฮะเหย ฮะเหย
.
วันก่อนได้รับ shocking news จากคณะ
ว่าที่สมัครเรียนต่อป.เอกไปน่ะ ไม่ผ่าน
ในจดหมายให้เหตุผลว่า เพราะคุณยังไม่จบป.โท เรายังไม่เห็นวิทยานิพนธ์ของคุณ ไม่รู้ว่าคุณจะได้คะแนนสูงพอสำหรับป.เอกหรือเปล่า ตอนนี้มันกระชั้นไปนะ ไว้สมัครปีหน้าก็แล้วกัน
ความฉิบหายมาเยือน
จำได้ว่าตอนนั้นเปิดเพลงฮิปฮอปของนิคกี้ มินาจอยู่ อารมณ์แบบลดฮวบกะทันหัน ต้องปิดเพลง แล้วนั่งนิ่งๆ เอ๋อๆ แสดงความเคารพต่อหน้าท่านอีเมล์ผู้กำหนดชะตาชีวิต
พอตั้งสติได้แล้วก็โทรหาอาจารย์ที่ปรึกษา เดชะบุญวันนี้ท่านอยู่ในออฟฟิศ ปกติจะตระเวนเดินสายทั่วโลก นานๆได้เจอที
ได้ความว่า
เพราะเขายังไม่เห็นวิทยานิพนธ์ของเรา ทางคณะเลยตัดสินจากผลการเรียนในเทอมที่ผ่านๆมา ซึ่งนราได้คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ที่เขาต้องการ คือ 60 ขึ้นไป นราได้ 66 แค่วิชาเดียว ที่เหลือคือ 57 55 และ 51 -_-
(ต่ำลงเรื่อยๆ สมควรแล้วที่เขาไม่เอา)
สรุปแล้วคือ นรายังไม่ดีพอ
สำหรับเทอมเดือนตุลานี้ หมดหวัง เข้าเรียนไม่ได้
รออีกที มกราคมเดือนหน้า ซึ่งมันก็เฉียดฉิวมาก เพราะกว่าคะแนนป.โทจะออกก็เดือนพฤศจิกายน
แต่ปัญหาคือ สามเดือนกว่าจะถึงมกรา กรูจะไปอยู่ไหน จะทำอะไร ยังไง
เป็นความลับดำมืดที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้
.
ข้อดีของการที่เราเจอเรื่องเฮงซวยในชีวิต
คือการที่เราจะได้รู้ว่า ใครมั่งที่อยู่เคียงข้างเราเวลาเราอยากตายสุดๆ
เพื่อนคนอังกฤษที่เรียนป.เอกที่นี่อยู่ ชื่อแซม พอรู้ว่านราโดนปฎิเสธจากมหาลัย ก็มาหาที่หอเลย ถามว่าเป็นอะไรมั้ย มีอะไรให้เขาช่วยได้มั้ย เสนอตัวจะช่วยเรื่อง research proposal สำหรับสมัครครั้งต่อไป นราประทับใจมากเลยที่เขาพูดอย่างหนึ่ง
"Well there's nothing you can do now, but what WE can do is that WE are gonna make your dissertation good enough for York to accept you"
น้ำตาไหลเป็นอ่างอ่ะ
.
เพื่อนจำนวนมาก ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง ทั้งที่อยู่ไทยอยู่ยอร์ก ต่างพากันมาปลอบใจหมาขี้แพ้ในเฟซบุ๊กกันล้นหลาม เป็นกำลังใจให้นรามากมาย ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
เจ้าของบ้านคนที่นรากะว่าจะย้ายไปอยู่ด้วยเดือนกันยานี้ ตอนนี้แกอยู่ฝรั่งเศส ไปทำงาน แต่พอนราเมล์ไปอธิบายสถานการณ์ให้เขาฟัง เขาก็โทรกลับมาหา ถามว่าเป็นอะไรมั้ย ถ้าบอกว่าแกร้องไห้ด้วยจะเชื่อมั้ยเนี่ย แต่เรื่องจริง แบบว่าเสียงเขาสั่นๆแล้วบอกว่า ไม่อยากให้เราไปเลย มีอะไรให้เขาช่วยก็บอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ ใช้ชื่อเขาเป็น supporter ก็ได้
นราก็เอ้า ซาบซึ้งกินใจ
.
ถามว่าตอนนี้เครียดไหม
เครียดฉิบหาย
ผมร่วง นอนไม่หลับ หัวใจมันกระสับกระส่าย
เหมือนคนไม่บาย ใจหายมาหลายคืน
(ยังจะตลกแดกนะเมิง)
ไม่รู้จะทำยังไง ทำอะไรก่อนหลัง
ทางออกน่ะมันก็มี แต่มันมีปัญหาเบ้งๆรออยู่ทุกประตูทางออกเลยอะดิ
ถ้าเลือกเปลี่ยนวีซ่าเป็นวีซ่าสำหรับทำงาน ต้องมีเงินในบัญชีมากกว่า 800 ปอนด์ไม่ต่ำกว่าสามเดือน แล้วนรามีที่ไหนล่ะนะ เงินเดือนเดือนนึงสี่ร้อยเองเหอะ
ถึงเขาอนุญาตให้ใช้สเตตเมนท์ของพ่อแม่ได้ นราก็ไม่รู้ว่าเขามีเงินจำนวนนั้นอยู่ในบัญชีหรือเปล่า หาเรื่องเดือดร้อนให้เขาอีก
ถ้าเลือกจะหาอะไรเรียนไปพลางๆสามเดือนเพื่อรอเรียนต่อป.เอกปีหน้า แน่นอน ต้องใช้เงินมากมายมหาศาล ไหนจะค่าเรียน ค่าใช้จ่าย ค่าทำวีซ่าก็แพงจะตายห่าแล้ว
แล้วนี่ยังไม่รู้เลยว่า ม.ที่ไทยจะว่าไง จะให้อยู่ต่อไหม หรือจะให้กลับ
ชีวิตสับสนมาก ความรู้สึกตอนนี้เหมือนแมงวันโดนครอบอยู่ในขวด
ได้แต่บินชนผนัง บี่ซซซ บี่ซซซ บี่ซซซ
.
เอาเป็นว่าวันจันทร์จะไปคุยกับเจ้าหน้าที่มหาลัย ขอคำปรึกษาดูว่าเราจะทำอะไรได้มั่ง
นราใช้หลักเหตุผลร่วมกับหลักสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว
บนไว้ว่า ถ้าสามารถอยู่ในอังกฤษได้ต่อจนกว่าจะปีหน้าโดยไม่มีปัญหา มีคนให้ทุนซัพพอร์ท ได้วีซ่าฉลุย และปีหน้าได้เรียนป.เอก (ไม่ยอร์กก็ลีดส์) จะงดเว้นเนื้อสัตว์ทุกชนิดไปตลอดหนึ่งปี เอาจริงนะเนี่ย
ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าโชคชะตาจะเลิกเล่นตลกกะชีวิตซะที
อาจจะเป็นเหมือนที่โมมดจิบอกก็ได้ คือนราเป็น Trouble Magnet ดึงดูดแต่เรื่องซวยๆเข้ามาในชีวิต
เมื่อไหร่จะมีเรื่องดีๆมั่งว้า
.
ตัวเลือกสุดท้าย ถ้าสองวิธีข้างบนไม่เวิร์ก
คือหาใครสักคนที่ถือสัญชาติอังกฤษมาแต่งงานด้วย
ฮ่าาาาาาา ความคิดชั่วร้ายจริงๆ
แต่น่าแปลกมากนะ พอลองถามแซวๆเพื่อน ปรากฏแม่งเก็บไปคิดจริงแฮะ
มันบอก "well I got nothing to lose when you divorce me, so I think it's alright. When do you wanna get married?"
เล่นเอาปฏิเสธแทบไม่ทันฮ่ะ
หนุ่มอังกฤษนี่ ใจง่ายจริง อิอิ
.
คำคมประจำวันนี้
Nothing goes according to plan

วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"D" Is for the Devil

เดือนพฤษภาและมิถุนาที่ผ่านมา
ชีวิตมีความสุข สนุกสนาน เบิกบานหาใดเสมอเหมือน
ทุกวันไม่ทำอะไรนอกจากกิน นอน ดูชิงร้อยชิงล้านในยูทูป ดูซีรีส์เกาหลี เคโรโระ
วันนี้ ณ ขณะนี้ เดือนสิงหาคม
ถึงเวลาชำระหนี้ค้างจ่ายแล้ว
สม
.
วิทยานิพนธ์ค่ะ Dissertation พิมพ์ไปแสยงมือไป คำต้องห้ามจริงๆคำนี้
ได้ยินคนพูดถึงแล้วจะเกิดอาการมือเท้าเกร็ง ปากบิด ตากระตุกทันที
มันมารอตั้งนานแล้วแหละ เราไม่ทำเอง
โทษใครไม่ได้
ที่ผ่านมาก็อ่านบ้าง ค้นหนังสือมารวมๆไว้มั่ง
คือทำเหมือนขยัน เดินไปหอสมุด อุ้มกลับมาเต็มอ้อมแขน แล้วเอากลับมาตั้งไว้เป็นสิริมงคลที่หัวนอน ไม่ทำห่าอะไรกับมันเลย
ตอนนี้ผลัดวันประกันพรุ่งไม่ได้แล้ว เพราะเวลาน้อยลงทุกที
ภาพที่ท่านจะได้เห็นต่อไปนี้ เป็นภาพจริงจากสถานที่จริง ไม่ผ่านการตัดต่อ ตกแต่งใดๆทั้งสิ้น
เพื่อแสดงให้เห็นว่า คำคำเดียวอย่าง Dissertation ส่งผลต่อชีวิตคนได้มากแค่ไหน
เชิญทัศนา
.
เริ่มที่โต๊ะทำงานก่อน
ตอนนี้มันไม่ใช่แค่โต๊ะทำงานแล้ว แต่เป็นเหมือนห้องเช่าในตัว
เริ่มจากมุมซ้ายสุด
กระป๋องน้ำ ถ้วยชามอาหารที่เอาเข้ามากินในห้องแล้วยังไม่ได้เอาออกไปล้าง วางกองเป็นหอไอเฟล
บางถ้วยมีฟอซซิลเกาะติด น่าเก็บรักษาเป็นวัตถุโบราณของชาติมาก
พัดลม เปิดทิ้งไว้ตลอดเวลา มอเตอร์จะไหม้แล้วมั้ง
ตรงกลางเป็นกองหนังสือโน้ต เอกสาร ข้อมูลสรุปย่อ ทุกอย่างกองรวมกันเป็นตั้ง
เงยหน้าขึ้นมาก็เป็นโน้ตย่อ โน้ตเตือนความจำทั้งหลาย รวมทั้งพวกตัวอย่างงานเขียน กฎกติกามารยาทกอล์ฟทิปทั้งหลายทั้งปวงอยู่บนนั้นหมด
เรียกว่าหลอกหลอนแบบสเตอริโอเซอราวด์
ปิดท้ายด้วยคอมพิวเตอร์ตัวเดิม ที่ตอนนี้เป็นทั้งชีวิต เป็นทั้งวิญญาณไปแล้ว ใครก็ห้ามแตะคอมกรู หวงยิ่งกว่าปู่โสมเฝ้าทรัพย์อีก

ภาพต่อไปไม่อยากเปิดเผยเลย
อายนะเนี่ย
แต่เอาเหอะ เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้รู้ว่าชีวิตนักเรียนนอก (ชุ่ยๆ) มันเป็นยังไงมั่ง นราพร้อมพลีชีพค่ะ
คาดว่าหลังเอนทรี่นี้ออกไป คงหาผัวไม่ได้อีกเลยทั้งชีวิต
ผู้หญิงอะไร ชุ่ยชะมัด
.
ครั้งสุดท้ายที่พับผ้าห่มคลุมเตียงเรียบร้อย
คาดว่าน่าจะเมื่อสามร้อยปีก่อนคริสตศักราชที่แล้ว
ไม่ได้จัดเตียงนานมาก
โปรดสังเกตหัวเตียงก็เลอะเทอะพอกัน
คือติดนิสัยนอนอ่านหนังสือ ง่วงก็แว้บ เอื้อมมือข้ามหัวเอาหนังสือไปแปะไว้ตรงหัวเตียง ชนทั้งตุ๊กตา นาฬิกาอะไรระเนระนาดไปหมด
และเนื่องด้วยโต๊ะมันเต็มแล้ว อย่างที่เห็นเมื่อกี๊
ก็เลยไม่มีที่จะกินข้าว
เลยต้องมานั่งกินบนเตียงแทน
ห่อขาวๆที่เห็นอ่ะ คืออาหารที่สั่งมาค่ะ
ไม่มีเวลากระทั่งจะออกไปซื้อของสดมาตุน อาหารในตู้เย็นเกลี้ยงแล้ว เหลือผักสลัดเหี่ยวๆอยู่ห่อเดียว


ด้วยความที่เหนื่อย
ออกไปข้างนอกมา สัมภาษณ์เพื่อนบ้าง ให้เพื่อนสัมภาษณ์บ้าง ไปหอสมุดบ้าง
พอกลับมามันก็หมดแรง หมดอารมณ์
สะบัดรองเท้ากองๆไว้อย่างที่เห็นเนี่ย
ตีนก็มีอยู่สองตีน ไม่รู้จะมีรองเท้าเยอะอะไรนักหนา
อืม จะบรรยายความเหนื่อยยังไงดีนะ
เคยไหม ที่เหนื่อยกลับมาแล้วคิดว่าจะอาบน้ำกินข้าวก่อน แล้วทำงานนิดนึงแล้วค่อยนอน
แต่พอนั่งบนเตียงปุ๊บ เหมือนเตียงมันดูดพลังงานที่เหลืออยู่น้อยนิดของเราออกไปหมดเลยอ่ะ
ถึงเวลานั้นสิ่งเดียวที่ทำได้คือ ล้มตัวลงนอน เหมือนเวลาช้างล้ม
ไม่ต้องนับ 1 2 3 TKO น็อกเอ๊าท์ในเวลาไม่ถึงนาที
.
สภาพร่างกาย อย่าเห็นจะดีกว่า
อ้วนอีกแล้ว
เพราะเหนื่อยเกินกว่าจะหอบสังขารไปว่ายน้ำ
ไม่ออกกำลังกาย แต่กินเท่าเดิม มันจะไปเหลืออะไร ก็เบอะอะดิ
ออกรอบๆเอวเหมือนห่วงยาง อึดอัดมาก เวลาเอี้ยวตัวอะไรก็รู้สึกได้ว่ารอบตัวเรามีชั้นมันหมูหนาๆพอกอยู่
นอกจากนี้ก็มีสภาพสิวขึ้น ยิ่งเฉพาะพอใกล้ช่วงนั้นของเดือนจะระเบิดเหมือนสนามรบเวียดนาม
โทรมค่ะ ข้อมือก็มีปัญหา
อาจจะเพราะคอมมันตั้งไม่ได้มุมที่ถูกต้อง เวลาพิมพ์แล้วฝืนข้อมือ
โอ้เอ๋ย กว่าจะได้ปริญญาโทนี่เราต้องแลกด้วยอะไรมั่งเนี่ย
เหนื่อยจังเลยยย

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Curry Night

ก่อนอื่นเลย ขอขอบคุณทั้งโมมดจิและอวนมากๆ
ที่มอบให้ทั้งกำลังใจและความช่วยเหลือ
ยังไงขอนราดูสถานการณ์ไปก่อนนะคะ ว่าจะหานศ.มาทดแทนได้หรือไม่ ถ้าหาไม่ได้จริงๆก็คงจะงานเข้า ต้องปรับเปลี่ยนหัวข้อวิทยานิพนธ์ใหม่ และขยายขอบเขตกลุ่มศึกษาเป็นนศ.ชายระดับมหาลัยแทน ไม่เจาะจงว่าต้องมาจากม.ใดเป็นพิเศษ ฮึ งอนแล่ว
ถึงเวลานั้นคงได้รบกวนจริงๆจังแน่ค่ะ โดยเฉพาะโมมดจิ เห็นว่ามีเด็กในสต๊อกเยอะใช่ไหมคะ ฮิ ฮิ
.
หลังจากตามตื๊อผู้ชายคนหนึ่งอยู่นาน
ในที่สุดเขาก็ใจอ่อน ยอมนราจนได้
อิอิ ยอมทำแกงกะหรี่ให้กินค่ะ
ไปถึงบ้านนัทตอนหกโมงครึ่ง พ่อครัวนุ่งชุดตีแบดแฉะๆกำลังทำแกงกะหรี่ให้เราอยู่เลย อิ๊ๆ
อันนี้นราไม่ได้ข่มขู่บังคับให้เขาทำนะ
แค่บอกเฉยๆว่าอยากกิน ทำได้แล้ว ฮ่า
เรื่องของเรื่องคือ เคยนวดกล้ามเนื้อให้นัทเมื่อนานมาแล้ว
แต่คนอย่างนรา มีหรือจะหว่านพืชมิหวังผล
ก็คอยเซ้าซี้มาเรื่อยๆว่าอยากกินแกงกะหรี่จังเลย อยากกินข้าวฟรี เมื่อไหร่จะทำ
วันนี้ที่ทำจนได้ก็ไม่รู้ว่าเพราะตามสัญญา หรือทนรำคาญไม่ไหว
แต่มันอร่อยนี่นา ถามหลายทีแล้วว่าใช้ก้อนแกงยี่ห้ออะไร ไม่เคยจำได้เลย วันนี้ก็ลืมอีกแล้ว
นรา หน้าตาชื่นบานกับข้าวฟรี
อิ่มจังตังอยู่ครบ
ตู้เย็นสงบ ไม่เสียเสบียงอีกหนึ่งวัน
วันนี้สงสัยนัทจะวางยา ทำแกงกะหรี่เผ็ดอ่ะ
คือมันไม่เผ็ดสำหรับคนอื่น แต่มันเผ็ดมากสำหรับเรา กินไปก็ลิ้นห้อยไป เป็นที่น่าอนาถใจยิ่งนัก
วันนี้มันฝรั่งออกแข็งๆหน่อย แต่ชอบ ไม่ชอบเละเกินกินไปไม่มีรสสัมผัส หอมใหญ่ก็ดี แครอทก็หวานดี ข้าวใช้ข้าวเกาหลี แข็งไปนิดแต่อร่อย
กินของฟรีต้องไม่เรื่องมากค่ะ
เดี๋ยวโดนพ่อครัวตบฉาด
นราซัดไปเป้งๆ สองชาม อิ่มท้องจะแตก
สบายใจ เหมือนบรรลุสวรรค์ชั้นฟ้า นอนอืดแผ่พังผืดพุงหน้าทีวีไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น ฮ่า
แถมยังมีคนเอาสตรอว์เบอร์รีมาอีก โอ๊ยสุขใจๆ
ตอนนี้สตรอว์เบอร์รียังอร่อยอยู่ ลูกโตๆ หวานฉ่ำไม่เปรี้ยวเลย ก็ซัดไปซะครึ่งถาดอย่างไร้ยางอาย
พอกินเสร็จ สติกลับคืน
ก้มมองพุงตัวเองแล้วก็ถอนใจเฮือกๆ
อ้วนอีกแล้ว
ตอนนี้นรากำลังประสบปัญหาโยโย่เอฟเฟค
เพราะเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนหน้าไปว่ายน้ำตลอด ก็ผอมลงอย่างรวดเร็วมาก แต่ทีนี้ตั้งแต่สัปดาห์ที่มีงานนำเสนอหน้าชั้นเป็นต้นมาก็แทบไม่ได้ไปเลย คือออกกำลังกายน้อยลงแต่ยัดห่าเท่าเดิม ไขมันรีเทิร์นมาอย่างรวดเร็ว ตันไปหมดรอบองรอบเอว อึดอัดอ่า ต้องกลับไปว่ายน้ำให้เร็วที่สุดแล้วไม่งั้นเกินเยียวยา
.
กินแกงกะหรี่เสร็จ นัทขับรถพาไปสวนสาธารณะราวน์ทรี พาร์ก ที่นราเคยไปถ่ายรูปเมื่อตอนโน้น
สวนปิดสามทุ่มครึ่ง มีเวลาประมาณชั่วโมงนึงให้เดินเล่น เล่นของเล่นกัน
คนอื่นๆก็ไปเล่นชิงช้า ม้ากระดก ห้อยโหนปีนป่ายอะไรกันไป
แต่นรา สสารในท้องทิ้งถ่วงตกหนัก
จะหายใจยังไม่ไหวเลย
เลยขอนั่งชมธรรมชาติดีกว่า
ซ่าไปเล่นชิงช้าแปปนึง แกว่งไปแกว่งมา จะอ้วก ก็เลยหยุด
ไม่ได้มีความโรแมนติกเล้ย
.
จะว่าไปก็ไม่ได้เล่นชิงช้านานมากแล้วนะ
เป็นปีแหละ
รู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ หวิวๆ ลอยๆ
ตอนนี้ก็ยังยุ่งเหมือนเดิม
เรื่องงานล้วนๆ
เวลาหดสั้นลงทุกที แต่งานทำไมไม่ก้าวหน้าซักที
อาจารย์ที่ปรึกษา ตอนไม่อยากเจอก็อยู่จังเลย พออยากจะเจอก็ไม่เคยอยู่เลย หาตัวไม่ได้ หุดหิดมาก
นี่กะว่าจะไปปักหลักกินอยู่หน้าออฟฟิศแก ประมาณว่ามาเมื่อไหร่ หรือออกจากห้องมาเมื่อไหร่เจอแน่ๆ หนีไม่ได้ ห้ามไปไหนทั้งนั้นจนกว่าฉันจะปรึกษาจบ
.
วันนี้อากาศดีค่ะ เมฆน้อย ไม่ร้อนมาก
น่านอนกลิ้งบนสนามหญ้ากับหนังสือดีๆสักเล่ม กินขนมหวานๆ แล้วนอนขึ้นอืดให้เป็ดมาแทะศพ
จะตั้งใจทำงานแล้ว จะพยายามนะ
ฮึ้ยๆ

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Lunch in Town at Red Chili

บ่นๆๆๆ ว่าตังไม่มี
แต่พอเพื่อนมาชวนไปกินข้าวข้างนอกก็ไปทุกที
ช่วงนี้นรกมาก ไม่ได้ไปว่ายน้ำเลยตั้งแต่ทำงานนำเสนอหน้าชั้น อ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะยัดห่าในปริมาณเท่าเดิมหรือมากขึ้น แต่ไม่ออกกำลังกาย พุงหนานุ่มน่าขยำเข้าไปทุกวัน
.
วันนี้ไปทานที่ร้าน Red Chili ในเมืองมา
เป็นร้านอาหารจีนร้านใหญ่ ราคาแพงใช้ได้
เหมาะกับการไปหลายๆคนแล้วแบ่งกันจ่าย
วันนี้ทั่นประธานกิ๊กจะกลับบ้านที่ไทย ก็เลยถือโอกาสเลี้ยงบ๊ายบายซะเลย
ไปถึงตอนเที่ยง ร้านไม่มีคน
มีพนักงานหน้าตาเหมือนโดนผัวทิ้งมาต้อนรับ
ร้านนี้เป็นร้านที่ห้ามพนักงานยิ้ม ไม่มีใครยิ้มเลย
ไปกันหกคน แต่ละคนหิวซ่กกันทั้งนั้น
คนอื่นไม่รู้ แต่นราอะหิว แถมช่วงนี้กินเยอะมาก
อยากกินไปซะทุกอย่าง
คนที่เคยมากินแล้วก็พอรู้ว่าต้องสั่งอะไรมั่ง
นราเคยมาแค่ครั้งเดียว จำได้ว่าเคยได้กินหมี่เส้นแบนๆผัดที่อร่อยมาก ใส่หน่อไม้ กุ้งยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ ไข่เต็มๆ อาหย่อยยย แต่ดันจำชื่อมันไม่ได้ วันนี้อยากจะกินแต่นึกไม่ออกก็เลยอดไป ดูในเมนูก็อ่านไม่ออก คำอธิบายก็คลุมเครือๆ เลยช่างมันไม่กินก็ได้ ไม่ง้อ
.
จริงๆไปแล้วก็อยากจะกินเป็ดย่างที่เขาลือว่าอร่อยนักหนา แต่พนักงานบอกว่าเราไม่เสิร์ฟเป็ดจนกว่าจะหกโมง เลยอด ได้กิน Aromatic Duck แทน เป็ดหอม เป็นไงหว่า
สั่งโค้กไปสามชาติเศษ โค้กไม่มา สันนิษฐานโดยทั่นประธานกิ๊กว่าพนักงานกำลังปลูกต้นโคคาอยู่
สักพัก(ใหญ่มาก) พนักงานก็เอาเครื่องเคียงกับซอสฮอยซินมาเสิร์ฟ
เป็นแตงกวากับลีคซอยเป็นเส้น ผักสดน่ากินดี ขนาดนราไม่ชอบกินผักดิบยังคิดว่ามันน่ากินเลย
เป็ดมาแล้ว มาพร้อมพนักงานหนึ่งคน
เป็ดที่ว่านี่เป็นเป็ดทอดกรอบ มีเสิร์ฟสามพอร์ชัน คือ 1/4 ตัว ครึ่งตัว แล้วก็ทั้งตัว 25 ปอนด์ ตอนแรกลังเลกัน เอ๊ จะสั่งทั้งตัวดีไหมเดี๋ยวกินไม่หมด ปรากฏว่าแทบไม่พอจะกินซะยังงั้น
คุณพนักงานที่มาพร้อมเป็ด มีหน้าที่ขูดเป็ดให้เป็นฝอยๆ เพื่อจะได้ทานคู่กับแผ่นแป้งกลมๆคล้ายปอเปี๊ยะ แต่อันนี้มันหนากว่าหน่อย แล้วก็แห้งๆเหมือนกระดาษ
ขูดเสร็จแล้วเขาก็ไป
สังเกตปากจู๋ มุ่งมั่นมาก
เป็ดมาร้อนๆ กินร้อนๆ หนังกรอบๆ อร่อยมาก
ยิ่งทานกับฮอยซินซอสยิ่งแซบอ่ะ ซอสมันเหนียวๆ หวานๆ แตงกวาก็สด กรอบ ลีคปกติมันจะเหม็นๆ เผ็ดซ่าๆ กินกับเป็ดกับซอสแล้วก็กรอบๆ อร่อย สดชื่นดี

ใช้เวลาจัดการเป็ดประมาณยี่สิบนาทีถึงครึ่งชั่วโมง
ก็บอกให้เขาเอาอาหารหลักมาเสิร์ฟได้
ที่นี่เลือกได้นะคะว่าจะรับอาหารที่สั่งทั้งหมดทีเดียวเลย หรือจะรับอาหารเรียกน้ำย่อยก่อนแล้วค่อยทานมื้อหลัก แต่แบบหลังจะช้ากว่ามาก
เป็ดอร่อยนะ แต่เทพีของมื้อนี้ยกให้จานนี้เลยอ่ะ
ปูนิ่มทอดกระเทียม
โคตร พ. โคตร ม. อร่อย

มันเป็นส่วนกรรเชียงปู ที่ชุบแป้งทอดจนกรอบแล้วกินได้ทั้งอัน ไม่ต้องมานั่งแคะเปลือกให้เสียอารมณ์
เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาอังกฤษที่ได้กินปู
อาหารจีนต้องกินร้อนๆ ไม่งั้นเลี่ยน
โดยเฉพาะอาหารทอดแบบนี้ กินตอนร้อนๆ กรอบๆ โคตรอร่อยเลย
แถมจานนี้มันมีเศษแป้งฝอยๆ กรอบๆ ผสมเศษหอมใหญ่กับพริกหวานสับ เอามาคลุกกินกับข้าวก็อร่อยแล้ว
เนื้อปูหวานมากค่ะ เสียดายคนเยอะ กินได้นิดเดียว กะว่าวันหลังจะแอบกลับไปล้างแค้นกับจานนี้คนเดียว กินแม่งให้กรรเชียงงอกไปเลย

จานนี้ก็อร่อยนะ
ปลาหมึกทอดเกลือและพริกไทย
แต่นราไม่ชอบเนื้อหมึกแบบนี้ ชอบแบบที่เป็นเนื้อขาวๆชิ้นใหญ่ๆ แบบที่ร้านติ่มซำมากกว่า
แต่ก็อร่อยดี เศษแป้งทอดก้นจานก็อร่อย แต่เค็ม

จบมื้อ โดนค่าเสียหายกันไปคนละ 13 ปอนด์
ค่อนข้างแพงนะ แต่ถ้าไม่มากินทุกวันก็คงไม่หมดตัว
กินเสร็จคนอื่นก็ทยอยกันแยกย้าย เหลือนรากับเพื่อนชื่อนัทเดินโต๋เต๋กันในเมืองสองคน
เป็นครั้งแรกที่ซื้อเสื้อชั้นในกับคนที่ไม่ใช่แฟนและแม่
แอบเขินนะเนี่ย
ได้เต้าหู้กับลูกชิ้นปลาไส้เห็ดหอมมาด้วย
ตอนเดินกลับกินไอติมไปโคนกับเกาลัดจากร้านจีนอีกถุง
ตัวเองยังตกใจเลยว่าทำไมกรูกินเยอะอย่างนี้
ตอนนี้นั่งพิมพ์ๆอยู่ก็อยากกินอะไรสักอย่างนะเนี่ย
คือท้องมันไม่หิวหรอก แต่ปากน่ะมันอยาก
เจริญ
เงินหมดเพราะเรื่องกินนี่แหละ
.
อัพเดทเรื่องเรียนกันหน่อย
ก่อนมา มีคนดูลายมือให้แล้วบอกว่า เรื่องเรียนจะมีปัญหานะ
ไม่น่าเชื่อ มันมาแล้ว ปัญหาขนาดใหญ่สามช้างโอบ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เราด้วย ไม่รู้จะแก้ยังไง ตอนนี้เครียดแล้ว ผมร่วงนิดหน่อย แต่ไม่ผอมแฮะ เซ็ง
คือนราทำแบบสอบถามเพื่อวัดว่าเกมดอทเอมันเป็นที่นิยมในหมู่นศ.ชายแค่ไหน ก็แจกไปร้อยชุด แล้วก็บอกว่าถ้าใครยินดีอยากให้สัมภาษณ์ก็ทิ้งอีเมล์ไว้นะ
ก็มีคนเขียนอีเมล์ทิ้งไว้ให้สิบกว่าคน
แต่พอเมล์ไป เชื่อหรือไม่ เกินครึ่งเป็นเมล์ปลอม ส่งไปแล้วตีกลับทันที
ที่เหลือที่นิดหน่อยก็ไม่เคยตอบกลับเลย
ไม่เข้าใจว่า ถ้าไม่อยากให้สัมภาษณ์ เมิงจะทิ้งอีเมล์ปลอมเอาไว้เพื่ออะไรวะ ก็ทิ้งว่างไปเด้
ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว นศ.ที่กะเอาไว้สัมภาษณ์ นรกมาเยือน
ไม่รู้จะทำไงแล้วค่ะ ฮือ
.
เหลือเวลาอีกสองเดือน
ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า
แต่ก็จะพยายามต่อไป
มีเรื่องอะไรเข้ามาเยอะแยะไปหมดเลย
คิดถึงทุกคนนะคะ

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Excitement in the Night

ตั้งชื่อให้สยิวเล่น
นั่นแน้ แอบคิดไปถึงไหนกันแล้วละ
เสียใจด้วยนะ ไม่มีอะไรเอ็กซ์เรทให้ได้เอ็กไซต์กันหรอก
มีก็ไม่บอก อิ๊อิ๊
.
เรื่องของเรื่องคือ
ขณะที่นรากำลังหน้าดำคร่ำเคร่งกับงาน
ทำงานจริงๆนะ ไม่ได้เล่นเกม
ก็ได้ยินเสียงคุยกันจ้อกแจ้กๆ แบบว่าดังมาก ดังมาจากข้างล่าง
ทำเป็นไม่สนใจได้สักพักหนึ่ง เพราะคิดว่าเป็นพวกนักศึกษาหนุ่มๆ สาวๆ กรี๊ดกร๊าดจะออกไปเที่ยวกลางคืนกัน แต่มันจ้อกแจ้กกันนานจังฟะ ชักหงุดหงิด
ก็เลยลุกไปดูว่าพ่อใครตาย
เห็นภาพนี้
ขณะนั้นเวลาประมาณห้าทุ่มครึ่ง
พวกมันออกมาทำอะไรกัน? นรางง
มองดูดีๆมีพี่เจ้าหน้าที่หมวกเหลืองยืนอยู่ด้วย
ยามมหาลัยก็มา ผู้ดูแลประจำหอก็มา
นราต่อมเสือกทำงานทันที อยากรู้จังเลยเกิดอะไรขึ้น
สักพักไม่นานก็ได้รับคำตอบพอที่จะอนุมานได้
พี่ดับเพลิงมาค่ะ

อีแบบนี้ แสดงว่าสัญญาณเตือนไฟไหม้มันต้องดังแหงๆ
นั่นแปลว่าจะต้องมีมนุษย์ดวงซวยต้นเหตุที่ทำให้กริ่งดัง
โดนปรับอย่างต่ำห้าสิบปอนด์ สม
พี่ดับเพลิงสองคนเข็นอุปกรณ์หน้าตาเหมือนวิทยุเข้าไปในหอ
เป่าๆ ดูดๆ เสียงวู้วๆๆๆอยู่สักพักก็หายขึ้นไปตรวจข้างบน
ทำอะไรกันก็ไม่รู้ อยากรู้จังเลย ถามใครดีเนี่ย
ไม่รู้จักใครที่อยู่หอนั้นซะด้วยสิ
.
ระหว่างที่พี่ดับเพลิงกำลังตรวจตรา
นักศึกษาที่ออกมารอข้างนอกก็นะ เม้าธ์แตก
แต่แอบดีใจที่เห็นว่าเราไม่ใช่คนเดียวที่ถ่ายรูปไว้
มีคนนึง แม่งเอาแปรงฟันออกมาแปรงต่อ
ยืนแปรงจนฟองหมดพี่ดับเพลิงก็ยังไม่ออกมา
เฮียก็สีต่อไปอยู่นั่นนะ เคลือบฟันสึกหมดแล้วมั้ง
นราทำงานปวดกบาล เจอแบบนี้เลยได้พักสมอง
มายืนดูคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าชุดนอนของเด็กฝรั่ง
มีทั้งแบบผ้าซาตินซาบริน่าพริ้วสลวย แบบเสื้อยืดเน่าๆกางเกงเน่าๆ แบบเสื้อคลุมนอนลายเสือดาวก็มี เปรี้ยวมาก
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าใครกำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะอยู่ แล้วกริ่งดัง มันจะเป็นไงน้อ
ไอ้โดนขัดจังหวะไม่เท่าไหร่ กลัวฝ่ายหญิงจะตกใจแล้วกล้ามเนื้อกระตุกหนีบฝ่ายชายเอาไม่ออกอะดิ ได้หามกันออกมาในสภาพปาท่องโก๋แน่ๆ
.
ประมาณห้านาทีสถานการณ์ก็สงบลง
เด็กๆก็ทยอยกันกลับเข้าไป
สงสารพี่ดับเพลิง ดึกขนาดนี้ยังต้องออกมาทำงานทำการ
ทั้งๆที่มันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้
แต่จะว่าไป ที่อังกฤษ อย่างน้อยก็ที่ยอร์กนี่
เขาก็กระตือรือร้นกับทุกเหตุนะ ไม่มีวันไหนไม่เห็นรถพยาบาล รถตำรวจ รถดับเพลิงเปิดไซเรนวิ่งไปไหนทุกที่ คือเห็นทุกวัน เห็นบ่อยพอๆกับวัวอ่ะ
ที่นี่แค่แจ้งว่าเห็นคนเดินลับๆล่อๆ ตำรวจก็มาละ
ลองเป็นบ้านเราสิ แจ้งไปเหอะ สามชาติกว่าถึงจะมา
ยืนๆดูอยู่ สังเกตเห็นพี่ดับเพลิงคนหนึง หล่อ
ผมดำ ตาสีอะไรมองไม่เห็น ก็มันมืด
แต่เอาเป็นว่าหล่อแล้วกัน สายตาระดับนี้ไม่มีพลาด เชื่อมือเจ๊ได้
เห็นแล้วอยากเอาไฟแช็กไปลนเครื่องตรวจควันจัง
เหอๆ
.
ปิดท้ายด้วยภาพล่าสุดที่มีคนถ่ายให้
คืออาภัพมาก นานๆจะได้มีรูปตัวเองในกล้อง
เพราะอยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่
นี่ถ่ายกับเนม ตอนไปกินติ่มซำด้วยกัน

ผมไม่ตั้งแล้วค่ะ
เอาแว็กซ์โกยก็ไม่ขึ้นแล้ว
ก็เลยคิดว่าจะปล่อยมันไว้เงี้ยแหละ ยาวๆไป
กลับบ้านเมื่อไหร่ค่อยตัด ไม่ขอฝากขนบนกบาลให้ช่างฝรั่งอีกแล้ว คราวก่อนขอทรงวิคตอเรีย เบ็คแฮม ออกมาเป็นเคที โฮล์มส์ แต่หน้าเหมือนน้องทราย เครียด
เกิดคราวนี้ไปตัด ใครจะรู้ว่าจะได้ทรงอะไร
ไม่เอาอ่ะ ผมยิ่งน้อยๆอยู่ด้วย รักษายิ่งชีพ
.
ขอบคุณทุกกำลังใจที่ยังแวะมาเยี่ยมนะคะ
ช่วงนี้บอกได้คำเดียว ยุ่งสุดโคตร ยุ่งมาก
เพราะงานหลายๆอย่างมันตะลุมบอนกันเข้ามาในทีเดียว
แถมเดดไลน์ยังไล่ๆกันอีก
ผอมลง แต่ไม่ได้ชั่งน้ำหนักเลยว่าเท่าไหร่
ตัวก็ดำขึ้น เพราะไปว่ายน้ำ
ไชโย ลบคำสบประมาทว่าคนมาเรียนเมืองนอกต้องอ้วนเป็นวาฬได้แย้ว
ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นนะ ได้ออกกำลังกาย เหนื่อย แต่ก็คล่องตัวขึ้น ไม่ปวดเมื่อยอืดอาดเหมือนเมื่อก่อน
ทุกคนรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

BITS of Asia: ASEAN night

ะรหายไปอีกแล้ว
กลับมาแล้ว
อย่าโกรธกันนะ
ช่วงนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ ชีวิตอยู่ในช่วงลุ่มๆดอนๆ
ดีก็แสนดี บทจะแย่ก็ทำเอานราแทบใจสลาย
นะ ชีวิตมันก็เงี้ย สู้ต่อไป ทาเคชิ
.
วันเสาร์ที่ผ่านมา มีงาน BITS of Asia ค่ะ
BITS ก็เอามาจากชื่อต้นของแต่ละประเทศที่เข้าร่วมงาน
มีบรูไน อินโดนีเซีย ไทย แล้วก็สิงคโปร์
ในงานจะมีการแสดงเล็กๆ อาหารประจำชาติ บอร์ดความรู้ ควิซ แล้วก็คาราโอเกะ
นรา ตอนแรกไม่ได้เกี่ยวอะไร แต่ว่าทำไปทำมาก็มาช่วยเขาซ้อมเต้น แล้วก็เต้นกะเขาด้วย
ตอนบ่ายสามโมงของวันงาน ก็มีการซ้อมใหญ่
การแสดงชุดนี้เป็นการเอาเพลงของแต่ละชาติมาต่อกันเป็นเพลงเดียว
เพลงไทยเราขึ้นเพลงแรกเลย อิอิ
เพลงกลับมาทำไม จากหนังน้าหม่ำ แหยมยโสธร
ว่าจะใช้ตั้งแต่ตอนอินเตอร์เนชันแนลเฟสติวัลละ แต่ไม่ได้ใช้
พอดีเลย เอามาใช้งานนี้แทน
นี่ทั่นประธานกิ๊กกำลังนำการซ้อมอยู่

ประมาณบ่ายห้าโมง ทั่นประธานกิ๊กต้องไปร่วมเลคเชอร์เรื่องอนาคตของอาเซียน นราก็ไปจัดบอร์ดเตรียมไว้ค่ะ แต่มันทุลักทุเลมาก หมุดเหมิก แม็ก กรรไกรไรไม่มีซักอย่าง นราปวดอึพอดีเลยเนียนทำเป็นคนดี บอกว่าเดี๋ยวเดินกลับห้องไปเอากรรไกรกับอุปกรณ์มาให้แล้วกันนะ ในใจกะว่าจะไปอึก่อนแล้วค่อยกลับมา
วันนี้ฝนตกทั้งวันเลย ตอนเดินกลับห้องเจอลูกหงส์ดำ ที่ตอนนี้โตแล้ว เดินตามปะป๊ามะม้าอยู่ ตัวเปียกมะลอกมะแลก ขยู้ขยี้ไปหมด
ตัดภาพกลับมาหลังอึ นราสบายใจลันลาเดินกลับมาช่วยงานต่อ
เจอเลสลี่ คนสิงคโปร์มั้ง ไม่แน่ใจ
อันที่จริงเฮียมีบทบาทใหญ่หลวงในงานนี้มาก
แต่วันก่อนงานจริง เฮียไปทำอะไรมาไม่รู้ กระแสข่าวบอกว่าตกจักรยาน
ฟันหน้าหักกระเด็นไปสามซี่ โอ๊ยแค่พิมพ์ก็เสียวแย้ว
หายไปหาหมอฟัน กลับมาอีกทีก็โอเค แต่พูดเยอะไม่ได้
น่าสงสารจริงๆ
นราจัดบอร์ด
ขันแข็งดีป่ะ
คิดว่าจะไม่ได้ถ่ายรูปของตัวเองซะแล้ว
โชคดีว่ามีหนุ่มคนนึงเดินมาถามว่าถ่ายรูปให้เอามั้ย
มารู้ตอนหลังว่าหนุ่มคนนี้เป็นว่าที่ท่านทูตอินโดฯ ที่มาร่วมงาน
โอ้วเป็นเกียรติเหลือเกินนน
บอร์ดไทยแลนด์ไม่มีอะไรมากค่ะ เพราะรีบร้อนทำ เหะๆ
มีธง (ที่พาดแล้วเหมือนฝรั่งเศส) รูปพระอินทร์จากงานอาหารนานาชาติเทอมที่แล้ว แล้วก็รูปวัดวาอาราม ผลไม้ไทย และแพนด้าหลินปิง
งงละสิว่ามันไทยยังไง
คือประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่มีแพนด้าค่ะ
สิงคโปร์กำลังจะได้ แต่ตอนนี้ยัง เราเลยรีบโฆษณาไว้ก่อน
อีกอย่างหลินปิงนี่เป็นเหมือนลูกในไส้ทั่นประธานกิ๊ก
เผลอไม่ได้ โปรโมทจั๊งงง
ตอนนี้เลยได้ที สมใจเค้าหละ
ถึงของเราจะไม่มีอะไรมาก รูปก็เล็กไปหน่อย
แต่อย่างน้อยก็ดูดีกว่าบอร์ดข้างๆนะ
ไม่บอกว่าประเทศอะไร เดี๋ยวเป็นชนวนสงครามข้ามประเทศ
ของเขามีโปสเตอร์แปะสามแผ่น จอ ออ บอ จบ
.
ส่วนนี่สาวๆจากบรูไน
เสื้อผ้าเขาธรรมดาแหละ แต่สีสันสวยมาก
เหมือนลูกกวาดเลย น่ากิน แง่มๆ
บอร์ดเสร็จแล้ว จัดเกือบคนเดียว เก่งมั้ย
เห็นเสื้อผ้านราป่ะ โอ๊ยอาย ทำไปได้หนอเรา
คือการแสดงเนี่ย นรากับน้องกิ๊กก็จะเล่นเป็นละครประกอบนิดนึง
ประมาณว่าผู้หญิงตามง้อผู้ชายเหมือนในหนังแหละค่ะ
แต่ระดับนรากับน้องกิ๊ก ทำไรมันต้องไม่ธรรมดา อึฮื้อ ไม่ธรรมด๊า
ก็เลยแต่งข้ามเพศกันซะเลย
นราสมแมนมาก

คนไม่มากนัก ไม่ใช่งานใหญ่อะไร
แต่ก็ดีใจที่มีคนมา อิอิ
ตอนแรกนราแอบคิดนิดหน่อย ว่างานมันเงียบจัง
ไม่เห็นเขาค่อยโปรโมทเลย คนจะรู้เหรอ
แต่ถึงเวลาก็อุ่นหนาฝาคั่งดีค่ะ

คาดว่าคงจะมาเพราะอาหารฟรี

นี่ไงทั่นประธานกิ๊ก สาวกรีกเพื่อนกิ๊ก นรา และแพทริเซีย สาวอินโดตัวตั้งตัวตีของงาน
อย่ามองนานเดี๋ยวตาบอด
คาดว่าถ้าไปยืนข้างน้องกิ๊ก คงต้องมีคนปวดตากันบ้าง
สีแสบสันมากกก นีออนสุดๆ
แพทริเซียเขาโชว์ระบำจานของอินโด
สวยดีนะ เต้นมันๆ เขาจะถือจานไว้ในมือสองใบแล้วเต้น
ฟังดูธรรมดาอะ แต่จานนั่นมันไม่ได้ติดอยู่กะมือนะคะ มันอาศัยแรงเหวี่ยงไม่ให้หล่นเวลาเต้น
ตอนซ้อมก็เห็นจานบินบ่อยๆ เสียวเหมือนกันว่าเกินเต้นจริงแล้วมันบินใส่คนดูจะเป็นไง
แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น การแสดงเรียบร้อยดีค่ะ
อันนี้โต๊ะอาหาร มีอาหารจากแต่ละชาติมาให้จ้วงกันได้เต็มที่
ของไทยเรามีหมึกแห้ง เพื่อนคนจีนชอบมาก
ถั่วโก๋แก่ ถั่วลันเตาอบกรอบรสวาซาบิ ขนมขาไก่ มะม่วงดอง
และเถ้าแก่น้อย คนชอบมาก
นรายังชอบเลย ขโมยมาห่อนึง อิอิ
เออใช่ น้องกิ๊กทำน้ำตะไคร้มาด้วย หอมดี แต่ไม่ได้กิน
แต่ว
เพราะแก้วมันไม่มี กำลังคิดว่าจะเอาหลอดดูดจากถังเลยดีมั้ย
พอดีว่าเห็นคนมองอยู่เลยช่างมันวะ ไม่กินก็ได้
นราว่าเสียอยู่อย่าง คือเขาไม่ได้ติดป้ายบอกให้ชัดเจนว่าอาหารแต่ละอย่างมันคืออะไร นราก็เลยไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงว่ามันมีอะไรมั่ง
มีอะไรสักอย่างหน้าตาเหมือนทอดมันผัก
อินโดมีอะไรสักอย่างที่เหมือนถั่วเขียวต้มน้ำตาลบ้านเรา
แต่ข้นคลั่ก เขียวปื๋อ
มีฟรุตค็อกเทล (อันนี้จำได้) เค้กช็อกโกแลตไอซิ่งไรสักอย่าง
เอาเป็นว่าเยอะแล้วกันค่ะ
.
นราไม่ได้อยู่จนจบงาน
เพราะเพื่อนบอกว่าจะแวะมาหาจากนอกเมืองเลยออกมาก่อน
แต่นะ ทำไมถึงทำกะฉันได้
แมร่ง ยกเลิก ไม่มาซะงั้น
แล้วจะให้กรูรีบร้อนไปเพื่ออะไรเนี่ย เซ็งมาก
เมื่อวันก่อนก็ทีนึงละ นัดเราแล้วก็ไม่มา ลืมเรา
คนยิ่งเฟลๆอยู่ด้วย ชิ
.
นราอยู่จนถึงคาราโอเกะค่ะ
เปิดเพลงให้คนออกมาร้องกัน
นราว่ามันก็น่าเบื่อนิดหน่อยนะ เพราะห้องมันใหญ่ไปด้วยแหละ
แต่ทุกคนก็ดูสนุกสนานกันดี
ตอนนี้นราเข้าสู่ช่วงวิทยานิพนธ์แล้ว
ก็คิดว่าคงถึงเวลาซะทีที่จะต้องอ่านหนังสือ
เขียนคำถามสำหรับสัมภาษณ์เก็บข้อมูล
และทำไพลอทสตั๊ดดี้แย้ว
งือ ขี้เกียจอ่ะ
.
วันนี้ก็ฝนตกอีกแล้ว
อากาศเปลี่ยนแปลง นั่นแปลว่านราไม่สบายอีกแล้วค่ะ
ทุกคนก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

First Snow

หิมะตกแล้วจ้า แต๊แน ตื่นเต้นดีใจสุดๆ
มันเริ่มตกเมื่อวานตอนบ่ายแก่ๆหน่อย เป็นเกล็ดบางๆเหมือนขนตูดเป็ด พอปลิวมาโดนกระจกก็ละลาย ตกมาแป๊บเดียวพื้นก็เป็นขาวๆคลุมบางๆแล้ว ก็นึกว่าจะมีแค่นี้ ปรากฏว่าพอตื่นมาตอนเช้า มหาลัยก็กลายเป็นมหาลัยเคลือบน้ำตาลไอซิ่งไปแย้ว
มิน่าล่ะ เมื่อคืนตอนตีสามได้ยินเสียงอีฝรั่งมันกรี๊ดกร๊าดกัน คาดว่าเพิ่งกลับมาจากปาร์ตี้ขี้เมาแล้วมาเล่นหิมะกัน ฟาย คนจะหลับจะนอน กรูเพิ่งเคยเห็นหิมะเป็นครั้งแรกยังไม่บ้านนอกขนาดนี้เลย
วันนี้นัดกับเนมไปเอาท์เล็ทอีกเป็นรอบที่สาม ไปซื้อรองเท้าให้ใครบางคนที่เรื่องมากแถมปากห้อย อ่อ น้องชายเรานี่เอง หิมะหนาประมาณคืบนึงได้ ไม่น่าเชื่อเลยเพิ่งตกคืนเดียวเท่านั้นเองหนาปานนี้แล้ว
หนาวนะ แต่สวยจังเลย มันขาวโพลนดูเนียนๆไปหมด
เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวอยากกระโดดลงไปกลิ้งเกลือกจริงๆ
รถเคลือบน้ำตาลค่ะ
วันนี้เลยได้ฤกษ์ประเดิมใส่เสื้อขนเป็ดเป็นวันแรก อุ่นใช้ได้ ไม่หนาวจนปากเขียวแล้ว แต่ไม่ใส่ถุงมือไม่ได้อุณหภูมิลบหนึ่งแล้ว ถอดถุงมือมาหยิบกระเป๋าตังค์แป๊บเดียวยังแข็งขยับไม่ได้เลย
หนาวจนปวดกกหู เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงบอกว่าอย่าเปิดหูตอนมันหนาวมากๆ เพราะมันจะเป็นแบบนี้นี่เอง รู้สึกเหมือนไม่มีหูเพราะจับแล้วไม่รู้สึก
นี่ทุ่งวัว จำกันได้ไหมคะ ที่เคยมีวัวเยอะๆ
วันนี้กลายเป็นทุ่งน้ำแข็งทุนดราไปแล้ว เออใช่ๆ กลายเป็นสนามหมาเล่นด้วย
มีคนจูงมามาเล่นหิมะ เขาบอกหมาเวลาเห็นหิมะแล้วมันจะคึก กระเด้งหน้ากระเด้งหลัง นราเดินๆอยู่มีหมาขนหยอยวิ่งมาหาแล้วกระโดดใส่ หน้ามันงี้เลอะหิมะไปหมด ทำหิมะเลอะกางเกงเราเลย
ตอนบ่ายสามมีนัดพบอาจารย์ที่ปรึกษา ซื้อเสร็จก็รีบกลับมา
เห็นซากสโนว์แมนปั้นเหลือๆทิ้งไว้ตรึมเลย มีคนออกมาเล่นหิมะด้วย เดี๋ยววันหลังเอาบ้างดีฝ่า ไปปั้นตุ๊กตาหิมะเล่นคนเดียว ซิกๆ
กลับเข้าห้องมา เท้าเย็นเจี๊ยบ ขนาดใส่บู๊ทนะเนี่ยยังไม่ค่อยจะไหวเลย
สงสัยจังว่าเป็ดมันไปไหนกัน วันนี้ไม่เห็นเป็ดเดินสักตัวเลย
เป็ดมันจำศีลหรือเปล่าคะ
เออ ใบต่องต๊อง นราอยากจะบอกว่า
เข้าใจแล้วที่ใบตองบอกว่า ระวังลื่น
มันลื่นจริงๆ ลื่นโคตร
หิมะมันหนา แล้วคนก็เดินย่ำกันอัดหิมะกลายเป็นน้ำแข็งเคลือบพื้น นราหวิดหัวจะฟาดพื้นตั้งหลายครั้ง ไถลแพร่ดตั้งหลายที มีคนเดินตามหลังมาด้วย โคตรอายเลย เอาเป็นว่าในสภาวการณ์เช่นนี้ ส้นสูงเป็นของต้องห้ามอย่างเด็ดขาดถ้าไม่อยากตาย
ศุกร์นี้เป็นวันสุดท้ายของภาคเรียนที่หนึ่งแล้วล่ะ
เร็วเหมือนกันเนอะ แป๊บเดียวก็หมดไปแล้วหนึ่งเทอม
เห็นใครๆเขาก็ขนของกลับบ้านกันหมดเลย อยากกลับด้วย หรือจะให้ดี อยากให้ครอบครัวกับตาหมูมาเห็นหิมะสวยๆด้วยตาตัวเองมากกว่า มาเจอกัน เล่นหิมะกัน คงแฮปปี้น่าดู
โอ๊ะๆ นราเริ่มเขียนงานแล้วนา ไม่ได้เล่นแต่ดอทเออย่างเดียวนะจะบอกให้ ค่อยๆกระดืบไปทีละหน่อย เดี๋ยวก็ดีเองเนอะ
ช่วงนี้คนไทยคนอื่นๆเขาก็วางแผนจะไปเที่ยวโน่นนี่กัน ส่วนใหญ่ก็สก็อตแลนด์กับลอนดอน ไปกันนานหลายสัปดาห์เลย ไอ่เราก็ไม่ค่อยมีเงิน สุดท้ายเลยโต๋เต๋ตัวคนเดียวไม่ได้ไปไหนกะใคร
แต่ฮึ นราซะอย่าง ง้อซะที่ไหน สรุปว่าเดือนมกรานี้นราจะลุยเดี่ยวลอนดอนค่ะ ไปคนเดียวไม่เกี่ยวกะใคร (ทำซ่าไปงั้น จริงๆไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตายดาบหน้าสุดๆ)
จะจองตั๋วรถไฟตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว แพงมหาศาล เลยตัดสินใจจะไปรถบัสแทน สี่ชั่วโมงถึงลอนดอน ถูกกว่าถึงห้าเท่าค่ะท่านผู้ชม
ไปก็คงไปพักกะปู๊น เพื่อนจากม.กรุงเทพ กะว่าจะไปเที่ยวลอนดอนทาวเวอร์ สวนสัตว์ลอนดอน โคเวนท์การ์เดน บริติชมิวเซียม แล้วก็สวนคิว เป็นสวนพฤกษศาสตร์ใหญ่ๆ
มีคนถามว่า ไม่ไปดูลอนดอนอาย ลอนดอนบริดจ์เหรอ
ไม่รู้สิ นราว่ามันไม่ดึงดูดอ่ะ มันเป็นเหมือนกับวิชาบังคับการท่องเที่ยวว่าถ้ามาลอนดอนต้องมาตรงนี้ ไม่เห็นมันจะมีอะไรเท่าไหร่เลย มีลอนดอนทาวเวอร์อะประวัติศาสตร์น่าสนใจหน่อย ทริปนี้เป็นการเที่ยวแบบตามใจฉันสุดๆค่ะ
..............
ตาหมู
ถ้าจะเกรียนก็ติดจากหมูน่ะแหละ ตอนนี้เค้าเริ่มทำงานแล้วนาจะบอกให้
มุกกุ
ตอนนี้ต้องฝืนใจตัวเองสุดชีวิตค่ะ ไม่งั้นไม่ทันแน่ หยุดสามอาทิตย์ แต่ต้องเขียนรายงานห้าพันคำสองเรื่อง แถมต้องอ่านหนังสือสะสมข้อมูลอ้างอิงอีก เอิ่ก ลมจะใส่
ใบตอง
บอกแฟนให้สอนเล่นเลย ทำเสียงอ้อนๆด้วยนะ
เขาอาจจะรู้สึกดีใจที่แฟนอยากเป็นส่วนหนึ่งของโลกของเขาค่ะ
ปล. ตอนผู้ชายเล่นดอทเออ่ะ แง้วไปเหอะเขาไม่สนใจหรอก มันเป็นเกมที่ต้องใช้สมาธิสูงค่ะ ลองเล่นดูได้ ระวังเกรียนด้วยนะ

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

My Life for...DotA

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ลันลันลา ชีวิตนี้ช่างสุขสันต์
การบ้านจะท่วมมิดหัวก็ช่างมัน
มีแค่ฉันกับดอทเอก็เพียงพอ
หลังจากรอคอยมานานกว่าสองสัปดาห์
แผ่รังสีอำมหิตไปยังที่ทำการไปรษณีย์อย่างหนักหน่วง
สุดท้าย พัสดุบรรจุหนังสือเรียน (ไม่สำคัญ) กับแผ่นวอร์คราฟท์ (สำคัญมาก) ก็เดินทางมาถึงอังกฤษโดยสวัสดิภาพแล้วค่ะ ตอนเดินไปรับกลับมานี่แทบจะกระโดดสวอนเลกดิ่วดิวดิ้วมาเลย
ต้องขอบคุณตาหมูมากๆนะจ๊ะ ถูกใจยิ่งนัก
ได้มาสองวัน รวมสถิติการเล่นแล้วประมาณยี่สิบชั่วโมงเห็นจะได้
เล่นจนเมาส์แฉะ ตาฉ่ำ
เล่นจนเริมจะขึ้นปากเอา เพราะนอนน้อยเกินไป
เอาน่า เดี๋ยวหายเห่อแล้วก็จะเล่นให้พอดีๆแหละ(มั้ง)
แม่มาอ่านเจอไม่ต้องเป็นห่วงนะ เค้าแบ่งเวลาด๊ายยย
.............
บางคนไม่เข้าใจ ว่ามันดีอะไรนักหนาไอ้ดอทเอเนี่ย
นราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่รู้สึกว่าเวลาได้ยินเสียงโป๊งเป๊งๆ เอื๊อก อ๊าก วิ้งๆ เวลามันสู้กันในเกมแล้วจะมีความสุขมาก
เหมือนชีวิตถูกเติมเต็ม ว่าเข้าไปนั่น เหะเหะ
รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ตรงเสียงพูดของตัวละครแต่ละตัว สกิลต่างๆ ไอเท็มโน่นนี่ เล่นไม่เก่ง ตายบ่อยๆ แต่ก็ยังชอบเล่น ไม่รู้เป็นห่านอะไร
ช่วงนี้ก็จะโทรม แต่มีความสุขมาก ได้ระบายความอัดอั้นตลอดสองเดือนอย่างต่อเนื่อง
ใครมีแฟนเล่นดอทเอนะ ไปลองเล่นให้เป็น จะสานสัมพันธ์ระหว่างกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ จริงจริ๊ง
.....................
วันนี้มีนัดกับเทา คีซ็อก แล้วก็แดน
สามคนนี้จะกลับบ้านช่วงคริสต์มาสนี้แล้ว เพราะมาแลกเปลี่ยนแค่เทอมเดียว
ฮือๆ ทิ้งกรูไปกันหมดเลย
ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกันพักหลังๆ แต่ด้วยความที่กลุ่มนี้เป็นเพื่อนคนแรกๆ โดยเฉพาะเทา เจอกันตั้งแต่ที่สนามบิน ก็เลยรู้สึกว่าน่าจะอำลาสักหน่อย นัดเจอกันตอนห้าโมงครึ่งที่หอสามคนนี้ คุยกันไปคุยกันมาก็ไปหาอะไรกินกันที่โรงอาหาร สปาเก็ตตี้รสชาติหมาเมินมาก (แต่เรายังกิน ตกลงเราเป็นอะไรกันเนี่ย)
นราพกพวงกุญแจรูปช้างมาสามตัว เป็นช้างทำด้วยไหมพรมสีๆ ก็แจกเขาไปคนละตัว
เสียดายนะ จะไปกันแล้ว
แล้วกรูจะพูดอังกฤษกับใคร ทุกวันนี้ภาษาอังกฤษห่วยขั้นวิกฤติ
แปลกแต่จริงๆ อยู่อังกฤษแท้ๆ แต่ไม่ค่อยได้พูดภาษาอังกฤษเลย
เห็นชัดเจนเมื่อวันจันทร์ เขาให้อธิบายเนื้อหางานของตัวเอง พูดอะไรไปไม่รู้แกรมมาร์มั่วสุดๆเลย
อ๊าย อย่ามองหน้านรานะ หน้าเน่า หน้าหนอนมาก
ทำไมก่อนเมนส์มา สิวต้องปะทุเหมือนลาวาพิโรธด้วย ใครรู้บอกที

.................
อันที่จริงก็แอบซีเรียสเรื่องงานตัวเองเหมือนกัน
เป็นคนที่หมดสมาธิง่ายมาก อ่านแป๊บเดียวมันต้องหาอะไรทำละ เปิดยูทูปมั่ง กินขนม กลิ้งบนเตียง มันเลยไปไม่ถึงไหนไง
แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็มีเอาท์ไลน์ของเรื่องที่จะเขียนแล้วละ ก็ค่อยๆเก็บข้อมูลต่อไป ก็มีเค้าโครงในหัวละว่าจะแย้งจะสนับสนุนอะไร แต่เขียนจริงคงยากกว่านี้
เพื่อนแนะนำให้ทุบคอมทิ้ง ไม่ก็ให้มันเอาคอมไปซ่อน เราจะได้ไม่เล่นเกม
ฟาย
เอาคอมไปซ่อน แล้วจะทำงานยังไง ฮ่วย พูดไม่คิด
...................
ใบตองคะ
ได้เล่นดอทเอสมใจแล้วค่ะ ชีวิตนี้มีสุขสมใจ
มุกกุ
ชีสอร่อยนะคะ แต่อ้วนอ่า
หนูแนน
ตอนนี้ขานราเหมือนท่อนไม้ผุๆ โคตรแห้งเลย
จะพยายามโบกครีมต่อไปค่ะ







วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

A Poem Out of Sanity

ทุกวันนั่งอยู่ห้อง เดียวดาย
เปล่าเปลี่ยวเอกากาย อย่างเศร้า
การบ้านท่วมเต็มห้อง ทุกที่ ทุกแห่ง
มีแต่ยูทูปนั้น ช่วยแก้ ทุกข์มลาย
..................
วู่หวูเสียงลมเหี้ยม บาดลึก เนื้อนวล
ยามเมื่อลมพัดหวน ย่ำย้ำ
ยัดเสื้อแม่งไปเถอะ สามสี่ ห้าตัว
แทบเท่งทึงมอดม้วย ช่วยด้วย หนาวจัง
....................
ทุกข์กายยังอยู่ได้ อดทน แน่เอย
หากแต่ทุกข์ใจเฮย อย่างเหี้ย
ดอทเออยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ จะส่ง
ท่านพี่ไปรษณีย์กล้า ส่งช้า เหรอมึง
......................
ตาหมูเขาส่งมา นานแล้ว
แต่แม่งทำไมแคล้ว หายจ้อย
ดอทเอแผ่นก็อปปี้ ทรงค่า ค่อดค่อด
หากพี่ไปรษณีย์รู้ อย่าช้า มาไว

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Beauty Secret

ไม่สบายมาสองวัน วันนี้ดีขึ้นหน่อยลากสังขารไปเรียนได้
แต่บอกตามตรง เรียนไม่รู้เรื่องหรอก ฟังๆไปงั้นแหละ
กลับมาที่ห้องหลังเรียนวิชาแรกจบ ได้คุยกะตาหมู (วันนี้มาช้านะ ฮึ)
ตาหมูเอาหนูแมวมาคุยด้วยยย อ๊าย น่าร้าก
หนูโชคดีกับหนูทอง แป๋วแหววๆ
ฮ้า แมวน้อยน่ารัก เห็นแล้วชื่นใจสุดๆ
คุยกันพักนึงนราก็ต้องไปเรียนต่อตอนบ่าย เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า วันนี้ได้ความรู้ใหม่ว่า หมาจีนเห่า ว้อง ว้อง หมาเกาหลีร้อง ม้อง ม้อง หมาบังกลาเทศร้อง กิวกิ๊ว กิ๊วกิ๊ว ฮ่าๆ
................
ค่ำวันนี้ อาบน้ำแล้วนึกขึ้นได้ ว่าตั้งแต่มาอยู่นี่เราใช้เครื่องประทินผิวเยอะมาก
ช่วงฤดูใบไม้ร่วงเข้าฤดูหนาวนี่นอกจากจะหนาวแล้ว อากาศยังแห้งได้อย่างเหลือเชื่อ ตอนนราแรกเดินทางมาก็ว่าจะเอาครีมทาผิวมาด้วย แต่มันหนักกระเป๋าเลยไม่เอามา คิดว่าอังกฤษฝนตกบ่อยมันคงชุ่มชื้น ชื้นแฉะ อากาศจะแห้งได้ยังไง สุดท้ายหนังลอกเป็นจั๊กจั่นถอดเปลือก ต้องไปซื้อครีมจากซูเปอร์มาโบกจนได้ ขวดละ 2.69 ปอนด์ แพงอิ๊บอ๋าย ซื้อจากบ้านถูกกว่าไม่รู้กี่เท่า
ตั้งแต่เกิดมา สาบานได้ว่าไม่เค้ย ไม่เคยประทินโฉมอะไรตัวเองขนาดนี้ อย่างดีก็ทาๆครีมตอนหน้าหนาว หมดไปขวดก็เลิก สิวขึ้นก็ทายาหมอ จบ จะให้มาแต้มหน้า แต้มหลัง ลูบไล้อะไรน่ะไม่มีหรอกเค่อะ แต่พอมาอยู่นี่ชีวิตเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว
ทุกวันหลังอาบน้ำ นราก็จะเริ่มด้วยการล้างหน้าด้วยบาลานซิงคลีนเซอร์ของอาร์ทิสทรีขวดซ้ายสุด น้ำก๊อกก็โคตรเย็นเลย ล้างเสร็จมาเช็ดหน้า แต้มยาหมอขวดเล็กฝาเทาบริเวณสิวบวมๆปูดๆ (ซึ่งอุดมสมบูรณ์บนผิวหน้ามาก) รอให้แห้งแล้วใช้โทนเนอร์ขวดสองปะทั่วหน้า ตามด้วยครีมปรับสภาพผิวเบอร์สามละเลงให้ทั่ว ตบท้ายด้วยการแต้มอายครีมกันตาห้อยย้อยเล็กน้อย
จบ หมวดหน้า
ต่อไป ใช้โลชั่นอะลาโนของแอมเวย์ที่แม่ส่งมาให้ทาถู ทาถูให้ทั่วตัว ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณสิบนาที แล้วทามือด้วยครีมกลิ่นมะลิใบเตยกันมือแห้ง เพราะเวลาออกไปข้างนอกแล้วใส่เสื้อโค้ทมือมันจะเป็นส่วนที่โผล่ออกมา ปิดกระบวนการทั้งสิ้นด้วยการทาลิปมันราสเบอร์รีให้ทั่วปากอันอิ่มย้อย เอ๊า อย่าทำเป็นเล่นไป เคยตื่นมาปากแห้งจนเป็นเกล็ดเลือดซึมมาแล้วนา อากาศมันแห้งปานนั้นเลย
..............
หลังจากทำแบบนี้มาหลายสัปดาห์ ผิวมันก็ดีขึ้นนะ ไม่ถึงกับเต่งตึงดึ๋งดั๋งเหมือนในโฆษณาหรอก แต่อย่างน้อยมันก็เลิกแสบๆคันๆแล้ว โหยคุณขาอยากจะบอก เวลาที่หนังมันแห้งจนตึงเปรี๊ยะนี่นา พอเอื้อมมือหรือเอี้ยวตัวที แสบไปทั้งแถบ แถมชอบไปคันๆแสบๆกะยุกกะยิกตรงแถวๆก้นกบ สะโพก ต้นขาไรงี้ จะเกาก็ไม่ได้ โคตรทรมานอ่ะ คันจนนราเกาหนังแหกไปเลยตรงน่อง
แล้วที่สำคัญ เสือกแพ้อากาศ ผื่นขึ้นอีก เอ้า ดีจริงๆ
ขึ้นที่คอไม่เท่าไหร่ มองไม่ชัด มันดันไปขึ้นตรงข้างๆจมูกดิ เป็นปื้นหนาๆสีแดงๆสองข้าง เหมือนหมาเลย น่าอายมากๆ หลังจากบำรุงผิวหนังหมูของเราแล้วไอ้รอยผื่นนี่ก็นิ่มเรียบลง แต่ยังแดงจางๆอยู่นิดหน่อย ใครจะมาก็อย่าชะล่าใจนะจ๊ะ
....................
ปิดท้ายด้วยความงามหลังประทินโฉมแล้วกัน เด็กและคนชราอย่ามอง คนขวัญอ่อนอย่าร้องทักนะ
ตุ๊กตาหมูผี
ผมแห้งมาก ย้อมสีน้ำตาลเทามาตอนนี้มันกลายเป็นสีเผือกอะไรแล้วก็ไม่รู้
ตัดหน้าม้าแล้วมีแต่คนบอกว่าหน้าเด็กลง ฮิ ฮิ
แต่เบื่อมากพวกที่บอกว่า เออ วันหลังให้ตัดให้ดีกว่า
หน้ากรูเหมือนสมศักดิ์ ชลาชลเหรอไง แค่หน้าม้านี่มึงมีกรรไกรกะมือก็ตัดได้แล้ว ยากตรงไหน เรียกใช้กรูยังกะหน่วยบริการตัดขนสุนัขเคลื่อนที่

ปล. วันนี้หนาวมาก ฝนตกแนวทะแยง 25 องศาทั้งวันเลย
ขอบคุณสำหรับทุกคำอวยพรนะคะ ขอบคุณมากๆเลย

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Happy Birthday in Advance

เมื่อวานเข้าเมืองไปตอนค่ำๆ ไปหิ้วฮีตเตอร์แบบพัดลมมาจากร้านอาร์กอส ตัวละสิบสองปอนด์ เพราะทนไม่ไหวแล้วกับสมรรถภาพโหลยโท่ยของฮีตเตอร์ในห้อง ร้อนน่ะร้อน ร้อนแต่ตัวมันเองนะ ห้องนี่เย็นเจี๊ยบเลย มีดีอย่างเดียวคือเอาไว้ตากผ้าขนหนู
นอกจากนี้ยังได้มาม่าต้มยำมาอีกห้าหกซอง เครื่องต้มยำสำเร็จรูป แล้วก็ข้าวหอมมะลิมาโลนึง ตั้งแต่มีหม้อหุงข้าวนี่กินอะไรๆอิ่มขึ้นเยอะเลย ขนมปังซื้อมาก็แทบไม่ได้แตะ กลัวๆเหมือนกันว่าราจะขึ้นก่อนทันกิน ซื้อของเสร็จก็หอบข้าวของรุงรังไปร้านอาหารอิตาเลียนชื่อ STRADA นราสั่งพาสต้าครีมกอร์กอนโซลากับแฮมรมควัน แฮมอร่อยมากมาย ตบท้ายด้วยของหวานอีก จำชื่อไม่ได้แล้วเพราะเป็นภาษาอิตาเลียน แต่มันเป็นคล้ายๆทาร์ทครีมชีสโรยไพน์นัทกินกะไอศครีมวานิลา อย่อยยย
อีกไม่กี่วันก็จะวันเกิดแล้ว เลยซื้อดอกไม้สำหรับไหว้พระมาช่อนึง สองปอนด์ แบ่งมาใส่ขวดหัวเตียงสองดอก เป็นคาร์เนชั่นซ้อนซ้วยสวย หอมแปลกๆดีนะ
ในมหาวิทยาลัยยอร์ก จะมีพระพุทธรูปอยู่องค์หนึ่ง เป็นแบบจีน สลักป้ายไว้ว่าเป็นของที่ระลึกจากเซ่อร์อะไรสักอย่าง พระรูปนี้ตั้งอยู่ตรงทางเดินระหว่างอาคารเรียน เป็นป่าๆหน่อย มีซุ้มเล็กๆไว้กำบัง เท่าที่เห็นก็มีคนเอาดอกไม้มาถวายตลอดนะ วันนี้มีกล้วยกับเมล่อนด้วย
วันเกิดนราวันอาทิตย์ แต่กลัวดอกไม้เหี่ยวก่อน บวกกับไม่แน่ใจว่าวันอาทิตย์จะออกไปไหนไหม เลยไหว้พระขอพรวันเกิดเอาวันนี้ซะเลย รู้สึกจิตใจแจ่มใสขึ้นเล็กน้อยถึงปานกลาง
วันนี้อากาศก็หนาวอีก หนาวมากๆ กำมือแล้วก็ไม่รู้สึกเพราะมือมันชาเดี้ยงไปเลย แต่ไม่ลืมสัญญานะเรื่องต้นเชอร์รีที่กำลังออกดอก อุตส่าห์เดินอ้อมไปถ่ายมาให้เลยนะเนี่ย ต้นมันอยู่ตรงเชิงสะพานข้ามไปหอเวนท์เวิร์ธ หน้าหอแวนเบรอห์หอหลัก ดอกเล็กๆสีชมพูกำลังทยอยบานน่ารักดี ถ้าบานทั้งต้นคงดูสวยกว่านี้ ตอนนี้ยังดูโกร๋นๆอยู่ๆ

พยายามจะซูมแล้ว แต่ลมมันเฮงซวย พอยกกล้องปุ๊บมันรีบพัดใหญ่เลย กิ่งไม้ก็แกว่งไปไกวมาถ่ายไม่ได้ซะที นี่ขนาดเอามือจับให้อยู่นิ่งๆแล้วนะ ยังออกมามัวๆ เฮ้อ ไว้คราวหน้าเอาใหม่แล้วกัน

ขากลับแวะไปรับกล่องพัสดุจากเมืองไทย ที่บ้านส่งมาให้ ไชโย
ตอนแรกก็แกะกล่องแบบถนอมมาก ค่อยๆเอากรรไกรแซะ แงะ ตัดเชือก ปรากฏแกะไม่ออก เลยสติแตกฉีกกล่องกระจาย ฮ่าๆ นี่ของขวัญที่บ้านพร้อมใจส่งมาให้กู้ภัยหนาวค่ะ

ซุปไข่ผสมผักโขมอบแห้งสองกล่อง
โคอาล่ามาร์ชจิกล่องยักษ์หนึ่งกล่อง
เกาลัดอบสองถุง (ตอนนี้หมดแล้ว)
ครีมทาผิวของแอมเวย์หนึ่งกระป๋อง
ที่ห้อยมือถือรูปหมีสีชมพูจากเอิร์ธหนึ่งอัน
การ์ดวันเกิดจากเอิร์ธ จากเอม และจากป๋ากะแม่
ตุ๊กตาหมีมีซิปสำหรับใส่ของจุกจิกหนึ่งตัว
ปฏิทินปีห้าสามจากธนาคารกรุงไทยหนึ่งเล่ม
.........
น้องๆเขียนการ์ดกันน่ารักดี อ่านแล้วก็ขำนะ ตลกๆ
แม่ก็เขียนซะซาบซึ้ง มีการใบ้คำเล็กน้อยว่ามีของขวัญอีกอย่างให้ด้วยอยู่ในตัวหมี แต่ทำไมป๋าเขียนแค่สามบรรทัดเองฮึ
นราไปคุ้ยๆไส้หมี คิดว่าคงมีพวกแฮนดีไดรฟ์ หรือของใช้มีประโยชน์เล็กๆอะไรเทือกนี้ซ่อนอยู่ ล้วงออกมาเป็นกระดาษม้วนๆเหมือนลักลอบขนส่งยาเสพติด กรี๊ดดดด ร้อยปอนด์ ร้อยยย ปอนด์ ตกใจมาก เพราะเคยคุยกะแม่เล่นๆว่าส่งของมาน่ะ เอาของเบาๆอย่างเงินก็ได้จะได้ไม่เปลืองค่าส่ง ไม่คิดว่าจะเอาจริง ขอบคุณแม่มากๆเลยน้า ไม่น่าลำบากเลยเงินตั้งเยอะ แต่ได้ก็ดี อิอิ
คุ้ยเสร็จ กินขนมในกล่องเสร็จ ก็ตั้งสติให้มั่นแล้วโทรไปหาแม่เพื่อบอกว่าได้ของแล้วนา
สรุป ตั้งสติทำไมวะ สุดท้ายก็ร้องไห้อยู่ดี ฮ่วย
มันเหงามากๆเลย เห็นของจากที่บ้านแบบนี้ยิ่งรู้สึกใหญ่ว่าเราอยู่คนเดียว อยู่ห่างจากครอบครัวมากๆ ออกไปทำข้าวไข่เจียวกินก็เอาอีก คลาสสิค นึกถึงตอนอยู่บ้านเราทำกับข้าวกิน มานั่งดูทีวีไปกินไป ข้างๆมีแม่รีดผ้าไปบ่นไป ป๋านั่งอ่านเว็บการเมือง เอิร์ธก็โซโล่กีตาร์น่ารำคาญ ส่วนเอมก็นอนเล่นอยู่ตรงโซฟา แล้ววันนี้กรูมาทำอะไรที่นี่ นั่งกินข้าวไข่เจียวเค็มๆคนเดียวหน้าจอคอม เหงาจังน้อ
อาทิตย์หน้า อาจารย์กลับจากโรงพยาบาลแล้ว นราต้องตายแน่ๆ
เพราะเขาอัดคลาสที่ขาดสอนไป เช้าเย็น เช้าเย็น
ฮือออ การบ้านไปไม่ถึงไหนเลย
ใครก็ได้ช่วยด๊วยยย

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Good Friends, Good Time

รู้หรอกว่ารอกันนานแล้ว
รูปหนุ่มซูชิห่อไนลอนในลิเวอร์พูลค่ะ เอาไปขยายใหญ่แล้วเล็งกันตามอัธยาศัย นราได้ปรับแสงไบรท์ให้แล้วเพื่อให้สะดวกแก่การเล็งหาของแต่ละท่าน ถ่ายออกมาแล้วกางเกงมันสีเข้มมองไม่ชัด ก็ตั้งใจเพ่งหน่อยละกัน อย่ามาทำเป็นวี้ดว้ายลามกรับไม่ได้ รู้น่าว่าอยากดู ฮ่าๆ
รูปนี้ไม่ใส่เครดิตตัวเองเพราะไม่ได้ถ่ายเอง เป็นรูปถ่ายของกอล์ฟ ณ English Literature นะคะ ขอบคุณที่เอื้อเฟื้อภาพมา ณ ที่นี้
...................
ช่วงนี้อากาศก็หนาวขึ้นเรื่อยๆ ลมแรงมากๆ เดินไปเรียนเห็นเป็ดซุกตัวกลมๆเต็มสนามหญ้า
คราวที่แล้วที่บอกว่าซื้อเสื้อโค้ทมาแล้วอยากเอาไปคืน ขอถอนคำพูดนะคะ เพราะใส่ๆไปแล้วรู้สึกว่าอุ่นดี กันลมด้วย แถมปกก็จับตั้งขึ้นกันลมเข้าข้างในคอเสื้อได้อีก รู้สึกดีที่ซื้อมาในราคาแค่ 15 ปอนด์ ตอนนี้เสื้อผ้าคงไม่ซื้อแล้ว แต่ต้องรอดูว่าช่วงคริสต์มาสมันจะหนาวโหดแค่ไหน อาจจะได้ซื้ออีกเพราะตอนนี้ปากก็เริ่มเขียวแล้ว คาดว่าจะเขียวทั้งตัวด้วยความหนาวเย็นในไม่ช้า
เฮะเฮ้ แต่อย่างน้อยในห้องนราก็อบอุ่นนะจ๊ะ เพราะได้เพื่อนใหม่มานอนด้วย
เป็นชาวญี่ปุ่น หน้าตาน่ารัก น่ากอดอย่าบอกใคร
ชื่อคุมะค่ะ ฮ่าๆ
ของขวัญวันเกิดล่วงหน้าจากตาหมูอ้วน ขอบคุณมากๆเลยน้า จุ๊บๆ
มาถึงคุมะก็นั่งขัดสมาธิมาเลย อึดอัดแทน
คุมะตัวนิ่มๆ กอดมันดี เอาไว้ฟัดตอนนอน
วันก่อนนอนน้ำลายไหลเปรอะไปนิดนึง แต่ไม่เป็นไรไม่เสียหาย
มีคุมะแล้วรู้สึกเหมือนห้องสว่างสดใสขึ้นมาหน่อย เวลานอนก็เอามากอด จะออกไปข้างนอกก็เอาคุมะมานอนแล้วห่มผ้าให้ เหมือนเด็กๆเลย
เมื่อคืนนี้นราไปนอนค้างที่บ้านรุ่นพี่คนไทยมาค่ะ
เพราะตอนเย็นออกไปทานข้าวกันในเมืองแล้วกลับค่ำที่ ชื่อร้าน Red Chili เป็นร้านอาหารจีน ทำหมี่ผัดอร่อยมากๆ เป็นหมี่เส้นแบนผัดใส่กุ้งยักษ์และหน่อไม้ มีปลาเปรี้ยวหวาน ปลาหมึกผัดเกลือและพริกไทย ไก่ต้มซีอิ้ว ผัดมะเขือ
แต่อาหารจีนร้านไหนร้านนั้น ต้องทานร้อนๆ พอเย็นแล้วทั้งเลี่ยนทั้งมัน ยิ่งไส้หมูผัดต้นหอมนี่กินแทบไม่ลง (แต่ก็กิน) ค่าอาหารตกคนละเจ็ดปอนด์ครึ่ง ถือว่าคุ้มเพราะนรากินเหมือนเครื่องย่อยขยะเลย กั่กๆ
กินเสร็จก็ย้ายขบวนมาทั้งเล่นกันที่บ้านพี่ยุ้ย มานั่งดูเอ็กซ์แฟคเตอร์กัน แต่นราดูได้นิดหน่อยก็ออกมาอ่านหนังสือข้างนอก
ในรูปจากซ้าย พี่ยิ้ม (ถ้าบอกว่าเป็นคนแต่งหนังสือของแจ่มใสชุด ความรู้สึกดีๆที่เรียกว่ารัก ก็คงจะอ๋อกันใช่มั้ย ที่นั่งอ่านก็หนังสือที่เขาแต่งนี่ละ) เนม แล้วก็พี่เบียร์ พี่เบียร์เป็นอาจารย์ที่นี่นะจ๊ะจะบอกให้ แต่หน้าเด็กจนนรารู้สึกอายที่ตัวเองหน้าแก่ล่วงหน้าไม่ปรึกษาใคร
นรากะพี่ยุ้ย

จริงๆมีหลายคนมากกว่านี้ แต่ถ่ายรูปกันมาไม่หมด
พี่ๆที่นี่ใจดีกับนรามากๆ ดูแลเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี คอยให้คำแนะนำดีๆอีกด้วย
รู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกยอร์ก ถึงสำเนียงมันจะแปลกๆก็เหอะ
เมื่อคืนก็นั่งดูทีวี ดูหนัง ฟังพี่เบียร์เล่นกีตาร์กันจนดึก
นรากลับมาถึงหอตอนประมาณ 10 โมงเช้า

ช่วงนี้นราการบ้านเยอะจัง เหนื่อย
อยากทำ แต่ขี้เกียจ สลัดไม่หลุดซะทีเนี่ย
อย่างนี้ตอนเขียนรายงานสองเล่ม เล่มละห้าพันคำต้องตายแหงๆ หนังสือนรายังไม่อ่านสักกะเล่ม แอร๊กกกก
เข้าเรื่องนี้แล้วเครียด ไปนอนดีกว่า

คำคมวันนี้
ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา

ปล. อยาก เล่น เกม โว้ย อะไรก็ได้ ดอทเอก็ได้ God of War ก็ได้ แอร๊ยยสติจะแตกแล้ว