วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553

Going Solo in London #1

มาแล้ว รีวิวฉายเดี่ยวในลอนดอน
ขออภัยที่ไม่ได้อัพบล็อกทันทีที่กลับมา มีการดองเล็กน้อย แต่กลับมาเหนื่อยมาก ไม่ไหวจริงๆค่ะ หิมะตกเยอะเลย แถมกลับมาแล้วยังลืมคีย์การ์ดไว้ในห้อง ต้องเดินลุยหิมะไปขอทำการ์ดใหม่อีก เบ๊อะบ๊ะจริงๆ
................
วันจันทร์ที่สี่มกรา นราตื่นอยู่จนถึงประมาณตีห้า ไม่ได้ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ แต่ปั่นงานให้ได้มากที่สุดทั้งคืน เพราะรู้ว่าไปลอนดอนไม่ได้ทำงานแน่ เอาหนังสือเรียนไปเล่ม แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้อ่านหรือเปล่า เมื่อเย็นวันก่อนโทรศัพท์ไปเรียกแท็กซี่ให้มารับตอนหกโมงสิบห้า มาตรงเวลาเป๊ะๆ นรามาถึงท่ารถตอนหกโมงครึ่งเอง ดูสภาพท่ารถ
ไปยืนรอรถคนเดียวตอนหกโมงครึ่ง โคตรน่ากลัวเลย ไม่มีคน นานๆมีรถผ่านที หนาวก็หนาว ยืนไปยืนมาเริ่มกลัว คิดว่าถ้ารถมันถลาเข้ามาจอดแล้วลากเราขึ้นรถไปจะทำไงวะเนี่ย จิตหลอนสักพักก็เข้าไปในเทสโก้เอ็กซ์เพรสที่อยู่ตรงนั้นเพื่อความอุ่นใจ ซื้อแซนด์วิชใส้แซลมอนรมควันกับน้ำเปล่ามาขวดนึง ประมาณเกือบเจ็ดโมงรถบัสของเมก้าบัสก็มา คันใหญ่เชียว ค่าตั๋วไปกลับสิบปอนด์เองค่ะ ถูกกว่ารถไฟห้าเท่าแน่ะ แต่มันต้องนั่งนานหน่อยเท่านั้นเอง
.
บนรถหนาวมาก เบาะนั่งตั้งตรงไปหน่อยนอนไม่ค่อยถนัด วันนั้นยังไม่หายดี นราก็ไอเป็นระยะๆ ไปจนถึงสถานีรถไฟ East Midlands Parkway ซึ่งเป็นที่ที่เราจะต้องเปลี่ยนจากรถบัสเป็นรถไฟเข้าลอนดอน ตอนแรกก็กลัวหลง กลัวขึ้นผิดคัน เห็นเค้าเดินไปไหนกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆก็ใจเสียตลอด แบบว่าอ้าว ไปไหนกันน่ะ เช้าวันจันทร์หนาวมาก มากๆ ขนาดฝรั่งยังยืนปากคอสั่นงั่กๆเลย
.
มาถึงคิงส์ครอส ลอนดอนประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่ง
สิ่งแรกที่ทำเมื่อมาถึง คือมองหาชานชาลา 9 3/4 ในเรื่องแฮร์รี พอตเตอร์ แต่หาไม่เจอหรอกเพราะตรงนั้นมันไม่ใช่คิงส์ครอส มันเป็นเซนต์แพนคราส อยู่ติดๆกันเหมือนเป็นสถานีเดียวกันเลย ข้างบนเป็นรถไฟภายในประเทศ ส่วนข้างล่างเป็นยูโรสตาร์ไปพวกประเทศใกล้ๆ
และแล้วนรากับเป้ใบมหึมาและกระเป๋าสะพายข้างใบเน่าอีกหนึ่งใบก็เริ่มร่อนทันที นราเดินไปถามตรงประชาสัมพันธ์ว่า จากสถานีนี่เดินไปบริติชมิวเซียมได้ไหม เจ๊ก็บอกว่าได้ เดินออกไปตามถนนนี้ๆๆๆนะ แล้วเลี้ยวนี้ๆๆๆ จะบ้าหรอกรูเพิ่งมา อธิบายเหมือนบ้านกรูอยู่ข้างสถานีไปได้
แล้วฝรั่งนี่นะไม่รู้เป็นยังไง ชอบบอกทางเหมือนเดินไปสามก้าวถึง นรานี่วนแล้ววนอีก เกือบหลงทางไปที ดีนะมองเห็นโบสถ์เลยเลี้ยวถูกซอย ไม่งั้นก็เดินเลยไปแล้ว เดินเยอะมาก ถามทางคนเขาไปเรื่อยๆ กระเป๋าโคตรหนักเลยอ่า เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องพึ่งพาแผนที่ขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนหลงทิศอย่างเราจะเดินถูกทางด้วย
.
ในที่สุดก็มาถึงบริติชมิวเซียมค่ะ
ตอนมาถึงก็คิดว่า เอ ทำไมมันเงียบจัง ประตูก็เล็กนิดเดียวเองไม่เห็นจะสมเป็นที่ท่องเที่ยวเลย มาอ๋อตอนเดินเสร็จว่า กรูเข้าผิดด้านนั่นเอง ตรงนั้นมันประตูหลัง
ข้างหน้าเป็นแบบนี้ ใหญ่อลังการมาก คนเยอะเลย
นราชอบนะ พิพิธภัณฑ์ อยากมีเวลาให้มากกว่านี้จะได้อ่านป้ายทุกอัน ค่อยๆเดินละเลียดดูของแต่ละชิ้นให้สบายอารมณ์หน่อย พอดีว่านัดเพื่อนคนที่จะไปค้างด้วยไว้ตอนบ่ายสาม เลยต้องทำเวลา ข้างในพิพิธภัณฑ์ใหญ่โตโอ่โถงดีค่ะ น่าตื่นเต้นชะมัด มีเก็บไว้ทุกอย่างตั้งแต่หนังสือโบราณ รูปสลัก ของสะสม บลาๆๆ สวยไปหมดเลย

ห้องแรกที่เข้าไปจำได้ว่าเป็นเหมือนนิทรรศการพิเศษ แต่ลืมไปแล้วอ่ะว่ามันเกี่ยวกับอะไร ในนั้นจัดแสดงพวกเสื้อผ้าของใช้ชาวอินูอิต เอสกิโม มีเสื้อกันฝนทำจากไส้แมวน้ำ เสื้อหนาวสองชั้นหนังวอลรัส อุปกรณ์การล่าต่างๆ มีของจากอเมริกาเหนือตอนตั้งรกราก อินเดียนแดง แล้วก็แอฟริกาด้วย

แต่ละโถงจะจัดแสดงต่างกันไป ส่วนใหญ่เน้นพวกวัฒนธรรมโบราณมั้ง ตั้งแต่มายา อัสซีเรียน บาบิโลเนียน โรมัน กรีก แอซเทค แต่นราชอบอียิปต์ที่ซู้ดดด เพิ่งได้ความรู้ใหม่ว่าก่อนที่จะมีการทำมัมมี่น่ะ เขาก็ฝังศพกันแบบธรรมดาๆ ฝังในทรายนั่นแหละ

มีมัมมี่ให้ดูเยอะมาก แต่พี่มัมมี่ท่านนี้ชนะเลิศ
โคตรน่ากลัว เพราะโครงร่างเป็นคนมากที่สุดมั้ง มัมมี่อื่นๆเขาจะพันรวบหมดทั้งตัว มีพี่คนนี้แหละพันซะเห็นเป็นรูปร่าง นิ้ว เท้า คอ หยึ่ย น่ากลัว แถมตรงคอยังเป็นริ้วๆเหมือนจะขาดมิขาดแหล่อีก

ดูมือจิ
มองลอดๆเข้าไประหว่างซอกผ้า เห็นเนื้อแห้งๆด้วยอ่า

จบจากพิพิธภัณฑ์ เป้าหมายถัดไปคือโคเวนท์การ์เดนท์
อันนี้ได้อิทธิพลมาจากคุณโน้ส อุดม เขาเคยเขียนไว้ในหนังสือว่า เป็นที่ที่คนจะมาชุมนุมกัน มีการแสดงเปิดหมวกเยอะ น่าสนใจดี นราก็เลยอยากจะไปเห็น ลุงยามใจดีชี้ทางให้ด้วย เดินตรงๆมาเรื่อยๆจากหน้าพิพิธภัณฑ์ประมาณสิบนาทีก็ถึงละ

คนพลุกพล่านมากมาย มองเข้าไปเห็นเหมือนเป็นตลาดวางแผงขายอะไรสักอย่างอยู่ข้างใน นราไปยืนรอสักพักก็เจอเพื่อน ดีใจจังเลย ไม่ได้เจอกันตั้งแต่เรียนจบแน่ะ เพื่อนนราเขามาโปรแกรมเวิร์คแอนด์สตัดดี้ ทำงานควบคู่ไปกับเรียนภาษาด้วย ชีวิตดูสบายๆน่าอิจฉามาก ทำงานร้านไทยก็ได้เงินสัปดาห์ละเกือบสองร้อย บ้านเขาอยู่ Ealing Broadway โซนสามของลอนดอน ค่อนข้างห่างจากกลางเมืองพอสมควร
เพื่อนบอกว่า เดี๋ยวพาไปไชน่าทาวน์ แล้วต้องกลับไปทำงานที่ร้านตอนห้าโมง นราก็เลยไม่ได้เดินให้ทั่วโคเวนท์การ์เดนท์เท่าไหร่ แต่วันนี้อาจจะเป็นเพราะอากาศหนาวก็ได้ ไม่เห็นค่อยมีคนออกมาเปิดหมวกให้ดูเลย มีแต่ตาคนนี้แหละมาเล่นอะไรให้ดูไม่รู้ คนมุงดูเยอะมาก

ฉ่างงงง
ไชน่าทาวน์ คนจีนบาน
ตกลงกรูอยู่เซี่ยงไฮ้ใช่ไหมเนี่ย
ไชน่าทาวน์เป็นเหมือนเมืองเล็กๆ ที่มีร้านอาหารประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ น่ากินทุกร้านเลย นราเห็นร้านโฟร์ซีซั่นอันแสนโด่งดังแล้วด้วย ไม่รู้ทำไมบอกจะมาลอนดอนมีแต่คนบอกให้ไปกินเป็ดย่างร้านนี้ อร่อยเทพมากมาย ในหนังสือคุณโน้สก็มีบอก มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ
เดินวนไปวนมากะเพื่อน หาอะไรกินกัน
สุดท้ายมาจบที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ชื่ออิคคิวซัง
เป็นร้านญี่ปุ่น ที่เด็กเสิร์ฟเป็นจีน เหอะๆ
นราสั่งชุดเบนโตะแซลมอนซาชิมิ เกือบสิบปอนด์ เพราะหิวมาก
พอสั่งไปแล้วรู้สึกเสียใจ เพราะเหลือบไปเห็นชามบะหมี่โต๊ะข้างๆ ชามใหญ่มาก สามารถซักเสื้อในกางเกงในในนั้นได้เลย รู้งี้สั่งบะหมี่ดีกว่า ชามใหญ่กินแล้วคงอิ่มเหมือนกัน ถูกกว่าด้วย
แต่พอของนรามาเสิร์ฟ มันก็ดูโอเคเหมือนกันนา
หมูทอดอาหย่อยมากเลย ปลาก็สดดี
เพื่อนใจดี ออกค่าข้าวให้ตั้งครึ่งนึงแน่ะ
จริงๆเขาจะออกให้หมดเลย แต่นราเกรงใจเพราะราคามันไม่ใช่ถูกๆ เลยบังคับหักคอขอช่วยจ่ายครึ่งนึงก็ยังดี สรุปมื้อนี้นราจ่ายไปห้าปอนด์ค่ะ
ระหว่างกินข้าว เพื่อนก็อบรมเรื่องการเดินทางในลอนดอน ประมาณว่าให้ระวังตัวด้วย เจอพวกกุ๊ยเข้าจะลำบาก อย่าออกไปเดินมืดๆคนเดียว จะไปต้องใส่หมวกปิดๆหน้า เดินท่าทางให้มั่นใจ อย่าลอกแลก มันจะรู้ว่าเป็นบ้านนอกเข้ากรุง เดี๋ยวมันเอามีดมาจี้ ตรงป้ายรถเมล์ก็ยังมีคนโดนเลย ทำเอานราผวาไปเหมือนกัน ไปลอนดอนสามวันนี่ เดินกุมกระเป๋าสะพายตลอด จริงๆนะเนี่ย
.
กินเสร็จ อิ่ม ไม่อยากออกมาข้างนอกเลย หนาว
นราอยากดูละครที่นี่จัง Queen's Theatre
ตอนนี้ทั้ง Phantom of the Opera กับ Les Miserables กำลังเล่น อยากดูมากมาย ติดใจเพลงประกอบละครเวทีของสองเรื่องนี้ค่ะ เพลงเพราะ แถมนักแสดงถ้าเป็น London Cast มันต้องสุดยอดความอลังการแน่ๆ ขนาดดูในยูทูปยังขนลุก ถ้าได้ดูของจริงจะขนาดไหนน้อ
แต่เห็นเพื่อนบอกว่าตั๋วแพง คนที่ไปมาแล้วบอกว่าจ่ายไปตั้งสี่สิบปอนด์ เอิ่ม เอาไว้คราวหน้าละกันนะจ๊ะ รอบนี้เที่ยวแบบยาจกก่อน
.
เพื่อนนราก็แสนดี บอกจะพาไปเดินแถว Oxford ประมาณว่ามีของขายเยอะ (แถมเพื่อนอีกคนบอกว่าแถวนั้นหนุ่มหล่อท่วมเลยด้วย) อ่ะก็เดินตามกันไป ครึ่งชั่วโมงผ่านไปทำไมยังวนอยู่ที่เดิมฟะ หันไปถามเพื่อนว่าตกลงแกอยู่ลอนดอนจริงเปล่าเนี่ย เดินๆอยู่มีหันมาถามทางนราด้วย จะบ้าเหรอ สุดท้ายก็เลยไม่ได้ไป ไปร้านไทยที่เพื่อนทำงานอยู่เลยแทน
อย่างที่บอกว่า นรากลัวรถไฟใต้ดินของลอนดอนมาก กลัวจะหลงน่ะไม่ใช่อะไร ก็มีสายสีโน้นสีนี้พาดกันไปพาดกันมาตั้งหลายเส้น ดูแล้วงง แต่พอเพื่อนค่อยๆอธิบายให้มนุษย์สมองเต่าอย่างเราเข้าใจก็พอสบายใจขึ้นบ้าง พอรถมาถึงนราก็ผิดคาดเล็กน้อย เพราะคิดว่ามันต้องใหม่เอี่ยม สะอาดโอ่โถงแน่เลย เพราะฝรั่งตัวใหญ่รถก็ต้องใหญ่ไปด้วย ปรากฏรถแม่งโคตรเล็ก เหมือนรถรับส่งคนแคระของสโนวไวท์ เบาะก็เล็ก เขรอะๆ แถมสายที่นั่งวันนั้นเป็นสายแดง Central Line วิ่งดุมาก โคตรโหด กึงกังๆๆ ถ้าหลับตาสามารถจินตนาการไปได้เลยว่าอยู่ระหว่างการแข่งขัน 4X4 กรังปรีซ์
.
เพื่อนพาไปทานข้าวที่ร้านไทยก่อนด้วย พี่ๆที่ร้านก็ใจดีกันนะ ดูแลนราเป็นอย่างดี แต่เพื่อนนราทำงานกะดึก เขาเลยไปส่งนราที่บ้านพักก่อน กลางคืนพอทุกคนกลับมาจากทำงานแล้วก็มาตั้งวงกินข้าวคุยกัน ทุกคนเป็นมิตรดีค่ะ แรกๆก็เกร็งๆ หลังๆก็สบายใจขึ้น นรานอนห้องเดียวกับป้าแรม เป็นคนอีสานที่ตลกมาก น่ารัก แถมใจดีด้วยละ โชคดีจริงๆเลยเรา อิอิ
แต่นราก็ไม่ได้มามือเปล่านะคะ มาอาศัยเขาทั้งที นราก็เอาขนมของฝากจากยอร์คเชียร์มาฝากเขาด้วย เป็นบิสกิตรวมรสกล่องใหญ่ กับขนมฟัดจ์เหนียวๆก้อนๆมาให้เพื่อนโดยเฉพาะอีกกล่อง
.
หวังว่าทุกคนคงจะสบายดีนะคะ
โปรดติดตามตอนสองของชีวิตในลอนดอนของนราต่อไป
ตอนสอง เดี๋ยวพาไปเที่ยวสวนพฤกษศาสตร์คิว กับสวนสัตว์ลอนดอนค่ะ
ป.ล. หนึ่ง ไม่ค่อยมีสาระอะไรหรอกนะ ถ้าจะมาอ่านว่าสถานที่นี้มีประวัติยังไง ไปยังไง อยู่ถนนอะไรละก็ไม่มีให้หรอกฮ่ะ ตัวเองยังจำไม่ได้เลย
ป.ล.สอง เป็นเพื่อนกัน ช่วยทักกันดีๆหน่อยนะคะ ไอ้ประเภท "เป็นไง หมดตัวยัง/ตายคาหอยัง/มีแฟนใหม่ยัง" เนี่ย ขอเถอะ เดี๋ยวแม่เลาะปากแหกเลย

3 ความคิดเห็น:

  1. นรา
    อยากเห็นชามบะหมี่อ่ะ
    บรรยายซะทำเอาเรานึกภาพตามใหญ่เลย
    จะรอดูตอนสองนะจ๊ะ

    ตอบลบ
  2. มุกกุแห่งอณาจักรอู้วฮัชช่าๆ9 มกราคม 2553 เวลา 21:45

    ฮาหลูนรา โทษทีคะที่เอนทรี่ที่แล้วไม่ได้เม้นท์อะไรไว้เลยคะ
    ( ความจริงเม้นท์ไว้คะ แต่ว่ามันมีเหตุเดี๋ยวบรรยายให้ฟังท้ายๆนะ)


    ......................

    ทุกรูปน่าสนใตมากคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง (คิดว่าคงไม่ต้องบอกกันแล้วหละ นรารู้แน่ๆ ฮ่าๆๆ)

    แต่ที่ขำเนี่ย ก็ต้องชามบะหมี่เลยคะ อยากเห็นเหมือนกัน
    ไว้ไปกินอีก ถ่ายรูปมาให้ดูด้วยจิ
    อยากรู้ว่าใหญ่ขนาดซักกางเกงลิงได้เนี่ย มันขนาดไหนเชียว ฮ่าๆๆๆ

    ...........
    ขอโทษที่เม้นท์สั้นๆนะคะ มันมีเหตุคะ..


    ตั้งแต่มุกอัพเกรดหมาไฟเวอร์ชั่นใหม่นะคะนรา
    แบบว่ามันเฮงซวยมากคะ มุกละโมโห
    คืออย่างนี้คะ ตั้งแต่เซตเวอร์ชั่นใหม่นะคะ
    เวลาเปิดเว็บเพจจึ้นมา มันก็จะเอ๋อๆ
    ไอ้เราก็กำลังเม้นท์อะไรเรื่อยๆ
    พรรณาโวหารเก้าสิบกว่าวรรค
    แม่มมมมมมมม หน้าเว็บเพจมันก็ค่อยๆหายไปคะ
    กรี๊ดมาก

    แล้วมันก็ให้กดซ่อมบ้าซ่อมบอ ซ่อมเข้าไปสิคะ ไม่เห็นมันจะแก้อะไรให้เลย
    เห็นเป็นทุกครั้ง เบื่อคะ
    คือเข้าใจมั้ยคะ ว่าคนกำลังเม้นท์ให้เพื่อนมันๆ ฮาๆ ยาวๆ
    แล้วมันหายไปต่อหน้าต่อตา
    แล้วไงคะ
    หมดอารมณ์คะ
    มุกนี่ไม่ได้เล่นเน็ตมาหลายวันแล้ว
    แบบว่าเซ็งเป็ด ไก่ ห่าน เซ็งหมาไฟมากคะ


    นี่ก็เม้นท์ทำสถิติโลกอยู่คะ พิมพ์ในเวลาอันจำกัดและไม่รู้ว่าหน้าเว็บเพจมันจะหายไปอีกเมื่อไหร่ด้วยะคะ

    เอาเป็นว่า มุกเข้ามาอ่านเรื่อยๆนะคะ ยังคงติดตามนราอินยุโรปอยู่คะ
    แต่ถ้าเอ็นทรี่ไหนไม่มีเม้นทื แสดงว่าหมาไฟกำเริบคะ
    แม่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

    ................

    มุกจะรีบกดละ กลัวมันหายไปอีก
    เทคแคร์ระคะ จุบุ

    ตอบลบ
  3. ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมที่อุ้ยไปเที่ยวได้โดยไม่หลงทางซะก่อน เก่งจริง ๆ ลูกมะแอ้คนนี้ ถ้าเป็นมะแอ้นะ คงร้องไห้ขี้มูกโป่งเพราะไม่รู้จะถามใคร ไม่รู้จะไปทางไหน มะงุมมะงาหราไปถามพวกฝรั่ง เผลอ ๆ เขาจับส่งพม่าล่ะแย่เลย
    *****
    ทริปนี้ดูน่ากลัวอ่ะ มีมัมมี่ด้วย มะแอ้ชอบทริป 2 มากกว่านะ มีแต่ความสดชื่น น่ารัก ๆ ไม่อึมครึมเหมือนเที่ยวในพิพิธภัณฑ์ แต่ก็เป็นอะไรที่แปลก น่าศึกษา ดีนิ สถานีรถไฟที่ลอนดอน ดู ๆ ไปก็เหมือนกับหัวลำโพงบ้านเราเลยอ่ะ
    *****
    เสียดายนะ อุ้ยน่าจะได้ประทับรอยเท้าไว้ที่ Queen's Theatre นะ ละครเรื่องโปรดซะด้วย ไว้โอกาสหน้าตอนเรียนจบแล้วมีเวลากลับมาอีกทีละกันเด้อ อาหารที่ไชน่าทาวน์หน้าตาน่ากินมั่ก ๆ ดูสดดีค่ะ หนูอุ้ยกินแล้วคง่จะนึกถึงบรรดาซูชิและปลาดิบที่ร้านเซนเมืองไทย กลับมาเมื่อไหรมะแอ้จะพาไปรำลึกรสชาดนะจ๊ะ
    *****
    มะแอ้ขอบคุณเพื่อนของอุ้ยที่ใจดีให้ที่พักอาศัย แถมยังเลี้ยงข้าวให้อุ้ยอีก ขอบคุณเพื่อนร่วมบ้านร่วมห้องของอุ้ยด้วยที่มีไมตรีให้คนแปลกหน้า ถ้าพวกเขาไปเที่ยวยอร์คเมื่อไหร่ อย่าลืมจับเป็ดแถวหอทำเป็ดย่างเลี้ยงแขกด้วยเด้อ

    ตอบลบ