วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

I'm an Abomination: Meet the Sims 3


ไม่สบายค่ะ
นอนอยู่บ้าน ไม่ไปทำงานมาสามวันแล้ว
เอ๊ะ ทำไมนะเหรอ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง

เอนทรี่ที่แล้ว นราเริงร่าเบิกบานที่โปรเจ็คท์เม็กซิโกจบซะที
วันนั้นก็มีอาการตัวรุมๆนิดหน่อย แต่คิดว่าเป็นเพราะอากาศเย็น
เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร
ทำงานเสร็จ กลับบ้าน ก่อนนอนทานยาแก้ไข้สองเม็ด
เพราะมีไข้ขึ้นๆ ลงๆ มาก่อนหน้านั้นแล้วค่ะ

สองสามวันถัดมา
นราได้รับโทรศัพท์จากคุณซินเธียที่เป็นคนดูแลกลุ่มเด็กเม็กซิโก
แจ้งให้ทราบว่า
คุณคาร์ลอส หนึ่งในเด็กเม็กฯ แกติดหวัดสองพันเก้าไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
ตอนนี้โดนกักตัวอยู่ที่โรงแรม
O_O

ฉิบอ๋ายยยยย นรานึกย้อนคำนวนวันและเวลาที่อยู่ใกล้ชิดกับคาร์ลอสทันที
ก่อนหน้านั้นมีรายงานหน้าชั้น นราก็นั่งฟังแถวหน้า พูดคุยกับเขาอยู่หลายครั้ง
มีตบหลัง ตบไหล่ เชคแฮนด์ด้วย ระหว่างนั้นเฮียก็ไอตลอดเวลา
นราเลยโทรไปบอก ผอ. เพื่อขอหยุดวันอังคารและพุธ
เพราะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นหวัดธรรมดาหรือหวัดหมู
ฮ่า ฮ่า
แตกตื่นกันทั้งฝ่าย
ผอ. บอกให้นราหยุดไปเลยถึงวันเสาร์จนกว่าจะหายดี
วันงานเลี้ยงอำลา คนที่นั่งใกล้คาร์ลอสก็ตกใจกันใหญ่
อีตานี่ สร้างความวุ่นวายได้ตั้งแต่มาจนจบโปรแกรมเลยจริงๆ
(เดินไปซื้อขนมไม่บอกใครเลยตกรถตู้ เบี้ยวเรียนบ่อยมามั่งไม่มามั่ง
ไม่สบาย ทอลซินอักเสบเข้าไปนอนโรงบาล แล้วปิดท้ายด้วยหวัดหมู ฟินาเล่มาก)

ไม่ใช่แค่ม.กรุงเทพแตกตื่นกันนะ
ตอนนี้โรงแรมที่เฮียพักก็แตกตื่นไม่แพ้กัน
แขกชั้นที่เฮียอยู่ ถ้ามีใครเช็กเอาท์ออก ทางโรงแรมจะปิดห้องไปเลย
ผ้าผ่อนข้าวของต้องซักล้างเป็นพิเศษ
นี่ได้ข่าวว่าแม่บ้านไม่กล้าไปทำงาน กลัวติดกัน
น่าสงสารนะคะจะว่าไป มาป่วยเอาไกลบ้าน แถมเป็นโรคอินเทรนด์อีกอ่ะ

วันพุธนราต้องออกไปฟังผลตรวจปอดที่ IOM
ก็ลากสังขาร ปะหน้ากากไป
ผลออกมาโอเคค่ะ ได้ใบที่จะไปยื่นขอวีซ่ามาแล้ว
แต่สภาพแบบนี้คงต้องรอไปก่อน
ไหนๆก็ออกมาแล้ว เลยแวะไปดูโน้ทบุ๊กที่จะซื้อที่สยามและมาบุญครองด้วยเลย
จะได้ไม่ต้องออกบ่อยๆ ไม่ต้องลาหยุดบ่อยๆ วันหยุดจะหมดแล้ว
ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะซื้อโซนี่รุ่นไหนดี เบาแต่ไม่มีการ์ดจอ หรือมีการ์ดจอแต่หนักแสรดดี
ก่อนกลับก็สอยซิมส์สามกลับมาด้วย แหะ แหะ
..................................

นราคิดตั้งแต่ตอนมันออกโฆษณาแล้วแหละ ว่ามันจะน่าเล่นเหรอ
หน้าตามันประหลาดๆ ไม่รู้สิแฮะ มันเหมือนคนมากขึ้นมั้ง
พอลองเล่น โอ้โห สมคำโฆษณา
ไม่ใช่สนุกนะ แต่ละเอียดจนมึนไปเลย


ก่อนอื่นต้องขออริ๊งอร๊างกับต้นไม้ สวยมาก (เมื่อตั้งค่ากราฟฟิกให้สูง)
มันไหวๆเหมือนลมพัดด้วย และมีให้เลือกเยอะ
โหมดซื้อและโหมดสร้าง ค่อนข้างน่าผิดหวังสำหรับนรา
เพราะค่อนข้างน้อย ไม่หลากหลาย และบางอย่างถอดแบบมาจากซิมส์สอง
แบบหน้า ผม ตา มีให้น้อยมาก
หน้ามันเลยเหมือนกันทั้งเมือง
แต่จุดเด่นของเกม คือการที่เราเปลี่ยนสีของต่างๆได้เองตามแพทเทิร์นที่มีให้
หรือจะตามพาเลทเฉดสีก็แล้วแต่ มันเลยเปลี่ยนได้เป็นพันเป็นร้อย


ไม่ใช่แค่หน้าเหมือนจริงมากขึ้น แต่ลักษณะนิสัยก็หลากหลายและละเอียด
ละเอียดจนขี้เกียจเล่น!
ซิมแต่ละคนที่มีอุปนิสัยต่างกัน เช่น ใจร้อน ชั่วร้าย หนอนหนังสือ บลาๆ
ก็แสดงออกต่างกัน และมีพัฒนาการการเรียนรู้และสังคมต่างกันด้วย
อุว้าววว


ตอนเล่น นราไปเยี่ยมเพื่อนบ้านในเกม แล้วมันเชิญเข้าบ้าน
พอกดคำสั่ง "เปิดตู้เย็น" ปุ๊บ
มันขึ้นเตือนเลยว่า เธอกำลังทำตัวมิสุภาพ คงต้องขอเชิญเธอออกไปจากบ้านฉันละนะ
เหมือนจริงดีแฮะ
ที่สำคัญ ระบบเร่งเวลา ช้า มากกกกก
ขนาดเร่งเต็มที่ ก็ยังช้า
ยังความหงุดหงิดให้ดิชั้นพอสมควร

เราตามไปดูซิมที่ทำงานได้ด้วย อันนี้แปลกดี
ถึงจะเข้าไปดูในตัวตึกไม่ได้ แต่ก็ยังมีคำสั่งให้เลือก
เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพอารมณ์ซิมในขณะนั้นๆ
ชอบตึก ตึกสวยมากค่ะ


เอาเป็นว่า นราก็กำลังพยายามฟื้นไข้
และไม่ได้เป็นหวัดหมู (ละมั้ง)
แต่ไม่เข้าใจ ทำไมไข้มันชอบขึ้นสูงตอนเที่ยงกับตอนกลางคืนฟะ


ใบตอง
นราได้เล่นซิมส์สามสมใจแล้วค่ะ
ต้องเสียตังค์ถึงจะได้เล่นเฮ้อ
ใบตองเล่นซิมส์ภาษาอะไร ช่วยบอกที
เพราะที่นราลง มันไม่มีภาษาไทย
เล่นยากยังไม่พอ ต้องมานั่งแปลอีก

หมูหวาน
ก็ฉันชอบแบบนี้นินาาา
ช่างดูแข็งแรง กำยำ ซะนี่กระไร
ฉันจะพยายามไปงานรับปริญญาเธอให้ได้นะ

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Zodiacs: Beauty within Beasts


ย้าฮู ยี้ฮา
ในที่สุด โปรแกรมสัมมนาของกลุ่มเม็กซิโกก็จบลงแล้วค่ะ
หลังจากที่เครียดจนหน้าอ้วนเรื่องจัดตาราง เงิน และประสานงาน
หลังจากที่คอยตามดูแลหนุ่มๆสาวๆกลุ่มนี้มาเกือบสี่สัปดาห์
ไขว่คว้าหาของที่ท่านๆต้องการมาให้ โทรตามรถ พาไปซื้อของ
พาไปหาหมอ ไปเยี่ยมตาคาร์ลอสที่โรงพยาบาล
นราก็เป็นอิสระเสรีแล้ววว
(อันที่จริงก็ยังไม่เสรีซะทีเดียวหรอก ยังเหลือเอกสารกองบานเบอะ
รอเคลียร์เข้าแฟ้มและสรุปรายงานอีกมากมาย)


นี่ถ่ายหลังรับประกาศนียบัตรปิดโครงการ
อาจจะคุ้นๆกันว่าเคยเห็นซีนแบบนี้ที่ไหน
ก็ตอนที่นรารับญี่ปุ่นไงคะ ฮ่าๆ
ชุดเดียวกันนี้เลย เปลี่ยนแต่คนใส่ชุด
พวกผู้ชายตัวโต ใส่แล้วดูสง่าดีค่ะ
...........................

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่นราต้องไปขากถุยที่ IOM
สามวันแห่งการทรมานกะบังลม ปอด และคอหอยผ่านไปเสียที
ไอจนเสียงเริ่มๆจะแหบแห้ง
แต่ก็รู้สึกสงสารเจ้าหน้าที่ที่ต้องคอยตรวจเสมหะจริงๆ
ชาตินี้เขาคงไม่กินเต้าส่วนอีกเลยละมั้ง
...........................

อย่างที่นราเคยบอกไว้ในบล็อกก่อนนู้นนน
ว่านราสะสมตุ๊กตุ่น ชุก Zodiac ของ McFarlane
ที่พอสะสมได้สองตัว มันก็เลิกเอามาขายในไทยซะฉิบ
แต่ตอนนี้มีครบสี่ตัวของล็อทแรกแล้วค่ะ
ราศีมีน - เมษ - พฤษภ - กรกฎ
ต้องขอบคุณคุณหมูที่รัก ที่ช่วยกันตามหาจนเจอ
มีสี่จากสิบสอง ก็ดีกว่ามีแค่สองเนอะคะ

อันที่จริงนราไปเจอล็อทสอง ราศีสิงห์ - กันย์ - ตุล - พฤศจิ
ขายในเว็บของญี่ปุ่น
ก็แอบหวังเล็กๆว่าใครบางคนที่อยู่แถวนั้น
จะหอบหิ้วมาเป็นของฝากอ่ะนะ เฮ้อออ อยากได้จังเยยยย

The Taurus คุณวัว ราศีพฤษภค่ะ
ซ้วยสวย ลายเส้นกล้ามเนื้อชัดเจน
ดูแข็งแรงสมชายดี มีค้อนยักษ์ดุ้ย


ถอดหน้ากากได้ด้วยล่ะ
เห็นความละเอียดของริ้วรอยบนหน้าคุณวัวไหม


ปล. คุณวัวไม่ใส่กุงเกงในแหละ

นี่ The Aries ค่ะ คุณ..อ่า...คุณอะไรอ่ะ แพะเหรอ? หรือแกะ
นรากรี๊ดมากตัวนี้
เห็นในหน้าเว็บของแมคฟาร์เลนก็อริ๊งอร๊างขึ้นมาทันที
ประมาณว่า ตัวนี้ฉันต้องได้
โอ๊ยย อาวุธสวยบาดใจมากค่ะ


หลายๆคนอาจจะไม่เข้าใจรสนิยมของนรา
ไม่เป็นไรค่ะ เข้าใจๆ
คือนราชอบอะไรแนวนี้อยู่แล้ว
ชอบอะไรที่มีรายละเอียดแปลกใหม่ การออกแบบแหวกแนว
เหนือจินตนาการแนวสยอง อะไรทำนองนี้
อย่าเข้าใจผิดว่านราเป็นคนโหดร้ายอำมหิตนะคะ

ในทุกความอัปลักษณ์หรือรูปลักษณ์สยองขวัญ
มีความงามซุกซ่อนอยู่ค่ะ
ไม่เชื่อ ลองดูช่วงโค้งของอาวุธคุณแพะ
ดูดีๆมันก็บอบบางอ่อนช้อยอยู่นะ
หรือรายละเอียดบนนิ้วมือของคุณวัว
นรานั่งดูได้เรื่อยๆเลยแหละ

รวมภาพครอบครัวตัวประหลาดค่ะ
น้องหนอน The Gemini ดูจิ๊ดจิ๋วไปเลย


ใบตองคะ
ในที่สุดนราก็รอดพ้นจากขากถุยมาราธอนมาได้ค่ะ
วันที่สองทรมานสุด เพราะคอยังน่วมจากวันแรกอยู่
กว่าจะขากถุยได้ตามที่เขาต้องการ แทบตาย

ปัด
ขอโทษนะที่ไปงานรับปริญญาไม่ได้
วันเสาร์ ถึงแม้เด็กเม็กฯจะไปหมดแล้ว
นราก็ยังต้องประชุมสรุปโครงการท้างงงวันอยู่ดี
ยินดีด้วยนะคะ

หมูหวาน
อืม ตรวจสุขภาพสนุ้กสนุก
ว่างๆลองมาตรวจเล่นซิ
แล้วจะได้รู้ว่าไอจนปอดหลุดเนี่ย มันมีจริง!

แนนโกะ
นราคิดว่า ไปตรวจปอดนี่
จะต้องโดนถลกนมแบบแนนซะอีก ฮ่าๆ
เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมนะคะ

ปิดท้ายด้วยหนูไนท์ตากลมดิ๊กและคุณวัวในกล่องค่ะ


วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

What's Wrong with My Motherf*cking Lungs?

วันนี้ไม่มีรูปนะคะ
กำลังอยู่ในสภาพบ้าคลั่งพร้อมวิกลจริต
ทำไมมมม ทำไมต้องเป็นเราด้วยยย
.................
ตัดภาพ ย้อนเวลากลับไปตอนสายๆของวันนี้
นราลางาน เพื่อไปตรวจวัณโรคที่กับศูนย์ IOM เอาไว้ทำวีซ่า
นัดกับจอย เพื่อนเด็กทุนเหมือนกัน ไปตอนเช้าประมาณ 10 โมง
โทรไปนัดล่วงหน้าไว้แล้ว
เอกสารที่ต้องเตรียมไป ได้แก่:
1. พาสปอร์ต ทั้งตัวจริงและสำเนา เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องด้วย
2. บัตรประชาชน ทั้งตัวจริงและสำเนา เซ็นเหมือนกัน
3. รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว พื้นขาว เขียนชื่อข้างหลังด้วย
4. เงินเงิ้นเงิน 2,600 บาท พระเจ้า!
ไปถึงก็ยื่นเอกสาร เจ้าหน้าที่ก็ให้เข้าไปนั่งรอ
พอเขาเรียกเบอร์ในบัตรคิวก็ลุกไปกรอกเอกสารและจ่ายเงิน
ประมาณว่ายอมรับเงื่อนไขในการตรวจ
และเลือกโรงปากะบาลที่เราจะไปเอ็กซเรย์นม เอ๊ย ปอด
นราเลือกพญาไท 2 เพราะมีประวัติเก่าอยู่แล้ว
ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน หิวงั่กเลย
แต่อดทนไว้ กะว่าเดินเรื่องให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกินทีเดียว
ไปถึงโรงพยาบาล ก็กรอกประวัติอีก แล้วไปนั่งรอเอ็กซ์(เรย์)
บริการดีสมเป็นโรงพยาบาลเอกชนจริงๆ
แต่แอบเซ็ง เขาสะกดนามสกุลนราผิด
อุตส่าห์เขียนชัดๆแล้วว่า Promprakai
ไหงออกมาเป็น Promprakit
นามสกุลใครก็ไม่รู้ ?? เสียเวลาแก้อีก
แล้วก็เป็นไปตามขั้นตอนเอ็กซเรย์นะคะ
ถอดเสื้อ เสื้อใน สร้อย กิ๊บ ออกให้หมด แล้วเปลี่ยนใส่เสื้อเขียวๆ
ไปยืนเต๊ะท่าเท้าสะเอว หายใจเข้าลึกๆให้เขาแชะหนึ่งที ก็เรียบร้อย
นั่งรอรับฟิล์มประมาณครึ่งชั่วโมงก็ได้แล้ว
เร็วเหมือนกัน และคงจะรู้สึกว่ามันเร็วกว่านี้
ถ้าตอนนั้นไม่ได้หิวฉิบหายวายวอด
พอได้ฟิล์มแล้วก็รีบกลับไปที่ศูนย์ IOM อีกทีเพื่อเอาฟิล์มไปยื่น
แต่ไปถึงตอนเที่ยงครึ่ง เขาพักเที่ยงกันพอดี
เลยฝากฟิล์มให้เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าอยู่ไว้ รับบัตรคิว แล้วลงไปกินเคเอฟซีกัน
(ชุดข้าวยำไก่ซี้ดเผ็ดนรก กับไก่ทอดหนึ่งชิ้น)
พอกลับมา เขาก็เรียกเลยบัตรคิวของเราไปแล้ว
แต่เจ้าหน้าที่บอกไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาย้อนให้
สักพักก็มีคนมาเรียกให้เข้าไปในห้อง
ทำไมต้องเข้าห้องด้วย? คนอื่นเขารับกันข้างนอกนี่นา
ตอนนั้นคิดอย่างนี้ แต่ไม่ได้ติดใจไรมากเพราะคิดว่าเขาคงมีหลายโต๊ะ
หมอนั่งรออยู่พร้อมฟิล์มเอ็กซเรย์ปอดอันเซ็กซี่ของเรา
เอาแล้ว ตึ่มๆ ตึ่มๆ
หมอไม่พูดพล่ามทำเพลง ชี้ทันที
"ปอดตรงนี้มันมีรอยนิดๆนะครับ แล้วสีของเนื้อปอดสองข้างไม่เท่ากัน
อาจเป็นลักษณะของแผลเป็นจากอาการปอดติดเชื้อ
เดี๋ยวต้องมาเก็บเสมหะเพิ่มอีก 3 วันนะครับ"
แล้วหมอก็ปล่อยให้คุณพยาบาลลากเราที่กำลังงุนงงออกไป
รอยไหนโว้ยยยยย กรูดูสีมันก็เหมือนกัน
หมอเห็นของหมอคนเดียวอ่ะ
แต่เพราะเขาเป็นหมอ เราจึงต้องเชื่อฟัง
ตัดภาพมาที่อีกห้อง
พยาบาลใส่ทันที ถามว่าเคยมีคนรู้จักเป็นวัณโรคไหม
มีอาการไอ มีไข้เหงื่อออกตอนกลางคืนหรือเปล่า
นราค่อนข้างมั่นใจว่าไม่เคย และไม่มีอาการ
แต่ยังไงแกก็ต้องมาเก็บตัวอย่างเสมหะอยู่ดี แอร๊งงงง
ปัญหาคือ
นราขากถุยไม่เป็น
ชาตินี้เกิดมาไม่เคยขากถุยเอาเสมหะออกจากคอเลย
ไม่ได้สุภาพ ไม่ได้กุลสตรี แต่ทำไม่เป็นอ่ะ
นี่เขาให้คู่มือการขากถุยอย่างถูกต้องมาด้วยนะ ทำนองว่า
1. หายใจเข้าออกลึกๆ 4 ครั้ง
2. ครั้งที่ 4 ยกแขนขึ้นและไอจากก้นบึ้งที่ลึกที่สุดของปอดน้อยๆ
3. เอามือกดพุง และไอจนกว่าปอดของท่านจะหลุดออกมา
ล้อเล่นค่ะ
ไอไล่เสมหะเฉยๆแหละ
4. ถ้าพบว่าเป็นเสมหะที่ท่านเก็บไม่ถูกต้อง
ท่านต้องทำใหม่ จนกว่ากรูจะบอกให้หยุด
!!!!
นี่ไม่ต้องไอจนลูกกะตาถลนออกมาเรอะ
เวรกรรมจริงๆ
ไอ้ที่เราไม่คิดว่าจะมีปัญหากับผลตรวจ
ดั๊นพลิกล็อกซะนี่
กลับบ้านด้วยความรู้สึกเซ็งกะปิ
พรุ่งนี้ต้องแหกขี้ตาตื่นตั้งกะตีห้า ออกจากบ้านหกโมง
เพราะเขานัดไปขากถุยตอน 6.45
เสร็จแล้วก็ไปทำงานต่อ โธ่ชีวิต
ต้องทำยังงี้ตั้งสามวันแน่ะ
.................
ใบตอง
จะทำวีซ่าต้องโทรไปจองด้วยเหรอคะ
งานเข้าอีกงานแล้วสิ
หมูหวาน
ถ้าหนุ่มในบล็อกหล่อนมิใช่แฟน
หล่อนคงไม่กรีดร้องโหยหวน จิกทึ้งผมตัวเองอย่างนั้นหรอกย่ะ
ยามที่เห็นเขาทำหน้าแบ๊วพร้อมจุกชมพู
(ผมจุกนะ อย่าคิดมาก)
มุ้กหมุก
เออ พอมุกพูดเลยนึกขึ้นได้ว่ามุกเป็นคนหัวเล็ก
ฮ่าๆๆ ลืมไปนานแล้วนะเนี่ย
ว่างๆต้องนัดมายลเสียหน่อยแล้ว
หนูแนนโกะ
ตอนนี้ก็อยากกินแซลมอนอีกอ่ะ
ถ้าแตงโมที่ยุ่นลูกละพันห้าเยน
นราเก็บตั้งไว้ซื้อหนังเอวีดีกว่าค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Gluttony Is One of the Seven Sins (+Another Step to England)

ปากบ่นว่าอ้วนแล้วๆ
แต่ผีชูชกในตัวนรามันไม่ยอมง่ายๆ
อุตส่าห์หาหมอผีอิมพอร์ตอย่าง LCH มาไล่ ก็ไม่สัมฤทธิ์ผล
แล้ววันก่อนก็พ่ายแพ้แก่พลังมาร
ฉุดกระชากลากถูแฟนเข้าชาบูชิสาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวซะเลย
................................

ร้านสาขานี้ จัดวางประหลาดๆ
เหมือนพยายามจะใส่ที่นั่งเข้าไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
มันเลยคดๆ บิดๆ เบี้ยวๆ
เดินไปตักเทมปุระ ซาบะ กดเครื่องดื่มลำบากพิลึก
นรายกไอ้ตะกร้อ...ไอ้ที่ไว้ลวกอาหารน่ะ...ขึ้นมาดู
ติดลบหนึ่งตั้งแต่ยังไม่กิน
แมร่งล้างไม่สะอาด!! มีเศษไรไม่รู้แห้งๆกรังๆติดอยู่ด้วย

นราชอบ ช้อบ ชอบ แซลมอนมากๆ
สาขานี้จะหั่นหนากว่าที่เราเคยกินที่มาบุญครองและเดอะมอลล์งามฯนิดหน่อย
ใช้ได้ๆ สภาพเนื้อปลาดูสดน่าหม่ำดีค่ะ


อย่อยยยยยย
มีความสุขมาก
ต้มของสดกินนิดๆหน่อยๆ
หลังจากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตากินแต่ซูชิหน้าแซลมอนเนี่ย


แหะ แหะ
รู้ละน่าว่าตะกละตะกลามเนี่ย มันไม่ดี
แต่เดี๊ยนอดมิด้ายยย
กินไปทั้งหมดสิบเอ็ดชิ้นค่ะ
ไม่สมารถทำลายสถิติสิบแปดชิ้นที่เคยทำไว้เมือปีที่แล้วได้
กินซาบะไปสองชิ้น เทมปุระอีกสี่
ตอนนั้นเป็นมนุษย์ที่มีความสุขที่สุดในโลก
......................

พอช่องสัมภาระของคาวเต็มแล้ว เราก็มาเติมช่องของหวานกันต่อเนอะ
ถั่วแดงร้อน ไม่ใช่ของแปลกอะไร
หม่ำไปหนึ่งถ้วย
เนื้อละเอียดมาก ถึงมากที่สุด
ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีนะเฟ้ย
กินเข้าไปแทบไม่รู้รสสัมผัสเลย


โอ๊ะ แต่แตงโมอร่อยมากค่ะ
หวานเย็นชื่นใจ เนื้อกรอบไม่ร่วนซุยเหมือนดินเกษตร
เปลือกขาวๆ ด้านหลังคืออดีตแตงโมที่โดนสำเร็จโทษไปแล้ว
กินไปเกือบสิบชิ้นละมั้ง
อยากเป็นวัวจัง จะได้มีสี่กระเพาะ
ว่างๆ ก็ขย้อนออกมาเคี้ยวเอื้อง หงัม หงัม


แต่ต้องขอตัดคะแนนทำเลที่ตั้งตู้แช่ผลไม้
เล่นเอาไปยัดไว้ในซอกหน้าครัว
ต้องแทรกตัวเข้าไป ก้มตัวลงหยิบทีนี่ตูดจะบั๊มพ์หน้าลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆตู้อยู่แล้ว
พนักงานจะออกจากครัวก็ต้องรอเรา เกิดการจราจรติดขัด
เดินออกมาหน่อย มีอีกซอกโล่งๆ ว่างๆ
มันเอาโต๊ะเตี้ยๆไปวาง บนโต๊ะไม่มีอะไรด้วยนะ
เพื่ออะไรเนี่ย ย้ายตู้แช่ให้แขกหยิบสะดวกหน่อยร้านจะเจ๊งรึไง

มีอีกประการหนึ่งที่ต้องตัดสามคะแนนรวด
อภัยไม่ได้จริงๆ
นรากำลังเอร็ดอร่อยอยู่
นังเด็กเสิร์ฟข้างหลัง มันคุยไรกับเพื่อนมันไม่รู้
รู้แต่จบประโยคว่า
"สงสัยเมนส์ไม่มา"
กรูแดรกอยู่เนี่ย มึงตะโกนคุยเรื่องเลือดที่ออกจากหอยข้ามหัวกรูเนี่ยนะ
เสียงไม่ใช่ค่อยๆ
อิห่านนน สามัญสำนึกแบบนี้เป็นเด็กเสิร์ฟไปจนตายเหอะ
...............................

ตัดฉับจากเรื่องกิน มาเรื่องเรียนของนรา
วันนู้น นราไปร่วมอบรมที่ศูนย์ SELT Education Link มา
ปีนี้มีคนไปเรียนที่ University of York ตั้งสิบคน


เขาก็อธิบายเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับการเตรียมตัว การเดินทาง
แต่จุดประสงค์ใหญ่ใจความน่าจะเป็นการพบปะกันของคนที่จะไปเรียนที่เดียวกันมากกว่าค่ะ
นราฟังเขาอธิบายแล้วรู้สึกความกล้าและกำลังใจมันหดลงไปเรื่อยๆ:

- เวลาตรวจสัมภาระหรือลากกระเป๋าออก ห้ามสบตาเจ้าหน้าที่ ห้ามยิ้ม ห้ามล่อกแล่ก เพราะถือว่ามีพิรุธ มีสิทธิ์โดนค้นได้

- พาราเซตามอลถือเป็นยาต้องห้าม เอาไปนิดหน่อยไม่เป็นไร แต่ถ้าเอาไปเยอะ เช่น ห้าหกแผง (??) จะโดนยึด ต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าเอาไว้รักษาอาการปวด ไม่ได้เอาไปเคี้ยวเล่นแบบจูปาจุปส์

- กระเป๋าแบรนด์ของเก๊ เสื้อผ้าของเก๊ อาทิ หลุยส์วิตตอง กุชชี เอสปรี คิปลิง ฯลฯ แม้ว่าจะก็อปเกรดเอ ห้ามเสร่อถือขึ้นเครื่อง เกิดเจ้าหน้าตาเหยี่ยวของแบรนด์เหล่านี้มาเจอ คุณจะโดนยึด และโดนปรับอีกตะหาก

- สุ่มตรวจคอมพิวเตอร์แลปทอป ถ้าดวงซวยโดนตรวจและเจอโปรแกรมเถื่อน ก๊อจะโดนลบ ลันลันลา

- เอาของเหลวขึ้นเครื่องได้ไม่เกินร้อยซีซี ครีมและยาสีฟันก็ถือเป็นของเหลวด้วย

ยังมีอีกนะ แต่นึกไม่ออก
คิดว่าคงไปตายอยู่ในสนามบินที่โน่นแหละ
กฏบ้ากฏบอไรเยอะแยะยังงี้ฟะ
ที่สำคัญ ชาวบ้านเขาได้หอพักกันแล้วด้วย
บางคนจ่ายเงินแล้ว บางคนได้วีซ่าแล้วอีกตังหาก
แล้วอินี่ละ ยังไม่มีอะไรสักอย่าง ฮ่วย
จะรอดไหมเนี่ย
.........................

แต่จะว่าไป ก็เหลืออีกไม่กี่เดือนแล้ว
คิดแล้วเศร้า หดหู่ งอแง เหนื่อยใจ
ทำไมๆๆๆๆเราต้องไปด้วยฟะ
หมู่นี้สะเทือนอารมณ์ง่ายมาก
วันนี้ไปบ้านแฟน เปิดทีวีเจอขบวนพาเหรดที่ดิสนีย์แลนด์
จะร้องไห้!! ตาร้อน คอตีบขึ้นมาซะงั้น
สโนวไวท์กับคนแคระมันน่าเศร้าตรงไหนก็บอกไม่ได้เหมือนกัน
..........................
หมูหวาน
ตอนนี้ลูกแมวมันไม่ค่อยอริ๊งอร๊างแล้วละ ชักโต
ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าเป็นแมวขนเหี้ยน
ซ้นซน เมื่อวานแฟนบอกมันไต่ขึ้นไปตามต้นมะม่วง
แล้วขึ้นไปเดินเล่นบนหลังคาละ
รอของฝากอยู่นะคะ ฮิ ฮิ

หนูแนน
จากเอนทรีนี้
อาจจะพอเดาได้ว่านราก็ประสบปัญหาเนื้อที่บั้นตูดกินกางเกงใน
หรืออวบระยะสุดท้ายแล้วเช่นกัน
นราก็อยากได้แมวเหมือนกัน
แต่ที่มีแปดตัวตอนนี้ก็เหนื่อยแล้วอ่ะ

มุกกุอุอุอุอุอุ
ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ
ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมมุกถึงหายไป แต่ดีใจที่มุกแวะมาหาอีกครั้ง
สบายดีป่ะคะ
ว่างๆมาเจอกันบ้างก็ดีน้า

ใบตอง
ลูกแมวโปะขนม ไม่อร่อยหรอก
แมวเหม็นอึ
เข้าทำนองน่ารัก แต่กลิ่นแย่ค่ะ

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Kiwi Cheese Pie & Cookie Tarts (+Kitty Diary)


จริงๆ ทำไปนานมากแล้ว
แต่ไม่ได้เขียนถึงซะที
วันนี้ฤกษ์งามยามดี ได้เวลาเอามาปัดฝุ่นเขียน
ให้ได้พึงระลึกว่าครั้งหนึ่งก็เคยทำขนมกะเค้าบ้างเหมือนกัลล์

ส่วนประกอบค่ะ
ได้สูตรครีมชีสอย่างง่ายมาจากบล็อกที่ลิงค์มาจากพันทิพย์
จำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่าบล็อกอะไร
แต่ก็ต้องขอขอบคุณท่านเจ้าของบล็อกมากนะคะ
จำได้ว่าเป็นบล็อกสวยๆ ที่มีภาพของหวานน่ำหม่ำมากมาย
มีสูตรให้ด้วยละ
...............................

มีคุ้กกี้เนยสดของเดลิโอหนึ่งกล่อง ไว้บดทำฐานพาย
(จริงๆ ไม่น่าเรียกมันว่าพายนะ ไม่เห็นเหมือนเลย
แค่เอามาโรยทับกัน)
นมข้นหวานหนึ่งกระป๋อง แต่ใช้ไม่หมดหรอก
ครีมชีสหนึ่งก้อน คราวนี้ไม่ได้ใช้ยี่ห้อฟิลาเดลเฟีย
เพราะมันแพง ฮ่าๆ
น้ำมะนาวสองช้อนโต๊ะ
ผิวมะนาวขูดฝอยนิดหน่อย
เนยละลายนิดนึง
และกีวีสดสองลูกจ้า


วิธีทำช่างแสนสั้น
เอาครีมชีสมาวางนอกตู้เย็นให้นิ่มก่อน
นราใช้แค่ครึ่งก้อนพอค่ะ เพราะจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสตรอว์เบอร์รีชีสพายที่เคยทำเมื่อนานมาแล้ว
พ่อเจ้าประคุณที่เป็นคนชิม ถึงกับน้ำหนักพุ่งพรวดจาก 55 เป็น 60 โล
แถมไม่ยอมลงง่ายๆ อีกด้วย
ทีนี้พอครีมชีสนิ่ม ก็เทนมข้นลงไป
ตามสูตรบอกให้ใช้ครึ่งป๋อง แต่นราเทไปแค่หนึ่งในสี่ กลัวหวาน
พอชิมแล้วรู้สึกว่า ดีนะเนี่ยที่ไม่เทไปครึ่งป๋องตามสูตร
โคตรหวาน กลิ่นนมข้นเงี้ยหึ่ง
แล้วก็เอาตะกร้อ (whisk อ่ะ มันเรียกว่าตะกร้อหรือเปล่าหว่า) ตีๆๆ
จนเนื้อเนียนเข้ากันดี

ใส่น้ำมะนาวลงไปสองช้อนโต๊ะ ตีๆๆ
ผิวมะนาวขูดฝอย เอ้า ตีๆๆ
นรามีนอกสูตรนิดหน่อย หั่นสตรอว์เบอร์รีแห้งใส่ลงไปด้วย
แล้วส่วนที่เป็นครีมชีสก็เรียบร้อยค่ะ

ที่เหลือไม่มีอะไรยาก
เอาคุ้กกี้มาบดละเอียด ผสมเนยละลายลงไปเล็กน้อย
ราดครีมชีสลงไป
หั่นกีวีเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วแต่งหน้าได้ตามใจค่ะ
ของนราออกมาเป็นแบบนี้


ขออภัยที่ภาชนะมิใคร่งาม
พอดีต้องหอบหิ้วไปไกลถึงบางใหญ่ นนท์ฯ
ใส่กระปุกแก้ว กลัวจะแตกแหลกกลางทางเสียก่อนค่ะ
กระปุกพลาสติกของโลตัสนี่แหละ เหมาะสุด
ขนาดก็กำลังดีเลย

ทีนี้ คุกกี้ ครีมชีส และกีวีที่เหลือ
นราเอามาทำเป็นกีวีคุกกี้ทาร์ทให้ที่บ้านทานค่ะ
คงไม่ต้องอธิบายหรอกเนอะ เห็นอยู่โต้งๆ


ตอนทำน่ะสนุก
ไอ้ตอนเก็บล้างนี่ซิ แทบตาย
ทั้งเหนียว ทั้งมันแผล็บ งือออ
...................

หลังจากให้พ่อเจ้าประคุณลองชิมดูแล้ว
ได้รับผลตอบรับดีเกินคาดค่ะ
คนทำก็ชื่นใจ ฮ่าาาา
ลองบอกว่าไม่อร่อยซิ ฮึ่ยๆ ฮึ่ยๆ

ปิดเอนทรีนี้ด้วยพัฒนาการของน้องแมว (ที่ไม่ใช่ของเรา)
โตขึ้นเยอะเลยแหละ อริ๊งอร๊าง
น่ารักที่สุดในโลก
เวลาไปหา ก็ชอบปีนป่ายขึ้นมาเล่นบนตัว
แต่เมื่อไหร่จะเก็บเล็บเป็นก็ไม่รู้
โดนข่วนอยู่เรื่อยเลย



น่ารักแบบนี้จะไม่รักได้ยังไง อ๊างงง
ดูจิหน้ากลมเหมือนซาลาเปาเลย น่ารักๆ




..............................

พรุ่งนี้ทำงานอีกแหละ
เบื่อจังเลย เฮ้อ
เรื่องเรียนก็ไม่คืบหน้าไปถึงไหนเลย เพราะมัวทำแต่งาน
เออ ใครรู้มั่งว่าเราสามารถเช็กราคาตั๋วเครื่องบินจากอังกฤษมากรุงเทพฯได้จากที่ไหนมั่ง
ขอความกรุณาด้วยนะคะ

หมูหวาน
เก่งมากกก
ขนาดนรายังมองหาตัวเองไม่เจอเลยนะทีแรกอ่ะ
นรกชัง สวรรค์แกล้งมาก เห็นแต่เหม่งโผล่ออกมา
อยากจะบอกว่าข้างหลังโดนโอบ (โอบเอว101) อยู่ด้วยนะนั่น
เหอะๆ
เปลืองเนื้อเปลืองตัวจริ๊ง
รอไปกินด้วยกันอยู่นะ

หนูแนน
ไอ้ชื่ออาหารที่มันวิลิสมาหราทั้งหลายเนี่ย
สร้างความลำบากให้เราเนอะคะ
นราเคยไปร้านไรซักที่ มีเมนู
"สุกรสะดิ้ง"
มันคือเชี่ยไรเนี่ย
คนตั้งชื่อไม่คิดถึงตอนลูกค้าสั่งเลย
นราก็ยังป่วยอยู่ค่ะ แต่ไม่น่าใช่หวัดสองพันเก้า
ขอบคุณที่ห่วงใยค่ะ

ใบตอง
ทำให้นราอยากเล่นซิมสามขึ้นมามั่งเลยอ่ะ
จริงๆนราก็มีแผ่นผีที่ได้มาฟรี แต่เหมือนดวงมันอยากให้เสียเงิน
เลยลงแล้วเล่นไม่ได้อย่างที่บอกค่ะ
น้องช้างน่ารัก แต่เหม็นบรรลัยเลยค่ะใบตอง

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

At Osotspa, in Ayudhya with the Mexicans


โอ๊ลา
วันนี้ขอเริ่มต้นด้วยการทักทายแบบสเปนๆ
เพราะอยู่กับกลุ่มเม็กซิโกมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว
ในหัวมีแต่เสียงภาษาสเปนรัวๆ เร็วๆ

ช่วงนี้ทำงานมีความสุขขึ้นค่ะ
เพราะได้ทำในสิ่งที่ชอบแล้วก็ถนัด
มากกว่าไอ้ตารางค่าใช้จ่ายเฮงซวยนั่นเยอะ
วันนี้กลุ่มเมคิโก (Mexico - ออกเสียงตามเขาอ่ะ)
จะไปเยี่ยมชมโรงงานโอสถสภาและอยุธยากันค่ะ
นราแหกขี้ตาตื่นตั้งกะตีห้าอีกแล้ววว


ตอนขาออกจากโรงแรมก็ร่าเริงกันดีอยู่หรอก
หลังๆ ค่อยๆเงียบเสียงลง
พอรถตู้วิ่งผ่านม.กรุงเทพ รังสิต เราก็กะจะพรีเซนต์ซะหน่อย
หันกลับไป อ้าว เฝ้าพระอินทร์กันหมดแล้วนี่หว่า ฮ่วย
นราก็ง่วงนะ แต่หลับไม่ได้
เพราะต้องช่วยคนขับรถดูแผนที่
ต่างคนต่างก็ไม่เคยมา ดีนะเนี่ยไม่หลงไปสุพรรณฯ
อาจได้ขนมสาลี่กลับมาแทน
..........................

แต่ในที่สุดก็ไปถึงจนได้อ่ะนะ
โอสถสภา เป็นโรงงานใหญ่โตมโหฬาร หลังคาฟ้าๆเห็นแต่ไกล เลยไม่หลง
วันนี้จะเป็นการบรรยายประวัติของโอสถสภา (เต๊กเฮงหยู) และกลยุทธทางธุรกิจ
กับเดินชมโรงงานนิดหน่อย

ตั้งใจเรียนกันดีค่ะ
ถามคำถามเป็นระยะๆ


พอเขาบรรยายจบแล้ว
นราก็ต้องไปมอบของขวัญให้ในฐานะที่เป็นตัวแทนจากมหาลัย
เป็นตัวแทนที่แขนใหญ่มากค่ะ


ทางโอสถสภามีขนมเลี้ยงด้วย
แถมแจกเอ็มร้อยห้าสิบมาคนละขวด
เชื่อหรือไม่ ว่าเอ็มร้อยฯคือเครื่องดื่มชูกำลังที่รสชาติดีที่สุดในประเทศไทย
จากการทดสอบและวิจัยแบบ Blind Test
รู้หรือไม่ ว่าเครื่องดื่มชูกำลังขวดแรกเกิดที่ญี่ปุ่น
และประเทศไทยคือประเทศที่ดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้ มากที่สุด
คือเฉลี่ยคนละสามสิบสองขวด
วันนี้ได้รู้อะไรที่ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกัน


ในโรงงานเขาไม่อนุญาตให้ชักภาพค่ะ
เลยได้แต่ถ่ายภาพหมู่ตอนออกมาแล้ว
โดยมีลังลิโพฯเป็นฉากหลัง
ทายสิ นราอยู่ไหนเอ่ย?
หาเจอมีรางวัลนะจะบอกให้ ฮ่าๆ


หมดช่วงเช้า ก็พาเขาไปทานข้าวเที่ยงที่บิ๊กซีแถวนั้น
ก่อนจะไปตะลุยอยุธยาต่อ
บางคนไปกินเอ็มเค
ตอนแรกแปลกใจว่ากินกันเป็นหรือ
มารู้ทีหลังว่า มีคนนึงเคยไปกินแบบนี้ที่จีนมาแล้ว
จึงสามารถพาเพื่อนไปกินเองได้ โดยไม่ต้องเรียกเราไปแปลให้แต่อย่างใด

บางคนไปเคเอฟซี
คุณเอ๋ย ใครจะไปจินตนาการว่าแค่แปลเมนูอาหารมันจะเหนื่อยขนาดนี้
คนนี้จะเอาอย่างนั้น คนนั้นจะเอาอย่างนี้
นี่อะไร นั่นอะไร หมูหรือไก่ เผ็ดไหม
เอานักเก็ตยี่สิบชิ้นได้ป่าว มันบดล่ะ เหมือนของอเมริกามั้ย
กรูจะไปรู้เหรอ เคยไปแต่ฮ่องกง!!!
กว่าจะช่วยหมดห้าคน นรา หมดแรงพอดี

หม่ำไอสะติมกันเป็นของหวาน
จากซ้ายไปขวา: ลิเวีย เตเร นาร่า และมอนซี (ชื่อจริงเธอชื่อมอนเซอรัต เห็นแล้วนึกถึงชื่อไทย มลศรัตน์ ขึ้นมาทันที)


ถึงแล้ว อยุธยา เมืองเก่าของเราแต่ก่อน
มาเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ตื่นเต้นไปกับเขาด้วย
ไม่คิดว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้เลย อู้ว้าว
เห็นแล้วก็นึกว่า เออ บรรพบุรุษเราเมื่อก่อนเคยเดิน เคยอาศัยในนี้
ไม่น่าเชื่อเลย ว่ามีประวัติศาสตร์หลายอย่างเกิดขึ้นที่นี่เมื่อนานนมมาแล้ว

วันนี้ฟ้าใส แดดเปรี้ยงดีค่ะ


ไอ้พวกนี้นะ บางทีก็ไม่เข้าใจมันเลย
ทุกคนทราบใช่ไหมคะ ว่าที่เคเอฟซีเนี่ย จะมีเหยือกน้ำให้คุณไปเทใส่แก้วเองได้ตามใจ
คุณๆเหล่านี้จะกลัวน้ำที่ไม่ได้มาในขวดมาก ไม่ยอมกิน
นัยว่ากลัวท้องเสีย ไดอะเรีย ปรู้ดๆ
แต่ตอนไปอยุธยา ซื้อไอติมกะทิมาเลียเล่นได้สบายใจ
เอ้อ เจ๊ไม่เข้าใจมาตรฐานสุขภาพเฮียแกเลย


อุ๊ย นี่ช็อตเด็ดต้องขยาย
นรายืนถ่ายรูปอยู่คนเดียว ตายักษ์นี่ก็ดุ่มๆเข้ามา
โอบมือ แหมะ ไว้บนไหล่ ไอขอถ่ายด้วยเด่ะ
ตกใจเล็กน้อย แต่เข้าใจว่ามันเป็นวัฒนธรรมเขา
เหมือนเป็นท่าบังคับที่ทุกคนต้องเรียนตอนไฮสกูล โอบไหล่101 อ่ะนะคะ
ไม่เชื่อไปถ่ายรูปกับเพื่อนฝรั่งดูก็ได้
ร้อยทั้งร้อย ไม่โอบเอว ก็โอบไหล่ เหอะ เหอะ

สำหรับคนที่คิดจะขู่นราว่า
"อุ๊บ ฝรั่งโอบ เดี๋ยวฟ้องแฟนนรา"
ไม่เป็นไรนะคะ นราแจ้งให้เขาทราบแล้วค่ะ ฮ่าๆ


แต่โอบไหล่นี่ ยังถือว่าธรรมดาเมื่อเทียบกับวันแรกที่เจอกัน
วันที่จะไปวัดพระแก้ว นราไปนั่งรอเขาที่โรงแรม ก็คุยกับอาจารย์เขาไป
ทีนี้ ก็มีหนุ่มลงมาสามคน เขาก็เข้าไปทักทายอาจารย์
ด้วยการเอาแก้มแนบแก้ม
นราก็ลุกขึ้นยืน เช็ดมือ เตรียมเชคแฮนด์เต็มที่
โอ้โห ตั้งตัวแทบไม่ทัน
เฮียคว้ามือได้ปั๊บ
เฮียดึงมือและตัวเราเข้าไปพร้อมกัน
แล้วเฮียก็เอาแก้มมาถูแก้มเรา พร้อมด้วยเสียง จ๊วบ ที่ข้างหูหนึ่งที
ทั้งหมดสามคน สามรอบ
นราใบ้แดกไปพักนึง ก่อนตั้งสติเป็นเจ้าภาพที่ดีต่อไป
ทุกวันนี้ สัมผัสของหนวดเคราที่ไม่ได้โกนของอัลเฟรโด้และเซซาร์
และหนวดเคราเฟิ้มๆของแบงจามิน
ยังตรึงอยู่ในความทรงจำนราอยู่เลย บรึ๋ยยย
.......................

นินทาเยอะละ กลับมาเรื่องอยุธยาต่อ
ตานี่ เห็นคนไทยข้างหน้าเขย่าเซียมซี กะแช้กๆๆ
ก็บังเกิดความสนใจเป็นอย่างยิ่ง หันมาถามว่า นั่นคืออะไร
นราก็อธิบายว่า อ๋อ มันเอาไว้ทำนายดวง
ยูก็เขย่าๆ จนกว่าไม้มันจะหล่นมาอันนึง
แล้วยูก็เอาเลขบนไม้นั่นไปแลกกระดาษทำนายดวง


ปัญหาที่พบคือ คุณๆเหล่านี้จะเขย่าเซียมซีเหมือนเกรงใจ
เขย่าในแนวตั้งเก้าสิบองศา ชาตินึงก็ไม่หล่นหรอกเพ่
นราบอกว่า เออ เขย่าแรงๆก็ได้ เอียงๆหน่อยก็ดี
แล้วก็...ซ่าาาาา
หกออกมาหมดเลย ฮ่าาา
น่ารักมาก เขาหันมาทำหน้าเขินแล้วบอกว่า
"อ่า มันออกมาหมดเลย แล้วไอจะทำไงดี เอาไปแลกหมดนี่เลยเหรอ"
......................

แดเนียล หนุ่มผู้อยากรู้อยากเห็น
คือเฮียแกสนใจอยากทำบุญถวายผ้าห่มองค์พระ
เอ้า นราก็แปลๆๆ เฮียก็ไปจ่ายตังค์ รับพานใส่ผ้ามา
หารู้ไม่ว่าต้องท่องบทสวดถวายผ้าให้พระด้วย
โอ๊ย ทั้งฮา ทั้งน่ารัก
เราคนไทยยังท่องภาษาบาลีไม่ค่อยจะถูกเลย
พ่อหนุ่มนี่ก็ตะกุกตะกัก ถูกบ้างผิดบ้างตามลุงเจ้าหน้าที่ไป
น่ารักค่ะ น่ารักๆ


ก่อนออกจากวัด นราก็สอยกระเป๋ามาสองใบ
ใบละร้อยอ่ะ สองใบต่อได้ร้อยเก้าสิบ
มันเป็นกระเป๋าแบบที่ขายตามมาบุญครองใบละสองร้อย
ทรงคล้ายๆฟักทอง ตูดป่องๆ สะพายไหล่
สีม่วงของเรา สีดำของมาม้า

หลังจากนั้นก็มาต่อกันที่ปางช้าง
ใครจำข่าวที่มีคนทาสีช้างเป็นแพนด้าได้มั่ง
นี่เลย เจ้าช้างน้อยตัวนี้เลย เหยื่ออารมณ์ ก๊ากกก
สังเกตดูดีๆ จะเห็นตายังเป็นวงดำๆอยู่เลยอ่ะ


ช้างน่ารักอ่ะนะ แต่ปางช้างเหม็นง่ะ
อบอวลตลบไปทั่วลานช้างเลย กลิ่นลาเวนเดอร์เนี่ย
แต่ไม่เห็นฝรั่งบ่นนะ สงสัยชอบ
ไว้นราจะสกัดน้ำมันหอมกลิ่นช้างเน่าไปขายฝรั่ง
อืมมม รวยๆ
........................

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากคณะนศ.เม็กซิโกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
1. คนเม็กซิโกไม่จำเป็นต้องนอน: พวกนี้ปาร์ตี้หนักมาก กล่าวคือ เรียนแปดโมงครึ่งถึงสามโมงครึ่ง กลับโรงแรม หกโมงออกไปเที่ยวคลับ กลับโรงแรมตีสี่ เจ็ดโมงเตรียมตัวมาเรียน ไม่น่าเชื่อแต่มันคือเรื่องจริง ท่านอาจจะแย้งว่า โด่ย คนไทยตั้งเยอะก็ทำอย่างนั้นได้ แต่จุดที่ไม่เหมือนกันคือ แม้จะเมาค้างและง่วงนอน ชาวเม็กซิกันเหล่านี้ก็ยังมาเรียน และไม่หลับในห้องเรียนด้วย

2. การเรียนในชั้นเรียนแตกต่างจากเด็กไทยโดยสิ้นเชิง เด็กไทยจะตั้งหน้าฟังสิ่งที่อาจารย์พูด จด และเมื่อหมดคาบหลังประโยคยอดฮิตของอาจารย์ "มีคำถามอะไรไหม" ก็จะเงียบกริบราวป่าช้าร้าง แต่สำหรับเด็กเม็กซิกันแล้ว เขาจะถามทันทีที่สงสัย เรียนมาแล้วประมาณหกวิชา ยังไม่มีวิชาไหนที่ไม่มีคนยกมือถามเลยสักกะที บางทีถามจนกลายเป็นการ Discuss ไปเลย

3. ยึดติดกับสิทธิที่สมควรจะได้รับอย่างยิ่ง และทำอะไรตามใจอยู่เล็กน้อย เช่น นึกอยากจะดวดเบียร์ในรถตู้ ก็บอกให้จอดตรงเซเว่น อ่ะไอ้เราก็ตามใจ ผ่านไปแป๊บนึง เฮ้ย มันเอาอีกแล้ว เบียร์หมดๆ จอดหน่อยๆ ต้องบอกให้อาจารย์เขาลงไปจัดการ เพราะเราเอาไม่อยู่ เขาจะพูดแต่ว่า ไม่เป็นไรหรอกน่า นิดนึงนะๆ
...........................

ใบตองจ้า
นรายังไม่ได้เล่นซิมสามเลยอ่ะ
มีแผ่น(ผี) แต่ลงแล้วเล่นไม่ได้
ใบตองเล่นยัง สนุกมั้ย

หมูหวาน
ยินดีด้วยที่กลับมาแล้ว มีของฝากป่ะ
ว่างๆไปตระเวนกินกันเหอะ