วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2552

My First Big Job with Japaneses



วันนี้นราทำงานใหญ่งานแรก ต้อนรับแขกจากญี่ปุ่น เป็นนักศึกษาสิบเอ็ดคนจากโอซาก้าและฮาโรโกโมะ ที่จะมาเข้าค่ายอาสาพัฒนาที่จ. กาฬสินธุ์ เขามากันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
และวันนี้นราก็แหกขี้ตาตื่นไปรับที่โรงแรมนี้ตอนเจ็ดโมงครึ่ง เพื่อจะพาไปชมมหาลัยและชมเมือง

โรงแรมนี้อยู่แถวบ้านเรา สภาพภายนอกดูไม่ออกเลยว่าเป็นโรงแรม
นั่งรถผ่านหลายครั้ง คิดว่าเป็นสปา ไม่ก็สำนักลัทธิอะไรสักอย่าง
ประตูหน้าโรงแรมกว้างไม่ถึงสองเมตรครึ่ง มีคบเพลิงเรียงๆ มีประตูไม้ยักษ์ พร้อมฆ้องไว้ลั่นเหมือนในเปาบุ้นจิ้น

เมื่อก่อนมันเป็นตึกแถว เจ้าของเกิดไบรท์อะไรขึ้นมาไม่รู้ ทุบทิ้งทำใหม่เป็นโรงแรมเล็กๆ สไตล์โมร็อคโค
สวยมาก น่าพักมากกก
กระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักไปหมดเลย นี่ขนาดแค่ลอบบี้กับสระว่ายน้ำนะเนี่ย



ช่วงเช้าไม่มีอะไรมากค่ะ ทัวร์มหาลัย แล้วก็ทานข้าวกลางวัน
หลังจากนั้นนรากับผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการก็พาเขาไปล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยากัน
ด้วยความที่เราคอยรั้งท้ายเพื่อเช็กคน เลยขึ้นเป็นคนสุดท้าย
ได้ที่นั่งหลังสุด
ใกล้ชิดกับเครื่องยนตร์เรือหางยาวขนาดห้าสิบแรงหมาและลำโพงเซอร์ราวด์ขยายเสียงไกด์แบบสุดๆ

สองหนุ่มนี่คือโชตะคุง และโซเฮย์คุง แอบหลับตอนล่องเรือด้วย
ซายูริจัง น่าร้ากกก
ข้างหลังหัวเหม่งๆ นั่นคือไดสุเกะคุง หนุ่มคาราเต้ใจงาม
ตอนน้ำสาดเข้ามาเปื้อน ก็ยื่นผ้าขนหนูมาให้เรายืม
เอ แต่ก่อนหน้านี้มันเอาไปเช็ดอะไรมาหรือเปล่าหว่า


นั่งเรือหางยาวแบบทรมานทรกรรมอ้อมตลิ่งชันออกบางกอกน้อย
ก็ย้ายมาขึ้นเรือที่ดูดีกว่าเดิมหน่อย เป็นเรือไม้สวยงาม
มีเสิร์ฟไหมไทยแบบไม่ใส่แอลกอฮอล์ และผลไม้ไทยเยอะแยะ
เคย์ตะคุงกับคาซึคุง เขมือบอะไรไม่รู้
แต่รู้ว่าเคย์ตะชอบกล้วยมาก ถึงกับถือติดมือลงไปด้วยจนถึงสวนลุม
ไม่รู้ติดใจอะไร ถือเฉยๆ ไม่ยอมกินด้วยนะ


พวกเด็กผู้ชายจะเพี้ยนๆ ฮาๆ อย่างโยชิฮิโรคุง
เข้ากล้องทีไร เป็นต้องทำหน้าพิลึกๆ แบบหรี่ตา แลบลิ้น ตาเหลือก ทุกที
สาวๆ น่ารักกันทั้งนั้นเลย ทั้งซายูริ ยูเมโกะ แล้วก็โทโมโกะจัง
พูดอังกฤษไม่ได้แต่ก็ยิ้มๆ แล้วเวลาเราถามอะไร ก็จะตอบกลับมาเป็นภาษาญี่ปุ่นซะงั้น

กลับถึงมหาลัย ห้าโมงครึ่ง
ลากสังขารขึ้นไปบนห้องทำงาน เขียนใบทำงานล่วงเวลา
แล้วก็ลากซากไร้วิญญาณโทรมๆ กลับบ้าน
ถ้าใครต้องกลับทางพระรามสี่ช่วงห้าหกโมง คงทราบดีว่ารถมันติดบรรลัยจักรแค่ไหน
แค่กิโลเดียว ซัดไปเกือบครึ่งชั่วโมง
ยืนโหนราวเป็นชะนีหลงป่าจนขนแทบร่วง รถก็ไม่ขยับ
แถมพอได้นั่ง เจือกหลับ นั่งเลยป้ายอีก ตั้งสามป้าย
.....
โอ้เอ๋ยชีวิตคนทำงาน
เข้าใจความเหนื่อยของแม่ขึ้นมาบ้างแล้วละ
มาถึงบ้านได้ ก็ไม่มีอะไรกิน
เลยทำแซนด์วิชอะโวคาโดกินเองค่ะ

อร่อยนะ มันๆ ดี
กินแตงโมไปเศษหนึ่งส่วนสี่ของครึ่งลูก กับเค้กหนึ่งชิ้น
ค่อยยังชั่ว
ยังเหลือศุกร์ และเสาร์ ที่เราต้องลุยทำงาน ก่อนจะได้พักวันอาทิตย์ จันทร์
คราวนี้คงได้ผอมสมใจแน่ เพราะเหนื่อย
แถมเวลาทำงานก็กินขนมไม่ได้ด้วย

วันที่สิบแปดจะมีนักศึกษาอเมริกันมาดูงาน
ไว้จะเล่าให้ฟังนะคะ
วันนี้ขอไปชาร์จแบตก่อนค่ะ บิ้ว


2 ความคิดเห็น:

  1. หน้าตาแบบซายูรินี่ ไม่มีในฮิโรไดค่ะ
    เด็กฮิโรไดบ้านนอกกกก หัวยังสีดำกันส่วนใหญ่
    ค่อนข้างจะอนุรักษ์นิยมนะ

    คุยกะคนญี่ปุ่น คุยกะผู้ชายสนุกกว่า
    (ความจริงก็ทุกชาติ คุยกะผู้ชายสนุกกว่า)
    แต่ว่ามันจะคุยตลอด เหอะๆๆ กรูอยากอยู่เงียบๆก็ไม่ได้เฟ้ย

    แซนด์วิชอโวคาโดน่ากินจังค่ะ
    แนนไม่เคยกินเลยอ่ะ เห็นอโวคาโดที่ยูเมะมีขายลูกละ 98 เยน
    เดี๋ยวต้องไปซื้อมาลองบ้าง

    สู้ๆนะคะ จุ๊บๆ

    ตอบลบ
  2. ที่พ่อหนุ่มเค้าหิ้วกล้วยติดมือ มุกว่าเพราะความตื่นเต้นที่ครั้งนึง จะได้กล้วยไว้ในครอบครองทีละเยอะๆนะคะ เพราะกล้วยที่ญี่ปุ่นขายเป็นลูกคะ ไม่ใช่หวีแบบบ้านเรา แถมราคาต่อลูกเนี่ย แพงพอๆกับอาหารกลางวันหนึ่งเซ็ตเลยนะคะนรา ทริปนี้มุกกุอยากไปด้วยจัง ญี่ปุ่นเยอะดี ฮ่าๆๆๆ
    แต่ช่วงนี้คงได้แต่ทำโปรเจคนะคะ เหนื่อจัง อยากไปเที่ยว


    อาทิตย์หน้า มุกกุก็จะเปิดเทอมแล้วหละคะ ยังไม่ได้พักผ่อนให้หายเมื่อยเลย หวัดก็ยังเป็นอยู่เลยคะ แต่ไม่กล้ากินยาต่อ เพราะมุกกินมาสัปดาห์กว่าๆแล้ว ไม่หายซะที กลัวกินต่อแล้วมันจะเกินขนาดนะคะ

    อโวคาโดเนี่ย ตั้งแต่เกิดมามุกเพิ่งกินไปครั้งเดียวเองคะ รู้สึกแปลกๆ ฮ่าๆๆ เหมือนจะอร่อย แต่มันก็แทม่งๆ เลยไม่รู้ว่ามันอร่อยหรือไม่อร่อย


    รอดูทริปเด็กอเมริกานะคะ

    ตอบลบ