แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ งานเลี้ยง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ งานเลี้ยง แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Lunch in Town at Red Chili

บ่นๆๆๆ ว่าตังไม่มี
แต่พอเพื่อนมาชวนไปกินข้าวข้างนอกก็ไปทุกที
ช่วงนี้นรกมาก ไม่ได้ไปว่ายน้ำเลยตั้งแต่ทำงานนำเสนอหน้าชั้น อ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะยัดห่าในปริมาณเท่าเดิมหรือมากขึ้น แต่ไม่ออกกำลังกาย พุงหนานุ่มน่าขยำเข้าไปทุกวัน
.
วันนี้ไปทานที่ร้าน Red Chili ในเมืองมา
เป็นร้านอาหารจีนร้านใหญ่ ราคาแพงใช้ได้
เหมาะกับการไปหลายๆคนแล้วแบ่งกันจ่าย
วันนี้ทั่นประธานกิ๊กจะกลับบ้านที่ไทย ก็เลยถือโอกาสเลี้ยงบ๊ายบายซะเลย
ไปถึงตอนเที่ยง ร้านไม่มีคน
มีพนักงานหน้าตาเหมือนโดนผัวทิ้งมาต้อนรับ
ร้านนี้เป็นร้านที่ห้ามพนักงานยิ้ม ไม่มีใครยิ้มเลย
ไปกันหกคน แต่ละคนหิวซ่กกันทั้งนั้น
คนอื่นไม่รู้ แต่นราอะหิว แถมช่วงนี้กินเยอะมาก
อยากกินไปซะทุกอย่าง
คนที่เคยมากินแล้วก็พอรู้ว่าต้องสั่งอะไรมั่ง
นราเคยมาแค่ครั้งเดียว จำได้ว่าเคยได้กินหมี่เส้นแบนๆผัดที่อร่อยมาก ใส่หน่อไม้ กุ้งยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ ไข่เต็มๆ อาหย่อยยย แต่ดันจำชื่อมันไม่ได้ วันนี้อยากจะกินแต่นึกไม่ออกก็เลยอดไป ดูในเมนูก็อ่านไม่ออก คำอธิบายก็คลุมเครือๆ เลยช่างมันไม่กินก็ได้ ไม่ง้อ
.
จริงๆไปแล้วก็อยากจะกินเป็ดย่างที่เขาลือว่าอร่อยนักหนา แต่พนักงานบอกว่าเราไม่เสิร์ฟเป็ดจนกว่าจะหกโมง เลยอด ได้กิน Aromatic Duck แทน เป็ดหอม เป็นไงหว่า
สั่งโค้กไปสามชาติเศษ โค้กไม่มา สันนิษฐานโดยทั่นประธานกิ๊กว่าพนักงานกำลังปลูกต้นโคคาอยู่
สักพัก(ใหญ่มาก) พนักงานก็เอาเครื่องเคียงกับซอสฮอยซินมาเสิร์ฟ
เป็นแตงกวากับลีคซอยเป็นเส้น ผักสดน่ากินดี ขนาดนราไม่ชอบกินผักดิบยังคิดว่ามันน่ากินเลย
เป็ดมาแล้ว มาพร้อมพนักงานหนึ่งคน
เป็ดที่ว่านี่เป็นเป็ดทอดกรอบ มีเสิร์ฟสามพอร์ชัน คือ 1/4 ตัว ครึ่งตัว แล้วก็ทั้งตัว 25 ปอนด์ ตอนแรกลังเลกัน เอ๊ จะสั่งทั้งตัวดีไหมเดี๋ยวกินไม่หมด ปรากฏว่าแทบไม่พอจะกินซะยังงั้น
คุณพนักงานที่มาพร้อมเป็ด มีหน้าที่ขูดเป็ดให้เป็นฝอยๆ เพื่อจะได้ทานคู่กับแผ่นแป้งกลมๆคล้ายปอเปี๊ยะ แต่อันนี้มันหนากว่าหน่อย แล้วก็แห้งๆเหมือนกระดาษ
ขูดเสร็จแล้วเขาก็ไป
สังเกตปากจู๋ มุ่งมั่นมาก
เป็ดมาร้อนๆ กินร้อนๆ หนังกรอบๆ อร่อยมาก
ยิ่งทานกับฮอยซินซอสยิ่งแซบอ่ะ ซอสมันเหนียวๆ หวานๆ แตงกวาก็สด กรอบ ลีคปกติมันจะเหม็นๆ เผ็ดซ่าๆ กินกับเป็ดกับซอสแล้วก็กรอบๆ อร่อย สดชื่นดี

ใช้เวลาจัดการเป็ดประมาณยี่สิบนาทีถึงครึ่งชั่วโมง
ก็บอกให้เขาเอาอาหารหลักมาเสิร์ฟได้
ที่นี่เลือกได้นะคะว่าจะรับอาหารที่สั่งทั้งหมดทีเดียวเลย หรือจะรับอาหารเรียกน้ำย่อยก่อนแล้วค่อยทานมื้อหลัก แต่แบบหลังจะช้ากว่ามาก
เป็ดอร่อยนะ แต่เทพีของมื้อนี้ยกให้จานนี้เลยอ่ะ
ปูนิ่มทอดกระเทียม
โคตร พ. โคตร ม. อร่อย

มันเป็นส่วนกรรเชียงปู ที่ชุบแป้งทอดจนกรอบแล้วกินได้ทั้งอัน ไม่ต้องมานั่งแคะเปลือกให้เสียอารมณ์
เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาอังกฤษที่ได้กินปู
อาหารจีนต้องกินร้อนๆ ไม่งั้นเลี่ยน
โดยเฉพาะอาหารทอดแบบนี้ กินตอนร้อนๆ กรอบๆ โคตรอร่อยเลย
แถมจานนี้มันมีเศษแป้งฝอยๆ กรอบๆ ผสมเศษหอมใหญ่กับพริกหวานสับ เอามาคลุกกินกับข้าวก็อร่อยแล้ว
เนื้อปูหวานมากค่ะ เสียดายคนเยอะ กินได้นิดเดียว กะว่าวันหลังจะแอบกลับไปล้างแค้นกับจานนี้คนเดียว กินแม่งให้กรรเชียงงอกไปเลย

จานนี้ก็อร่อยนะ
ปลาหมึกทอดเกลือและพริกไทย
แต่นราไม่ชอบเนื้อหมึกแบบนี้ ชอบแบบที่เป็นเนื้อขาวๆชิ้นใหญ่ๆ แบบที่ร้านติ่มซำมากกว่า
แต่ก็อร่อยดี เศษแป้งทอดก้นจานก็อร่อย แต่เค็ม

จบมื้อ โดนค่าเสียหายกันไปคนละ 13 ปอนด์
ค่อนข้างแพงนะ แต่ถ้าไม่มากินทุกวันก็คงไม่หมดตัว
กินเสร็จคนอื่นก็ทยอยกันแยกย้าย เหลือนรากับเพื่อนชื่อนัทเดินโต๋เต๋กันในเมืองสองคน
เป็นครั้งแรกที่ซื้อเสื้อชั้นในกับคนที่ไม่ใช่แฟนและแม่
แอบเขินนะเนี่ย
ได้เต้าหู้กับลูกชิ้นปลาไส้เห็ดหอมมาด้วย
ตอนเดินกลับกินไอติมไปโคนกับเกาลัดจากร้านจีนอีกถุง
ตัวเองยังตกใจเลยว่าทำไมกรูกินเยอะอย่างนี้
ตอนนี้นั่งพิมพ์ๆอยู่ก็อยากกินอะไรสักอย่างนะเนี่ย
คือท้องมันไม่หิวหรอก แต่ปากน่ะมันอยาก
เจริญ
เงินหมดเพราะเรื่องกินนี่แหละ
.
อัพเดทเรื่องเรียนกันหน่อย
ก่อนมา มีคนดูลายมือให้แล้วบอกว่า เรื่องเรียนจะมีปัญหานะ
ไม่น่าเชื่อ มันมาแล้ว ปัญหาขนาดใหญ่สามช้างโอบ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เราด้วย ไม่รู้จะแก้ยังไง ตอนนี้เครียดแล้ว ผมร่วงนิดหน่อย แต่ไม่ผอมแฮะ เซ็ง
คือนราทำแบบสอบถามเพื่อวัดว่าเกมดอทเอมันเป็นที่นิยมในหมู่นศ.ชายแค่ไหน ก็แจกไปร้อยชุด แล้วก็บอกว่าถ้าใครยินดีอยากให้สัมภาษณ์ก็ทิ้งอีเมล์ไว้นะ
ก็มีคนเขียนอีเมล์ทิ้งไว้ให้สิบกว่าคน
แต่พอเมล์ไป เชื่อหรือไม่ เกินครึ่งเป็นเมล์ปลอม ส่งไปแล้วตีกลับทันที
ที่เหลือที่นิดหน่อยก็ไม่เคยตอบกลับเลย
ไม่เข้าใจว่า ถ้าไม่อยากให้สัมภาษณ์ เมิงจะทิ้งอีเมล์ปลอมเอาไว้เพื่ออะไรวะ ก็ทิ้งว่างไปเด้
ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว นศ.ที่กะเอาไว้สัมภาษณ์ นรกมาเยือน
ไม่รู้จะทำไงแล้วค่ะ ฮือ
.
เหลือเวลาอีกสองเดือน
ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า
แต่ก็จะพยายามต่อไป
มีเรื่องอะไรเข้ามาเยอะแยะไปหมดเลย
คิดถึงทุกคนนะคะ

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Afternoon Tea at Betty's

อยู่อังกฤษมาก็นาน
เดือนนี้ก็ปาเข้าไปเดือนที่สิบแล้ว
ไม่เคยสักทีที่จะได้ลองดื่มชายามบ่ายแบบผู้ดีอีงกฤษกะเขา
ไปแต่ร้านอาหารจีน ร้านติ่มซำสนองตัณหาตัวเอง
พอดีว่าเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา แดน เพื่อนคนอเมริกันที่เคยมาเรียนที่ยอร์กเทอมนึงแล้วก็กลับนิวเจอร์ซีย์เขากลับมาเที่ยว นราก็ไปรอรับที่สถานีรถไฟ แล้ววันนี้ก็เลยนัดกับเพื่อนๆหลายๆคนไปเป็นผู้ดีอังกฤษที่ร้านชาที่ดังที่สุดในยอร์ก เบ็ตตี้ ที รูม
เคยพูดถึงตอนมาถึงใหม่ๆ ไปหาอ่านเอาเองนะขี้เกียจไปย้อนดูว่ามันอยู่เอนทรี่ไหน อิอิ
วันนี้แปลก คิวไม่ยาว
ปกติแถวต้องยาวตวัดหางออกมานอกร้าน ประหนึ่งว่าเป็นชาเทพ สโคนทิพย์ กินแล้วเขียนวิทยานิพนธ์เสร็จในสองสัปดาห์
แต่ถ้ามันกินแล้วเสร็จได้เร็วอย่างนั้น ชุดละพันปอนด์นราก็เอาค่ะ
ทุกคนเรียกเบ็ตตี้ว่าเป็นร้านชา แต่จริงๆมันก็เป็นเหมือนคาเฟ่อะนะ
คือไม่ได้มีแต่ชา แต่มีขนมที่ไว้ทานกับน้ำชา แล้วก็อาหารเบาๆไม่หนักมากให้เลือกเยอะเหมือนกัน ทั้งแซนด์วิช สลัด แล้วก็ย่างๆแบบบิสโทร
ไปกันแปดชีวิต ที่นั่งชั้นบนริมหน้าต่างมันเต็มหมดแล้ว
พนักงานก็เลยพาไปนั่งชั้นใต้ดินแทน ได้บรรยากาศสลัวๆหรูหราไปอีกแบบ
ชอบชุดพนักงานอ่ะค่ะ เป็นเสื้อเชิ้ตขาวติดกระดุมถึงคอ มีกระดุมทองแบบป้าแก่ๆโบราณติด แล้วก็ผ้ากันเปื้อนสีดำ ส่วนใหญ่เป็นป้าแก่ๆ เท่าที่เห็นไม่มีพนักงานเอเชียหัวดำเลยนะ สงสัยเดี๋ยวเสียบรรยากาศมั้งเนอะ
เมนูน่ารักมากมาย
นราก็ไม่ค่อยรู้จักหรอก ชาเชออะไรชื่อประหลาดๆ
แต่เอาวะ กระเหรี่ยงไทยวันนี้จะขอเป็นผู้ดีจิบชาไฮโซซะหน่อย ว่าแล้วก็สั่ง "อะ โพะ ออฟ ถี" ทันที
เพื่อนๆกลุ่มนี้จริงๆก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่
เพราะส่วนใหญ่พวกนี้เขาเป็นเด็กป.ตรีกัน ก็สนุกอะไรกันไปตามประสากลุ่มเพื่อน ใคร้เขาจะมาสนใจยายแก่ๆอายุ 22 จะ 23 อย่างเรา
แต่พอดีว่าแดนมา ก็เลยดรีมทีมรวมตัวกันเป็นการพิเศษ
ซ้ายสุด แดน จากนิวเจอร์ซีย์ ที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเมนูไม่สนใจใครก็นิค สวีเดนส่งเข้าประกวด สาวแว่นชื่อเทเรซา มาจากสิงคโปร์ แล้วก็อเล็กซ์ หนุ่มอังกฤษ
นราสั่ง Betty's Cream Tea ชุดละ 7.95 จริงๆอยากกินสตรอว์เบอร์รีครีมทีมากกว่า แต่มันแพงกว่ากันตั้งปอนด์นึง เลยตัดใจไม่เอา
นั่งอยู่ไม่นานก็มีพนักงานมารับออเดอร์ สักพักที่มาก่อนก็ชาเลย
จะเป็นผู้ดีแร้นเค่อะ
ชามาเป็นสองกา ใบใหญ่ใส่ชา ใบเล็กเป็นน้ำร้อนไว้เติม แจ่มมาก
เกือบหน้าโง่เอากาเล็กมาเทกินเปล่าๆแล้วสิ ดีนะยั้งไว้ทัน
มีนมใส่เหยือกอันจิ๋วมาให้เติมในชา แล้วก็น้ำตาลก้อนที่น่าจะทำเอง เพราะมันไม่เป็นสี่เหลี่ยมป็อกล็อกเหมือนที่เห็นตามร้านทั่วไป แต่เป็นเหมือนน้ำตาลอัดก้อนหยาบๆ อารมณ์เหมือนน้ำตาลทรายที่บ้านเราเวลาเปิดป๋องมาใช้แล้วเสือกปิดไม่สนิท อากาศเข้า น้ำตาลเลยจับเป็นก้อน ประมาณนั้น
.
ครีมทีที่สั่ง มาแล้วจ้า
คิดว่าเป็นชาใส่ครีมใช่มั้ย ต้องมีคนคิดแน่ๆ เพราะเมื่อก่อนก็คิดเหมือนกัน
มาเห็นคนที่นี่กินแล้วถึงเข้าใจว่ามันไม่ใช่ชาใส่ครีมเลี่ยนๆ แต่เป็นชุดน้ำชา ที่เสิร์ฟมาพร้อมสโคนสองชิ้นผ่าครึ่งมาให้ แยมสตรอเบอร์รี แล้วก็ Clotted Cream ที่เหลืองๆเหมือนเนยนั่นแหละค่ะ มีคำแปลภาษาไทยไหม?
สโคน หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
เนื้อออกร่วนๆหน่อย แต่ไม่ถึงกับกัดแล้วร่วงกราว ในเนื้อแป้งผสมลูกเกดด้วย พอดีนราไม่ปลื้มลูกเกดเท่าไหร่เลยเฉยๆ แต่สโคนของเบ็ตตี้หอมเนยมากๆ เสียดายว่ามันไม่ร้อน ไม่งั้นคงอร่อยกว่านี้วิธีทดลองกินแบบผู้ดี:
1) ทาครีมก่อน แล้วค่อยทาแยม วิธีนี้ให้ผลว่าทาแยมไม่ติด เพราะครีมมันหนาเตอะลื่นแพร่ดไปหมด ดังนั้นก็เลย 2) ทาแยมแล้วค่อยทาครีม
คราวนี้แจ่มเลย
แยมสตรอว์เบอร์รีหวานไปหน่อย เข้าใจว่าเป็นโฮมเมดเลยหนืดซะขนาดนั้น ส่วนครีมก็รสชาติอธิบายไม่ถูกดีค่ะ มันจะรสชาติคล้ายเนยตอนแรก แต่พอเคี้ยวไปสักพักรสมันจะจางลงเป็นรสเย็นๆมันๆ บอกไม่ถูก
นราทำให้เพื่อนฝรั่งตกตะลึงด้วยการปาดครีมทีนึงหนาครึ่งนิ้ว มอริทซ์ คนเยอรมันถามว่า กินเข้าไปได้ไงไม่เลี่ยนเหรอ
แหม ถ้ากินแล้วเลี่ยนกรูก็คงไม่หน้าบานเป็นลานจอดคอปเตอร์ยังงี้หรอกจ่ะ
.
ไม่รู้นิคสั่งอะไร น่ากินสุดโคตร อยากขอกินแต่ไม่กล้า
หน้าตาเหมือนเป็นไอศกรีม ราดซอสสตรอว์เบอร์รีกับครีม ปะด้วยสตรอว์เบอร์รีลูกมโหฬารมาก เจ็บใจว่าทำไมเราไม่สั่งอย่างนั้นมั่งฟะ น่ากินกว่าหนมปังทาครีมตั้งเยอะ หมายมั่นปั้นมือไว้แล้วว่าโดนแน่เมนูนี้ คราวหน้าถ้ามีบุญได้มาอีกจะสั่งมากินซะให้หายแค้น
.
อเล็กซ์ที่ตัดผมแล้ว เมื่อก่อนไว้ยาวสลวยมาก นราสุดเซ็กซ์ แล้วก็มอริทซ์
อเล็กซ์นี่ โปรดสังเกต เป็นฝรั่งที่ชูสองนิ้วทุกรูป แปลกมาก
ปกติมีแต่คนเอเชียที่ชอบทำ ฝรั่งไม่ค่อยทำ
บางทีเพื่อนก็ถามนรานะ ว่าทำไมยูต้องชูสองนิ้วด้วย แปลว่าอะไร
เอ ไม่รู้แฮะ แปลว่านราขอสองมั้ง อิ๊อิ๊อิ๊
วันนี้ได้หายโง่ไปอีกหนึ่งเรื่อง
คือเรื่องส่งไฟล์จากมือถือเข้าคอมผ่านบลูทูธ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยโอนไฟล์จากมือถือเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เลย มันจะขึ้นมาบอกว่าส่งไม่ได้ เฟลตลอด ส่งได้แต่จากคอมเข้ามือถือ
วันนี้ดวงตาเห็นธรรม ว่าต้องไปกดตรงไอ่บลูทูธไฟล์วิซาร์ด แล้วเลือกก่อนว่าจะให้คอมรับหรือส่งไฟล์
แหมมมมม แล้วก็ไม่บอกกันก่อนว่าเป็นได้ทั้งฝ่ายรุกและฝ่ายรับ
ปล่อยให้น้องโมฯเป็นฝ่ายรับอยู่คนเดียวมาเป็นปี โทรมกันพอดี
ว่าแล้วก็ให้ดูความอุดมสมบูรณ์ของนรา นมเล็กรู้แล้วไม่ต้องทัก
แล้วที่เห็นแขนงอๆ ไม่ได้ดันนมด้วยความพยายามอยากจะใหญ่นะ ถือไอติมอยู่แล้วมันละลายย้อยลงมาเลยหมุนข้อมือหนีค่ะ
อูย ขี้เกียจอะ
ใครมียาแก้ขี้เกียจบ้างไหมเนี่ย
โคตรของโคตรขี้เกียจเลย ไม่อยากทำอะไรเลยอยากนอนอย่างเดียว
ตอนหน้าหนาวก็เป็นแบบนี้ แต่ตอนนั้นมันหิมะตก อากาศมัวซัว
ตอนนี้จะโทษอากาศไม่ได้แล้วสินะ เพราะแดดดี สดใสซะขนาดนี้
ต้องโทษตัวเองแล้วค่ะ
เอวัง

วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2553

Chinese Hot Pot

หายไปนานมาก
ยุ่งอ่ะค่ะ ช่วงนี้งานมันรุมเร้า
แถมบอกตรงๆ ไม่มีอารมณ์จะอัพบล็อกอะไรทั้งสิ้น
ทำไมก็ไม่รู้ ช่วงนี้ป่วยบ่อย จะง่วงนอนตลอดทั้งวัน
ตื่นมากินข้าวแปปเดียวก็จะง่วงอีกแล้ว งานการเลยไม่ค่อยเดิน
.
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ไปกินฮอทพอทจีนกับพี่นุช อ.คนไทยที่สอนที่ยอร์ก กับน้องอีกสองคน
เนื่องในโอกาสวันเกือบจะคล้ายวันเกิดของพี่เขา
ฮอทพอทจีน ก็คล้ายๆกับสุกี้เอ็มเคบ้านเราแหละ
แต่จะดูเถื่อนๆกว่านิดหน่อย


ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ เล็กมาก มีสองชั้น แต่ประตูทางเข้าโคตรเตี้ย
หัวจะฟาดขื่อหลายทีแล้ว
ชื่อร้านคืออะไรไม่รู้ จำไม่เคยได้ เรียกกันแต่ว่าฮอทพอทๆ
จริงๆขายอาหารจีนเป็นหลัก ฮอทพอทนี่ของพิเศษ
ต้องไปกินกันหลายๆคนถึงจะคุ้มค่ะ แพงเหมือนกัน
.
น้ำจิ้มสามอย่าง
ไม่เคยกินเลย แต่สัมภาษณ์น้องคนที่ไปด้วย
เห็นบอกว่ามีรสชาติเหมือนน้ำพริกเผา ส่วนที่สีขาวๆรสเหมือนเป็นถั่วบด
ผักมาแย้ว
อารมณ์ประมาณชุดผักสุขภาพเอ็มเค
มีผักกาดขาว ผักไอ้นั่นแหละเขียวๆ ผักกาดจีนหรอไม่รู้จักอ่ะ
เห็ดหอมเหี่ยวๆ แล้วก็เต้าหู้
ผักบุ้งไม่มี อยากกินมาก แต่ผักบุ้งที่นี่ราคาเหมือนซื้อเหมืองทอง ไม่เข้าใจทำไมต้องแพงเว่อขนาดนั้น เลยไม่เคยได้กินเลย
สักพักพนักงานคนจีนก็ยกเตาแก๊สมินิแบบปิกนิกมาให้ ตั้งหม้อ น้ำซุปที่นี่มีสี่อย่างค่ะ แบบสะเต๊ะไต้หวันหวานๆอร่อยดี แบบน้ำซุปกระดูกหมู ซุปกิมจิเปรี้ยวๆ แล้วก็ซุปเสฉวนที่เผ็ดฉิบหายวายวอด
วันนี้เราสั่งแบบกิมจิแล้วก็กระดูกหมู เค้มเค็ม

นอกจากนั้นก็สั่งอาหารอย่างอื่นมาอีกสองจาน
จานแรก ข้าวผัดซีฟู้ด
กุ้งมโหฬารบานเบอะ ปลาหมึกยักษ์บิ๊กเบ้ง
มีใส่เห็ดกับปูอัดด้วย ข้าวผัดอร่อยมาก ไม่แฉะเลย
ข้าวเหนียวนุ่มร่วนเป็นเม็ดๆ อร่อยกำลังดี

จริงๆ สั่งปลาหมึกทอดเกลือและพริกไทยมาด้วย
จานนี้อร่อยลืมโลก อร่อยมาก
เป็นปลาหมึกชิ้นๆ ชุบแป้งทอด สีเหลืองอ่อนๆ
คลุกกับเกลือ พริกไทย หอมใหญ่กับพริกหยวกสับ
อร่อยจนลืมถ่ายรูป
.
พอซุปเดือด เนื้อก็มาเสิร์ฟ
เนื้อมาเยอะมากค่ะ กินกันสี่คนเกือบไม่หมด
มีเนื้อหมูกับแกะ จริงๆมีวัวด้วยแต่ขอเปลี่ยนเพราะพี่เขาไม่กิน
นราเล็งแต่แซลมอนแหละ เหะๆ
ชิ้นใหญ่น่ากิน ดูสดดีด้วย
ดูปลาหมึกจิ น่ากินโนะ หนาๆ ขาวๆ อวบๆ
อย่างนี้ป๋าชอบ
มีกุ้งมาให้นิดหน่อย ปูอัดเฉิ่มๆ
แล้วก็หอยยักษ์ อยากกินเหมือนกันแต่ควานหาไม่เจอ ก็อดไป
นั่งกินกันไปประมาณสองชั่วโมง
พอถึงเวลาจ่ายเงิน ก็ตกคนละประมาณสิบสามปอนด์
อิ่มอร่อยตะละลาลี้ลูกันสุดๆ
เย็นแล้วนรายังไม่ค่อยอยากกินอะไรเท่าไหร่เลย
.
จริงๆช่วงนี้ก็ไปกินของอร่อยบ่อยเหมือนกันนะ
บ่อยจนเงินแห้งแล้วเนี่ย
ใครก็ได้ ส่งเงินมาให้ฉันที
(ร้องทำนองเพลงประกอบหนังรถไฟฟ้าฯด้วย)

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Food Fiesta #1

วันนี้วันเสาร์ เป็นวันเฟียสต้าที่แต่ละชาติจะทำอาหารประจำชาติแล้วก็มาจัดซุ้มแข่งกัน ตื่นมาตั้งแต่ประมาณเก้าโมงกว่า ทั่นประธานกิ๊กมาเคาะเรียกเพราะต้องทำอาหารเตรียมให้ทางโรงครัวมารับไปตอนบ่ายครึ่ง
.
สำหรับประเทศไทยในปีนี้ เรามีลาบไก่
ไก่ย่าง

แล้วก็เขียวหวานห่อไข่ค่ะ
อาหารแต่ละอย่างแบ่งกันทำตามครัวคนไทยต่างๆ
เขียวหวานห่อไข่นี่ มาทำที่ครัวนรา
ทั่นประธานน้องกิ๊ก เทพเหลือล้นทนเหลือหลาย
ยืนทอดไข่ให้เป็นแผ่นบางๆ เกือบร้อยแผ่น
ไข่หมดไปสี่แพ็ก แพ็กละสิบแปดฟอง
ออกมาสวยมาก ไข่ทอดแล้วซ้อนกันเป็นตั้งๆ นุ่มฟูแลดูน่าหม่ำ

ไส้เขียวหวานเป็นไก่
ใช้ซุคกินี หรือที่ที่นี่เรียกว่าคูร์แจ็ต แทนมะเขือเปาะ
ใครจะไปซื้อไหว มะเขือสองลูกคิดเป็นเงินไทยห้าสิบบาท
ฝีมือทั่นประธานอีกแล้ว
นรากับน้องลูกมืออีกคนทำหน้าที่ตอกไข่ ตีไข่ หั่นคูร์แจ็ต
แล้วก็ยัดใส้ไข่ ซึ่งก็เป็นงานที่สนุกมาก

สวยมั้ยๆ
น่ากินมากมาย
ขนาดเราไม่ชอบกินของเผ็ดยังว่าหอมน่ากินเลย
ทำไปคุยไป
พอทำไข่ขาดก็หาเรื่องเก็บไว้กินต่อเอง

พอบ่ายโมงเกือบครึ่งทางโรงครัวก็ส่งรถมารับอาหาร
ที่นี่กฏเกณฑ์เรื่องอาหารเยอะมากค่ะ สุดๆ
ห้ามปรุงอาหารที่ทำด้วยข้าว เพราะกลัวข้าวบูดแล้วเกิดแบคทีเรีย
ห้ามเอาอาหารมาอุ่นใหม่ เดี๋ยวแบคทีเรียโต
ต้องวัดอุณหภูมิอาหารปรุงสุกให้เกิน 75 องศาทุกครั้ง
เอาอาหารไปส่งต้องไปรอบเดียวให้หมด
จุกจิกมากมาย
เพราะอย่างนี้มั้งฝรั่งถึงได้แพ้โน่นแพ้นี่ ทั้งถั่ว นม ไข่ แป้ง อากาศ น้ำ บลาๆๆ ไม่แข็งแรงเหมือนคนไทยที่กินอาหารรถเข็นข้างทางคลุกตะกั่วและแคดเมียมทุกวัน
จริงๆ มีน้ำตะไคร้ด้วย แต่ต้มเสร็จไปแล้วตั้งแต่วันศุกร์
.
พอเสร็จจากเรื่องอาหาร
ก็อาบน้ำแต่งตัวไปช่วยเขาทำซุ้มอาหารต่อ
ปีนี้ซุ้มเราสุดแสนอลังการทุ่มทุนสร้างยิ่งกว่าองค์บากสอง
เพราะคนที่รับผิดชอบเรื่องซุ้ม เขาจะทำเป็นหลังคาเรือนไทยขึ้นมาเลย มีจั่วด้วย ข้างในผนังซุ้มประดับลายพระอินทร์พนมมือสองข้าง ไม่ได้ซื้อมาสำเร็จรูปนะจ๊ะ วาดเอง
.
กำลังเสแสร้งแกล้งทำเป็นช่วยงาน
ตีตารางทำหลังคาซุ้มอยู่

นี่อ่ะลายประดับในซุ้ม
สวยมากมาย ได้สมมาตรไม่บูดเบี้ยวเหมือนที่เราเคยวาด
ซุ้มดูดีขึ้นมาทันที ดูลงทุน ดูหรูหราเพราะเป็นสีทอง

ต่อมา เรื่องของหลังคา
เหมือนจะง่าย แต่เอาเข้าจริงปัญหาเยอะเหมือนกัน
สองหนุ่มปรึกษากันตั้งแต่ขึ้นโครง ปะกาว ติดหมุด
จากแท่งโฟมเละเทะก็เริ่มเป็นหลังคาเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
ยกนิ้วให้ความมุ่งมั่นและอดทนจริงๆ
ทำนานมากเลยนะ ตั้งแต่ราวๆ บ่ายสองโมงถึงห้าโมงเย็น
พอทำเสร็จรอบแรก ดีใจนึกว่าเสร็จแล้ว ยกขึ้นประกอบบนซุ้ม
ยังไม่ทันวางเลย หลังคาแยกตัวออกเป็นชิ้นๆ
เดือดร้อนต้องเอามาพันเทปกาวใหม่
ก็พอช่วยพยุงได้ แต่สงสัยว่าคนเสิร์ฟจะเสิร์ฟไปเสียวไป
กลัวหลังคาหล่นทับ ฮ่า

โย้ๆเย้ๆ นิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรสวยงาม
พอเอาหลังคาขึ้นปุ๊บมีคนมาอู้อ้าทันที บอกว่าสวยๆๆ
ดีมาก คะแนนจงหลั่งไหลมาาา
การแสดงไม่ชนะ ซุ้มควรจะชนะนะย้าาา

ระหว่างนั้นนราก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อย
ซุ้มของญี่ปุ่นน่ารักมากมาย เป็นลายซากุระกับปิกาจู๊
เห็นป้ายตั้งไว้ว่ามีโอโคโนมิยากิ ซูชิ แล้วก็ไก่เทอริยากิ
เล็งไว้แล้วว่าจะกินของญี่ปุ่นก่อนเลย
มาเลย์ก็ดูตั้งใจทำ
เขาทำไม้จิ้มฟันเป็นธงชาติมาเลย์ด้วย
มีเรื่องธงชาติ ตลกมาก
กว่าที่ธงไทยจะได้ขึ้นไปรวมอยู่ในแถวอย่างที่เห็น
ก็เกือบไม่ได้ขึ้นแล้ว
นรากำลังเดินทะแร่ดแท้ดแถ่ถ่ายรูปอยู่ ก็มีหนุ่มที่เป็นกรรมการของสมาคมนศ.ต่างชาติมาถามว่า โอเคไหมถ้าเราจะห้อยธงยูให้ดาวอยู่ด้านบน
ดาว? เห ประเทศกรูมีดาวบนธงด้วยเหรอ เป็นคอมมิวนิสต์ตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่เห็นรู้เรื่อง เขาเห็นเรางงๆเลยบอกว่า นั่นไงธงที่ผู้ชายเสื้อเทากำลังแขวน พอเงยหน้าขึ้นไปดู
ธงใครวะ?
ที่แน่ๆ ไม่ใช่ธงไทยอ่ะ
เป็นธงคล้ายๆกัน แต่ขอบนอกสีน้ำเงิน สีตรงกลางแดง มีดาวกลมๆกลางธง เอ๋อไปเลย ก็บอกเขาไปว่า อ่า นั่นไม่ใช่ธงเดี๊ยนค่ะ
เขาถึง อ้าวหรอ โอ้ๆ ขอโทษ แล้วก็ไปหามาเปลี่ยนให้
หนอยแน่ะ สองทีแล้วนะมึง
ความรู้พื้นฐานแค่นี้หัดเช็คหน่อยไม่ได้หรือไง
ตอนทำใบปลิวประกาศอีเวนท์นานาชาติก็ใส่สีธงชาติผิดทีละ
ชิ ชิ
.
ของอาหรับ ลงทุนน้อยแต่สวยมาก
เหมือนเป็นกระโจมกลางทะเลทราย สวยๆ
แต่งซุ้มไปเรื่อยๆ จนถึงประมาณห้าโมง
เจ้าหน้าที่ก็เริ่มมาไล่ๆ ประมาณว่าออกไปได้แล้ว
เพราะเดี๋ยววันนี้ตอนดึกๆจะมีนักร้องมาแสดง ต้องเตรียมเวที
หล่อนคือ Mutya อดีต Sugababes ค่ะ
นึกออกไหม คนที่หน้าแปลกๆ เจาะมุมปาก ไม่ใช่คนดำนะ
เห็นว่าเป็นอดีตศิษย์เก่าของที่นี่มั้ง
ซึ่งนราก็อยากดูแหละ แต่ตั๋วตั้งสี่ปอนด์ ไม่เอาอ่ะ
โดนค่าถ่านใส่กล้องไปแล้วสี่ปอนด์ พอกันที แงแง
.
วันนี้ง่วงมากเพราะเพิ่งกลับจากงานเลย
เหนื่อยมั่ก เดินถ่ายรูปทั้งงาน
เอาไว้จะอัพตอนสองต่อไปนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามเน้อ
รักษาสุขภาพกันด้วย ใครสอบอยู่ก็ขอให้สู้ๆนะคะ

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Some People Just Don't Know

แล้วก็หายหัวไปอีกหนึ่งสัปดาห์
เป็นหนึ่งสัปดาห์ที่น่าเบื่อมากๆ ชีวิตวนลูปซ้ำไปมาเหมือนเดิมเกือบทุกวันเลย ช่วงนี้นอนดึกหน่อยเพราะกำลังเร่งเขียนรายงานฉบับแรก ใช้ความพยายามอย่างมากในการจะพล่ามทฤษฎีให้ยาวๆ และดูน่าเชื่อถือ ที่สำคัญ กินเนื้อที่เยอะๆ อิอิ
.
ช่วงนี้ก็ยังแข็งแรงดีค่ะ อาหารการกินเริ่มขัดสนเพราะไม่ได้ออกไปไหน
แต่ที่ขัดสนกว่าคือเรื่องการเงิน แอร๊ย เครียด ปวดม้าม
เดือนนี้ค่าใช้จ่ายเยอะมาก กดเงินมาทำไม้มันหายวับแช่วับเร็วนักก็ไม่รู้
แต่อาทิตย์หน้าวันจันทร์ ก็จะเป็นเทศกาลนานาชาติแล้วค่ะ
ใกล้จะต้องไปแสดงแล้ว โว้ว ตื่นเต้น
.
น่ากินไหม สุกี้มั่วของนราเอง
ไปเดินร้านจีนแล้วเกิดอยากกิน เห็นอะไรที่มันน่าจะใส่ได้ก็เอามา
หม้อนี้มีผักกาดจีน สาหร่าย เต้าหู้ปลาไส้เห็ดหอม (สิบเม็ดราคาปอนด์สามสิบ กรูจะบ้า!) ไข่ เต้าหู้ แล้วก็เส้นอุด้งค่ะ

เทคนอร์ผงลงไปก่อนเลย ไม่มีปัญญามาต้มน้ำซุปกระดูกเองหรอกจ่ะ พอเดือดแล้วก็ทยอยเทใส่ตามระดับความยากง่ายในการสุก โหยไม่อยากบอก ต้มไปน้ำลายยืดไป ทุเรศตัวเองจริงๆ
อ่าาา อิ่มอร่อยเปี่ยมสุขไปอีกหนึ่งมื้อค่ะ
ซัดคนไปเดียวทั้งหม้อ พุงอุ่นๆเสร็จก็มานั่งหน้าคอมจะทำงานต่อ
ตัดภาพมาอีกที ห่มผ้านอนกู้ก้าบ๊ายบายละ ง่วง ฮ่าาา
.
เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว เป็นวันวาเลนไทน์และวันตรุษจีน
เพื่อนคนสิงคโปร์นรา เขาก็ชวนมากินข้าวที่หอเขากัน มีเพื่อนๆคนอื่นอีกเยอะแยะ แต่คนที่เราจะนินทา เอ๊ย จะเล่าถึงในวันนี้ เขาเป็นคนอังกฤษ ชื่อเลียม
เลียม เป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณยี่สิบต้นๆ
เลียมอ้วนกลม ผมแดง พูดมาก โพล่งไม่ดูกาละเทศะ เล่นอะไรติงต๊องปญอ.แบบที่ไม่คิดว่าคนอังกฤษแบบนี้ก็มีด้วย อาทิ เอาไม้คนเครื่องดื่มมาเล่นเป็นเครื่องบิน บรื่อออ แล้วไปทิ่มคนนั้นคนนี้ หรือแหย่ส้อมมาจิ้มของกินในจานคนอื่นในขณะที่เจ้าของกะลังแดรกอยู่หยับๆ รวมทั้งมองหน้าเราแล้วอยู่ดีๆก็ฉีกยิ้มให้เฉย
แล้วที่สำคัญ เลียมเป็นเนิร์ดที่เชื่อว่าตัวเองนั้นโคตรจะ Cool
.
วันที่มีดินเนอร์ตรุษจีน ทุกคนเงียบกริบไม่พูดถึงเรื่องนี้บนเฟสสะบุ๊ก
เพราะกลัวว่าอีตานี่จะตามมาหลอกหลอนถึงที่
นราก็ไม่คิดว่าจะเจอเขา แต่ที่ไหนได้ พอไปถึงเจอแม่งคนแรกเลย นราก็มองหน้าเพื่อนคนสิงคโปร์ตาปริบๆ ไหนบอกจะไม่ให้มันรู้ไง แต่ไม่เป็นไรเราคนไทยรักเพื่อนร่วมโลก ก็ไม่ได้สนใจอะไร แค่อยู่ห่างๆไว้เป็นดี
ของกินอย่างแรกคือซุปกระเพาะปลา อร่อย คิดถึงบ้าน
เลียมเป็นคนดีเลื่อนถ้วยให้เพื่อนๆ
พร้อมด้วยเสียง ซู่มมม อุวิ้งงง บรื่อออ เฟี้ยววว
จานที่สอง เป็นหมูตุ๋นเค็มๆกับผักดอง เพื่อนเขาก็แจกช้อน
เลียมเอาช้อนนราไปตอนไหนไม่รู้ มันเอาไปกำไว้ในมือกับช้อนมันแล้วเคาะเป็นเพลง เพราะจานข้าวมาก็เอามาคืน เชี่ย!!
ที่แค้นกว่านั้นคือ กว่าจะนึกได้ว่ามันเอาไปกำเล่นก็ตอนที่กินข้าวแล้ว
เลียมกินเสร็จแล้ว ทำไรดีน้า ทุกคนเงียบจังไม่สนใจเราเลย
เลียมว้าวุ่นกลัวไม่เป็นศูนย์กลางความสนใจ เลยเอาทัพพีจุ่มลงไปในหม้อผักดอง กดๆจุ่มๆเทน้ำผักดองเล่น
คนทั้งโต๊ะมองหน้ากันเงียบๆ แต่...
Some people just don't know ค่ะ
.
ทานกันเสร็จ ทุกคนก็นั่งคุยกัน แลกเปลี่ยนเรื่องราว
เลียมกลัวเพื่อนไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ด้วย เลยแทรกแม่งทุกเรื่อง
ปล่อยมุกแป้กที่ตัวเองขำอยู่คนเดียวแบบไม่แคร์สื่อ ไม่มีใครขำด้วยมันก็ไม่เลิก ยังคงใสซื่อโพล่งอะไรควายๆออกมาเรื่อยไป แย่งคนอื่นพูดอีก
เพื่อนคนเยอรมันรับโทรศัพท์ คุยเป็นภาษาเยอรมัน
เลียมก็ใจดีช่วยคุย ส่งภาษาเยอรมันบ้านพ่อมันมั่วๆเข้าไปแทรกตอนเขาคุย
คนเขาเมินไม่สนใจเวลามันโพล่ง แต่...
Some people just don't know ค่ะ
.
ไปนอนดีฝ่า
คิดถึงทุกคนเลยน้า

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Good Friends, Good Time

รู้หรอกว่ารอกันนานแล้ว
รูปหนุ่มซูชิห่อไนลอนในลิเวอร์พูลค่ะ เอาไปขยายใหญ่แล้วเล็งกันตามอัธยาศัย นราได้ปรับแสงไบรท์ให้แล้วเพื่อให้สะดวกแก่การเล็งหาของแต่ละท่าน ถ่ายออกมาแล้วกางเกงมันสีเข้มมองไม่ชัด ก็ตั้งใจเพ่งหน่อยละกัน อย่ามาทำเป็นวี้ดว้ายลามกรับไม่ได้ รู้น่าว่าอยากดู ฮ่าๆ
รูปนี้ไม่ใส่เครดิตตัวเองเพราะไม่ได้ถ่ายเอง เป็นรูปถ่ายของกอล์ฟ ณ English Literature นะคะ ขอบคุณที่เอื้อเฟื้อภาพมา ณ ที่นี้
...................
ช่วงนี้อากาศก็หนาวขึ้นเรื่อยๆ ลมแรงมากๆ เดินไปเรียนเห็นเป็ดซุกตัวกลมๆเต็มสนามหญ้า
คราวที่แล้วที่บอกว่าซื้อเสื้อโค้ทมาแล้วอยากเอาไปคืน ขอถอนคำพูดนะคะ เพราะใส่ๆไปแล้วรู้สึกว่าอุ่นดี กันลมด้วย แถมปกก็จับตั้งขึ้นกันลมเข้าข้างในคอเสื้อได้อีก รู้สึกดีที่ซื้อมาในราคาแค่ 15 ปอนด์ ตอนนี้เสื้อผ้าคงไม่ซื้อแล้ว แต่ต้องรอดูว่าช่วงคริสต์มาสมันจะหนาวโหดแค่ไหน อาจจะได้ซื้ออีกเพราะตอนนี้ปากก็เริ่มเขียวแล้ว คาดว่าจะเขียวทั้งตัวด้วยความหนาวเย็นในไม่ช้า
เฮะเฮ้ แต่อย่างน้อยในห้องนราก็อบอุ่นนะจ๊ะ เพราะได้เพื่อนใหม่มานอนด้วย
เป็นชาวญี่ปุ่น หน้าตาน่ารัก น่ากอดอย่าบอกใคร
ชื่อคุมะค่ะ ฮ่าๆ
ของขวัญวันเกิดล่วงหน้าจากตาหมูอ้วน ขอบคุณมากๆเลยน้า จุ๊บๆ
มาถึงคุมะก็นั่งขัดสมาธิมาเลย อึดอัดแทน
คุมะตัวนิ่มๆ กอดมันดี เอาไว้ฟัดตอนนอน
วันก่อนนอนน้ำลายไหลเปรอะไปนิดนึง แต่ไม่เป็นไรไม่เสียหาย
มีคุมะแล้วรู้สึกเหมือนห้องสว่างสดใสขึ้นมาหน่อย เวลานอนก็เอามากอด จะออกไปข้างนอกก็เอาคุมะมานอนแล้วห่มผ้าให้ เหมือนเด็กๆเลย
เมื่อคืนนี้นราไปนอนค้างที่บ้านรุ่นพี่คนไทยมาค่ะ
เพราะตอนเย็นออกไปทานข้าวกันในเมืองแล้วกลับค่ำที่ ชื่อร้าน Red Chili เป็นร้านอาหารจีน ทำหมี่ผัดอร่อยมากๆ เป็นหมี่เส้นแบนผัดใส่กุ้งยักษ์และหน่อไม้ มีปลาเปรี้ยวหวาน ปลาหมึกผัดเกลือและพริกไทย ไก่ต้มซีอิ้ว ผัดมะเขือ
แต่อาหารจีนร้านไหนร้านนั้น ต้องทานร้อนๆ พอเย็นแล้วทั้งเลี่ยนทั้งมัน ยิ่งไส้หมูผัดต้นหอมนี่กินแทบไม่ลง (แต่ก็กิน) ค่าอาหารตกคนละเจ็ดปอนด์ครึ่ง ถือว่าคุ้มเพราะนรากินเหมือนเครื่องย่อยขยะเลย กั่กๆ
กินเสร็จก็ย้ายขบวนมาทั้งเล่นกันที่บ้านพี่ยุ้ย มานั่งดูเอ็กซ์แฟคเตอร์กัน แต่นราดูได้นิดหน่อยก็ออกมาอ่านหนังสือข้างนอก
ในรูปจากซ้าย พี่ยิ้ม (ถ้าบอกว่าเป็นคนแต่งหนังสือของแจ่มใสชุด ความรู้สึกดีๆที่เรียกว่ารัก ก็คงจะอ๋อกันใช่มั้ย ที่นั่งอ่านก็หนังสือที่เขาแต่งนี่ละ) เนม แล้วก็พี่เบียร์ พี่เบียร์เป็นอาจารย์ที่นี่นะจ๊ะจะบอกให้ แต่หน้าเด็กจนนรารู้สึกอายที่ตัวเองหน้าแก่ล่วงหน้าไม่ปรึกษาใคร
นรากะพี่ยุ้ย

จริงๆมีหลายคนมากกว่านี้ แต่ถ่ายรูปกันมาไม่หมด
พี่ๆที่นี่ใจดีกับนรามากๆ ดูแลเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี คอยให้คำแนะนำดีๆอีกด้วย
รู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกยอร์ก ถึงสำเนียงมันจะแปลกๆก็เหอะ
เมื่อคืนก็นั่งดูทีวี ดูหนัง ฟังพี่เบียร์เล่นกีตาร์กันจนดึก
นรากลับมาถึงหอตอนประมาณ 10 โมงเช้า

ช่วงนี้นราการบ้านเยอะจัง เหนื่อย
อยากทำ แต่ขี้เกียจ สลัดไม่หลุดซะทีเนี่ย
อย่างนี้ตอนเขียนรายงานสองเล่ม เล่มละห้าพันคำต้องตายแหงๆ หนังสือนรายังไม่อ่านสักกะเล่ม แอร๊กกกก
เข้าเรื่องนี้แล้วเครียด ไปนอนดีกว่า

คำคมวันนี้
ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา

ปล. อยาก เล่น เกม โว้ย อะไรก็ได้ ดอทเอก็ได้ God of War ก็ได้ แอร๊ยยสติจะแตกแล้ว

วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Farewell Dinner with My Family

เมื่อวาน ตั้งใจจะออกไปศูนย์วีเอฟเอสตรงราชดำริ ไปซื้อซิมโทรศัพท์
แบบที่พอลงจากเครื่อง ยัดซิม กดใช้งาน แล้วโทรกลับบ้านได้เลย
แต่ไปๆ มาๆ ก็ขี้เกียจ พอดีกับเขาบอกว่าให้แมสเซนเจอร์มาส่งได้
เลยนัดแนะให้มาส่งตอนบ่าย เช้าก็ออกไปศูนย์หนังสือจุฬาฯ
ปรากฏ สิบเอ็ดโมง มันโทรมาบอกว่ามาถึงแล้ว ฮ่วย
เลยให้น้องชายออกเงินไปก่อน ค่าซิม 749 บาท บวกค่าส่งอีก 100

I first thought of going to buy an international SIM card at VFS centre, Ratchadamri, yesterday, the one that you just walk off the plane, put it in your phone, activate it, then call home right away, but later I was too lazy to go, plus the woman there said she can have it delivered to me. So I told her to send the messenger in the afternoon, then I left for Chulabook.
Too bad the messenger arrived at eleven when I was already out!
The SIM costs 749 Baht, with 100 Baht delivering fee.


แต่พอมาคิดๆดู เอ๊ะ เดี๋ยวเราก็สมัครสไกป์แล้วนี่หว่า
แบบที่จ่ายหกปอนด์แล้วโทรเข้ามือถือได้ไม่จำกัดน่ะ แล้วกรูจะซื้อซิมอินเตอร์ไมเนี่ย
แต่เอาเหอะ เพื่อความสะดวกโน๊ะ
ลงจากเครื่องปั๊บจะได้โทรไปคร่ำครวญกับที่บ้านกับแฟนได้ทันที
But when I came to think about it, I wondered why I had to purchase this thing since I'll be paying six pounds for Skype for unlimited international phone calls.
But yeah, it's good anyway since I can call my family and my Sweetie immediately when I get there.

..............................


ไปศูนย์หนังสือจุฬาฯ กะพี่ออม พี่สาวนราเอง
กะจะไปหาหนังสือที่ต้องใช้เรียนที่โน่นมาอ่านล่วงหน้า
ปรากฏ ไม่มีสักกะเล่ม เลยไปกินข้าวกัน
ไปร้านโอลดี้ส์ ชั้นบนสยามเซ็นเตอร์ แต่งร้านสวยดี
Went to Chulabook with my sister, P'Aom, finding some books I need when studying in UK but outta luck. So we went for lunch at Oldies', Siam Center. Nice decorations.


ที่นี่มีทั้งอาหารฝรั่งและอาหารไทย
นราสั่งพาสต้าซีฟู้ดซอสชีสอบ ราคาเกือบร้อยแหนะ
จริงๆ มีอย่างอื่นด้วย พวกข้าวจานเดียว อาหารลูกผสม
แต่ไม่รู้เป็นไร หมู่นี้อยากกินแต่ชีสๆ หนมปังๆ แป้งๆ
คิดว่าอีกหน่อยคงได้กินจนเบื่อ
พออาหารมา เฮ้ย ไมมันจานเล็กงี้อ่ะ ประมาณหนึ่งฝ่ามือเอง
แพงนะเนี่ย
แต่อร่อย หรือหิวไม่รู้ ประมาณว่ากินแต่ตัวพาสต้ากับซอสมันก็ได้เลย หงัมๆ
They do both Western and Thai here. I ordered Seafood Pasta with Baked Cheese Sauce, and that was almost one hundred Baht. They also serve a-la-carte food and fusion food. I don't know what's wrong with me, but I really feel like eating food like cheese and bread nowadays.
When the dish arrived, I was surprised of how small it was! And compared to the price, this was considered expensive. But at least it tasted really good.


ตอนเย็น มีนัดทานข้าวเลี้ยงส่งกับที่บ้านที่ร้านเอ็มเคโกลด์ เอกมัย
มีครอบครัวนรา พี่สาว แฟนพี่สาว แล้วก็ป้า รวมเก้าคน
สั่งอาหารเหมือนรับรองกองทัพโจโฉ
เป็ดใหญ่สองจาน หมูแดงใหญ่สองจาน ผักใหญ่สองจาน
เห็ดใหญ่หนึ่งจาน บะหมี่หยกสี่จาน
เอริ่กกกกก
There was a farewell dinner for me at MK Gold, Ekamai. All my family, my sisters, my sister's boyfriend, and my aunt were there, so there were nine of us. We ordered food like we had never seen it before: two large dish of roasted ducks, two large dish of sweet pork, two large trays of vegetable, one large mushroom set, four dish of noodles, etc.


จะขุนกันไปถึงหน้ายยย
พุงย้วยออกมาตั้งแต่ยังไม่ไปแล้วอ่ะ
I've collected enough fat before going to face cold weather in UK already.



ครอบครัวของหนู

My Dear Family


นี่ถ่ายกับพี่สาวสองคน พี่ออม ว่าที่ทันตแพทย์ กับพี่ใหม่และพี่เอ็มแฟนหนุ่ม

ขอบคุณนะค้าสำหรับของขวัญน่ารักๆ คำแนะนำ และคำอวยพร

This photo was taken with my sisters: P'Aom, a soon-to-be Dentist, and P'Mai and her boyfriend. Thank you so much for your cute presents and every suggestions.



กินเสร็จ กำลังจะกลับบ้าน น้องชายก็ลากกีตาร์ออกมา
บอกว่ามีเพลงจะเล่นให้ เป็นเพลงที่แต่งเอง (ว้าว)
นราขอลาไปพร้อมด้วยเพลงที่น้องชายแต่งให้นะคะ

เพลง: อูฐเผชิญลมหนาว
ศิลปิน: เอิร์ธนะคับ
ค่าย: เร่ร่อน555+
ต่อจากนี้บ้านเราคงเหงา ไม่มีเสียงพูดของอูฐอีกต่อไป (ซักพักนะ)
เหลือไว้แต่ห้องรกๆ และความทรงจำดีๆ ที่เคยมีให้กันตลอดมา (จิงป่าว)
แต่ไม่เป็นไร ฉันรู้สักวันเธอต้องกลับมา ยอร์กคงไม่ดีไปกว่าบ้านและครอบครัว
ต้องดูแลตัวเองดีๆ อย่าให้มีใครมารบกวน ฉันรู้ว่าเธอต้องทำได้แน่นอน
เวลาท้อ เวลาหนาว อยากให้เธอคิดถึงฉัน ฉันจะคอยเป็นกำลังใจให้เธอ
จะวันนี้ จะวันไหน ฉันยังคงคิดถึงเธอ ถึงตัวห่าง แต่ใจเรายังใกล้กัน
หนึ่งปี พี่จากไป มันคงต้องเนิ่นนาน เหมือนเวลาที่เดินไปอย่างช้าๆ
อยู่ที่ยอร์ก ต้องเข้มแข็ง ต้องคอยปลอบใจตัวเอง อูฐคงหนาวแย่ ไม่เคยเจออากาศเย็นๆ
ไม่เป็นไร อูฐปรับตัวอยู่ที่ยอร์กได้สบาย
และถึงตัวห่าง ใจเรายังคงใกล้กัน...
ใครก็ได้หยุดเวลาเอาไว้เท่านี้ที
Somebody, please stop the clock, please...

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Then We Meet Again!


ฮูเล่ โอนภาพมาจากมือถือได้แล้วจ้า
เมื่อวันเสาร์ที่สิบหก เพื่อนๆศิษย์เก่าสน. นัดกันเลี้ยงส่งซีเกมที่กำลังจะโกอินเตอร์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ดีใจมากที่ได้เจอเพื่อนอีก
เพราะตอนหมูหวานไปเกาหลี แนนไปญี่ปุ่น
ก็ไม่ได้ไปเลี้ยง ไปส่งอะไรกับเขาเลยเพราะติดงาน
พอดีว่าวันนี้เขานัดกันหลังห้าโมงที่โลตัสอ่อนนุช
นราเลิกงานพอดี แถมใกล้ด้วย ก็เลยไปแจมซะหน่อย

แต่งตัวแก่ที่สุดในกลุ่ม
รู้งี้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนก็ดี
เจอนัท ปัจจุบันเป็นสาวร้านคิโนะคุนิยะ
ยังอารมณ์ดีและตัวเล็กเหมือนเดิม
ที่อภัยให้ไม่ได้คือได้เงินเดือนดีมากกก ฮึ่ยยย อิจฉาโว้ยยยคะ
(เป็นอาจารย์ต้องพูดเพราะ)


ไม่ได้เจอบุ๋มนานเหมือนกัน เจอกันครั้งนี้ทำเอาตะลึงนิดหน่อย
แหมๆ เดี๋ยวนี้มีแต่งหน้าทำผมนะ ฮ่าๆๆ
กางเกงนี่ ถ้าไม่บอกนึกว่าผ้าเช็ดจาน สั้นมากกก
ส่วนเกี๊ยว เพิ่งเจอเมื่อสัปดาห์ก่อนเอง


นี่ถ่ายกับคุณหญิงซีเกมเจ้าของงานทางด้านซ้าย
ดูสะสวยขึ้นผิดหูผิดตา
มิน่าเล่าหนุ่มๆ จึงได้รุมตอมราวแมงวันตอม... เอ๊ย ราวภมรดอมดมบุปผมาลี
ที่เธอหลบไปอเมริกาคราวนี้ เห็นจะเป็นเพราะสับรางรถไฟไม่ทันซะละมั้ง ฮ่าๆ
ล้อเล่นน่ะ คนเค้าจะไปเรียน มุ่งหน้าสู่อนาคตสดใส
ส่วนปัด เดอะวิมโป้ วันนี้ก็ถูกเพื่อนๆ เซอร์ไพรส์วันเกิดย้อนหลัง
ทางร้านมีแถมของหวานฟรีให้หนึ่งจาน
เป็นขนมปังอบทาแยมบลูเบอร์รี ปักเทียนรอบๆ
สวยนะ แต่...(จงเติมคำในช่องว่าง)


นรากับปัดเถียงกันว่า ตกลงซีเกมจะไปรัฐไหน
นราบอกเกมจะไปแมรีแลนด์ ปัดบอกไปวอชิงตันดีซีไม่ใช่เหรอ
เถียงไปเถียงมา เจ้าตัวมาเฉลยว่ามันก็ที่เดียวกันนั่นแหละ
ฮากระจาย
เถียงกันไปเพื่ออะไรเนี่ย

สั่งอาหารมากินกันเยอะมากมาย
มีพิซซาถาดใหญ่ หอมทอด สลัดบาร์ ลาซานญา ซุป
ผักโขมอบชีส ชีสกรอบ ปีกไก่ สปาเก็ตตี้แฮมเห็ด
บลา บลา บลา
เป็นมื้อมโหฬารมื้อนึงเลยนะเนี่ย
ตกคนละร้อยหกสิบบาท ถือว่าโอเคค่ะ
เมื่อคิดว่าได้กินจนท้องกาง และได้สังสรรค์ฮาเฮกับเพื่อนเก่า


ตอนจ่ายตังค์ นราไม่มีเศษหกสิบ ต้องออกไปแตกแบงค์ข้างนอก
เห็นเค้าขายเจ้าตัวนี้อยู่ อรั๊ยๆ
โทฟุจัง นราเคยซื้อแบบที่เป็นตุ๊กตาให้แฟนเมื่อปีใหม่สองปีที่แล้ว
อันนี้เป็นที่วางมือถือ นิ้มนิ่ม ว่าจะเอาไปใช้ที่ที่ทำงาน
จะได้มีอะไรเหมือนกันมั่ง อิอิ


กินเสร็จประมาณเกือบสองทุ่ม ก็แยกย้ายกันไป
นราก็ไปเจอแม่ที่เอ็มเค แต่ไม่ได้กินต่อนะ
กระเพาะอาหารมันก็มีขีดจำกัดนะคะคุณ
.................................

อันนี้ไม่เกี่ยวกับเลี้ยงส่งเพื่อน
แต่เป็นเมนูใหม่จากเชฟเอม (ใส่ตำแหน่งให้เอง) น้องสาวนราเอง
มันบดหน้าชีสอบ โอววว อร่อยขึ้นสวรรค์อ่ะ


เนื้อมันบดนุ่มละเอียดชุ่มเนย แต่ไม่กลบรสชาติหวานอร่อยของมันฝรั่ง
โปะหน้าด้วยเชดดาร์ชีส แล้วเอาเข้าเตาอบ
ทานตอนกำลังร้อนๆ ชีสที่กำลังละลายจะเคลือบหน้ามันบด
อย่อยยยยยยยย
ซัดไปสองถ้วยแน่ะ
................................

และเป็นเพราะการจ้วงรับประทานอาหารหนักแคลอรีแบบไม่เกรงใจเส้นเลือดมาตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ส่งผลให้นราต้องกรีดร้องด้วยความเจ็บใจ
เมื่อก้าวขึ้นเครื่องชั่งน้ำหนักแล้วเข็มหยุดที่เลขห้าสิบเจ็ด!
แอร๊ยยยยยยยยยย ขึ้นมาสองโล สองโลววววว
นราเสียสถิติน้ำหนักคงที่ที่ห้าสิบห้าโลตั้งแต่ม.หกไปเสียแล้ว
เมื่อก่อนยัดทะนานเท่าไหร่ก็บ่ยั่น ไม่เคยเกินห้าสิบห้าโลตามมาตรฐานเลย
นี่แหละหนาคำพระว่าสังขารย่อมไม่เที่ยง
ข้าน้อยผิดไปแล้ว
เค้โระๆๆๆๆ
..................................
มุกกุ
ขอบคุณจริงๆค่ะสำหรับกำลังใจ
ที่มุกบอกมันก็เป็นสัจธรรมชีวิตทุกอย่างนะ
นี่นรากำลังดำเนินแผนการลดความเสี่ยง
ด้วยการลากแฟนไปเยี่ยมที่อังกฤษให้ได้ ฮ่าๆ
เอ๊ะ
นราควรจะระแวงมุกด้วยไหมเนี่ย
หมู่นี้แฟนนราชอบบอกว่ามุกหน้าเรียวสวย ผิวสวย
เอ๊ะๆๆๆๆๆ

หมูหวาน
ขอบคุณเช่นกันสำหรับกำลังใจ
ใช่มะๆ เป็นผู้หญิงก็ต้องน้อยใจ
ผู้ชายบางทีเขาไม่เข้าใจร้อก
(เปิด If I Were A Boy อีกที)
แต่นราก็คุยกับแฟน แก้ปัญหาจบไปเรียบร้อยแล้วล่ะ
คุยกันตรงๆดีที่สุดเนอะ
เมื่อกี๊เพิ่งดูเรื่องจริงผ่านจอในยูทูป
"หนุ่มหึงโหดเผาแฟนทั้งเป็น" "สามีนรกกระทืบเมียปางตาย"
"เมียอารมณ์ร้อนตัดพวงสวรรค์ผัวด้วน"
...
ดูแล้วรู้สึกว่ารักที่นรามีอยู่นี้ช่างแสนงามค่ะ

ปล. ใครยังไม่ได้ดูรูปเบบี๋แมวเกิดใหม่ อย่าลืมแวะไปดูในเอนทรี่ที่แล้วนะจ๊ะ