แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Liverpool แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Liverpool แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Good Friends, Good Time

รู้หรอกว่ารอกันนานแล้ว
รูปหนุ่มซูชิห่อไนลอนในลิเวอร์พูลค่ะ เอาไปขยายใหญ่แล้วเล็งกันตามอัธยาศัย นราได้ปรับแสงไบรท์ให้แล้วเพื่อให้สะดวกแก่การเล็งหาของแต่ละท่าน ถ่ายออกมาแล้วกางเกงมันสีเข้มมองไม่ชัด ก็ตั้งใจเพ่งหน่อยละกัน อย่ามาทำเป็นวี้ดว้ายลามกรับไม่ได้ รู้น่าว่าอยากดู ฮ่าๆ
รูปนี้ไม่ใส่เครดิตตัวเองเพราะไม่ได้ถ่ายเอง เป็นรูปถ่ายของกอล์ฟ ณ English Literature นะคะ ขอบคุณที่เอื้อเฟื้อภาพมา ณ ที่นี้
...................
ช่วงนี้อากาศก็หนาวขึ้นเรื่อยๆ ลมแรงมากๆ เดินไปเรียนเห็นเป็ดซุกตัวกลมๆเต็มสนามหญ้า
คราวที่แล้วที่บอกว่าซื้อเสื้อโค้ทมาแล้วอยากเอาไปคืน ขอถอนคำพูดนะคะ เพราะใส่ๆไปแล้วรู้สึกว่าอุ่นดี กันลมด้วย แถมปกก็จับตั้งขึ้นกันลมเข้าข้างในคอเสื้อได้อีก รู้สึกดีที่ซื้อมาในราคาแค่ 15 ปอนด์ ตอนนี้เสื้อผ้าคงไม่ซื้อแล้ว แต่ต้องรอดูว่าช่วงคริสต์มาสมันจะหนาวโหดแค่ไหน อาจจะได้ซื้ออีกเพราะตอนนี้ปากก็เริ่มเขียวแล้ว คาดว่าจะเขียวทั้งตัวด้วยความหนาวเย็นในไม่ช้า
เฮะเฮ้ แต่อย่างน้อยในห้องนราก็อบอุ่นนะจ๊ะ เพราะได้เพื่อนใหม่มานอนด้วย
เป็นชาวญี่ปุ่น หน้าตาน่ารัก น่ากอดอย่าบอกใคร
ชื่อคุมะค่ะ ฮ่าๆ
ของขวัญวันเกิดล่วงหน้าจากตาหมูอ้วน ขอบคุณมากๆเลยน้า จุ๊บๆ
มาถึงคุมะก็นั่งขัดสมาธิมาเลย อึดอัดแทน
คุมะตัวนิ่มๆ กอดมันดี เอาไว้ฟัดตอนนอน
วันก่อนนอนน้ำลายไหลเปรอะไปนิดนึง แต่ไม่เป็นไรไม่เสียหาย
มีคุมะแล้วรู้สึกเหมือนห้องสว่างสดใสขึ้นมาหน่อย เวลานอนก็เอามากอด จะออกไปข้างนอกก็เอาคุมะมานอนแล้วห่มผ้าให้ เหมือนเด็กๆเลย
เมื่อคืนนี้นราไปนอนค้างที่บ้านรุ่นพี่คนไทยมาค่ะ
เพราะตอนเย็นออกไปทานข้าวกันในเมืองแล้วกลับค่ำที่ ชื่อร้าน Red Chili เป็นร้านอาหารจีน ทำหมี่ผัดอร่อยมากๆ เป็นหมี่เส้นแบนผัดใส่กุ้งยักษ์และหน่อไม้ มีปลาเปรี้ยวหวาน ปลาหมึกผัดเกลือและพริกไทย ไก่ต้มซีอิ้ว ผัดมะเขือ
แต่อาหารจีนร้านไหนร้านนั้น ต้องทานร้อนๆ พอเย็นแล้วทั้งเลี่ยนทั้งมัน ยิ่งไส้หมูผัดต้นหอมนี่กินแทบไม่ลง (แต่ก็กิน) ค่าอาหารตกคนละเจ็ดปอนด์ครึ่ง ถือว่าคุ้มเพราะนรากินเหมือนเครื่องย่อยขยะเลย กั่กๆ
กินเสร็จก็ย้ายขบวนมาทั้งเล่นกันที่บ้านพี่ยุ้ย มานั่งดูเอ็กซ์แฟคเตอร์กัน แต่นราดูได้นิดหน่อยก็ออกมาอ่านหนังสือข้างนอก
ในรูปจากซ้าย พี่ยิ้ม (ถ้าบอกว่าเป็นคนแต่งหนังสือของแจ่มใสชุด ความรู้สึกดีๆที่เรียกว่ารัก ก็คงจะอ๋อกันใช่มั้ย ที่นั่งอ่านก็หนังสือที่เขาแต่งนี่ละ) เนม แล้วก็พี่เบียร์ พี่เบียร์เป็นอาจารย์ที่นี่นะจ๊ะจะบอกให้ แต่หน้าเด็กจนนรารู้สึกอายที่ตัวเองหน้าแก่ล่วงหน้าไม่ปรึกษาใคร
นรากะพี่ยุ้ย

จริงๆมีหลายคนมากกว่านี้ แต่ถ่ายรูปกันมาไม่หมด
พี่ๆที่นี่ใจดีกับนรามากๆ ดูแลเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี คอยให้คำแนะนำดีๆอีกด้วย
รู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกยอร์ก ถึงสำเนียงมันจะแปลกๆก็เหอะ
เมื่อคืนก็นั่งดูทีวี ดูหนัง ฟังพี่เบียร์เล่นกีตาร์กันจนดึก
นรากลับมาถึงหอตอนประมาณ 10 โมงเช้า

ช่วงนี้นราการบ้านเยอะจัง เหนื่อย
อยากทำ แต่ขี้เกียจ สลัดไม่หลุดซะทีเนี่ย
อย่างนี้ตอนเขียนรายงานสองเล่ม เล่มละห้าพันคำต้องตายแหงๆ หนังสือนรายังไม่อ่านสักกะเล่ม แอร๊กกกก
เข้าเรื่องนี้แล้วเครียด ไปนอนดีกว่า

คำคมวันนี้
ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา

ปล. อยาก เล่น เกม โว้ย อะไรก็ได้ ดอทเอก็ได้ God of War ก็ได้ แอร๊ยยสติจะแตกแล้ว

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

It's Liverpool!

เมื่อวานไปเที่ยวเมืองลิเวอร์พูลมากับสมาคมนศ.ต่างชาติของมหาลัย แอบตื่นเต้น เพราะว่าเรียนเกี่ยวกับเมืองนี้มาตั้งแต่สมัยมัธยม จำได้ลางๆว่าเป็นเมืองท่า เป็นเมืองของเดอะบีเทิลส์ แล้วก็อะไรอีกหว่า จำไม่ได้หละ แต่ในที่สุดเราก็จะได้เห็นซะที
ซื้อตั๋วไว้ตั้งแต่หลายสัปดาห์ที่แล้ว ใบละห้าปอนด์ คนแออัดยัดทะนานแย่งกันซื้อ ถ้าจิกหัวตบกันได้คงทำไปแล้ว มีรถบัสสี่คัน คันละประมาณสี่สิบคน รวมเป็นเท่าไหร่เอ้าคิดเลขซิจ๊ะเด็กๆ นัดรวมพลประมาณแปดโมงสิบห้า รถออกจริงๆเก้าโมงกว่า อื่มมม เสียเวลาตื่นเช้าจริงๆ ระยะเวลาจากยอร์กไปถึงลิเวอร์พูลประมาณสองชั่วโมงค่ะ
วันนี้อากาศหนาวมาก เพราะอุณหภูมิลดลงอีกแล้วแถมฝนตกอีก หนาวเข้ากระดูก นราใส่สี่ชั้นยังสั่นงั่กๆๆ รถมาจอดส่งหน้า Word Museum Liverpool ตัวแทนสมาคมบอกว่าให้มาเจอกันที่เดิมนี่ตอนสี่โมงครึ่ง ระหว่างนั้นจะไสหัวไปไหนก็เรื่องของแก ฮ่า นรากับพี่ๆเพื่อนๆคนไทยก็เลยเข้าไปเดินดูในพิพิธภัณฑ์ก่อน(เพราะมันฟรี)
อะไรนะ? หน้านราเกะกะวิวเหรอ ปัดโธ่เรื่องมากจัง เอ้า นี่ค่ะภาพพิพิธภัณฑ์เต็มๆ ข้างล่างเขาแบ่งเป็นหอสมุด แล้วอีกปีกหนึ่งของอาคารก็แบ่งเป็นแกลลอรีศิลปะ
ข้างในแบ่งเป็นสี่ชั้น ชั้นแรกนราอริ๊งอร๊างมากเพราะเป็นตู้ปลา เดินดูจนชาวบ้านเขาไม่รอ มันก็เหมือนที่บางแสนอ่ะแหละ แต่แหมขอดูหน่อยซิปลาอังกฤษหน้าตาเป็นยังไง อู๊ย ระหว่างดูนะไม่อยากจะเม้าท์ทัวร์อีหมวยจีนนรก คุยกันเสียงดังลั่นยังไม่พอ ถ่ายรูปตู้ปลาก็เสือกเปิดแฟลช ปลาไม่ว่ายก็เคาะกระจก (สองอย่างนี้ห้ามทำนะคะเด็กๆเพราะจะทำให้ปลาเครียดแล้วอาจป่วยตายได้) นรานั่งยองๆดูปลาดาวเริงรักอยู่ดีๆ อีเจ๊มาจากไหนไม่รู้เบียดเข้ามาจะถ่ายรูปทำเอาเราเกือบล้ม ยึ้ย โมโหๆ

ชั้นสองเป็นชั้นแมลง พี่เขาบอกว่าเหมือนให้เด็กเข้าไปดูมากกว่า นรารู้ตัวว่าเด็กก็เลยเดินไปดูซะหน่อย มันก็ไม่ค่อยมีอะไรนะ ส่วนมากก็เป็นกิจกรรมให้เด็กทำ พวกเรียงวงจรผีเสื้อ ตัวต่อแมลงอะไรแบบนี้ แต่ตู้นี้เท่านั้นที่อยากนำเสนอ มันคืออะไรทายสิเอ่ยยย

เฉลย แมงสาบจ่ะ แมงสาบล้วนๆ เป็นเวอร์ชั่นแมงสาบผู้ดีไม่มีปีกแต่เป็นเกล็ด ขนาดอยู่ในตู้ยังได้ยินเสียงมันคลาน แซ่กๆๆๆ แกร่กๆๆๆ นราไม่กลัวแมงสาบยังอดหยดหยองไม่ได้เลย รูปนี้สำหรับตาหมูโดยเฉพาะนะ จุ๊บๆ

ชั้นบนเป็นพวกจัดแสดงของโบราณจากวัฒนธรรมต่างๆ ช่วงนี้เน้นของอียิปต์โบราณ แต่นรามัวแต่ไปเดินดูปลาเลยอดดู มีเสื้อผ้าของใช้จากจีน ญี่ปุ่น มองโกเลีย ส่วนใหญ่ก็จากเอเชียนั่นแล นราชอบชุดแรกมาก ดูครีเอทีฟดี มันเป็นชุดของชนเผ่าในหมู่เกาะแปซิฟิกเมื่อก่อนนู้น ชอบตรงที่เอาปลาปักเป้ามาทำหมวกกันน็อกนี่แหละ อันนี้เป็นหลักฐานว่า เด็กแว้นมีอยู่ทั่วทุกมุมโลกและทุกยุคสมัย

แน่นอนนน มาลิเวอร์พูลก๊อต้องไปดูสี่เต่าทองซิ
ไปยืนรอหน้าพิพิธภัณฑ์พักหนึ่ง นึกว่าฟรี ที่ไหนได้เสียค่าเข้า 12.8 ปอนด์ อ๊ายยย ฝันไปเหอะ แค่ 5 ปอนด์ฉันยังไม่อยากจะจ่ายเลย อีกอย่างไม่ได้คลั่งไคล้เดอะบีเทิลส์ไรมากขนาดนั้น เดี๋ยวกลับบ้านไปเปิด Yellow Submarine ฟังเอาก็ได้ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วเลยเข้าไปดูร้านของที่ระลึกหน่อย โดนไป 2 ปอนด์
จริงๆอยากซื้อสายคล้องกีตาร์ลายบีเทิลส์ให้น้องชายด้วย แต่มันตั้ง 50 ปอนด์ เอิ่ม รอไปก่อนนะเอิร์ธน้องรัก ไว้เดี๋ยวพุ่ยถักไหมพรมให้แล้วกัน เหะๆ
(ซีดีขายในนี้โคตร พ. โคตร ม. แพง)

เสร็จแล้วก็เดินไป Albert Dock กันค่ะ อีกหนึ่งสถานที่โด่งดัง
มันคือโกดังเก็บของในครั้งกระโน้นที่เรือจะเข้ามาเทียบท่าแล้วถ่ายมาเก็บโดยตรง เป็นท่าแห่งแรกที่ไม่ใช่ไม้เป็นโครงสร้างเลย สร้างตั้งกะปี 1846 แน่ะ วิวสวยจัง น้ำใสด้วย ขนาดลึกเป็นสิบเมตร นรามองลงไปยังเห็นพื้นข้างล่างเลย เห็นแล้วอยากโดดดด

ร้านนี้ไม่ผ่านถือว่ามาไม่ถึงลิเวอร์พูลใช่ไหมคะ

ไม่ได้เข้าหรอก กลัวเสียตังค์ ไม่ได้ชอบลิเวอร์พูลด้วย
นึกห่ามๆอยากไปตะโกน "บูๆ ลิเวอร์พูล ซักส์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อิส เดอะ เบสท์ เย่ห์ห์ห์" แถวนั้น แต่กลัวโดนฮูลิแกนสามัคคียำตีนเลยไม่เอาดีกว่า

ข้างนอกก็มีร้านขายนะ แต่ไม่รู้ของจริงเปล่า

ลิเวอร์พูลเหมือนจะมีตึกมีอาคารเยอะกว่ายอร์ก รถก็เยอะกว่าด้วย แหงสิก็ยอร์กมันบ้านนานี่จ๊ะ (เสียงเหน่อๆ) ปริมาณคนสูงอายุก็ค่อนข้างมาก แต่ที่สำคัญคือแทบไม่เห็นคนผิวสีกับคนเอเชียเลย ฝรั่งเดินมาทุกคนจะมองกลุ่มเราแล้วยิ้ม ยิ้มทำไมฟะ อยากรู้จริงๆ
อุตส่าห์มาถึงลิเวอร์พูลทั้งที ต้องหาอะไรหม่ำเป็นประสบการณ์ เดินวนไปวนมา สุดท้ายจบที่เบอร์เกอร์คิง ขอบอกว่า BK ที่นี่ เล็ก และอร่อยสู้บ้านเราไม่ได้อย่างที่สุด ไม่มีแฮชบราวน์ด้วย ฟันเฟิร์ม!!
ประมาณสามโมงครึ่ง ใกล้ได้เวลารวมตัวกลับ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปช็อป ในเมืองคนเยอะอย่างหนอน นึกถึงสยาม มาบุญครองวันเสาร์อาทิตย์ขึ้นมาในบัดดล แล้วไม่รู้เป็นอะไร ผู้หญิงทำผมทรงตีโป่งกระเซิงๆกันเยอะมาก มีทั้งแบบหน้ายุ่งหลังโป่ง หน้าโป่งหลังฟู หรือโป่งแม่งทั้งหน้าทั้งหลัง นึกว่าหลงมาสี่แผ่นดินซะอีก
อุ๊ยนอกเรื่องไปด่าคนอีกแล้ว ขอโทษค่ะ จะบอกว่านราเสียไปยี่สิบปอนด์ที่ห้าง Primark (ไพร่มาก) ซื้อโค้ทมาอีกตัว เหอะๆ วันนี้ตื่นเช้ามาแล้วทำไมรู้สึกว่าตัวเองพลาดก็ไม่รู้ อยากเอาไปคืน แต่คงไม่ได้เพราะที่ยอร์กไม่มีสาขา ที่นี่ซื้อเสื้อผ้าแล้วเขาให้ไม้แขวนมาด้วยแหละ
ตามถนนจะมีพวก Street Performers ประปราย
ที่เห็นบ่อยจะเป็นรูปปั้นมนุษย์ คือทาสีตัวเองให้เหมือนรูปปั้นแล้วยืนนิ่งๆ สาวๆเข้ามาใกล้ทีก็ขยับทีให้ได้กรี๊ดกันเล่น มีอยู่คนแกเจาะกล่องใหญ่ๆ ทาหน้าตัวเองเป็นหมาดัลเมเชี่ยนแล้วเอาหัวทะลุออกจากกล่อง เอากรงหมาพลาสติกครอบหัว แล้วก็ร้อง แอ๊วๆ บ็อกๆ ทึ่งในไอเดียแกมาก
แต่นราจะไม่มีทางลืมวันนี้ในลิเวอร์พูลแน่ๆค่ะ
ขณะกำลังเดินไปอัลเบิร์ตด็อก นราก็สังเกตกลุ่มผู้ชายข้างหน้า ตอนแรกไม่ได้คิดไร แต่เริ่มเอะใจว่า เอ๊ะ ทำไมผู้ชายคนนี้ใส่ถุงน่องสีดำแบบผู้หญิงละ แล้วสีเนื้อๆนั่นมันคืออะไร
......
เอ๊ะ มันคือตูดใช่มั้ย
.....
เอ๊ะ ถ้ามันคือตูด แสดงว่าเขาไม่ใส่กางเกงใน ใส่แต่ถุงน่องออกมาเดินหรอ งั้นแสดงว่าข้างหน้าของมันต้องเป็น...
เป็น...
ยังคิดไม่ทันจบประโยค สงสัยอีตานี่แกได้ยินเสียงเรากรี๊ดกร๊าด แกหันขวับมาแบบภูมิใจนำเสนอ
โอ๊ยพ่อแก้วแม่แก้ว
เต็มตา เต็มพวงเลย จะๆ ซูชิห่อเต้าหู้ในผ้าไนลอนสีดำแบบซีทรู
เห็นนราลามกจกเปรตแบบนี้ เจอจังๆก็ตกใจเหมือนกันนะคะ เราก็พยายามเดินผ่านไป แต่อีตานี่แกก็แบบ มาถ่ายรูปกันหน่อย นะๆ คัมม่อนๆ เราบอกโนแต๊งกิ้วฮีก็ยังตื๊อ จนเพื่อนแกบอกว่า แกกำลังจะแต่งงานอาทิตย์หน้า นราเลยเข้าใจว่ามันเป็นกิจกรรมสละโสดของหนุ่มฝรั่งเขานี่เอง เลยถ่ายรูปกะเขาไปด้วยอาการงงๆตะลึงๆ พยายามมองแต่หน้าเขา ไม่งั้นเดี๋ยวได้เห็นจุดสองห้อยรอบสอง
(ถ้าเราเป็นลูกมัน เราจะภูมิใจไหมเนี่ยว่าก่อนแต่งงานพ่อเราเดินแกว่งซูชิไปทั่วลิเวอร์พูล)
เดี๋ยวเพื่อนส่งรูปมาให้แล้วจะเอามาขึ้นบล็อกโชว์นะ
......................
ก่อนขึ้นรถ นราหนาวจนมือไม่รู้สึกแล้ว เลยไปซื้อชาจากรถคนเล็กๆที่เขาขายพวกไอติม กาแฟ รถน่ารักดี กะปุ๊กลุกๆ สีขาวครีม
นราสังเกตนะว่า อากาศหนาวเท่าไหร่ ภาษาอังกฤษยิ่งเฮงซวยลงเท่านั้น เหมือนมันแปรผันตรง แกรมมาร์ในหัวนราจะหายหมด พูดไม่รู้เรื่อง ไม่ปะติดปะต่อ พูดผิดประจำ
ชาแก้วละปอนด์ ไม่หวานมาก แล้วก็อุ่นๆ
ลุงในรถแกพาหลานชายมาด้วย หน้าตาน่ารักเชียว พอคุณปู่จะชงชา เขาก็โผล่มาแล้วก็หยิบนมส่งให้ "Grandpa, milk" "Grandpa, sugar" เลยขอถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึก
กลับถึงยอร์กประมาณสองทุ่ม หิวไส้จะขาด
เลยแห่กันออกไปกิน Hotpot ที่ร้านจีนในเมือง
คิดถึงชาบูชิอ่าาา อร่อยสู้กันไม่ได้เลย เผ็ดอีกเหอะ
ผลจากการตื่นเช้ากลับค่ำ ตากฝน เห็นซูชิ และกินเผ็ด วันนี้เลยไข้รับประทานเล็กน้อย ทานยาแล้วก็ม่อยทั้งวัน เฮ้อ พรุ่งนี้ก็เรียนอีกแล้ว
คิดถึงทุกคนเหมือนเดิมค่ะ