วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

British Pub

หลังจากฝนตกเฉอะแฉะมาทั้งสัปดาห์
ในที่สุดวันนี้พระอาทิตย์ก็มีอารมณ์ออกมาเฉิดฉายเสียที
พยากรณ์อากาศก็บอกว่าแดดจะออกไปทั้งสัปดาห์ อาจมีเมฆมาก
แต่เอาเหอะ ฝนไม่ตกก็ดีแล้ว หนาวจะตาย ไปไหนก็ลำบาก
.
วันนี้ฟ้าสวยค่ะ
อังกฤษนี่นะ วันไหนคิดจะอากาศดีก็ดีแบบน่าตกใจ แดดแรง ลมเอื่อยๆ
แล้ววันนั้นก็จะเป็นวันที่คนออกมาจากบ้าน มาเดินเล่น มาเลื้อยกันเต็มสนามหญ้า เอาผ้ามาปู กลิ้งเกลือกอ่านหนังสือตามเนิน ประหนึ่งว่าชาตินี้ไม่เคยเห็นพระอาทิตย์มาก่อนเลย แต่นราก็ว่ามันยังเย็นๆอยู่ดีถึงช่วงนี้พระอาทิตย์จะตกตอนสามทุ่มครึ่ง พอสักห้าโมงอากาศก็จะเริ่มเย็นลงอยู่ดี
ถ้าไม่มีเสื้อแจ็กเก็ตก็หนาวสั่นได้เหมือนกันนะ
แต่ไอ้เพื่อนฝรั่ง มันก็พากันขำนรา ว่าขนาดนี้แล้วเมิงยังหนาวอีกเหรอ
พวกกรูเหงื่อตกกันจะตายห่า
.
นี่เป็น Central Hall ของมหาลัยยอร์กค่ะ
ดอกเชอร์รี ที่เคยถ่ายรูปมาให้ดูช่วงฤดูร้อนตอนต้น จำกันได้ไหม
ตอนนี้มันกลายเป็นลูกเชอร์รีแดงๆหมดแล้ว
ไม่ถึงกับพราวเต็มต้น แต่คนไม่เคยเห็นอย่างเราก็ตื่นตาเหมือนกัน
ตอนแรกมันเป็นเม็ดกลมๆ เขียวๆ ก่อน แล้วค่อยๆเหลือง ส้ม แดง
กะว่าเดี๋ยวมืดเมื่อไหร่ จะแอบออกไปเก็บกิน อยากรู้อร่อยไหม
อารมณ์เดียวกับตอนที่มาถึงใหม่ๆ แล้วไปเดินเก็บเม็ดเกาลัดที่ร่วงๆตามพื้น กะเอามาลองคั่วกินเลย ฮ่าาา พูดแล้วก็คิดถึง วันเวลานี่มันผ่านไปเร็วจังเลยนะ
นอกจากเชอร์รี แอปเปิลก็เริ่มติดเป็นลูกกลมๆ แล้วเหมือนกัน
อากาศเจือกลิ่นหอมหวานจางๆ บอกไม่ถูก ดมแล้วชื่นใจดี
ตอนนี้กุหลาบบานกันเยอะมาก บานตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้ว เห็นเขาว่าพ.ค.นี่เป็นเดือนดอกกุหลาบนะ ออกเยอะมาก ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ แต่เริ่มเลยช่วงที่สวยที่สุดของมันแล้ว
.
ดอกสีเหลือง ขึ้นอยู่ริมทางเดิน เลื้อยเกาะผนังอาคารในหมู่บ้านเฮสลิงตัน เห็นตั้งแต่มาใหม่ๆ
ตอนนั้นมันเป็นกิ่งก้านแห้งๆแกร็นๆ เหมือนคุณยายอายุแปดสิบซักน้ำสองครั้งแล้วบิดเอาไปตากแห้ง
ตอนนี้ออกดอกออกใบสวยงาม ดอกนึงใหญ่เกือบเท่าแผ่นซีดีแน่ะ
บ้านหลังนี้อยู่ตรงข้ามกับอาคารกุหลาบเหลืองค่ะ
เป็นบ้านเตี้ยๆ เล็กๆ น่ารักดี เหมือนบ้านในนิยายที่เคยอ่านเลย
บ้านนี้เขาสวนสวยมากเลย ยิ่งกุหลาบสีชมพูหน้าบ้านนี่ดอกมันใหญ่จนย้อยออกมาข้างนอก เลยแอบมั่วถ่ายรูปมาได้
นราช้อบชอบกุหลาบเลื้อยสีแดง มันแดงสดดูนุ่มนิ่มเหมือนกำมะหยี่เลย
แถมเลื้อยขึ้นไปบานตรงริมหน้าต่างอีก อยากได้ห้องนอนแบบนี้มาก
แบบว่ามองออกมาแล้วเห็นดอกกุหลาบสวยๆบาน คงสดใสดีนะตอนเช้า
ตอนนี้ห้องนรา ตื่นมา เห็นต้นไม้ที่จะตายมิตายแหล่ของตัวเอง เหี่ยวๆเหลืองๆต้นเดียว
กำลังวิเคราะห์อยู่ว่ากรูทำไรผิด รดน้ำก็รดทุกวัน ทำไมจู่ๆใบมันเหลืองหมดต้นเลย

เอาละ ทั้งหมดที่ว่ามา มันอยู่ระหว่างเส้นทางเดินไปผับหลังมหาลัยค่ะ
เรื่องของเรื่องคือ เล่าให้แม่ฟังว่าชอบไปนั่งเล่นที่ผับ กินโน่นนี่ เจอเพื่อน
แล้วแม่เป็นห่วง ไม่อยากให้ไป เพราะเข้าใจว่าผับฝรั่งคงเหมือนผับไทย แบบว่าคนถือเหล้าเดินกันว่อน แดนซ์กันกระจาย มีแต่ฝรั่งเลวๆจ้องจะงาบลูกสาวแม่ตาเป็นมัน
หารู้ไม่ว่ากรูนี่แหละ ภัยรายวันของหนุ่มอังกฤษ โดยเฉพาะผมบลอนด์ กร๊ากกก
เพื่อเป็นการแก้ไขความเข้าใจ และให้แม่สบายใจ วันนี้เดี๋ยวพาไปเที่ยวผับนะ
ผับนี้ชื่อชาร์ลส์ค่ะ เป็นที่รู้กันว่าทำอาหารนานฉิบหาย
ประมาณว่าสั่งตอนไม่หิว กว่าอาหารจะมาก็หิวแทบจะแดกขาโต๊ะได้
แน่นอนว่าต้องมีบาร์ขายเครื่องดื่ม
ชาร์ลส์เป็นผับที่ยึดมั่นในมาตรฐานมาก คือเมื่อสิบปีที่แล้วมีพนักงานหน้าบาร์ไม่เกินสามคน ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่เท่านั้น ไม่ว่าลูกค้าจะเยอะแทบเหยียบหัวกันตายยังไงก็จะมีไม่เกินสามคน คงเส้นคงวามากกก
เวลาจะสั่งอาหารและเครื่องดื่ม ก็ต้องไปสั่งตรงบาร์นี่แหละค่ะ ไม่มีใครเดินมารับออเดอร์เหมือนร้านเจ๊แอ๊วแถวบ้านนะ สั่งเสร็จก็จ่ายเงินเลย เขาจะให้ขวดไวน์เปล่าติดเบอร์มาขวดนึง เหมือนเป็นบัตรคิวไว้รอรับอาหาร
เห็นสีดำๆ อย่าตกใจคิดว่านรากินเบียร์ดำละ
โค้กจ้าโค้ก ที่อังกฤษเวลาสั่งเครื่องดื่มมันจะมีสองไซส์ให้เลือก คือไพนท์ กับครึ่งไพนท์ วันนี้หิวน้ำเลยสั่งแก้วใหญ่ไพนท์นึงไปเลย
ข้างหลังคือเมนูเครื่องดื่ม มีเบียร์ ไซเดอร์ เอล เหล้าผสม อะไรก็ว่าไป
ปกติชาร์ลส์จะคนเยอะ เบียดเสียดแออัดเหมือนงานชิงเปรต
โดยเฉพาะวันที่อังกฤษเตะกับอเมริกา โอ้โหผับทั่วประเทศแทบระเบิด
ฝรั่งทาหน้าทาตัวเป็นสีขาวแดง เดินร่อนทั่วเมือง
บอลเตะทุ่มครึ่ง แม่งเมาแอ๋กันตั้งแต่เที่ยง อังกรี๊ดอังกฤษ
แต่วันนี้คนน้อย มีที่ให้เลือกนั่งได้ตามสบาย
ปราศจากขี้เมาหรือจิ๊กโก๋หรือเพลงแดนซ์อะไรทั้งสิ้น
ไปถึงหกโมงครึ่ง กว่าอาหารจะมาก็นั่งรอถึงทุ่มครึ่ง เชื่อหรือไม่
โคตรนานเลย แอบไปชะโงกดูในครัว เจริญ มีคนทำอยู่สองคน
วันหลังมากินแนะนำให้เอาเต๊นท์มาตั้งด้วย
นราสั่ง Southern Fried Chicken พร้อมมันทอดแบบม้วนๆ ของดังของร้าน
พอมาถึงก็บางอ้อว่ามันคือไก่ไม่มีกระดูกของผู้พันแซนเดอร์สนั่นเอง
อาหย่อย
เห็นมั้ยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย
ผับอังกฤษส่วนมากจะเป็นแบบนี้แหละ ขายเหล้าเบียร์ แต่จะเลือกไม่กินก็ได้ มีที่นั่งดีๆให้นั่งคุยกัน ยืดแข้งขาได้สบายๆ
ถ้าจะไปแดนซ์ ไปเที่ยวกลางคืน อันนั้นเรียกว่าไนท์คลับค่ะ
เปิดตั้งแต่ประมาณสี่ทุ่มครึ่งถึงตีสอง-สาม-สี่ แล้วแต่ที่ ค่าฝากกระเป๋าหรือเสื้อโค้ทอยู่ที่ชิ้นละหนึ่งปอนด์-ปอนด์ครึ่ง หน้าประตูจะมีเบาน์เซอร์หรือผู้รักษาความปลอดภัยตัวบวมๆยืนขวางอยู่เหมือนยักษ์วัดแจ้ง
เอ๊ะ ทำไมรู้ดีจัง โฮะๆๆ
.
อันที่จริงวันก่อนไปผับนอกเมืองกับเพื่อนมาด้วย ชื่อผับ Riverside เป็นผับใหญ่สวยมาก น้องๆร้านอาหารเลย เสียดายไม่ได้เอากล้องไป
เป็นครั้งแรกที่ตูดมีโอกาสได้สัมผัสเบาะหนังรถสปอร์ต โตโยต้าเซลิก้า ล้อแม็กสิบเจ็ดนิ้ว ร้อยเก้าสิบแรงม้า ลำโพงเซอร์ราวด์รอบด้าน
เพื่อนมารับที่ในเมือง แล้วขับพาไปผับที่ว่าเนี่ย
ระหว่างนั่งโอ้โหเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ภาวนาว่ากรูไม่อยากตายๆๆๆๆ
โอ้โหขับโคตรซิ่ง เหมือนอยู่ในหนังเรื่องโตเกียวดริฟท์ อันนี้เป็นยูเคดริฟท์
มารู้ทีหลังว่าพ่อคุณท่านขับรถแข่งมาก่อน ขอบคุณมาก ทำไมเมิงไม่บอกกันก่อน
กรูจะได้เอาเข็มขัดนิรภัยส่วนตัวอีกอันมาคาดเพิ่ม
ลงจากรถมา พูดภาษาอังกฤษไม่ออกเลย
ไอ้คนขับ ขำนะขามมมมเข้าไป ฟาย
.
อาทิตย์หน้าจะเป็นคราวนรานำเสนอโครงงานวิทยานิพนธ์แล้วค่ะ
เพิ่งทำได้คร่าวๆ ยังไม่ถึงไหนเลย
ช่วงนี้ยุ่งมากๆ ยุ่งแบบไม่เคยคิดว่าจะยุ่งได้ขนาดนี้
ก็ค่อยๆทำไปเนอะ
บุญรักษาทุกท่านค่ะ จุ๊บๆ

3 ความคิดเห็น:

  1. เอนทรี่นี้จะฮาไปไหนคะ
    ยุ่งๆก็รักษาสุขภาพด้วยเน่อ เดี๋ยวจะป่วยอีก
    วันหลังพาไปเที่ยวไนท์คลับบ้างจิ หุหุ

    ตอบลบ
  2. เอาเกลียวๆคำนึง ใส่ซอสมะเขือเทศดุ้ยนะ อ้ามมมมม
    ดอกไม้นี่น่าเอามาจัดแจกันหุหุหุ

    ตอบลบ
  3. โอเช..ได้เห็นรูปผับแล้วก็สบายใจขึ้นบ้าง บรรยากาศก็ไม่เลวร้ายเหมือนที่คิดนะ ไม่ยักกะเหมือนผับบ้านเราแบบที่มะแอ้รู้มา ก็เป็นห่วงสารพัด กลัวเจอพวกขี้ยา ขี้เมา โรคจิต ก็อุ้ยสวยมีเสน่ห์ซะยังง้าน จะไม่ห่วงได้ไง ว่าแต่ว่า ถ้าสั่งอาหารแล้วต้องรอเป็นชั่วโมง ๆ มะแอ้ไปอ้อนนัทให้ทำแกงกะหรี่ให้กินไม่ดีกว่าเหรอ หร่อยด้วย ฟรีด้วย อิ อิ

    มีไนท์คลับด้วยหรอ แล้วทำไมรู้ดีจังล่ะ อย่าบอกนะว่าไปเที่ยวมาแล้ว เอารูปมาลงให้ดูเลย

    อืมมม...ไก่กรอบกับไอ้ที่ม้วน ๆ นี่น่ากินแฮะ เอื๊อกกก

    ตอบลบ