วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Humanities in Suphan Buri (Vol.2)

ก่อนจะต่อภาคสองของทริปมนุษยศาสตร์
ขอแจ้งข่าวความคืบหน้าของนราก่อน
ในที่สุด หลังจากนั่งคิด นอนคิด เขมือบคิดอยู่นาน
ก็ตกลงใจได้แล้วว่าจะไป University of York ค่ะ
เพราะพอมาแยกเหตุผลที่ทำให้เราอยากไปแต่ละมหาลัย
พบว่าเหตุผลหลักที่ทำให้อยากไปเดอแรมนั้น
มีแค่การที่มันชื่อเสียงดีกว่า มีปราสาทเก่าแก่
และเป็นที่ถ่ายหนังแฮร์รี พอตเตอร์เท่านั้น แฮะๆ
ถ้าพูดถึงเรื่องคอร์สเรียน มันก็งั้นๆ นราก็ไม่ได้สนใจเท่าไร
เลือกเรียนในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับเราระยะยาวดีกว่าเนอะ
ปราสาทเดี๋ยวไปเที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้
.................................

ม่ะๆ ต่อๆ
ความเดิมตอนที่แล้ว อ.นรา อิ่มหนำสำราญใจกับกุ้งและกุ้งและกุ้ง
ถึงเวลาเดินทางต่อไปแล้วค่ะ
ป้ายต่อไป เรามากันที่พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร
หรืออุทยานมังกรสวรรค์ค่ะ สนับสนุนการก่อสร้างโดยทั่นบรรหาร
เป็นมังกรยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สร้างขึ้นเพื่อฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีน 20 ปี และนำเสนอประวัติศาสตร์อารยธรรมจีนต่างๆ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน


ด้านหน้าก่อนที่จะเข้าไปเป็นศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรีค่ะ
สวยแบบจีน ข้างในคลุ้งกลิ่นควันธูปบูชา
เจ้าพ่อหลักเมืองเป็นประติมากรรมสลักหินนูนต่ำรูปพระนารายณ์สี่กร
คาดว่าถูกพบโดยชาวจีนเมื่อกว่าร้อยห้าสิบปีที่แล้ว โดยวางจมโคลนอยู่ ชาวจีนจึงอัญเชิญขึ้นมาและสร้างศาลเป็นที่ประทับให้ด้วย


ข้างในมีซุ้มขายดอกไม้ ทองแผ่น ธูป เทียนเหมือนวัดทั่วไป
นราไม่ค่อยมีกำลังทรัพย์ ได้แต่ยกมือไหว้ขอพรแบบธรรมดา
ได้บุญไม่ได้บุญ มันอยู่ที่ใจย่ะ อิอิ แก้ตัวเข้าไปนั่น
............................

เข้าไปในพิพิธภัณฑ์มังกรยักษ์แล้ว เจ้าหน้าที่ก็แจกถุงพลาสติกสีฟ้ายืดๆมาให้
หน้าตาเหมือนหมวกคลุมผมสำหรับอาบน้ำ
แต่สงสัยว่าทำไมให้มาสองอัน
อ้อ ปริศนาทั้งหมดไขกระจ่างแล้ว เขาเอาไว้ทำแบบนี้ตังหาก


ฉลาดดีเนอะ อาจเป็นเพราะข้างในมันปูพรมหนา ทำความสะอาดลำบากมั้ง
เลยหุ้มเท้าคนเดินมันซะเลย กรั่กๆ เหมือนห่อมะม่วงกันค้างคาว

ก่อนเข้าไปในห้องจัดแสดง ก็มีผังปะไว้ข้างฝาผนัง
เทียบตารางเหตุการณ์สำคัญๆ ในยุคและราชวงศ์ต่างๆ ไว้ให้ดู
ไอ้เราไม่ค่อยสนใจเรื่องจีนๆ อยู่แล้ว เลยอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง
แต่บางอย่างก็คุ้นตาอยู่เหมือนกัน อย่างเครื่องกระเบื้องราชวงศ์หมิง


บอกตามตรงว่า ไม่คิดว่าจะเจออะไรแบบนี้เลย
นึกว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมดา เงียบๆ เหงาๆ มีไอ้นั่นไอ้นี่ตั้งโชว์ไว้ให้ดูแค่นั้น
โอ้โห อลังการงานสร้างมาก เอฟเฟคกระจายยย
แสงสีเสียงสุดตื่นตา มีการยิงแสงเลเซอร์ลงมาเป็นภาพก็มี พื้นหมุนได้ก็มี
ประตูเป็นระบบเสียบกุญแจพิเศษแล้วเปิดปิดอัตโนมัติ
ถ้าออกมาไม่ทันมันปิดก็ซวย โดนขัง เพราะเปิดจากข้างในไม่ได้
.............................

ตำนานกำเนิดโลก
เขาว่าโลกสร้างขึ้นโดยเทพบิดรผานกู่ ที่สละชีวิตแยกแผ่นดินแผ่นฟ้าออกจากกัน ดวงตากลายเป็นพระจันทร์ พระอาทิตย์ เส้นผมกลายเป็นดาว ลมหายใจกลายเป็นสายลม ฯลฯ


ตำนานเกิดมนุษย์บอกว่า เทพธิดาหนี่วาปั้นคนหญิงชายคู่แรกจากดินแม่น้ำเหลือง
เป็นเหตุผลที่ทำให้ชาวจีนผิวเหลือง
เอ แล้วพวกคนผิวดำแถวบร็องซ์จะปั้นมาจากดินอะไรง่ะ ดินที่เกิดจากการเผาถ่านเหรอ


ห้องนี้โชว์พวกอาวุธโบราณที่ใช้ในยามศึกค่ะ
พวกอาวุธยาวๆนั่น ยาวเกือบสองเมตรแน่ะ ใหญ่ ดูหนักเชียว
เขาบอกว่า ชาวจีนสมัยก่อนตัวโต๊โต อาวุธก็เลยโต๊โตไปด้วย
สองเมตรเนี่ยนะ?
หนูว่าพี่เลิกจับอาวุธ แล้วไปเล่นมวยปล้ำเหอะ แชมป์ออฟเดอะเยียร์ชัวร์


โอ้ๆ ห้องนี้ตำนานเกิดมังกรสมัยราชวงศ์เซี่ย-ซาง
เรื่องก็คือ ปลาหลีฮื้อมันว่ายทวนน้ำตกหรือแม่น้ำอะไรขึ้นไปได้สำเร็จนี่แหละ
ก็กลายร่างเป็นมังกร
มังกรสีทอง แขวนลอยอยู่ข้างบนสวยงามมาก
แต่พอเปิดไฟสีแดงข้างในแล้ว เห็นโครงเหล็กเป็นปล้องๆ ดันดูเหมือนไส้เดือนไปซะฉิบ


ห้องนี้เด็ด ชอบมาก ให้สิบดาว
มาสุพรรณฯ ทำไมได้เจอท่านเปาด้วย
ทั้งท่านเปา หวังเฉา หม่าฮั่น หน้าถอดแบบจากที่เคยเห็นในช่องสามมาเด๊ะๆ
ตอนนี้กำลังจะประหารราชบุตรเขยล่ะ
หุ่นขี้ผึ้งเขาทำได้เนียนดีจริงๆ มีกระทั่งรอยตีนกาและรูขุมขน



"ประหาร!"
ท่านเปาประกาศก้อง
เมื่อสิ้นเสียง แผ่นไม้สีแดงที่ท่านเปาถือไว้ในมือก็กระเด็นปุ๊ออกมาทันที
พร้อมกับหวังเฉา (หรือหม่าฮั่นไม่รู้) ก็ยกมือขึ้นสับมีดประหารดังฉับ
ส่วนจั่นเจาและกงซุน กำลังจะตามมาเร็วๆนี้
.............................

เข้ามาสู่ยุคราชวงศ์ชิง ยุคที่ชาวจีนเป็น "คนป่วยแห่งเอเชียตะวันออก"
เหตุเพราะชาวจีนติดฝิ่นที่ฝรั่งอังกฤษเอามาแผยแพร่งอมแงม
นำไปสู่การที่จีนต้องปล่อยเกาะฮ่องกงให้อังกฤษเช่าถึง 99 ปี

นี่ถ่ายมาจากตู้ใบเล็กๆ ข้างในจัดตุ๊กตาปูนปั้นเป็นเรื่องเป็นราว
ชอบฉากมากเลย ทำละเอียดดี เห็นเสื้อ เห็นกางเกงที่แขวนอยู่ข้างหลังไหมคะ
หน้าตาคนติดฝิ่นดูเคลิ้มและป่วยได้อารมณ์มาก


จักรพรรดิองค์สุดท้าย


ปูยี จักรพรรดิวัยสามขวบ โอรสของพระนางซูสีไทเฮา
เขาไม่ได้แค่เอาตุ๊กตามาแต่งตัวแล้วแหมะไว้บนเก้าอี้นะ
เป็นหุ่นขี้ผึ้ง สวมเสื้อผ้าที่ตัดมาพอดีตัว ฉากข้างหลังเป็นภาพที่ฉายจากสไลด์
แจ่มแจ๋วหาใดปาน

จริงๆมีภาพมากกว่านี้ มีห้องที่พื้นหมุนไปรอบๆให้เราดูการแสดงตู้โชว์หุ่นจิ๋วพร้อมภาพสามมิติที่ฉายขึ้นมาได้ มีประวัติสาวงาม "ไซซี มัจฉาจมวารี" "หวังเจาจวิน ปักษีตกนภา" "หยางกุ้ยเฟย บุปผามิกล้าบาน" คือสวยชนิดปลาเห็นแล้วลืมว่ายน้ำ นกลืมบิน ดอกไม้ถึงกับอายกันเลย แต่ถ้าเอามาลงหมดคงเยอะไปนะคะ
ว่าแล้ว "นราบ่จี๊ เห็นทุเรียนเป็นไม่ได้ต้องกิน" ก็กลับไปขึ้นรถทัวร์ดีกว่า ถึงเวลาต้องไปที่หมายต่อไปแล้ว
................................

อันที่จริง ที่ต่อไปที่จะไปเยี่ยมชมตามตารางที่กำหนดไว้คือวัดไผ่โรงวัว
นราก็นึกดีใจ เพราะอยากไปดูวัดนี้มาตั้งนานแล้ว
ปรากฏ เขามาคุยกันว่า วัดนี้มันอยู่นอกเส้นทาง
ถ้าไปต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับมากขึ้น อาจจะกลับกรุงเทพฯ ได้ช้ากว่าเดิม
เลยอดไปตามระเบียบ
ฮื้ออออ ไม่ยอม เอาเปรตที่หนูควรจะได้ดูคืนม้าาาา

ชาวคณะเปลี่ยนใจไปวัดป่าเลไลยก์ AKA วัดขุนช้างขุนแผน
นราก็เข้าไปไหว้พระ (ไม่ซื้อธูปเทียนอีกแล้ว) แหะ แหะ
มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่มากอยู่ในโบสถ์
ไกด์บอกว่า ที่นี่จะมีพระปางเลไลยก์เป็นปางพิเศษ
ก็ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่านะคะ แต่ใหญ่มาก ใหญ่จริงๆ


เดินลัดไปข้างโบสถ์สักหน่อย จะเจอเรือนขุนช้าง
(ไม่น่าใช่ของขุนแผนนะ รายนั้นเขาจนไม่ใช่เหรอ)
เป็นบ้านไม้เรือนไทยสวยสะอาด ต้นไม้ร่มรื่น
มีป้ายไม้ทำเป็นรูปขุนช้างนอนเอกเขนกให้เราเอาหน้าไปใส่ด้วยละ
แต่นราขอบาย แค่นี้ก็ช้างพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มความช้างให้ตัวเองอีก


ปิดท้ายโปรแกรมของวันนี้ด้วยการให้อาหารปลาค่ะ
อาหารปลาที่นี่มีแบบเป็นถัง สิบห้าบาท เอาทัพพีตักเอา
ดีนะ ไม่ใช้ถุงพลาสติก ก็ไม่มีขยะ
เจอตะพาบน้ำตัวใหญ่บะลั่กกั้ก
อาจารย์ที่ยืนอยู่ด้วยกันบอกว่า เนี่ย เมื่อก่อนบ้านครูก็มี
มันลากหมาลงไปกิน
แอร๊ยยยย ตะพาบแน่เหรอจารย์ จระเข้รึเปล่าเนี่ยโคตรโหดเลย


กลับถึงมหาลัยทุ่มกว่า ถึงบ้านสองทุ่ม ตายสนิท
โชคดีอาจารย์ฟิลิปขับไปส่ง ไม่งั้นละก็ คงได้นอนที่มหาลัยนั่นแหละ ง่วงสุดๆ
........................................

มุกกุคะ
อย่าว่าแต่มุกเลย นราก็ขำเป็นบ้าไปเลยเหอะ ฮ่าๆ ที่แท้จระเข้มันก็เรียนหนังสือถึงป.สามนี่เอง
ถึงว่าทำไมอ่านหนังสือออก

ใบตอง
ขอบคุณที่มาแวะเยี่ยมจ้า
คอมเมนท์ไม่เป็นระเบียบไม่เป็นไร ขอแค่ใจสั่งมาเท่านั้นพอ
อะฮิ้ววววว

นังกระต่ายโฉด
ฉันว่าตลาดสามชุกมันก็ไม่ค่อยมีอะไรอ่ะนะ
จุดขายของมันคือความเก่า ความโบราณ ไม่มีอะไรมากหรอกถ้าเธอไม่ได้จะไปช็อปขนมกง ขนมรังนกกลับบ้านทีละสามโหล!

ท่าน รมต. กระทรวงคนรักแมว
ดิฉันใคร่ขอเรียนให้ทราบว่า บัดนี้ น้องแมวทั้งสี่ได้ลืมตาแล้ว เป็นที่บ้องแบ๊วน่ารักเป็นยิ่งนัก อนึ่ง ลูกแมวทั้งสี่ยังคงขาอ่อนแรงป้อแป้ จำต้องฝึกฝนการเดินต่อไป แต่ดิฉันจะคอยติดตามและรายงานการเจริญเติบโตอย่างใกล้ชิด
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

4 ความคิดเห็น:

  1. พิพิธภัณฑ์จีนอลังการมากเลย
    ไม่รู้เค้าลงทุนไปเท่าไหร่เนอะ
    นราจะไปอังกฤษเมื่อไหร่เหรอ น่าตื่นเต้นๆ

    ตอบลบ
  2. อ.นราสวัสดีคะ
    อาจารย์ใส่ชุดได้วัยรุ่นมากคะ มุกชอบฮ่าๆๆ
    จริงๆนะ มุกว่านราเป็นตัวของตัวเองดีอะ
    ยิ่งรูปที่โชว์ที่หุ้มเท้าเนี่ย อย่างกับเตรียมจะสวอนเลค ฮ่าๆๆ น่ารัก

    น่าเที่ยวดีอะ มุกชอบอะไรที่เป็นหุ่นขี้ผึ้ง เคยไปดูมา(ที่อื่นนะ)แค่ครั้งเดียวเอง อยากเจอท่ายเปา จะไปร้องทุกข์ ฮ่าๆๆๆ

    จั่นเจาหล่อเหมือนในทีวีอะเป่า...

    มีท่านเทพมังกร(ดรากอนบอล)ด้วย ใครเรียกมาคะนั่น แล้วนราขอพรไปหรือยัง

    ดีใจเรื่องที่นราเลือกที่เรียนได้แล้วคะ
    มุกว่าก็ดีนะ อย่างน้อยนราหิวๆ ก็จับย่างกินเลย ฮ่าๆๆๆ
    อ่า...

    ช่วงนี้งานยุ่งหรือเปล่า เห็นเงี๊ยบเงียบทั้งสองคนเลย (หนูแนนก็หายไป)
    งานสอนอาจจะยุ่งๆ ก็สู้ๆนะจ๊า
    ปล.มีนศ.กวนๆหรือเปล่า แล้วอ.นราดุมั้ยคะ อิอิ

    คิดถึงจ๊า

    ตอบลบ
  3. ดีจ้าอุ้ย

    ไม่ผิดหวังเลยที่รออ่าน(แทบจะเรียกได้ว่าไม่ต้องรอเลยก็ว่าได้ เพราะว่าอ่านvol.1 เมื่อวาน วันนี้vol.2ก็คลอดแล้ว กรั่กๆๆๆ)แอบโดดงานมาทำรึป่าวเนี่ย???

    ดีใจด้วยนะคะที่เลือกได้แล้วว่าจะไปเรียนที่ไหน...ตอนนี้ก็คงเหลือเรื่องปวดหัวแค่ จะทำเมนูเป็ดอะไรกินดีตอนที่ไปอยู่ที่โน่นใช่ม้าา 555 เตรียมเมนูไว้เยอะๆนะคะ จะได้ไม่เบื่อ กรั่กๆๆๆ ความจริงอวนก็เสียดายที่เดอแรมนะ...อยากเห็นอุ้ยนั่งบนไม้กวาดแล้วถ่ายรูปที่หน้าปราสาทแฮรี่มาให้อวนดูน่ะ ฮ่าๆๆ แต่ก็อย่างที่อุ้ยบอกนั่นแหละว่าเดี๋ยวก็มีโอกาสได้ไปอยู่ดี เพราะงั้นเอาเรื่องเีรียนไว้ก่อนน่ะดีแล้วจ้าา

    ไปเที่ยวสุพรรณคราวนี้คุ้มจิงๆเนอะ แล้วในที่สุดอวนก็ได้รู้ซักทีว่าคุงพิพิธภัณฑ์ลูกหลานโหลนเหลนพันธุ์ดราก้อนบอลเนี่ยมันหะรูหะรา...สมกับที่คุงเพื่อนที่รักของอวนที่มหาลัยมันโม้เอาไว้ซะเพียบจิงๆด้วย ชักอยากจะไปมั่งแล้วสิ แต่ว่าค่าบัตรแพงมั้ยอ่ะ มันต้องแพงเพราะถุงห่อมะม่วง 2 ใบนั้นแน่ๆเลย 555 อยากไปเจอท่านลุง(เปา)ด้วย ไม่ได้ทักทายกันนานแล้ว คิดถึงจั่นเจา อดีตคู่หมั้นนิดหน่อยด้วยอ่ะ(คุคุ แอบนอกใจแจ) รูปที่อุ้ยถ่ายมาสวยทุกรูปเลย(ที่เป็นบรรยากาศในพิพิธภัณฑ์นะ อิอิอิ)ชอบรูปมังกือที่แกบอกอ่ะ พอมองขึ้นไปแล้วเหมือนไส้เดือนจริงๆด้วย กรั่กๆๆ ส่วนรูปที่เป็นคนติดฝิ่นน่ะ น่าสนใจมากเลยค่ะ...ถ้าอวนติดฝิ่น อุ้ยคิดว่าอวนจะมีโอกาสผอมมั้ยเคอะ??...(เริ่มใฝ่ชั่วซะแล้วสิเรา)5555

    ไปเที่ยวแบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบนะคะ แถมยังได้บุญด้วย...งั้นก่อนอุ้ยจะไปเีรียนที่ตปท. เรานัดเจอกันเยอะๆแล้วไปเที่ยวด้วยกันดีมั้ยคะ ต้องสนุกมากแน่ๆเลย...

    ปล1. อยากถามเรื่องนึงอ่ะค่ะว่า แล้วอาหารปลานั่นอุ้ยจ่ายเองอ่ะป่าวอ่ะ?? คุคุคุคุหรือว่าหารสองกะจารย์ท่านอื่นเหรอ เพราะว่าไม่เห็นมีบอกว่าซื้อเองมั้ยน่ะ ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นนะ

    ปล2. ทางกระทรวงคนรักแมวรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ท่านได้ให้ความเอาใจใส่ในลูกแมวที่น่ารักของท่าน อีกทั้งยังจะรายงานสถานการณ์การเจริญเติบโตของลูกเหมียวน้อยให้ทางเราทราบอีกด้วย ดังนั้นทางกระทรวงคนรักแมวก็จะทำการเฝ้ารอผลจากท่านเช่นเดียวกันค่ะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่นำลูกแมวใส่ลงในถุงเท้าที่ใส่แล้วใ้ห้ทางเราทราบอีกเช่นกันนะคะ ขอบพระคุณอย่างสูง

    รมต.กระทรวงคนรักแมว

    ตอบลบ
  4. ใครออกตังค์ค่าพิพิธนั่นอ่ะ ดูไฮโซนะคะ น่าไปจัง
    หนูแนนอยากกินกุ้ง กุ้ง และกุ้งด้วย
    อยู่นี้ เพราะจน กุ้งที่กินเลยห่วย สู้กุ้งบ้านเราไม่ได้
    เอาแมวมาให้ดูอีกหน่อย ขนยาวไหมอ่ะ

    ตอบลบ