เดินไปไหนต้องระวัง เมื่อคืนนี้ปวดหัวมากๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร กินยาก็ไม่หาย จนทนไม่ไหวเลยเดินไปซื้อน้ำผลไม้ที่คอสต์คัตเตอร์มากิน เผื่อจะได้สดชื่นแล้วรู้สึกดีขึ้น ระหว่างทางเดินมืดๆ เราก็มัวแต่มองทางเดิน กลัวสะดุดล้ม เลยมองไม่เห็นไอ้ห่านเวรที่มันหลบอยู่แถวนั้นตัวนึง พอเดินเข้าไปไกล้ อยู่ดีๆมันก็เห่าใส่ ตกใจสุดๆ หัวใจหยุดเต้นไปสามวิ บ้าชะมัด
ช่วงนี้กำลังเข้าสู่อาการคิดถึงบ้าน โฮมซิกสุดๆ
ซึ่งก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน แทนที่จะเป็นช่วงแรกๆที่มา กลับกลายเป็นว่าช่วงแรกๆยังพอรับมือไหว ไม่คิดถึงมันก็จะไม่ฟุ้งซ่าน แต่พอมาถึงตอนนี้ดันเป็นหนักซะงั้น เป็นเพราะอากาศมันชวนเศร้าละมั้ง
รู้สึกว่า เรามาที่นี่ทำไม นี่เรากำลังทำอะไรอยู่
ทำไมมันเหงาจัง ทำไมรู้สึกเหมือนไม่มีใครเลย อยากจะคุยกับคนที่เมืองไทยเขาก็ไม่ว่างกันทั้งนั้น ด้วยทั้งเวลาและชีวิตประจำวันที่ต่างกัน ตอนนี้นราไม่มีใครเลยจริงๆ ไม่มีเพื่อน ไม่มีคนจะคุยด้วย
กลับเข้าห้องมาก็ทำอย่างเดิมๆ วางกระเป๋า เปิดคอม หาอะไรกิน ทักทายเพื่อนร่วมแฟลตนิดหน่อยตามประสา แต่สุดท้ายเมื่อกลับเข้าห้องมา สิ่งเดียวที่รออยู่ก็คือความเงียบกับหนังสือกองโต ราวๆเที่ยงคืนก็เข้านอน รอตื่นเช้าไปเรียน
พยายามจะขยัน พยายามจะไปอ่านหนังสือที่หอสมุด แต่ไม่ไหว ยิ่งเหงาใหญ่ เมื่อก่อนเคยมีคนนั่งอ่านหนังสือ นั่งหลับด้วยกัน เดี๋ยวนี้เราอยู่ตัวคนเดียว อยากมีคนมาโอบเวลาเหนื่อย มาคุยด้วยหลังเลิกเรียนกลับมา มาช่วยตามหาไอ้เวรที่ขโมยกระทะนราไปด้วย ตากไว้อยู่ดีๆหายไปเฉยเลย
วันนี้พระจันทร์โผล่ออกมาให้เห็นเหมือนแตงโมผ่าครึ่ง สีเงินๆลอยอยู่ในเมฆดำๆบนฟ้า
พอเปิดม่านออกไปมองอีกที พระจันทร์ก็หายไปแล้ว โดนเมฆกลืนจนมองไม่เห็น
เรื่องธรรมดาๆของธรรมชาติ ทำไมวันนี้มันเศร้าจังน้อ
อ่านหนังสือเรียนไปก็น้ำตาแหมะไป น้ำตาร้อนๆออกมาเจอลมหนาวแล้วเย็นจัง
อย่างนี้คงโดนป๋าด่าว่าอ่อนแอ ไม่รู้จักเข้มแข็งสู้ชีวิต เป็นเด็กเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แค่นี้ท้อแล้ว
แต่นรากำลังพยายามอยู่นะ ฝ่าทั้งกำแพงภาษา กำแพงความรู้ และกำแพงความขี้เกียจของตัวเอง
แม่ ป๋า เอิร์ธ เอม คิดถึงจังเลย อยากกลับไปหาเร็วๆ
คิดถึงเติ้ลด้วย คิดถึงมากๆเลย ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้เลย
เมื่อวาน ดีใจมากๆที่ในที่สุดพัสดุจากตาหมูก็มาถึงจนได้
เดินกอดห่อของยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาตามทางเดิน เห็นแค่ลายมือก็มีความสุขแล้ว
ลายมือคนบอกอะไรได้หลายอย่างนะ ดูจากตัวอักษรจ่าหน้าซองที่ตรง เส้นหนัก และทื่อไม่เป็นธรรมชาติ สันนิษฐานได้ว่าคนเขียนตั้งใจเขียนอย่างสุดๆ เห็นแล้วก็ชื่นใจน้อ นั่งเป่าปี่สก็อตใส่ซองพัสดุอยู่พักนึงแล้วถึงจะแกะออกมาดู
คินดะอิจิเล่มสิบเจ็ด ตอนหนึ่งและสองค่ะ ค่าส่งแพงมาก ขอบคุณตาหมูมากๆนะ ตอนนี้อ่านเล่มหนึ่งจะจบแล้ว นี่เป็นข้อเสียของคนอ่านหนังสือเร็ว แป๊บๆก็หมดเล่ม พอหมดสองเล่มก็ไม่รู้จะอ่านอะไรต่อหละ แม่ก็อย่ายอมเค้านะ รีบส่งมาๆๆ จริงๆมีหนังสือต้องอ่านเป็นสิบ แต่นึกดูซิว่าถ้าหนังสือแต่ละเล่มมันประมาณ Research in Education, Language Learning Methods, Psychology for Language อะไรงี้ แถมเป็นภาษาอังกฤษ คุณจะหลั่นล้าหยิบมาอ่านเองมั้ยจ๊ะ
ถึงหอสมุดจะใหญ่ แต่นักศึกษาก็เยอะมาก เลยต้องแย่งหนังสือกันอ่าน
พวกที่เป็น key text หรือหนังสือที่ต้องอ่านสำหรับแต่ละคอร์ส ไม่เคยอยู่บนชั้นหรอก เวียนกันยืมตลอด นราเลยซื้อเล่มหลักๆมาไว้อ่านเอง จะได้ไม่ต้องไปแย่งใคร สั่งซื้อจากอเมซอน.โค.ยูเคค่ะ ได้เร็วเหมือนกันนะ สั่งคืนวันที่ยี่สิบห้า วันนี้วันที่ยี่สิบแปดได้แล้วอ่ะ
หมดค่าหนังสือไปเจ็ดสิบปอนด์ สามเล่มเองนะ แต่เมื่อเทียบกับทุนค่าหนังสือที่ม.กท.ให้มาแล้วยังจิ๊บจ๊อย เอาเถอะก็ใช้แบบประหยัดๆนั่นแหละ เผื่อเอาไปทำอย่างอื่นได้
กระเป๋านี่ก็ซื้อจากอเมซอนเหมือนกัน สั่งพร้อมหนังสือแต่มันมาก่อน เป็นกระเป๋าที่ซื้อบ้านเราได้ในราคาไม่เกินร้อยเก้าเก้า แต่นราต้องจ่ายแปดปอนด์เพื่อซื้อมัน เพราะใบที่มีตูดจะขาดแล้วอ่ะ แอบแรดเล็กน้อยถึงปานกลางด้วยแถบสีทองอลังการ