วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

It's Liverpool!

เมื่อวานไปเที่ยวเมืองลิเวอร์พูลมากับสมาคมนศ.ต่างชาติของมหาลัย แอบตื่นเต้น เพราะว่าเรียนเกี่ยวกับเมืองนี้มาตั้งแต่สมัยมัธยม จำได้ลางๆว่าเป็นเมืองท่า เป็นเมืองของเดอะบีเทิลส์ แล้วก็อะไรอีกหว่า จำไม่ได้หละ แต่ในที่สุดเราก็จะได้เห็นซะที
ซื้อตั๋วไว้ตั้งแต่หลายสัปดาห์ที่แล้ว ใบละห้าปอนด์ คนแออัดยัดทะนานแย่งกันซื้อ ถ้าจิกหัวตบกันได้คงทำไปแล้ว มีรถบัสสี่คัน คันละประมาณสี่สิบคน รวมเป็นเท่าไหร่เอ้าคิดเลขซิจ๊ะเด็กๆ นัดรวมพลประมาณแปดโมงสิบห้า รถออกจริงๆเก้าโมงกว่า อื่มมม เสียเวลาตื่นเช้าจริงๆ ระยะเวลาจากยอร์กไปถึงลิเวอร์พูลประมาณสองชั่วโมงค่ะ
วันนี้อากาศหนาวมาก เพราะอุณหภูมิลดลงอีกแล้วแถมฝนตกอีก หนาวเข้ากระดูก นราใส่สี่ชั้นยังสั่นงั่กๆๆ รถมาจอดส่งหน้า Word Museum Liverpool ตัวแทนสมาคมบอกว่าให้มาเจอกันที่เดิมนี่ตอนสี่โมงครึ่ง ระหว่างนั้นจะไสหัวไปไหนก็เรื่องของแก ฮ่า นรากับพี่ๆเพื่อนๆคนไทยก็เลยเข้าไปเดินดูในพิพิธภัณฑ์ก่อน(เพราะมันฟรี)
อะไรนะ? หน้านราเกะกะวิวเหรอ ปัดโธ่เรื่องมากจัง เอ้า นี่ค่ะภาพพิพิธภัณฑ์เต็มๆ ข้างล่างเขาแบ่งเป็นหอสมุด แล้วอีกปีกหนึ่งของอาคารก็แบ่งเป็นแกลลอรีศิลปะ
ข้างในแบ่งเป็นสี่ชั้น ชั้นแรกนราอริ๊งอร๊างมากเพราะเป็นตู้ปลา เดินดูจนชาวบ้านเขาไม่รอ มันก็เหมือนที่บางแสนอ่ะแหละ แต่แหมขอดูหน่อยซิปลาอังกฤษหน้าตาเป็นยังไง อู๊ย ระหว่างดูนะไม่อยากจะเม้าท์ทัวร์อีหมวยจีนนรก คุยกันเสียงดังลั่นยังไม่พอ ถ่ายรูปตู้ปลาก็เสือกเปิดแฟลช ปลาไม่ว่ายก็เคาะกระจก (สองอย่างนี้ห้ามทำนะคะเด็กๆเพราะจะทำให้ปลาเครียดแล้วอาจป่วยตายได้) นรานั่งยองๆดูปลาดาวเริงรักอยู่ดีๆ อีเจ๊มาจากไหนไม่รู้เบียดเข้ามาจะถ่ายรูปทำเอาเราเกือบล้ม ยึ้ย โมโหๆ

ชั้นสองเป็นชั้นแมลง พี่เขาบอกว่าเหมือนให้เด็กเข้าไปดูมากกว่า นรารู้ตัวว่าเด็กก็เลยเดินไปดูซะหน่อย มันก็ไม่ค่อยมีอะไรนะ ส่วนมากก็เป็นกิจกรรมให้เด็กทำ พวกเรียงวงจรผีเสื้อ ตัวต่อแมลงอะไรแบบนี้ แต่ตู้นี้เท่านั้นที่อยากนำเสนอ มันคืออะไรทายสิเอ่ยยย

เฉลย แมงสาบจ่ะ แมงสาบล้วนๆ เป็นเวอร์ชั่นแมงสาบผู้ดีไม่มีปีกแต่เป็นเกล็ด ขนาดอยู่ในตู้ยังได้ยินเสียงมันคลาน แซ่กๆๆๆ แกร่กๆๆๆ นราไม่กลัวแมงสาบยังอดหยดหยองไม่ได้เลย รูปนี้สำหรับตาหมูโดยเฉพาะนะ จุ๊บๆ

ชั้นบนเป็นพวกจัดแสดงของโบราณจากวัฒนธรรมต่างๆ ช่วงนี้เน้นของอียิปต์โบราณ แต่นรามัวแต่ไปเดินดูปลาเลยอดดู มีเสื้อผ้าของใช้จากจีน ญี่ปุ่น มองโกเลีย ส่วนใหญ่ก็จากเอเชียนั่นแล นราชอบชุดแรกมาก ดูครีเอทีฟดี มันเป็นชุดของชนเผ่าในหมู่เกาะแปซิฟิกเมื่อก่อนนู้น ชอบตรงที่เอาปลาปักเป้ามาทำหมวกกันน็อกนี่แหละ อันนี้เป็นหลักฐานว่า เด็กแว้นมีอยู่ทั่วทุกมุมโลกและทุกยุคสมัย

แน่นอนนน มาลิเวอร์พูลก๊อต้องไปดูสี่เต่าทองซิ
ไปยืนรอหน้าพิพิธภัณฑ์พักหนึ่ง นึกว่าฟรี ที่ไหนได้เสียค่าเข้า 12.8 ปอนด์ อ๊ายยย ฝันไปเหอะ แค่ 5 ปอนด์ฉันยังไม่อยากจะจ่ายเลย อีกอย่างไม่ได้คลั่งไคล้เดอะบีเทิลส์ไรมากขนาดนั้น เดี๋ยวกลับบ้านไปเปิด Yellow Submarine ฟังเอาก็ได้ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วเลยเข้าไปดูร้านของที่ระลึกหน่อย โดนไป 2 ปอนด์
จริงๆอยากซื้อสายคล้องกีตาร์ลายบีเทิลส์ให้น้องชายด้วย แต่มันตั้ง 50 ปอนด์ เอิ่ม รอไปก่อนนะเอิร์ธน้องรัก ไว้เดี๋ยวพุ่ยถักไหมพรมให้แล้วกัน เหะๆ
(ซีดีขายในนี้โคตร พ. โคตร ม. แพง)

เสร็จแล้วก็เดินไป Albert Dock กันค่ะ อีกหนึ่งสถานที่โด่งดัง
มันคือโกดังเก็บของในครั้งกระโน้นที่เรือจะเข้ามาเทียบท่าแล้วถ่ายมาเก็บโดยตรง เป็นท่าแห่งแรกที่ไม่ใช่ไม้เป็นโครงสร้างเลย สร้างตั้งกะปี 1846 แน่ะ วิวสวยจัง น้ำใสด้วย ขนาดลึกเป็นสิบเมตร นรามองลงไปยังเห็นพื้นข้างล่างเลย เห็นแล้วอยากโดดดด

ร้านนี้ไม่ผ่านถือว่ามาไม่ถึงลิเวอร์พูลใช่ไหมคะ

ไม่ได้เข้าหรอก กลัวเสียตังค์ ไม่ได้ชอบลิเวอร์พูลด้วย
นึกห่ามๆอยากไปตะโกน "บูๆ ลิเวอร์พูล ซักส์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อิส เดอะ เบสท์ เย่ห์ห์ห์" แถวนั้น แต่กลัวโดนฮูลิแกนสามัคคียำตีนเลยไม่เอาดีกว่า

ข้างนอกก็มีร้านขายนะ แต่ไม่รู้ของจริงเปล่า

ลิเวอร์พูลเหมือนจะมีตึกมีอาคารเยอะกว่ายอร์ก รถก็เยอะกว่าด้วย แหงสิก็ยอร์กมันบ้านนานี่จ๊ะ (เสียงเหน่อๆ) ปริมาณคนสูงอายุก็ค่อนข้างมาก แต่ที่สำคัญคือแทบไม่เห็นคนผิวสีกับคนเอเชียเลย ฝรั่งเดินมาทุกคนจะมองกลุ่มเราแล้วยิ้ม ยิ้มทำไมฟะ อยากรู้จริงๆ
อุตส่าห์มาถึงลิเวอร์พูลทั้งที ต้องหาอะไรหม่ำเป็นประสบการณ์ เดินวนไปวนมา สุดท้ายจบที่เบอร์เกอร์คิง ขอบอกว่า BK ที่นี่ เล็ก และอร่อยสู้บ้านเราไม่ได้อย่างที่สุด ไม่มีแฮชบราวน์ด้วย ฟันเฟิร์ม!!
ประมาณสามโมงครึ่ง ใกล้ได้เวลารวมตัวกลับ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปช็อป ในเมืองคนเยอะอย่างหนอน นึกถึงสยาม มาบุญครองวันเสาร์อาทิตย์ขึ้นมาในบัดดล แล้วไม่รู้เป็นอะไร ผู้หญิงทำผมทรงตีโป่งกระเซิงๆกันเยอะมาก มีทั้งแบบหน้ายุ่งหลังโป่ง หน้าโป่งหลังฟู หรือโป่งแม่งทั้งหน้าทั้งหลัง นึกว่าหลงมาสี่แผ่นดินซะอีก
อุ๊ยนอกเรื่องไปด่าคนอีกแล้ว ขอโทษค่ะ จะบอกว่านราเสียไปยี่สิบปอนด์ที่ห้าง Primark (ไพร่มาก) ซื้อโค้ทมาอีกตัว เหอะๆ วันนี้ตื่นเช้ามาแล้วทำไมรู้สึกว่าตัวเองพลาดก็ไม่รู้ อยากเอาไปคืน แต่คงไม่ได้เพราะที่ยอร์กไม่มีสาขา ที่นี่ซื้อเสื้อผ้าแล้วเขาให้ไม้แขวนมาด้วยแหละ
ตามถนนจะมีพวก Street Performers ประปราย
ที่เห็นบ่อยจะเป็นรูปปั้นมนุษย์ คือทาสีตัวเองให้เหมือนรูปปั้นแล้วยืนนิ่งๆ สาวๆเข้ามาใกล้ทีก็ขยับทีให้ได้กรี๊ดกันเล่น มีอยู่คนแกเจาะกล่องใหญ่ๆ ทาหน้าตัวเองเป็นหมาดัลเมเชี่ยนแล้วเอาหัวทะลุออกจากกล่อง เอากรงหมาพลาสติกครอบหัว แล้วก็ร้อง แอ๊วๆ บ็อกๆ ทึ่งในไอเดียแกมาก
แต่นราจะไม่มีทางลืมวันนี้ในลิเวอร์พูลแน่ๆค่ะ
ขณะกำลังเดินไปอัลเบิร์ตด็อก นราก็สังเกตกลุ่มผู้ชายข้างหน้า ตอนแรกไม่ได้คิดไร แต่เริ่มเอะใจว่า เอ๊ะ ทำไมผู้ชายคนนี้ใส่ถุงน่องสีดำแบบผู้หญิงละ แล้วสีเนื้อๆนั่นมันคืออะไร
......
เอ๊ะ มันคือตูดใช่มั้ย
.....
เอ๊ะ ถ้ามันคือตูด แสดงว่าเขาไม่ใส่กางเกงใน ใส่แต่ถุงน่องออกมาเดินหรอ งั้นแสดงว่าข้างหน้าของมันต้องเป็น...
เป็น...
ยังคิดไม่ทันจบประโยค สงสัยอีตานี่แกได้ยินเสียงเรากรี๊ดกร๊าด แกหันขวับมาแบบภูมิใจนำเสนอ
โอ๊ยพ่อแก้วแม่แก้ว
เต็มตา เต็มพวงเลย จะๆ ซูชิห่อเต้าหู้ในผ้าไนลอนสีดำแบบซีทรู
เห็นนราลามกจกเปรตแบบนี้ เจอจังๆก็ตกใจเหมือนกันนะคะ เราก็พยายามเดินผ่านไป แต่อีตานี่แกก็แบบ มาถ่ายรูปกันหน่อย นะๆ คัมม่อนๆ เราบอกโนแต๊งกิ้วฮีก็ยังตื๊อ จนเพื่อนแกบอกว่า แกกำลังจะแต่งงานอาทิตย์หน้า นราเลยเข้าใจว่ามันเป็นกิจกรรมสละโสดของหนุ่มฝรั่งเขานี่เอง เลยถ่ายรูปกะเขาไปด้วยอาการงงๆตะลึงๆ พยายามมองแต่หน้าเขา ไม่งั้นเดี๋ยวได้เห็นจุดสองห้อยรอบสอง
(ถ้าเราเป็นลูกมัน เราจะภูมิใจไหมเนี่ยว่าก่อนแต่งงานพ่อเราเดินแกว่งซูชิไปทั่วลิเวอร์พูล)
เดี๋ยวเพื่อนส่งรูปมาให้แล้วจะเอามาขึ้นบล็อกโชว์นะ
......................
ก่อนขึ้นรถ นราหนาวจนมือไม่รู้สึกแล้ว เลยไปซื้อชาจากรถคนเล็กๆที่เขาขายพวกไอติม กาแฟ รถน่ารักดี กะปุ๊กลุกๆ สีขาวครีม
นราสังเกตนะว่า อากาศหนาวเท่าไหร่ ภาษาอังกฤษยิ่งเฮงซวยลงเท่านั้น เหมือนมันแปรผันตรง แกรมมาร์ในหัวนราจะหายหมด พูดไม่รู้เรื่อง ไม่ปะติดปะต่อ พูดผิดประจำ
ชาแก้วละปอนด์ ไม่หวานมาก แล้วก็อุ่นๆ
ลุงในรถแกพาหลานชายมาด้วย หน้าตาน่ารักเชียว พอคุณปู่จะชงชา เขาก็โผล่มาแล้วก็หยิบนมส่งให้ "Grandpa, milk" "Grandpa, sugar" เลยขอถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึก
กลับถึงยอร์กประมาณสองทุ่ม หิวไส้จะขาด
เลยแห่กันออกไปกิน Hotpot ที่ร้านจีนในเมือง
คิดถึงชาบูชิอ่าาา อร่อยสู้กันไม่ได้เลย เผ็ดอีกเหอะ
ผลจากการตื่นเช้ากลับค่ำ ตากฝน เห็นซูชิ และกินเผ็ด วันนี้เลยไข้รับประทานเล็กน้อย ทานยาแล้วก็ม่อยทั้งวัน เฮ้อ พรุ่งนี้ก็เรียนอีกแล้ว
คิดถึงทุกคนเหมือนเดิมค่ะ

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Boom! It's Guy Fawke's Night

กล่องของแห่งความรักมาถึงแล้ว
ดีใจจังเลย มาม้าส่งของมาให้เยอะแยะเลย เป็นขนมโคอาล่ามาร์จจิซะเยอะ ซุปไข่กับผักโขมแบบอบแห้ง เสื้อหนาวของป้าน้อย แล้วก็ตุ้มหูสวยๆตั้งหลายอัน (เรียกเป็นอันไม่ใช่คู่ เพราะนราเจาะหูข้างเดียว) ขอบคุณนะแม่จ๋า คิดถึงแม่จัง คิดถึงทุกคนเลย

เมื่อคืนวันที่ 5 พฤศจิกายน เป็นคืนกาย ฟอว์กส์ หรือบองไฟร์ไนท์ค่ะ
รู้จักกันไหมเอ่ย นราจำได้คร่าวๆประมาณว่า อีตากาย ฟอว์กส์เนี่ย แกเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่อยากจะล้มล้างนิกายโปรแตสแตนท์ในยุคของพระเจ้าเจมส์ที่หนึ่ง เลยคิดแผนที่เรียกว่า The Gunpowder Plot กะจะระเบิดรัฐสภาให้ตู้มต้ามกันไปข้าง กะว่าพวกโปรฯข้างในต้องม่องเท่งกันหมด แต่ดันมีการตรวจค้นหลังคารัฐสภาก่อนงานจะเริ่ม แผนก็เลยล้มเหลว อันที่จริงตาฟอว์กส์นี่แกไม่ได้เป็นคนวางแผนหรอก แต่แกเป็นคนได้รับมอบหมายให้ไปจุดระเบิด เลยดวงซวยโดนจับไปขังซะเลย
สำหรับที่ยอร์ก เมื่อก่อนเขาจะมีการจัดงานจุดดอกไม้ไฟกับจุดไฟกองโตๆ แต่เนื่องด้วยมาตรการความปลอดภัย เขาก็เลยยกเลิกไปแล้ว (อ้าว) ที่จุดๆกันคืนนี้จะเป็นคล้ายงานส่วนตัวของแต่ละที่หรือไม่ก็สมาคม ที่นราไปกับเพื่อนๆมาเมื่อคืนเป็นของสโมสรรักบี้มั้ง อยู่ไกลจากมหาลัยเหมือนกัน ค่าเข้าคนละหนึ่งปอนด์
สนามกว้างมากค่ะ คนเยอะมาก ลูกเด็กเล็กแดงกระจองอแงเต็มไปหมด หญ้าก็เปียกแฉะ อากาศไม่ต้องพูดถึง หนาวมือจะขาด ขนาดใส่สามชั้น ถุงมือก็ใส่ ผ้าพันคอก็ยัดเข้าไปอีกอ่ะ ยังหนาวมากๆ หายใจเป็นควันกองโตๆ เด็กๆเล็กๆในรถเข็นก็มีพ่อแม่เข็นมา เด็กน่ารักแต่เราไม่กล้ามองตรงๆ เพราะมีความคิดฝังหัวว่าฝรั่งไม่ชอบให้คนมาเล่นลูกตัวเอง แต่เท่าที่เจอนี่ก็ไม่ว่าอะไรนะเวลาเรามอง
นี่ปุ้ย นรา แล้วก็เนม
นราไม่ได้อ้วนนะ อากาศมันหนาวหน้าเลยบวม จริงจริ๊ง
งานจุดดอกไม้ไฟยังไม่เริ่ม แต่ก็มีคนพกไฟเย็นมาจุดกันเองแล้ว
ครอบครัวนี้น่ารักดี มีตายาย มีลูก มีหลานมากันหมด
ยายแกคงสงสาร เห็นเด็กต่างชาติหัวดำๆอย่างเรายืนมองตาละห้อย ยายเลยแบ่งไฟเย็นมาให้เล่น ใจดีจังเลย
ระหว่างรอดอกไม้ไฟ ก็หาอะไรกินกัน ในนั้นมีอยู่ร้านเดียว ขายฮอทดอก เบอร์เกอร์ ชา กาแฟ สงสัยจบงานไปร้านนี้รวยเละ แถวคนงี้ต่อยาวเป็นหางว่าว เราเห็นว่าไม่มีอะไรทำอยู่แล้วก็เลยไปต่อคิวด้วย นราซื้อฮอทดอกมาหม่ำ มีไส้กรอก ชีส แล้วก็หอมใหญ่ กินไปด้วยความแค้น เพราะเป็นคนเดียวที่จ่ายสามปอนด์ ชาวบ้านเขาซื้อกันคนละปอนด์ห้าสิบ ไส้เหมือนกันทุกอย่าง ทำไมๆๆๆ อีป้าคนขายมั่วแล้ว ตอนซื้อก็คนเยอะมะรุมมะตุ้ม นราเลยไม่ได้นับเงินทอนตรงนั้น
แต่คิดในแง่ดี อืมๆ ของเราเป็นฮอทดอกไฮโซแพงกว่าคนอื่น โฮะๆๆ
ฮือออออ

ประมาณทุ่มกว่าดอกไม้ไฟก็บานแล้วค่ะ
งือ บอกตามตรง สนามหลวงงามกว่าหลายเท่า
อาจจะเป็นเพราะเขางบน้อยมั้ง เพราะจัดกันเอง เลยไม่ได้มีแบบใหญ่โตไรมาก แต่ก็สวยใช้ได้ แรกๆลูกจะเล็กหน่อย ยิงๆไปเริ่มใหญ่ขึ้น นราชอบดอกไม้ไฟแบบที่พอมันระเบิดแล้วสะเก็ดมันจะวิ่งไปบนฟ้าอ่ะ ยุกๆยิกๆ เต็มไปหมด สวยดี
เซ็งกับสี่ดอกฟินาเล่มาก เป็นดอกใหญ่ๆ แบบที่บ้านเรายิงตั้งแต่เริ่ม มันยิงสี่ลูก เฟี้ยวๆๆๆ แล้วก็จบ อารายฟะ ยังไม่ทันถ่ายรูปเลย
งานเลิกประมาณสามทุ่ม เจอเพื่อนๆ พี่ๆ คนไทยเยอะเลย ได้เจอเด็กญี่ปุ่นเพิ่มด้วย คนนึงชื่อนาฮิโกะหนุ่มโอซาก้า รู้สึกจะเรียนวิชาจิตวิทยาฯกับนรา ดีจังได้เพื่อนเพิ่มมาอีก ภาษาอังกฤษกำลังถอยหลังเข้าคลอง วันก่อนจะพูดอะไรนึกไม่ออก เอ่อๆ อ่าๆ น่าอายชะมัด
ปิดท้ายด้วยของกินมื้อหรูมื้อสุดท้ายก่อนหน้า
ข้าวแกงกะหรี่ไก่ (ของแช่แข็ง) กับปลาบาสะทอดกระเทียมพริกไทย ฮ่าๆๆ ก็ผงมันยังไม่หมดอ้ะ โลโบ้ช่างสุดคุ้ม
อันที่จริงปลามันมีสามชิ้น นราก็แหมคนดี กินทีละชิ้นแล้วกันนะจะได้ไม่หมดเร็ว แต่รอให้มันละลายนานมาก นานจนทนไม่ไหว ช่างแม่มกินมันทั้งหมดนี่ละวะ อยากไม่ละลายติดกันเป็นก้อนดีนัก บ้าดีเดือดจริงๆ ตอนนี้เลยไส้แห้งกินแต่แซนด์วิชปะแฮมทุกวันๆ
..................
มุกกู้
ได้รับการคอนเฟิร์มแล้วค่ะว่ากอล์ฟเป็นเพื่อนมุกสมัยประถมแน่นอน ยินดีด้วยนะคะ โลกมันกลมจริงๆเลย พี่ที่เขาเป็นอาจารย์ที่นี่บอกว่า จากผลวิจัยนะ คนเราทั้งโลกจะรู้จักโยงใยกันไปมาอยู่ภายในหกคนนี่แหละ คือทุกหกคนต้องจะมีคนรู้จักกันคนนึง
ปัด
โลโบ้จงเจริญนะคะ
หนูแนน
ขอบคุณหนูแนนและบล็อกมาก ที่ทำให้นรามีเรื่องคุยกับนาฮิโกะคุง (ปูยักษ์และกูลิโกะโอซาก้า)
มะแอ้
ขอบคุณนะจ๊ะสำหรับของ ฮือซาบซึ้งๆ คราวหน้าขอเป็นเงินได้ไหมอ่ะ เอกสารเซ็นแล้วเดี๋ยวส่งไปให้นะ
ใบตอง
พระไม่ต้อง แค่หน้านราอย่าว่าแต่ผีเลย คนด้วยกันหันมาเจอก็หลอน
ตาหมู้ว
คิดถึงนะ รอคุมะด้วยใจจดจ่อจ้า

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Dinner with Thais on Halloween Night

หมดเดือนตุลาซะที เงินเดือนนี้เหลือประมาณ 20 ปอนด์ค่ะ ไม่มาก แต่ก็ดีกว่าไม่เหลือ
วันนี้ลมแรงมาก ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นพัดไม่หยุด
เรื่องจริงผ่านจอ นรากำลังจะเดินไปหอสมุด ลมกรรโชกมาจากข้างหลัง ถึงกับกระเด็น! เรื่องจริง ไม่ได้โอเว่อร์ คือลมมันพัดหนุนหลังแล้วนราถลาวูบไปข้างหน้า ไม่งั้นถ้ายืนต้านลมต้องล้มแน่
เสียงลมฟาดกระจกดังฟึ่บฟั่บๆ ได้รู้วันนี้แหละว่าเสียงลมโหยหวนมันเป็นยังไง หลอนมาก ขนาดกระจกเป็นแบบสองชั้นยังได้ยินเสียงลมฟาดเลย
......................
เมื่อคืนวานตอนหกโมงครึ่ง พวกเราเหล่าชาวไทยในยอร์กนัดทานอาหารเย็นกันที่หอเพื่อนคนนึง ต่างคนต่างก็ทำกับข้าวมาแบ่งกันคนละอย่าง น่ากินมากมาย มีเนื้อผัดหอมใหญ่และพริกหยวกของจิ๊บ ลาบไก่พี่นะห์ ไข่เจียวกุ้งของเนม พะแนงของพี่ออย ทอดมันของกอล์ฟ แล้วก็มีแกงกะหรี่ของพี่เต๋า โอ๊ยอร่อยมาก

นี่ของนรา แจ่งแจ๊ง
แซลมอนกระเทียมพริกไทย ฮ่าๆๆๆ เล่นมุกเดิมอีกแล้ว
ก็แหม มายังไม่ถึงเดือนเลย ทำกับข้าวกินเองก็ไม่กี่มื้อ ที่ทำได้แล้วดูดีพอจะเอาไปอวดคนอื่นได้ก็แซลมอนเนี่ยแหละ เพิ่งซื้อสดๆร้อนๆตอนไปซื้อของที่ห้างมอร์ริสัน เอามาทำตอนเย็นโดยเฉพาะ
เฮ้ๆ ปรากฏว่าฟีดแบ็กดีใช้ได้ มีคนบอกว่าอร่อยด้วยยย นราต้มถั่วฝักอ่อนกับเห็ดมาเยอะเลย ตอนแรกนึกกลัวว่าจะไม่มีคนกินเพราะผักต้มมันจืดเนื่องจากเรามีแค่ซีอิ๊วเหยาะ แต่โอ๊ะช่างน่าชื่นใจ หมดเกลี้ยงไม่เหลือเลย นราก็หน้าบาน(กว่าปกติ)ไปตามระเบียบจิ
จากซ้ายไปขวา บุ๊ค Econ. จิ๊บ Linguistics นรา Education Studies กอล์ฟ English Literature
พี่บอล เรียนไรหว่าจำไม่ได้ (ฮ่าๆ แก้แค้นชอบแกล้งเรานัก) พี่นะห์กับพี่เต๋าทุนก.พ. พี่ออยและก็เนม Econ.

สนุกดีนะ ได้คุยกัน เม้าท์แตกครัวแทบระเบิด นั่งเบียดๆกันคุยกันทุกเรื่องตั้งแต่หนัง เพลง การเรียน ถึงภาษาถิ่น แต่ละคนเก่งกันทั้งนั้น เราก็เลยได้ความรู้ไปด้วย
ทีนี้พอกินอิ่มเม้าท์เสร็จ ก็มีหลายคนบ่นว่าไม่อยากกลับห้อง เพราะจะถูกหลุมดำที่เรียกว่าหนังสือเรียนดูดเข้าไปแล้วไม่ได้กลับออกมาอีก เลยว่าจะไปเดินเล่นกันในเมืองสักหน่อย อากาศเมื่อวานก็หนาวเหมือนเดิม แต่นราคิดว่ามากินข้าวแป๊บเดียวเลยใส่รองเท้าแตะมา สุดท้ายต้องเดินกลับไปเปลี่ยนเป็นบู๊ทไม่งั้นหนาวนิ้วหลุดแน่
เมื่อคืนเป็นคืนฮัลโลวีนค่ะ จำได้หรือเปล่า
ในมหาลัยก็มีปาร์ตี้กันคึกคัก หนุ่มๆสาวๆแต่งตัวเป็นผีเดินกันใหญ่ ตอนออกมาเจอสาวฝรั่งใส่ชุดผึ้งน้อย เหอะๆ น่ารัก
ยอร์กตอนกลางคืนก็สวยดีนะ เข้ากับบรรยากาศผีหลอกวิญญาณหลอนดี สำหรับใครที่ยังไม่รู้ ยอร์กเป็นเมืองที่ผีดุที่สุดในอังกฤษค่ะ ตอนเดินเลียบกำแพงเมืองนี่น่ากลัว ถ้าไม่มีถนนใกล้ๆนะจ้างให้ก็ไม่ไปเดินหรอก กำแพงเก่าเป็นร้อยปี มีคนตายคากำแพงมากี่คน เกิดมองขึ้นไปแล้วเห็นเงาดำๆนั่งแกว่งขาอยู่ตรงหน้าต่างหอคอยทำไงอ่ะ แง้
นี่ในเมืองค่ะ บาร์แถวนั้นเขาก็จัดปาร์ตี้ฮัลโลวีนกันหมด นราก็นั่งดูคนเพลินๆ เสียดายจริงๆไม่ได้ถ่ายรูปผีไว้เลย เพราะส่วนใหญ่เขามากันเป็นกลุ่มๆ แล้วก็ดูเมาๆ กึ่มๆ ซ่าๆ นราเลยไม่กล้าขอเขาถ่ายรูปอ่ะ เลยนั่งดูเฉยๆ มีตั้งแต่ เดอะฮัค ไมเคิล แจ็กสัน (อันนี้ของแน่) โจ๊กเกอร์จากเรื่องแบทแมน ผีแมว ผีปากย้อยจากเรื่องสครีม ผีแมนยูก็มี ผีไอพอดอีกอ่ะ มีปีศาจสาวใส่ชุดแดงวิบวับๆ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นผู้หญิงจะเป็นชุดแฟชั่น "สะหมีเหอ" ฮ่าๆๆ เรทเล็กน้อย แต่เป็นเรื่องจริง ผีซีทรู ผีนมล้น โอ๊ยไม่ไหวจะดู แถมหุ่นไม่ได้ดีด้วยเหอะ
สาวคนนึงแต่งเป็นแม่มด โอ้โหหล่อนกล้ามาก เสื้อเกาะอกข้างหน้านี่ขาดเป็นริ้วๆหมด ปิดแต่หน่มน้ม สะบึมน่ะสะบึม แต่พอเดินมาใกล้ๆ โหพุงสะบึมกว่านมอีก แล้วริ้วเสื้อมันเป็นไขว้ๆก็รัดพุงปลิ้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด อืมๆ ฝรั่งนี่เค้ากล้าไม่แคร์สายตาใครเลยเนอะ ฮ่าาา
แต่ที่นราให้รางวัลชนะเลิศ คือหนุ่มคนนึง แกแต่งเป็นมนุษย์เจ้าปัญหา จำได้ป่ะ จากเรื่องแบทแมนแอนด์โรบิน ที่เป็นตัวร้ายใส่ชุดรัดรูปเขียวๆ มีเควสชั่นมาร์กเต็มชุด ถือไม้เท้า ย้อมผมส้ม เหมือนมาก โคตรลงทุนอ่ะ ดูดีกว่าพวกมัมมีที่เอาทิชชูมาพันทั้งตัวอีก มิน่าวันนี้เห็นคนซื้อทิชชูเยอะผิดปกติ
นอกเหนือจากนั้นเป็นรางวัลขวัญใจช่างภาพ หนุ่มหล่อล่ำแต่งเป็นแรมโบ้ กล้ามสวยสุดๆ มากันสองคน อากาศหนาวแต่พี่ท่านเปลือยอกเดิน โอ้ววว
แต่สุดท้ายแฟนเราก็หล่อที่สุดค่ะ (เดี๋ยวงอนๆ)

เดินได้สักชั่วโมงก็พากันเดินกลับ นราเดินรั้งท้าย ดูโน่นดูนี่ แล้วก็ฟังเขาคุยกันระหว่างเดิน
วิชาการล้วนๆ เรื่องประวัติศาสตร์อังกฤษ ตั้งแต่เรื่องเมือง ศาสนาสงคราม ไปจนถึงราชวงศ์
นราฟังแล้วรู้สึกเลยว่าตัวเองเป็นคนที่ "ไม่รู้"
"ไม่รู้" นะ ไม่ใช่ "ไม่ฉลาด"
ทุกเรื่องที่เขาเล่า นราเคยเรียนมาหมดแล้ว แต่ที่รู้คือแค่ผิวเผิน แตะๆไม่ลงลึก ในขณะที่กอล์ฟกะพี่เต๋ารู้หมด เล่าได้เป็นฉากๆ แม่นยำ เชื่อมโยงกันหมด
มีอยู่อย่างนึงที่กอล์ฟพูดแล้วนรารู้ความแตกต่างระหว่างนศ.มหาลัยเขากับเรา
มีพี่คนนึงถามเขาว่า ทำไมต้องเรียนพวกนี้ด้วย พวกประวัติศาสตร์วรรณคดีอังกฤษไรเนี่ย
กอล์ฟบอก "มันต้องเรียนสิ มันเป็นพื้นฐานที่โยงไปหาอย่างอื่น ศาสตร์อื่นได้"
แต่เด็กม.เรา "เรียนทำไม ไร้สาระ จะรู้ไปทำไมว่าวิลเลียม เวิร์ดสเวิร์ธเขียนกลอนชื่ออะไร ใครขึ้นครองราชย์ปีอะไร จบไปก็ไม่ได้ใช้หรอก"
แก้ไขกันตอนนี้คงไม่ทันแล้วมั้ง?
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ
ตอนนี้ก็ยังเหงาอยู่ แต่ก็พยายามปรับตัวและขยันให้มากขึ้น
คิดถึงเพื่อนๆทุกคนเลย มุกกุ ปัด หนูแนน ใบตอง (รูปล่ะ)
คิดถึงตาหมู้ว คิดถึงครอบครัว
แต่...ชีวิตต้องสู้ค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

I'm in Need of Someone...

เดี๋ยวนี้ห้าโมง ฟ้าที่นี่ก็มืดสนิทเหมือนสักสองทุ่มแล้ว
เดินไปไหนต้องระวัง เมื่อคืนนี้ปวดหัวมากๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร กินยาก็ไม่หาย จนทนไม่ไหวเลยเดินไปซื้อน้ำผลไม้ที่คอสต์คัตเตอร์มากิน เผื่อจะได้สดชื่นแล้วรู้สึกดีขึ้น ระหว่างทางเดินมืดๆ เราก็มัวแต่มองทางเดิน กลัวสะดุดล้ม เลยมองไม่เห็นไอ้ห่านเวรที่มันหลบอยู่แถวนั้นตัวนึง พอเดินเข้าไปไกล้ อยู่ดีๆมันก็เห่าใส่ ตกใจสุดๆ หัวใจหยุดเต้นไปสามวิ บ้าชะมัด

ช่วงนี้กำลังเข้าสู่อาการคิดถึงบ้าน โฮมซิกสุดๆ
ซึ่งก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน แทนที่จะเป็นช่วงแรกๆที่มา กลับกลายเป็นว่าช่วงแรกๆยังพอรับมือไหว ไม่คิดถึงมันก็จะไม่ฟุ้งซ่าน แต่พอมาถึงตอนนี้ดันเป็นหนักซะงั้น เป็นเพราะอากาศมันชวนเศร้าละมั้ง
รู้สึกว่า เรามาที่นี่ทำไม นี่เรากำลังทำอะไรอยู่
ทำไมมันเหงาจัง ทำไมรู้สึกเหมือนไม่มีใครเลย อยากจะคุยกับคนที่เมืองไทยเขาก็ไม่ว่างกันทั้งนั้น ด้วยทั้งเวลาและชีวิตประจำวันที่ต่างกัน ตอนนี้นราไม่มีใครเลยจริงๆ ไม่มีเพื่อน ไม่มีคนจะคุยด้วย
กลับเข้าห้องมาก็ทำอย่างเดิมๆ วางกระเป๋า เปิดคอม หาอะไรกิน ทักทายเพื่อนร่วมแฟลตนิดหน่อยตามประสา แต่สุดท้ายเมื่อกลับเข้าห้องมา สิ่งเดียวที่รออยู่ก็คือความเงียบกับหนังสือกองโต ราวๆเที่ยงคืนก็เข้านอน รอตื่นเช้าไปเรียน
พยายามจะขยัน พยายามจะไปอ่านหนังสือที่หอสมุด แต่ไม่ไหว ยิ่งเหงาใหญ่ เมื่อก่อนเคยมีคนนั่งอ่านหนังสือ นั่งหลับด้วยกัน เดี๋ยวนี้เราอยู่ตัวคนเดียว อยากมีคนมาโอบเวลาเหนื่อย มาคุยด้วยหลังเลิกเรียนกลับมา มาช่วยตามหาไอ้เวรที่ขโมยกระทะนราไปด้วย ตากไว้อยู่ดีๆหายไปเฉยเลย

วันนี้พระจันทร์โผล่ออกมาให้เห็นเหมือนแตงโมผ่าครึ่ง สีเงินๆลอยอยู่ในเมฆดำๆบนฟ้า
พอเปิดม่านออกไปมองอีกที พระจันทร์ก็หายไปแล้ว โดนเมฆกลืนจนมองไม่เห็น
เรื่องธรรมดาๆของธรรมชาติ ทำไมวันนี้มันเศร้าจังน้อ
อ่านหนังสือเรียนไปก็น้ำตาแหมะไป น้ำตาร้อนๆออกมาเจอลมหนาวแล้วเย็นจัง
อย่างนี้คงโดนป๋าด่าว่าอ่อนแอ ไม่รู้จักเข้มแข็งสู้ชีวิต เป็นเด็กเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แค่นี้ท้อแล้ว
แต่นรากำลังพยายามอยู่นะ ฝ่าทั้งกำแพงภาษา กำแพงความรู้ และกำแพงความขี้เกียจของตัวเอง
แม่ ป๋า เอิร์ธ เอม คิดถึงจังเลย อยากกลับไปหาเร็วๆ
คิดถึงเติ้ลด้วย คิดถึงมากๆเลย ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้เลย

เมื่อวาน ดีใจมากๆที่ในที่สุดพัสดุจากตาหมูก็มาถึงจนได้
เดินกอดห่อของยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาตามทางเดิน เห็นแค่ลายมือก็มีความสุขแล้ว
ลายมือคนบอกอะไรได้หลายอย่างนะ ดูจากตัวอักษรจ่าหน้าซองที่ตรง เส้นหนัก และทื่อไม่เป็นธรรมชาติ สันนิษฐานได้ว่าคนเขียนตั้งใจเขียนอย่างสุดๆ เห็นแล้วก็ชื่นใจน้อ นั่งเป่าปี่สก็อตใส่ซองพัสดุอยู่พักนึงแล้วถึงจะแกะออกมาดู

ดีใจมากๆ มากๆ ได้อ่านนิยายภาษาไทยแล้ว เบื่อภาษาอังกฤษเหลือเกิน
คินดะอิจิเล่มสิบเจ็ด ตอนหนึ่งและสองค่ะ ค่าส่งแพงมาก ขอบคุณตาหมูมากๆนะ ตอนนี้อ่านเล่มหนึ่งจะจบแล้ว นี่เป็นข้อเสียของคนอ่านหนังสือเร็ว แป๊บๆก็หมดเล่ม พอหมดสองเล่มก็ไม่รู้จะอ่านอะไรต่อหละ แม่ก็อย่ายอมเค้านะ รีบส่งมาๆๆ จริงๆมีหนังสือต้องอ่านเป็นสิบ แต่นึกดูซิว่าถ้าหนังสือแต่ละเล่มมันประมาณ Research in Education, Language Learning Methods, Psychology for Language อะไรงี้ แถมเป็นภาษาอังกฤษ คุณจะหลั่นล้าหยิบมาอ่านเองมั้ยจ๊ะ

ถึงหอสมุดจะใหญ่ แต่นักศึกษาก็เยอะมาก เลยต้องแย่งหนังสือกันอ่าน
พวกที่เป็น key text หรือหนังสือที่ต้องอ่านสำหรับแต่ละคอร์ส ไม่เคยอยู่บนชั้นหรอก เวียนกันยืมตลอด นราเลยซื้อเล่มหลักๆมาไว้อ่านเอง จะได้ไม่ต้องไปแย่งใคร สั่งซื้อจากอเมซอน.โค.ยูเคค่ะ ได้เร็วเหมือนกันนะ สั่งคืนวันที่ยี่สิบห้า วันนี้วันที่ยี่สิบแปดได้แล้วอ่ะ
หมดค่าหนังสือไปเจ็ดสิบปอนด์ สามเล่มเองนะ แต่เมื่อเทียบกับทุนค่าหนังสือที่ม.กท.ให้มาแล้วยังจิ๊บจ๊อย เอาเถอะก็ใช้แบบประหยัดๆนั่นแหละ เผื่อเอาไปทำอย่างอื่นได้
กระเป๋านี่ก็ซื้อจากอเมซอนเหมือนกัน สั่งพร้อมหนังสือแต่มันมาก่อน เป็นกระเป๋าที่ซื้อบ้านเราได้ในราคาไม่เกินร้อยเก้าเก้า แต่นราต้องจ่ายแปดปอนด์เพื่อซื้อมัน เพราะใบที่มีตูดจะขาดแล้วอ่ะ แอบแรดเล็กน้อยถึงปานกลางด้วยแถบสีทองอลังการ

จริงๆวันนี้ไปกินข้าวที่โรงอาหารของหอแวนเบรอห์มาด้วย วันนี้เขาเสิร์ฟไก่อบ/ลาซานญ่าผัก/หมูย่าง เลือกเอาอย่างนึงเคียงกับพวกผักต้ม มันทอด นรากินไก่อบ ใช้ได้นะ อร่อยกว่าไก่งวงวันก่อนโน่นเยอะ กินไปอ่านหนังสือไปมีความสุขชิบเป๋ง ก่อนกลับหอแวะไปซื้อโยเกิร์ตกับผลไม้มาตุน เพราะตอนนี้กระทะไม่มี ไม่สามารถทำอะไรกินได้นอกจากต้มมาม่าและโจ๊กด้วยหม้อที่มี นรากินแปลกมั้ยเนี่ย เอาสตรอว์เบอร์รีใส่ซีเรียลแล้วราดโยเกิร์ต คลุกๆกินเป็นของว่าง
ขอบคุณทุกๆคนนะคะสำหรับกำลังใจและการเข้ามาชมอย่างต่อเนื่อง
ตาหมู้ว
รักหมูมากๆนะ
มุกกุ
วันก่อนโน้นเจอรองเท้าเหมือนที่โลลิฯเขาใส่กัน นึกถึงมุกเลยค่ะ แต่คู่ละร้อยซื้อไม่ไหวอ่ะ