เมื่อวานไปเที่ยวเมืองลิเวอร์พูลมากับสมาคมนศ.ต่างชาติของมหาลัย แอบตื่นเต้น เพราะว่าเรียนเกี่ยวกับเมืองนี้มาตั้งแต่สมัยมัธยม จำได้ลางๆว่าเป็นเมืองท่า เป็นเมืองของเดอะบีเทิลส์ แล้วก็อะไรอีกหว่า จำไม่ได้หละ แต่ในที่สุดเราก็จะได้เห็นซะที
ซื้อตั๋วไว้ตั้งแต่หลายสัปดาห์ที่แล้ว ใบละห้าปอนด์ คนแออัดยัดทะนานแย่งกันซื้อ ถ้าจิกหัวตบกันได้คงทำไปแล้ว มีรถบัสสี่คัน คันละประมาณสี่สิบคน รวมเป็นเท่าไหร่เอ้าคิดเลขซิจ๊ะเด็กๆ นัดรวมพลประมาณแปดโมงสิบห้า รถออกจริงๆเก้าโมงกว่า อื่มมม เสียเวลาตื่นเช้าจริงๆ ระยะเวลาจากยอร์กไปถึงลิเวอร์พูลประมาณสองชั่วโมงค่ะ
วันนี้อากาศหนาวมาก เพราะอุณหภูมิลดลงอีกแล้วแถมฝนตกอีก หนาวเข้ากระดูก นราใส่สี่ชั้นยังสั่นงั่กๆๆ รถมาจอดส่งหน้า Word Museum Liverpool ตัวแทนสมาคมบอกว่าให้มาเจอกันที่เดิมนี่ตอนสี่โมงครึ่ง ระหว่างนั้นจะไสหัวไปไหนก็เรื่องของแก ฮ่า นรากับพี่ๆเพื่อนๆคนไทยก็เลยเข้าไปเดินดูในพิพิธภัณฑ์ก่อน(เพราะมันฟรี)
ชั้นสองเป็นชั้นแมลง พี่เขาบอกว่าเหมือนให้เด็กเข้าไปดูมากกว่า นรารู้ตัวว่าเด็กก็เลยเดินไปดูซะหน่อย มันก็ไม่ค่อยมีอะไรนะ ส่วนมากก็เป็นกิจกรรมให้เด็กทำ พวกเรียงวงจรผีเสื้อ ตัวต่อแมลงอะไรแบบนี้ แต่ตู้นี้เท่านั้นที่อยากนำเสนอ มันคืออะไรทายสิเอ่ยยย
เฉลย แมงสาบจ่ะ แมงสาบล้วนๆ เป็นเวอร์ชั่นแมงสาบผู้ดีไม่มีปีกแต่เป็นเกล็ด ขนาดอยู่ในตู้ยังได้ยินเสียงมันคลาน แซ่กๆๆๆ แกร่กๆๆๆ นราไม่กลัวแมงสาบยังอดหยดหยองไม่ได้เลย รูปนี้สำหรับตาหมูโดยเฉพาะนะ จุ๊บๆ
ชั้นบนเป็นพวกจัดแสดงของโบราณจากวัฒนธรรมต่างๆ ช่วงนี้เน้นของอียิปต์โบราณ แต่นรามัวแต่ไปเดินดูปลาเลยอดดู มีเสื้อผ้าของใช้จากจีน ญี่ปุ่น มองโกเลีย ส่วนใหญ่ก็จากเอเชียนั่นแล นราชอบชุดแรกมาก ดูครีเอทีฟดี มันเป็นชุดของชนเผ่าในหมู่เกาะแปซิฟิกเมื่อก่อนนู้น ชอบตรงที่เอาปลาปักเป้ามาทำหมวกกันน็อกนี่แหละ อันนี้เป็นหลักฐานว่า เด็กแว้นมีอยู่ทั่วทุกมุมโลกและทุกยุคสมัย
ไปยืนรอหน้าพิพิธภัณฑ์พักหนึ่ง นึกว่าฟรี ที่ไหนได้เสียค่าเข้า 12.8 ปอนด์ อ๊ายยย ฝันไปเหอะ แค่ 5 ปอนด์ฉันยังไม่อยากจะจ่ายเลย อีกอย่างไม่ได้คลั่งไคล้เดอะบีเทิลส์ไรมากขนาดนั้น เดี๋ยวกลับบ้านไปเปิด Yellow Submarine ฟังเอาก็ได้ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วเลยเข้าไปดูร้านของที่ระลึกหน่อย โดนไป 2 ปอนด์
จริงๆอยากซื้อสายคล้องกีตาร์ลายบีเทิลส์ให้น้องชายด้วย แต่มันตั้ง 50 ปอนด์ เอิ่ม รอไปก่อนนะเอิร์ธน้องรัก ไว้เดี๋ยวพุ่ยถักไหมพรมให้แล้วกัน เหะๆ
เสร็จแล้วก็เดินไป Albert Dock กันค่ะ อีกหนึ่งสถานที่โด่งดัง
มันคือโกดังเก็บของในครั้งกระโน้นที่เรือจะเข้ามาเทียบท่าแล้วถ่ายมาเก็บโดยตรง เป็นท่าแห่งแรกที่ไม่ใช่ไม้เป็นโครงสร้างเลย สร้างตั้งกะปี 1846 แน่ะ วิวสวยจัง น้ำใสด้วย ขนาดลึกเป็นสิบเมตร นรามองลงไปยังเห็นพื้นข้างล่างเลย เห็นแล้วอยากโดดดด
นึกห่ามๆอยากไปตะโกน "บูๆ ลิเวอร์พูล ซักส์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อิส เดอะ เบสท์ เย่ห์ห์ห์" แถวนั้น แต่กลัวโดนฮูลิแกนสามัคคียำตีนเลยไม่เอาดีกว่า
ข้างนอกก็มีร้านขายนะ แต่ไม่รู้ของจริงเปล่า
อุตส่าห์มาถึงลิเวอร์พูลทั้งที ต้องหาอะไรหม่ำเป็นประสบการณ์ เดินวนไปวนมา สุดท้ายจบที่เบอร์เกอร์คิง ขอบอกว่า BK ที่นี่ เล็ก และอร่อยสู้บ้านเราไม่ได้อย่างที่สุด ไม่มีแฮชบราวน์ด้วย ฟันเฟิร์ม!!

อุ๊ยนอกเรื่องไปด่าคนอีกแล้ว ขอโทษค่ะ จะบอกว่านราเสียไปยี่สิบปอนด์ที่ห้าง Primark (ไพร่มาก) ซื้อโค้ทมาอีกตัว เหอะๆ วันนี้ตื่นเช้ามาแล้วทำไมรู้สึกว่าตัวเองพลาดก็ไม่รู้ อยากเอาไปคืน แต่คงไม่ได้เพราะที่ยอร์กไม่มีสาขา ที่นี่ซื้อเสื้อผ้าแล้วเขาให้ไม้แขวนมาด้วยแหละ
ตามถนนจะมีพวก Street Performers ประปราย
ที่เห็นบ่อยจะเป็นรูปปั้นมนุษย์ คือทาสีตัวเองให้เหมือนรูปปั้นแล้วยืนนิ่งๆ สาวๆเข้ามาใกล้ทีก็ขยับทีให้ได้กรี๊ดกันเล่น มีอยู่คนแกเจาะกล่องใหญ่ๆ ทาหน้าตัวเองเป็นหมาดัลเมเชี่ยนแล้วเอาหัวทะลุออกจากกล่อง เอากรงหมาพลาสติกครอบหัว แล้วก็ร้อง แอ๊วๆ บ็อกๆ ทึ่งในไอเดียแกมาก
ขณะกำลังเดินไปอัลเบิร์ตด็อก นราก็สังเกตกลุ่มผู้ชายข้างหน้า ตอนแรกไม่ได้คิดไร แต่เริ่มเอะใจว่า เอ๊ะ ทำไมผู้ชายคนนี้ใส่ถุงน่องสีดำแบบผู้หญิงละ แล้วสีเนื้อๆนั่นมันคืออะไร
......
เอ๊ะ มันคือตูดใช่มั้ย
.....
เอ๊ะ ถ้ามันคือตูด แสดงว่าเขาไม่ใส่กางเกงใน ใส่แต่ถุงน่องออกมาเดินหรอ งั้นแสดงว่าข้างหน้าของมันต้องเป็น...
เป็น...
ยังคิดไม่ทันจบประโยค สงสัยอีตานี่แกได้ยินเสียงเรากรี๊ดกร๊าด แกหันขวับมาแบบภูมิใจนำเสนอ
โอ๊ยพ่อแก้วแม่แก้ว
เต็มตา เต็มพวงเลย จะๆ ซูชิห่อเต้าหู้ในผ้าไนลอนสีดำแบบซีทรู
เห็นนราลามกจกเปรตแบบนี้ เจอจังๆก็ตกใจเหมือนกันนะคะ เราก็พยายามเดินผ่านไป แต่อีตานี่แกก็แบบ มาถ่ายรูปกันหน่อย นะๆ คัมม่อนๆ เราบอกโนแต๊งกิ้วฮีก็ยังตื๊อ จนเพื่อนแกบอกว่า แกกำลังจะแต่งงานอาทิตย์หน้า นราเลยเข้าใจว่ามันเป็นกิจกรรมสละโสดของหนุ่มฝรั่งเขานี่เอง เลยถ่ายรูปกะเขาไปด้วยอาการงงๆตะลึงๆ พยายามมองแต่หน้าเขา ไม่งั้นเดี๋ยวได้เห็นจุดสองห้อยรอบสอง
เห็นนราลามกจกเปรตแบบนี้ เจอจังๆก็ตกใจเหมือนกันนะคะ เราก็พยายามเดินผ่านไป แต่อีตานี่แกก็แบบ มาถ่ายรูปกันหน่อย นะๆ คัมม่อนๆ เราบอกโนแต๊งกิ้วฮีก็ยังตื๊อ จนเพื่อนแกบอกว่า แกกำลังจะแต่งงานอาทิตย์หน้า นราเลยเข้าใจว่ามันเป็นกิจกรรมสละโสดของหนุ่มฝรั่งเขานี่เอง เลยถ่ายรูปกะเขาไปด้วยอาการงงๆตะลึงๆ พยายามมองแต่หน้าเขา ไม่งั้นเดี๋ยวได้เห็นจุดสองห้อยรอบสอง
(ถ้าเราเป็นลูกมัน เราจะภูมิใจไหมเนี่ยว่าก่อนแต่งงานพ่อเราเดินแกว่งซูชิไปทั่วลิเวอร์พูล)
เดี๋ยวเพื่อนส่งรูปมาให้แล้วจะเอามาขึ้นบล็อกโชว์นะ
......................
ก่อนขึ้นรถ นราหนาวจนมือไม่รู้สึกแล้ว เลยไปซื้อชาจากรถคนเล็กๆที่เขาขายพวกไอติม กาแฟ รถน่ารักดี กะปุ๊กลุกๆ สีขาวครีม
นราสังเกตนะว่า อากาศหนาวเท่าไหร่ ภาษาอังกฤษยิ่งเฮงซวยลงเท่านั้น เหมือนมันแปรผันตรง แกรมมาร์ในหัวนราจะหายหมด พูดไม่รู้เรื่อง ไม่ปะติดปะต่อ พูดผิดประจำ
ชาแก้วละปอนด์ ไม่หวานมาก แล้วก็อุ่นๆ
ลุงในรถแกพาหลานชายมาด้วย หน้าตาน่ารักเชียว พอคุณปู่จะชงชา เขาก็โผล่มาแล้วก็หยิบนมส่งให้ "Grandpa, milk" "Grandpa, sugar" เลยขอถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึก
เลยแห่กันออกไปกิน Hotpot ที่ร้านจีนในเมือง
คิดถึงชาบูชิอ่าาา อร่อยสู้กันไม่ได้เลย เผ็ดอีกเหอะ
ผลจากการตื่นเช้ากลับค่ำ ตากฝน เห็นซูชิ และกินเผ็ด วันนี้เลยไข้รับประทานเล็กน้อย ทานยาแล้วก็ม่อยทั้งวัน เฮ้อ พรุ่งนี้ก็เรียนอีกแล้ว
คิดถึงทุกคนเหมือนเดิมค่ะ