เข้าปีใหม่มาตั้งชาติเศษ เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตัวเองยังไม่เปลี่ยนโลโก้ตามปี
ยังเป็น Naratology 09 อยู่ เชยจริงๆ
วันนี้ก็ทำการเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วค่ะ
.
เมื่อวันก่อนเดินตัดทุ่งไปซื้ออาหารสดที่ซูเปอร์มาเก็ต ไหล่จะขาดเอา
ช่วงนี้อากาศค่อนข้างดีนะ แดดจ้า สดใส แต่ยังหนาวอยู่ประมาณ 5 องศา
ซื้อของมาเยอะเลย (ส่วนหนึ่งเอามากันที่ในตู้เย็น) ได้ดอกไม้สีพีชหวานๆมาด้วยช่อหนึ่ง มาใส่แจกันแทนดอกทิวลิปสีส้มที่เหี่ยวไปแล้ว จัดเสร็จชอบใจมาก เพราะราคาถูกแถมได้เยอะ ออกมาดูฟูฟ่องสวยดี เห็นแล้วอารมณ์ดี
เมื่อวานนี้จองตั๋วรถไฟไปสนามบินแมนเชสเตอร์ทางเน็ท เบ็ดเสร็จโดนชาร์จไป 31 เกือบ 32 ปอนด์ รวมค่าส่งแบบด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋าให้มาถึงวันรุ่งขึ้นตอนบ่ายโมงด้วย สิบปอนด์กว่าแนะ จริงๆจะเอาแบบธรรมดามาช้าๆก็ได้ แต่เห็นว่ามันเป็นของสำคัญเลยอยากได้มาเก็บไว้กับตัวไวๆ ก็เสียค่าส่งด่วนไปซะ บ่ายวันนี้เลยเดินออกไปรับจดหมายที่ห้องเจ้าหน้าที่ประจำหอ
.
ท้องฟ้าแปลกๆ ครึ่งนึงสดใส ครึ่งนึงทะมึนมาเลย
แถมไอ้เมฆดำๆนี่ มันปล่อยเกล็ดหิมะลงมานิดหน่อยด้วย อะไรของมัน
อากาศอังกฤษนี่ไว้ใจไม่ได้จริงๆ แต่ตกมานิดหน่อยก็หายไป ฟ้าใสเหมือนเดิม
รับจดหมายเสร็จของเปิดออกดู โอ้โห ตั๋วเจ็ดแปดใบแน่ะ แล้วกรูจะใช้ใบไหนวะเนี่ย อ่านดูดีๆมันเป็นใบเสร็จ ใบยืนยันการจ่ายด้วยบัตร กับใบจองที่นั่งรวมมาด้วย ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่พิมพ์ลงกระดาษใบเสร็จ เสือกพิมพ์ลงกระดาษตั๋วเลยทำเอาเรางงแทบแย่
.
ไหนๆก็ออกมาแล้ว เลยออกไปเดินเล่นต่อซะหน่อย
เห็นเขาบอกคนอังกฤษชอบเดินเล่นกัน เอาบ้างเผื่อจะไฮโซขึ้นมามั่ง ไม่ได้ติดถุงมือออกมา เห็นแดดมันจ้าๆนึกว่าจะอุ่น ที่ไหนได้โคตรหนาวเลยโว้ย ลมแรงพัดวิ้วๆตลอด หนาววว
.
เดือนนี้ยังถือว่าเป็นหน้าหนาวอยู่ ถึงจะไม่มีหิมะแล้วก็เถอะ
ต้นไม้ส่วนใหญ่ยังมีแต่กิ่งก้านโกร๋นๆ
แต่เริ่มมีดอกไม้และตุ่มตาอ่อนๆเตรียมงอกให้เห็นบ้างแล้ว
ถึงฤดูใบไม้ผลิต้องสวยแน่ๆเลย
.
.
ดอกอะไรน้อ อยากรู้จัง
ต้นนี้เป็นต้นดอกไม้เตี้ยๆประมาณคืบ ช่วงที่มายอร์กใหม่ๆไม่เคยเห็นเลย คิดว่าคงซุกอยู่ในดินแหละ ตอนนี้เริ่มแทงช่อทะลุดินขึ้นมาบ้างแล้ว ดอกตูมเป็นสีม่วงเข้ม
อยากจะบอกว่าหงุดหงิดกับมาโครของกล้องพานาฯมาก โฟกัสโคตรมั่ว ถ่ายใกล้แล้วชัดบ้างไม่ชัดบ้าง บางทีต้องถอยออกห่างๆ ฟาย ไกลขนาดนี้เขาไม่เรียกมาโครแล้วโว้ย
สวยเนอะ
เดี๋ยวรออีกสักวันสองวันแล้วเดี๋ยวจะเดินไปดูอีกทีว่ามันบานหรือยัง แล้วจะเก็บภาพเอามาฝากนะ
อยู่หลังอาคารเรียนคณะของนราเอง
เป็นมันหนีหนาวจากทะเลสาบกลางมหาลัยมาเล่นน้ำกันแถวนี้แทน
ก็น่าสงสารแหละ น้ำในทะเลสาบเพิ่งจะเลิกเป็นแผ่นน้ำแข็งเมื่อวานนี้เอง เป็ดมันคงหนาวกันแย่ ตอนนี้ทะเลสาบไม่มีเป็ดละ เหลือไม่กี่ตัว ห่านใหญ่ๆ แล้วก็พวกนกนางนวล
มันคล้ายๆเส้นทางแสวงบุญอ่ะ ให้คนไปเดินเล่น แล้วก็มีบ้านของเจ้าหน้าที่ประปราย เป็นบ้านหลังเล็กๆทำจากตู้คอนเทนเนอร์เตี้ยๆ หลังม.นี่ไม่ค่อยมีคนค่ะ
เป็ดอีกแล้ว
จริงๆแล้วไม่น่าหนาวเลยนะ ไม่งั้นเขาจะเอาขนข้างในมันมายัดใส้เสื้อกันหนาวเราเหรอ คิดขึ้นมาได้ก็รู้สึกผิดต่อเป็ดที่เสื้อหนาวเราเป็นสุสานวีรเป็ดไม่รู้กี่ตัว
เป็ดสีน้ำตาลนี่ก็เป็นแมนดารินเหมือนกันนะ แต่เป็นตัวเมีย ตัวผู้หัวเขียวเป็นเงาวับสวยเชียวค่ะ ปกติมันจะเดินกันเป็นคู่ และหล่อนจะร้องดังมาก เสียงเหมือนคนหัวเราะอ่ะ "ก้าก ก้าก ก้าก กั้กๆๆๆ"
.
หลังมหาลัยมีสวนย่อมๆ เรียกว่า The Quiet Place
จุดประสงค์มันเอาไว้ทำอะไรก็ไม่ทราบนอกจากให้คู่รักมาจู๋จี๋กัน จะบอกว่าไว้นั่งเล่นก็ไม่เห็นมีม้านั่งอะไรตรงไหนเลย มีแต่พุ่มไม้ยักษ์ตัดแต่งเป็นทรงเครื่องคั้นน้ำส้ม ทรงหมวกกะลาสีเต็มไปหมด แต่มันก็เงียบสงบสมชื่อจริงๆแหละ
ดอกตูมใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มเต็มต้นไปหมดเลย สันนิษฐานว่าบานแล้วต้องเป็นสีขาวแน่ เดี๋ยวต้องรอบานแล้วจะกลับไปพิสูจน์อีกที
แล้วก็เดินทะลุออกไปทางหมู่บ้านหลังมหาลัยที่ชื่อ Heslington Village แถวนี้จะมีธนาคารสาขาย่อยเกือบทุกสาขา ตั้งแต่ลอยด์สที่เราฝากเงินด้วย บาร์คเลย์ เอชเอสบีซี และอะไรอีกอันไม่รู้จำชื่อไม่ได้ ใครมาเรียนที่นี่ก็สบายค่ะ ทำธุรกรรมการเงินได้ง่ายไม่ต้องเข้าเมือง เว้นแต่เป็นเรื่องสำคัญ เช่น บัตรหาย หรือบัตรโดนล็อกเพราะเสือกจำรหัสผิด (โดนมาแล้ว)
.
ทำไมต้องไปทางหมู่บ้านอะเหรอ
ก็เพราะตรงโคนสัญญาณไฟจราจรตรงนั้น มันมีไอ้ต้นนี้อยู่ไง
ต้นเล็กกระจิ๋วหลิว เหมือนดอกหญ้าบอบบาง
เลอะเทอะนิดหน่อยเพราะขึ้นริมถนน ดอกอะไรใครรู้จักบ้างเนี่ย
หัวมันเป็นกลมๆ เหมือนหอมใหญ่ไซส์มินิ ตอนแรกคิดว่าเป็นนาร์ซิสซัสหรือแดฟโฟดิล แต่มันเล็กจังอ่าไม่น่าใช่นะ เห็นแล้วนึกถึงหิ่งห้อยจัง
ที่เห็นเป็นตูมๆ ขาวๆ ยังไม่งอกอยู่ตามซอกใบน่ะดอกทั้งนั้นเลย นราอ่ะลงทุนสุดตัวเพื่อเก็บภาพดอกไม้น่ารักๆช่วงปลายฤดูหนาวมาฝาก ถึงกับลงไปนั่งกะดินแฉะๆเลยนะจะบอกให้ ตรงนั้นคนเดินไปมาก็เยอะ รถก็ผ่านตลอด อายยยยยนะจะบอกให้ ฝรั่งคงสงสัยว่าอีนี่มันไม่มีอะไรกินหรอมาขุดหาเผือกหามันแถวนี้
.
อีกรูป เอาบรรยากาศร้านผลไม้อังกฤษมาฝากค่ะ
ผลไม้ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรมาก ที่มีวางขายก็มักจะวางตั้งแต่มันสดจนมันหมดอายุขัย ที่เห็นว่ามีตลอดก็แอปเปิล ส้ม แล้วก็กล้วย ซึ่งไม่น่าจะเป็นของอังกฤษเอง ที่นี่เห็นว่าเขาเน้น Fairtrade คือเอาผลผลิตของประเทศจนๆมาขายมั้ง พวกกล้วย อโวคาโดพวกนี้ก็จะติดสติกเกอร์แฟร์เทรดเอาไว้ให้รู้ว่าท่านกำลังสนับสนุนสินค้าแฟร์เทรดอยู่นะ (กล้วยรสชาติเฮงซวยมาก)
.
เดินครบรอบ ก็วนกลับมาที่หอ
มาถึงชั้นสามวิ่งเข้าครัวก่อนเลย เปิดน้ำร้อนราดมือ
อู๊ยยยย มือหนาวจนแข็ง แดงไปหมด เอามาถูกันก็ไม่รู้สึก พลาดมากๆที่ไม่เอาถุงมือไป วันหลังลืมไม่ได้แล้ว พอค่อยยังชั่วก็อุ่นพาสต้าแช่แข็งกิน ไม่ไหวรสชาติบัดซบสุดๆ ตัวแป้งพาสต้าเป็นแบบที่มันเป็นก้อนรีๆคล้ายๆหอยเบี้ยอ่ะ เลี่ยน หนึบ และแหยะๆ กลืนไม่ลง สุดท้ายต้องฉีกขนมปังมาเช็ดกินแต่ซอสผักโขม ซิกๆ
.
ขอบคุณมุกและมะแอ้มากที่มาร่วมสนุกนะ นราเฉลยของนราละ
1) มีแต่คนบอกว่านางเอกฟูลเฮาส์น่าสงสารโดนพระเอกกดขี่ แต่นราว่าตัวนางเอกนี่แหละเป็นคนที่เห็นแก่ตัว ขี้เกียจ หน้าด้าน และเอาแต่ใจที่สุด ตัวเองรื้อครัวพระเอกซะเละ พอเขาสั่งให้ไปเก็บก็ไม่พอใจ แถมยืมเงินเขามาตั้งเยอะ พอเขาจะให้ทำงานใช้หนี้ก็บ่นไม่ไหวๆ งานหนักๆ มีการมาต่อรอง ไม่เรียกหน้าด้านแล้วเรียกอะไรเนี่ย (ปล.คอสตูมเรนในเรื่องนี้อุบาทว์มากถึงมากที่สุดด้วย)
2) พวกชอบส่งเสียงแทรกมามีส่วนร่วมในโทรศัพท์ ไร้มารยาทและน่ารำคาญมาก ถ้าเขาไม่ได้เชิญให้คุยกะคนในสายก็ไม่ต้องสะแหลนส่งเสียงยืนยันตัวตนหรอกนะคะ ไม่มีใครเขาอยากรู้ ใครทำอยู่เลิกซะนะคะ เดี๋ยวเขาจะหาว่ามีคนสั่งสอนแล้วแต่ปัญญาอ่อนเกินจะจำ
3)ก็ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่บังเอิญได้อ่านบทความหนึ่งเกี่ยวกับคนที่ฆ่าตัวตายเพราะรัก เพราะกลัวสามีจะทิ้งจะนอกใจ ปัญหาหลักของเรื่องนี้คือ คิดไปเอง หลอนตัวเองทั้งนั้น วิตกจริต บางทีเพื่อนผู้หญิงมาร้องไห้ให้เพื่อนในกลุ่มฟังว่าแฟนไม่ดีโง้นงี้แล้วก็พากันเกลียดแฟนเพื่อนไปซะหมด หาว่ามันเป็นผู้ชายเลว จริงๆแล้วเพื่อนพวกหล่อนเองรึเปล่าที่มีปัญหาน่ะฮึ
.
วันนี้เริ่มหวาน แต่จบแรง
ไปดีก่า บิ้วค่ะ