วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Nara Is Coming to Town!


เมื่อวานตอนเช้า ตื่นประมาณตีห้าครึ่ง มันตื่นเองอ่ะ
กินอะไรนิดหน่อยแล้วก็ซ่า ออกไปเดินเล่นตอนแปดโมง
เดินได้ไม่เกินสองร้อยเมตร ตาย ตายแน่ๆ หนาวโว้ยย
ตอนเช้าอากาศจะหนาวมาก เห็นควันออกจากปากด้วย ฮู่ๆ ฮ่าๆ
ยอร์กเป็นมหาลัยที่คดเคี้ยวมาก นราเดินไปตามทางเดินเรื่อยๆ ดูต้นไม้ ดูเป็ด จนหนาวทนไม่ไหวต้องเดินกลับมา ลมพัดมาทีนี่ สะท้านอริ๊งอร๊างมากมาย ขนาดใส่สามชั้นนะเนี่ย




ตอนสิบโมงมีปฐมนิเทศ จริงๆมันเป็นของพวกเด็กป.ตรี
แต่เราก็เสร่อไปนั่งกะเขาด้วย เพราะเทามันเรียนป.ตรี
เจอคนไทยแล้ว ไชโยๆๆ ชื่อปลา แต่อยู่คนละหอ
รู้สึกหายอึดอัดไปบ้างพอได้พูดภาษาไทย เฮ้อ โล่ง
พูดแต่อังกฤษๆๆ เบื่อจะตายอยู่แล้ว
.........................



ประชุมเสร็จ นราต้องเอาพาสปอร์ตไปรายงานตัวนักเรียนต่างชาติ
โอ๊ย คนเยอะมาก ได้คิว 275 เขาเพิ่งเรียกไปคิวที่ 240 เองอ่ะ
ไม่ไหว ไปเช้าวันนี้ดีกว่า เดี๋ยวสักแปดครึ่งจะวิ่งไปเลย
วันนี้จะเข้าเมืองไปเปิดบัญชีธนาคารด้วย มันต้องใช้ bank letter ซึ่งจะได้ก็ต่อเมื่อไปรายงานตัวพร้อมพาสปอร์ตเรียบร้อยแล้ว ยุ่งวุ่นวายจังน้า
ทีนี้ พอเลิกรอคิว กะว่าจะกลับมานอนก่อนออกไปทัวร์เมือง
รู้ตัวอีกทีก็มีกองนี้อยู่ในห้องแล้วอ่ะ
ไม่นะ ไม่ ชั้นทำอะไรลงปายยย
คอยดู วันนี้จะไม่ซื้อเสบียงเพิ่มแล้ว ฮือ เจ็บใจที่พ่ายแพ้ต่อความหิวของตัวเอง ทำตัวเป็นคนดีกินแต่ของแห้งกับสตรอเบอร์รีมันไม่ไหวจริงๆ ด้วย





ทัวร์เข้าเมืองนัดเจอกันตอนบ่ายสามครึ่ง
นราก็ไปบ่ายสามครึ่งนะ แล้วทุกคนหายไปไหนกันหมด??
เฮ้ย ไปกันหมดแล้วอ่ะ อะไรเนี่ย บ้าที่สุด ก็มาตรงเวลานะเนี่ย
พอดีมีกลุ่มนึงเขากำลังจะออก นราก็มั่วๆเดินตามเขาไป คุยกะคนโน้นคนนี้มั่วไปหมด จำชื่อใครไม่ได้หรอก ฮะ ฮะ



อันนี้เป็นกำแพงเมืองเก่าของยอร์ก ถ่ายจากบนปราสาท City Centre
วันนี้ท้องฟ้าสดใส ไม่มืดไม่ครึ้ม แต่ก็ยังหนาวมากอยู่ดี ลมแรง
ตรงกำแพงนี้ คนนำทริปเขาบอกว่า สมัยก่อนโน้น ถ้าคนอังกฤษถือธนูมายืนบนกำแพงแล้วยิงคนสก็อต ถือว่าไม่ผิดกฎหมายค่ะ ลำเอียงจริงๆนะเนี่ย


แล้วก็เดินๆ เดินๆๆ ผ่านหมู่บ้าน ผ่านร้านรวงเยอะแยะมากมาย
บ้านเมืองเขาจะเตี้ยๆ น่ารัก เหมือนบ้านตุ๊กตาบล็อกเดียวกันหมด
ในที่สุดก็มาโผล่ตรงจุดศูนย์กลางอันโด่งดัง ยอร์กมินสเตอร์
ใหญ่มากๆ ถ่ายไม่หมด
ตอนที่ไปมีเสียงระฆังกำลังดังเหง้ง หง่อง เก๊ง กุ่ง พอดีเลย
เสียดายว่าเวลาน้อยเลยไม่ได้เข้าไปดู
(อันที่จริงวันนี้เพิ่งไปมาเพราะต้องไปเปิดบัญชี เดี๋ยวค่อยเล่าวันหลังนะ ยาว)


กลับบ้านมา เท้าเหวอะหวะเลย เพราะคอนเวิร์สที่ซื้อมาใหม่มันทั้งบีบทั้งรัด
เจ็บจนขาลาก ต้องเสียเงินซื้อใหม่อีกแล้วสิเนี่ย
ตอนนี้ไปที่ไหนก็เห็นแต่สาวใส่บู๊ท กุบๆ กับๆ กันทั้งเมือง
..........
.........
ก่อนไป ทายซิว่านี่อะไรเอ่ย
นม?
ชีส?
หน้าต่าง?
ตืดตืดๆ ผิดค่ะ
นี่คือ ตู้เย็น ของนราตังหาก
อากาศมันหนาวมาก นราเลยเอานมกับชีสแล้วก็สตรอฯไปวางข้างหน้าต่างตอนกลางคืน เช้ามาก็ได้กินนมเย็นเหมือนเดิมค่ะ ชีสก็ไม่ละลายด้วย ดีจะตายไม่ต้องออกไปครัวบ่อยๆด้วยเหอะ ฮิฮิ
.....................
ใบตองคะ
นราเริ่มเรียนก็สัปดาห์หน้านู้นล่ะค่ะ ตอนนี้ยังว่างก็เลยไร้สาระได้เรื่อยๆ
หายไปนานเลยนะ เป็นไงมั่งคะ
หมู้ว
ดีใจจังได้คุยกันทางเอ็มน้า เห็นหน้าชัดๆแบบนี้ชื่นจายจังเลย
คิดถึงนะจุ๊บๆ
มุกกุกู้
อ่านเรื่องเลือดกำเดามุกแล้วกลัวอ่ะ น่ากลัวๆ
แต่มันแสบจริงๆนะ
lovely strawberry นี่ใครน้อ
บนเครื่องเค้าจะมีจอบอกอ่ะว่าตอนนี้ถึงไหนแล้ว อุณหภูมิข้างนอกเท่าไหร่
ตอนที่อยู่เหนือเยอรมันอ่ะ เกล็ดน้ำแข็งเกาะกระจกเลยยย

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

First Chaotic Day at York

หวัดดีค่ะ มาถึงยอร์กแล้วค่ะ
อยากกลับบ้านแล้วค่ะ
เมื่อวาน เอ๊ะ หรือเมื่อคืนหว่า
ตอนนี้นาฬิกาในตัวยังมึนๆ งงๆ อยู่ เพราะบินย้อนเวลามา
เอาเป็นว่าเมื่อคืนแล้วกัน ครอบครัว ป้า แล้วก็คุณหมู ไปส่งนราที่สนามบิน
รู้สึกว่าตัวเองโง่ๆ ยังไงไม่รู้ ไปไหน ยังไง ทำอะไรไม่รู้เรื่องเลย
โตป่านนี้แล้วยังต้องให้แม่ให้ป๋าไปถามให้อีก น่าอายจริงๆ
แต่เมื่อคิดว่าอีกหน่อยจะต้องเผชิญผลกรรมของการเป็นลูกแหง่เมื่อไปถึงอังกฤษ
ก็ขออ้อนปะป๊าหมะม้าไปก่อนแล้วกันน้า
...........................
ไม่อยากบอกเล้ย ว่าเพิ่งเก็บกระเป๋าวันนั้นนั่นแหละ ฮ่า ฮ่า
เก็บเช้า เดินทางเย็น แถมแม่เป็นคนเก็บให้นราอีกตังหาก เพราะทนสมเพชผ้าพับยุ่ยๆไม่ไหว
แม่เย็บโบติดกระเป๋าเดินทางให้อีกตังหาก ขอบคุณนะแม่จ๋า คิดถึงแม่จัง
แงงง อยากกลับบ้านนน หนาวอ้าาาา บ้านนี้เมืองนี้ทำไมพระอาทิตย์ไม่ร้อนฟะ
แน่นอน พอถึงเวลาเข้าเกท ก็ร้องห่มร้องไห้กระจองอแง...นราคนเดียวอ่ะนะ
กอดป้า กอดป๋า แม่ น้องๆ และคุณหมูเติ้ลคนละทีสองที แน่นๆ ยิ่งกอดแน่นก็ยิ่งเศร้า
อยู่คนเดียว ไม่สบาย ไม่มีความสุข ก็ไม่มีอ้อมกอดแบบนี้คอยปลอบใจ
จำได้ว่านั่งรอเรียกขึ้นเครื่องนานแสนนาน เพราะเครื่องดีเลย์ครึ่ง ชม.
แต่โชคดีว่าพอขึ้นไปแล้ว ที่นั่งข้างเราสองตัว ไม่มีคนนั่ง ฮ่า ดีจัง
ยืดแข้งยืดขาได้สบายเลย มีทีวีให้ดูด้วย ขอสรุปบุลเลตินการเดินทางไว้ดังนี้:
ตีหนึ่งตามเวลาประเทศไทย เครื่องออกซะที
ตีหนึ่งครึ่งตามเวลาประเทศไทย ดูไอซ์เอจสามจบไปหนึ่งเรื่อง แล้วพนักงานก็เสิร์ฟอาหารมื้อไรไม่รู้ เป็นพาสต้า สลัด ขนมปัง วุ้นผลไม้ ซึ่งรสชาติเฮงซวยมากมาย ช่วงนี้ลมแรง ฝนตก เครื่องบินสั่นกึงๆ ให้ฟีลเหมือนนั่ง บขส. ดี
ตีหนึ่งครึ่งตามเวลาประเทศอังกฤษ หลังจากกินทิฟฟี่แล้วสลบไม่รู้เรื่อง ตื่นมาตอนเครื่องบินผ่านแคว้นพาราณสีในอินเดียพอดี อากาศเริ่มหนาวจนทนไม่ไหว
ตึสองครึ่งตามเวลาประเทศอังกฤษ บินผ่านทะเลแคสเปียน อุณหภูมิข้างนอกติดลบสี่สิบห้าองศา เริ่มรู้สึกเหมือนปวดขี้ โอ้โน่ว
ตีสามครึ่งตามเวลาประเทศอังกฤษ ผ่านทะเลดำ กำลังจะเข้าโปแลนด์ อุณหภูมิข้างนอกติดลบหกสิบองศา ยังปวดอึตุ่ยๆ แต่ไม่อยากเข้า เพราะถูกขู่มาว่าส้วมเครื่องบินนั้นสามารถดูดตูดของท่านได้หากไม่ระวัง
ตีห้าครึ่งตามเวลาประเทศอังกฤษ ไม่ไหวแล้วเว้ย ต้องขี้แล้ว เห็นกะตาถึงพลังอำนาจของสิ่งที่เรียกว่าส้วมบนเครื่องบิน
หกโมงตามเวลาประเทศอังกฤษ ยังจะเสิร์ฟอีกเหรอเนี่ย จะถึงแล้ว แต่อร่อยค่ะอันนี้ ออมเล็ทท์กับเห็ดอบเนยและมะเขือเทศย่าง ครัวซองเนยแยม แล้วก็ผลไม้ชิ้นๆ กับน้ำส้ม
เจ็ดโมงสิบ ลงจากเครื่องด้วยกระดูกสันหลังที่ป่นเป็นชิ้นๆ
พอถึงแมนเชสเตอร์ นราพลิกตัวไปแล้วเจ็ดหมื่นกว่าท่า โคตรเมื่อยเลย
สิบสองชั่วโมงอ่ะ เบื่อมากๆ หนาวจนร้องไห้ไม่ออกคิดดู
นั่งๆ อยู่ต้องคอยคลำเท้า เพราะรู้สึกเหมือนมันหายไปแล้ว
แถมต้องวิ่งหน้าตั้งไปให้ทันเช็กอินอีก โทษเครื่องดีเลย์แหละ
มีปัญหาขลุกขลักที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนิดหน่อยค่ะ
เรื่องฟิล์มเอ็กซเรย์ปอด เขาอยากยืนยันให้แน่ใจว่าเราไม่ได้เป็นวัณโรค
พอขึ้นเครื่อง ที่นั่งสองที่ข้างเราว่างอีกแล้วอ่ะ แปลก
สนามบินแมนฯ นราว่าคล้ายๆ ดอนเมืองเก่าเรานะ
บ้านเมืองก็ดูน่ารักเหมือนเมืองตุ๊กตา
แต่ภูมิประเทศเขาแปลกๆ มันเว้าๆ โบ๋ๆ แตกๆ ยังไงชอบกล
มีอยู่จุดนึงเหมือนแกรนด์แคนยอนเลย เป็นคล้ายๆ เหวลึกๆ แตกๆ ลงไป
ถึงแมนเชสเตอร์ปั๊บ นราต้องรีบไปขึ้นรถบัสของม.ที่มารับก่อนสิบโมงครึ่ง
ซึ่ง ณ ตอนนั้นมันก็สิบโมงแล้ว เครียดมาก กระเป๋าเดินทางก็หนักฉิบหาย
มันบอกว่าจะรอตรงระหว่างทางเชื่อมเทอร์มินัลหนึ่งและสอง นราก็ลากไป แครกๆๆๆ
ไหนอ่ะไม่เห็นมีเลย หนาวก็หนาว เดินไปมาจนคนแถวนั้นมอง จะครึ่งแล้วด้วย
นราจนปัญญา หาไม่เจอจริงๆ ก็พอดีเจอผู้หญิงคนนึงเดินตรงมา
ดวงซวยตกเป็นเหยื่อนราทันที ตรงเข้าไปถาม
โอ้สวรรค์ช่างส่งเธอผู้นี้มาโปรดดดดด เขาพาเดินไปจนถึงที่ ทั้งที่ตัวเองก็กำลังจะไปธุระ ปรากฏไอ้จุดที่ว่านั่นมันไกลชาติเศษ ต้องเดินข้ามสะพานลอยไปด้วย แบบว่าถ้าไม่ถามทางไม่รู้แน่ๆ ไปถึงเขาก็อวยพรให้อีก ฮือออ รอดแล้วกรู
รู้จักเพื่อนใหม่คนนึง ชื่อเทา เป็นสาวเวียดนามที่ไปโตที่นอร์เวย์
อยู่แวนเบรอห์คอลเลจเหมือนกัน แต่คนละตึก
แต่ชื่อเรื่องก็บอกแล้ว ว่ามันยุ่งเหยิงวุ่นวาย คนที่มารับก็บริหารไม่ค่อยดี
พอลงรถ นรากับเทาต้องเดินทางกระเป๋าขึ้นเขาลงห้วยตามหาหอตัวเอง
พื้นก็ราดคอนกรีตหมดซะเมื่อไหร่ เป็นหินมั่ง ลูกรังกรวดๆมั่ง
ตอนนี้มือข้างในที่กำหูลากกระเป๋าถลอก ช้ำหมดเลย ได้แผลฉีกมาแผลนึงอีกด้วยตอนกระเป๋าพลิก

เจอแล้ว เป็ด! ฉันมาเพื่อแกเลยนะเนี่ย ฮ่า
เป็ดสีดำนี่น่ากลัว ดูตีนมันดิ เป็นริ้วๆ แหยงๆ แถมไม่กลัวคนด้วย
นรานั่งยองๆ จะถ่ายรูป มันเยื้องย่างมาหาทันที นราต้องถอยเอง กลัว
นี่ๆ แถวนั้นมีต้นเชสท์นัทด้วย มันคือเกาลัดนั่นแหละ เม็ดหญ่ายยยมั่ก
เอาไว้รอครัวไม่มีคนจะไปโกยมาอบในเตา ประหยัดค่าข้าว อิ๊อิ๊

นี่คือหอที่นราอยู่ค่ะ
เห็นลูกศรแดงๆ ป่ะ นั่นแหละห้องนรา เป็นเจ้าหญิงอยู่บนหอคอย



เป็นห้องเล็กๆ ไม่มีอะไรมากค่ะ
แต่ที่เง็งคือ ทำไมมีแต่เตียงเปล่าๆ ละ ก็สั่งซื้อชุดคลุมเตียงไปแล้วนิ
บ่ายๆ เลยต้องเดินตากลมหนาวไปขอเขาอีกรอบ
ระหว่างรอ ก็แวะเข้าไปเดินดูในร้านซูเปอร์มาเก็ทของมหาลัย ชื่อร้านคอสท์คัตเตอร์
น้ำขวดลิตรที่นี่ ขวดละปอนด์ยี่สิบห้าค่ะ เหอะเหอะ
แต่ๆๆๆๆ อันนี้เท่านั้นที่ต้องซื้อแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง
English Strawberries กล่องละปอนด์นิดๆ ค่ะ



ดูใกล้ๆ ยิ่งสวยใหญ่เลย
ลูกมันกลมๆ เล็กนิดเดียวเอง เงาวับเหมือนเม็ดพลอย
หวานด้วยล่ะ หงัม หงัม
คิดถึงน้องๆ คิดถึงป๋าแม่ คิดถึงตาหมู อยากให้กินของดีๆแบบนี้ด้วยกัน



นี่ห้องนราค่ะ ตอนที่ยังสะอาดอยู่
อีกสักสามสัปดาห์คงไม่ใช่แบบนี้


วันนี้ก็ยังสูดขี้มูกฟืดฟาดอยู่
แต่ยัดทิฟฟี่ไปตั้งแต่เริ่มมีอาการ เลยไม่หนักเท่าไหร่
โอ๊ย ลืมเล่า ตอนนอนบนเครื่องขามาอ่ะ
หนาวจนโพรงจมูกแห้งจนแสบ หายเข้าใจทีนี่แสนทรมาน
เรื่องจริงไม่ฮานะเนี่ย ต้องอ้าปาก แต่ก็ยังแสบ
นึกว่าจะตายแล้วสิเรา
คิดถึงทุกคนเลยนะ ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ
นี่ๆ คุณแม่ขา เดี๋ยวสอนวิธีแสดงความคิดเห็นในบล็อกให้นะ
ก่อนอื่นแม่ก็พิมพ์ๆใช่เปล่าว่าจะเขียนว่าไร ทีนี้พอจะกดส่งความคิดเห็น ให้เลือกตรงโปรไฟล์อ่ะ ที่ปกติมันจะเป็นบัญชี google อะไรน่ะ ให้เปลี่ยนเป็นอันที่เขียนว่า ชื่อ/url แล้วจะส่งได้นะ ไม่ได้ก็กดซ้ำๆเอา
ไปนอนหละ ไม่หวายแย้ว ปวดเข่า
ใครก็ได้ส่งยาหม่องมาให้หน่อยยยย

วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Farewell Dinner with My Family

เมื่อวาน ตั้งใจจะออกไปศูนย์วีเอฟเอสตรงราชดำริ ไปซื้อซิมโทรศัพท์
แบบที่พอลงจากเครื่อง ยัดซิม กดใช้งาน แล้วโทรกลับบ้านได้เลย
แต่ไปๆ มาๆ ก็ขี้เกียจ พอดีกับเขาบอกว่าให้แมสเซนเจอร์มาส่งได้
เลยนัดแนะให้มาส่งตอนบ่าย เช้าก็ออกไปศูนย์หนังสือจุฬาฯ
ปรากฏ สิบเอ็ดโมง มันโทรมาบอกว่ามาถึงแล้ว ฮ่วย
เลยให้น้องชายออกเงินไปก่อน ค่าซิม 749 บาท บวกค่าส่งอีก 100

I first thought of going to buy an international SIM card at VFS centre, Ratchadamri, yesterday, the one that you just walk off the plane, put it in your phone, activate it, then call home right away, but later I was too lazy to go, plus the woman there said she can have it delivered to me. So I told her to send the messenger in the afternoon, then I left for Chulabook.
Too bad the messenger arrived at eleven when I was already out!
The SIM costs 749 Baht, with 100 Baht delivering fee.


แต่พอมาคิดๆดู เอ๊ะ เดี๋ยวเราก็สมัครสไกป์แล้วนี่หว่า
แบบที่จ่ายหกปอนด์แล้วโทรเข้ามือถือได้ไม่จำกัดน่ะ แล้วกรูจะซื้อซิมอินเตอร์ไมเนี่ย
แต่เอาเหอะ เพื่อความสะดวกโน๊ะ
ลงจากเครื่องปั๊บจะได้โทรไปคร่ำครวญกับที่บ้านกับแฟนได้ทันที
But when I came to think about it, I wondered why I had to purchase this thing since I'll be paying six pounds for Skype for unlimited international phone calls.
But yeah, it's good anyway since I can call my family and my Sweetie immediately when I get there.

..............................


ไปศูนย์หนังสือจุฬาฯ กะพี่ออม พี่สาวนราเอง
กะจะไปหาหนังสือที่ต้องใช้เรียนที่โน่นมาอ่านล่วงหน้า
ปรากฏ ไม่มีสักกะเล่ม เลยไปกินข้าวกัน
ไปร้านโอลดี้ส์ ชั้นบนสยามเซ็นเตอร์ แต่งร้านสวยดี
Went to Chulabook with my sister, P'Aom, finding some books I need when studying in UK but outta luck. So we went for lunch at Oldies', Siam Center. Nice decorations.


ที่นี่มีทั้งอาหารฝรั่งและอาหารไทย
นราสั่งพาสต้าซีฟู้ดซอสชีสอบ ราคาเกือบร้อยแหนะ
จริงๆ มีอย่างอื่นด้วย พวกข้าวจานเดียว อาหารลูกผสม
แต่ไม่รู้เป็นไร หมู่นี้อยากกินแต่ชีสๆ หนมปังๆ แป้งๆ
คิดว่าอีกหน่อยคงได้กินจนเบื่อ
พออาหารมา เฮ้ย ไมมันจานเล็กงี้อ่ะ ประมาณหนึ่งฝ่ามือเอง
แพงนะเนี่ย
แต่อร่อย หรือหิวไม่รู้ ประมาณว่ากินแต่ตัวพาสต้ากับซอสมันก็ได้เลย หงัมๆ
They do both Western and Thai here. I ordered Seafood Pasta with Baked Cheese Sauce, and that was almost one hundred Baht. They also serve a-la-carte food and fusion food. I don't know what's wrong with me, but I really feel like eating food like cheese and bread nowadays.
When the dish arrived, I was surprised of how small it was! And compared to the price, this was considered expensive. But at least it tasted really good.


ตอนเย็น มีนัดทานข้าวเลี้ยงส่งกับที่บ้านที่ร้านเอ็มเคโกลด์ เอกมัย
มีครอบครัวนรา พี่สาว แฟนพี่สาว แล้วก็ป้า รวมเก้าคน
สั่งอาหารเหมือนรับรองกองทัพโจโฉ
เป็ดใหญ่สองจาน หมูแดงใหญ่สองจาน ผักใหญ่สองจาน
เห็ดใหญ่หนึ่งจาน บะหมี่หยกสี่จาน
เอริ่กกกกก
There was a farewell dinner for me at MK Gold, Ekamai. All my family, my sisters, my sister's boyfriend, and my aunt were there, so there were nine of us. We ordered food like we had never seen it before: two large dish of roasted ducks, two large dish of sweet pork, two large trays of vegetable, one large mushroom set, four dish of noodles, etc.


จะขุนกันไปถึงหน้ายยย
พุงย้วยออกมาตั้งแต่ยังไม่ไปแล้วอ่ะ
I've collected enough fat before going to face cold weather in UK already.



ครอบครัวของหนู

My Dear Family


นี่ถ่ายกับพี่สาวสองคน พี่ออม ว่าที่ทันตแพทย์ กับพี่ใหม่และพี่เอ็มแฟนหนุ่ม

ขอบคุณนะค้าสำหรับของขวัญน่ารักๆ คำแนะนำ และคำอวยพร

This photo was taken with my sisters: P'Aom, a soon-to-be Dentist, and P'Mai and her boyfriend. Thank you so much for your cute presents and every suggestions.



กินเสร็จ กำลังจะกลับบ้าน น้องชายก็ลากกีตาร์ออกมา
บอกว่ามีเพลงจะเล่นให้ เป็นเพลงที่แต่งเอง (ว้าว)
นราขอลาไปพร้อมด้วยเพลงที่น้องชายแต่งให้นะคะ

เพลง: อูฐเผชิญลมหนาว
ศิลปิน: เอิร์ธนะคับ
ค่าย: เร่ร่อน555+
ต่อจากนี้บ้านเราคงเหงา ไม่มีเสียงพูดของอูฐอีกต่อไป (ซักพักนะ)
เหลือไว้แต่ห้องรกๆ และความทรงจำดีๆ ที่เคยมีให้กันตลอดมา (จิงป่าว)
แต่ไม่เป็นไร ฉันรู้สักวันเธอต้องกลับมา ยอร์กคงไม่ดีไปกว่าบ้านและครอบครัว
ต้องดูแลตัวเองดีๆ อย่าให้มีใครมารบกวน ฉันรู้ว่าเธอต้องทำได้แน่นอน
เวลาท้อ เวลาหนาว อยากให้เธอคิดถึงฉัน ฉันจะคอยเป็นกำลังใจให้เธอ
จะวันนี้ จะวันไหน ฉันยังคงคิดถึงเธอ ถึงตัวห่าง แต่ใจเรายังใกล้กัน
หนึ่งปี พี่จากไป มันคงต้องเนิ่นนาน เหมือนเวลาที่เดินไปอย่างช้าๆ
อยู่ที่ยอร์ก ต้องเข้มแข็ง ต้องคอยปลอบใจตัวเอง อูฐคงหนาวแย่ ไม่เคยเจออากาศเย็นๆ
ไม่เป็นไร อูฐปรับตัวอยู่ที่ยอร์กได้สบาย
และถึงตัวห่าง ใจเรายังคงใกล้กัน...
ใครก็ได้หยุดเวลาเอาไว้เท่านี้ที
Somebody, please stop the clock, please...

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Another Closer Step to England

ใกล้เข้ามาแล้วสินะ...อังกฤษ

ไปซื้อของและจัดการธุระกับตาหมูมาค่ะ
Went out buying some stuff and having some things done with my Sweetie today

อันที่จริงก็ซื้อของจุกๆ จิกๆ มาไว้มั่งแล้ว แต่วางไว้ทั่วตรงโน้นตรงนี้
ตอนนี้ในห้อง (ที่ปกติก็รกเหมือนบ่อขยะ กทม.) มีแต่ถุงพลาสติกกับเสื้อผ้า
นอกเหนือจากไอ้สามชิ้น (ยาสีฟัน ครีมทาตา กระติกน้ำ) ที่เล่าให้ฟังเอนทรี่ก่อน
จริงๆ ก็มีกางเกงวอร์ม ไดรเป่าผม จานชามช้อนส้อม
เครื่องเขียน หนังกะติ๊ก ปลั๊กกับอะแดปเตอร์
แล้วก็ซีร็อกซ์เอกสารสำคัญมาเรียบร้อยแล้ว
...โคตรสะเปะสะปะเลย...
I actually both some stuff earlier, but put them in different places.
My room (which is usually messy) is now full of plastic bags and clothes.
Other than those three things I mentioned earlier (toothpaste, eye cream, and thermos), I already have exercise trousers, hair dryer, utensils, stationary, elastic bands, plugs and adaptors, and I also photocopied all important documents.
...What a mess!...
ถุงรีแลกคุมะสีเหลืองอันนี้ตาหมูซื้อมาให้ น่ารักมากมาย ชอบๆ
ปกติเอาไว้ใส่เงินตอนพาแขกไปเที่ยว คราวนี้จะได้ใช้ใส่เงินตัวเองซะที
ส่วนหลอดขาวๆ นั่นคือครีมทามือกลิ่นมะลิค่ะ ดัดจริตโน๊ะ
ซื้อมาจากบู๊ทส์ตามเคย ข้าวของที่นี่น่ากินไปหมด แม้แต่ของที่ไม่ควรกิน
เช่น แชมพูสตรอว์เบอร์รีผสมครีม สบู่เห็ดผสมแปะก๊วย
ตามมาติดๆ ด้วยลิปมันของโอเรียนทัลพรินเซส กลิ่นราสเบอร์รี อร่อยดี
The yellow Rilakkuma bag was from my Sweetie, I used to put the school's money in it when I took a guest out. Now it is time I shall put my own money in!
That white tube is Jasmine hand cream, hehe
I bought it from Boots. Things here look so delicious, even stuff we shouldn't be thinking of eating them, like Strawberry and Cream shampoo and Mushroom and Ginko soap.
The raspberry lip balm is from Oriental Princess.
นาฬิกาน่ารักมั้ยๆ เป็นนาฬิกาเครื่องซักผ้าหละ
นรานี่ใช้เงินเหมือนน้ำ แต่ของมันน่ารักอ่ะช่วยไม่ได้
ส่วนสุดท้ายเป็นแป้งปะหน้าธรรมดาๆ
Isn't the clock cute? Can you see it's the washing machine?
I know I've been spending money like water, but I can't help, they are all so cute!
The last one is just normal face powder.
และเนื่องจากนราต้องนั่งเครื่องรวดเดียวสิบสองชั่วโมง กรุงเทพไปลอนดอน
ก็เลยอยากจะหาอะไรทำตอนอยู่บนนั้น เพราะคิดว่าคงไม่หลับแหง
ถ้าไม่ใช่เพราะร้องไห้ ก็คงจะเมาเครื่องบิน
ว่าแล้วก็สอยหนังสือหนาๆ มาหนึ่งเล่ม เกือบห้าร้อยแน่ะ
กะว่าอ่านจบก็ถึงลอนดอนพอดี เผลอๆ จบก่อนอีกอ่ะ
Since I will have to fly twelve hours straight from Bangkok to London, I want to do something when I'm up there because I know I won't be sleeping, having air sickness, if not crying.
I ended up spending almost 500 Baht on this book.
Hope I will finish it just when I reach London, or maybe even before that.

"จำฉันได้ไหม"
หนังสือชื่อบาดใจ มากกกกกก
นวนิยายญี่ปุ่นที่ได้รับรางวัลโยโคมิโซ เซชิ ที่เป็นคนเขียนเรื่องคินดะอิจิยอดนักสืบอ่ะ ซื้อเพราะรางวัลแท้ๆ เลยนะเนี่ย เพราะไม่เคยได้ยินชื่อคนเขียนมาก่อนเลย ถ้าไม่สนุกจะเอาไปเผาถ่านที่ยอร์กให้ดู ฮึ่ย
'Remember Me?'
This name just pierces through me.
It's a Japanese novel winning Yokomiso Seshi Awards, you know, he's the man writing Kindaichi series. I truly bought it because of the name of the award on the cover since I didn't know the writer. If it's not good I'll burn it the first thing in York.
.......................
ฮ่าาา ไปซื้อมาแล้วจริงๆ นะเนี่ย
อุปกรณ์สรรค์สร้างความสร้างสรรค์ของนรา
พอกันทีกับสไบเฉียงและรำอวยพร!
ต่อไปนี้เป็นยุคของ มวยไทยยยย
อ๊าย นึกภาพตัวเองใส่แล้วอาย
เดี๋ยวใส่เมื่อไหร่จะถ่ายรูปกลับมา สร้างความดังให้ตัวเอง
Haha, I really got this 'creative' cultural thing, finally!
Enough with Thai traditional dress and Thai Classical Dance!
It's now the era of Muay Thaiiii
...So embarassed thinking of myself wearing this thing...
I'll surely get photos of me wearing this and send it to Bangkok U.,
just making myself famous hehe

ภาพต่อไป ถ้าใครมาเม้นท์ว่านมแบน
นราจะไปปล่อยไวรัสเข้าคอม คอยดู๊
If I ever get comments telling me I'm flat as a surfboard in the next photo, I'll let the Trojans crash your computer, understand?


เออค่ะ รู้แล้วว่านมแบน แต่ดูแค่ชุดกันเถอะได้โปรด
เอาไว้เผื่อออกงานค่ะ ผ้าฝ้ายสีดำธรรมดา สองร้อยเอง
ถ้าไม่ได้ออกงานกลางคืนก็ยังใส่เป็นชุดธรรมดาวันที่ไม่หนาวมากได้
ใส่ออกมาแล้วโอเคเลยแฮะ นึกว่าจะเหมือนชุดนอนซะอีก
Right, I know I'm flat, but please, just look only at the dress, please!
This dress is for formal night. It's cotton, and it's only 200.
I can still wear it as a normal dress in a warm day, if not in the night gala.
It looks okay when I wear it. I thought it would look like a pyjama.
............................
วันนี้ตอนเย็นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดนผู้ใหญ่ดุเรื่องไม่ไปรายงานตัวกับคณบดี
พอไปโลตัส จะซื้อแชมพูกับลิปกลอส โอ้โหคนแม่งเยอะเหมือนแจกฟรี
หมดอารมณ์เดินเลย
แต่ก็อยากจะบอกว่า ชาโออิชิรสใหม่ รสพีช อร่อยอ่ะ
หอมเหมือนลูกพีชจริงๆ รสก็เหมือน ทั้งๆที่มันอาจจะไม่มีน้ำพีชอยู่ในนั้นสักกะหยด
ไม่หวานเทียมเหมือนอีกยี่ห้อที่ดังๆ ด้วย อะไรลิบๆ ตันๆ นั่นน่ะ
It's a bit sucks in late afternoon since I was complaint about how I didn't go see the Dean. Once I got to Tesco, I wondered if they're having freebies festival because it seemed like half of the world population were there and that killed my mood.
Just want to tell you that the new Oishi tea, Peach Tea, is quite good.
It smells like real peach and it tastes like one, though it might not contain a single drop of peach juice at all.
This tea is not so artificially sweet like another brand, the *cough* Lipton *cough*


ขวดสวยอีกตะหาก
The bottle is also nice.
........................
ใบตอง งองๆ
ตอนนี้เริ่มเบื่อหละ ซิมส์สาม
ทำปณิธานไม่สำเร็จซะทีง่ะ
มุกกุกู้
ยินดีด้วยนะคะที่สบายดี เอาชีวีรอดมาจากการสอบได้
อยากว่างมั่งอ่ะ ขี้เกียจไปหมดเลยตอนนี้
อยากเจอมุกเหมือนกันนะคะ แต่บ้านมุกไกลอ่ะ
ทำไงดีไม่ให้มุกต้องเดินทางไกลๆ คะ