วันนี้เปลี่ยนอารมณ์ อยากชิดซ้ายมั่ง ฮิ ฮิ
หลังจากรอคอยเอกสารต่างๆ มานาน
เมื่อวานก็ได้ฤกษ์อันดี ไปขอวีซ่าให้ตัวเองสักที เอกสารที่นำไปยื่นเยอะแยะมากมายไปหมด
หลังจากรอคอยเอกสารต่างๆ มานาน
เมื่อวานก็ได้ฤกษ์อันดี ไปขอวีซ่าให้ตัวเองสักที เอกสารที่นำไปยื่นเยอะแยะมากมายไปหมด
ก่อนจะออกจากบ้านนี่ต้องตรวจแล้วตรวจอีก รู้ว่าตัวเองความจำดีกว่าปลาทองนิดหน่อยก็เลยต้องระมัดระวัง
เผื่อใครแวะเข้ามาหาข้อมูลเกี่ยวกับการขอวีซ่าประเทศอังกฤษในฐานะนักเรียน ก็เลยจะแปะลิสต์เอกสารที่ใช้ไว้ตรงนี้นะคะ จะได้มีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่ใช่วันๆ เอาแต่พล่ามเรื่องไม่อยากไปเรียน กับเรื่องของกิน
- แบบฟอร์ม VAF9 (General Student) ที่กรอกเรียบร้อยแล้วด้วยหมึกดำหรือน้ำเงิน ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่เท่านั้น สำคัญนะคะเช็กความถูกต้องให้ดีๆ (ไอ้ฟอร์มนี่แม่มกรอกแล้วโคตรงง ถ้าพี่ที่เอเจนท์ไม่ช่วยนี่ก็คงต้องมีผิดมั่งละ)
- แบบฟอร์มออนไลน์ที่เราไปกรอกในเว็บ UK4visa อะไรสักอย่างแล้วพรินท์ออกมา เป็นข้อมูลส่วนตัวทั่วไป
- Checklist Form อันนี้ไปโชว์โง่ที่ศูนย์รับคำร้อง คือไม่มี และไม่รู้จัก เขาต้องให้มานั่งกรอกใหม่แล้วค่อยยื่น ถ้าใครไม่มีฟอร์มนี้ไม่เป็นไรค่ะ ไปหยิบเอาที่ศูนย์ได้ เขามีให้
- พาสปอร์ตตัวจริงและสำเนา ถ้ามีเล่มเก่าก็เอาไปด้วยละ
- สำเนาบัตรประชาชน ในกรณีนรากลัวเค้าไม่เชื่อว่าเป็นคนมีอนาคตเลยแนบสำเนาบัตรอาจารย์ม.กรุงเทพไปด้วย
- VISA Letter จากทางมหาวิทยาลัยที่เรากำลังจะไปเรียน
- เอกสารรับรองที่พัก กรณีนรายังเป็นผีไม่มีศาล เคว้งคว้างรอคอนเฟิร์ม ก็เอาอีเมล์ที่ทางโน้นเขาเขียนมาบอกว่ากำลังจัดหาที่พักให้อยู่แนบไปแทน
- เอกสารยืนยันการจองตั๋วเครื่องบินที่แสดงวันเดินทาง
- ใบรับรองการจบการศึกษาหรือประกาศนียบัตร พร้อมด้วยทรานสคริปท์
- เอกสารรับรองทางการเงินว่าเรามีปัญญาจ่ายจนเรียนจบแน่นอน กรณีนราเป็นจดหมายรับรองทุนการศึกษาจากม.กรุงเทพ และแบงค์สเตตเมนท์ของมหาลัยค่ะ
- ใบรับรองการปลอดวันโรคของ IOM
- ค่าธรรมเนียม 8410 บาท ซื้อดราฟได้ที่ธนาคารชั้นล่าง
เอกสารทุกอย่างถ่ายสำเนาไว้สองชุดนะคะ คือเราต้องให้เขาสองชุด คือชุดเอกสารตัวจริง และชุดสำเนา พวกบัตรประชาชนกับพาสปอร์ตก็เขียนรับรองสำเนาถูกต้องด้วยล่ะ
นราเอาไปเท่านี้แหละค่ะ ไปถึงสิบเอ็ดโมงครึ่ง ชั้นสอง อาคารรีเจนท์เฮ้าส์ คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ถึงจะได้รับการเตือนมาแล้วว่าคนจะเยอะ แต่ก็อดเหนื่อยใจไม่ได้อยู่ดี เพราะดูก็รู้ว่ารอนานแหงๆ ไอ้เราไปแบบฉุกละหุกก็ไม่ได้นัดล่วงหน้าซะด้วย
ไปถึงอย่าลืมไปขอบัตรคิว แล้วพี่ยามจะสแกนตัวเราก่อนจะปล่อยให้เข้าไปข้างใน อันนี้เดี๊ยนขอนินทานิดหนึ่ง คือเดี๊ยนเนี่ยก็เหมือนบ้านนอกเข้ากรุง ทำอะไรยังไงตรงไหนก็ไม่รู้ ทีแรกเดี๊ยนก็ไม่ได้เอาบัตรคิว เด๋อเข้าไปเลย แล้วก็ไปยืนหันรีหันขวางอยู่ในนั้น แม่สาวพนักงานสองคนที่ยืนอยู่ตรงประตูก็ยืนเม้าธ์กันอยู่นั่น ประหนึ่งว่าพลัดพรากจากกันในสงครามเวียดนามมาหลายปี ทำหน้าที่ภาษาห่าไรไม่รู้ ไม่ได้ดูแลคนที่มาเลย กลับบ้านไปแปรงฟันนอนไป๊อีนี่!
ขอโทษค่ะนอกเรื่องได้บัตรคิวแล้วก็มานั่งรอนะ นราก็รอออออ
รอออออ....
รอออออ...
จนถึงบ่ายโมงก็ถึงคิวเรา ให้ตายเหอะ ไปยื่นเอกสารแล้วก็รู้ว่าเราขาด Checklist อีก ต้องมานั่งกรอกใหม่ แล้วรีบเอาเอกสารไปยื่น
นรานะเสียวมาก กลัวเอกสารขาด เอามาผิด หรือต้องใช้สำเนามากกว่าที่มี...กำมือแน่นเหมือนรอฟังประกาศผลนางงาม
สรุป เอกสารไม่ขาด ไม่เกิน ถูกต้องครบถ้วน
...แต่ VISA Letter เสือกผิด!!...
แอร๊ยยยย มันไม่ใช่ความผิดชั้นนะเนี่ยยยย York จ๋า What did you do to me เนี่ย?
ใน Student Nationality เขาเขียนว่า Thailand ไม่ใช่ Thai
นราไม่เห็นว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร ไม่ได้ติดใจ แต่เจ้าหน้าที่อะดิมาไซโคนรา บอกว่า "จะเอากลับไปเปลี่ยนไหม เคยมีคนโดนปฏิเสธวีซ่าเพราะแบบนี้มาแล้วนะ" ทำเอานราหน้าเขียวด้วยความกลัว แต่ต้องยืนยันว่าจะยื่นเอกสารตัวนี้
โธ่คุณขา กว่าจดหมายใหม่จะมาก็เป็นเดือน กว่าเดี๊ยนจะขอเอกสาร จดหมายรับรองต่างๆนานาใหม่อีกรอบ กว่าผลวีซ่าจะออกว่าผ่านไม่ผ่าน มันคงจะทันกันภายในเดือนเดียวหรอกนะคะ แล้วถ้าเกิดเขาให้ แต่ให้มาเป็นวีซ่าแบบสามเดือนเพราะข้อมูลไม่ถูกต้อง นราก็ต้องไปต่อที่อังกฤษ นั่นหมายความว่าเดี๊ยนจะต้องเดินเรื่องขอเอกสารผีบ้าทั้งหลายนี่ใหม่อีกครั้ง ทำไมชีวิตนรามันบัดซบงี้คะ
แต่เอาน่ะ นราเขียนเมล์ไปถามมหาลัยแล้ว เขาก็ยืนยันกลับมาว่าข้อผิดพลาดจุดนี้จะไม่ทำให้เราโดนปฏิเสธหรอก แต่เขาก็ส่งเอกสารใหม่มาให้อยู่ดี ฮ่วย แล้วทำไมไม่รู้จักเขียนให้มันถูกแต่แรกน้อ แต่อย่างน้อยก็สบายใจขึ้นค่ะ ต้องรอดูผลอีกที
พอยื่นเอกสารเสร็จก็เดินมารับบัตรคิวสำหรับการสแกนลายนิ้วมือค่ะ รอนานอีกเหมือนกัน แต่อันนี้เสร็จเร็ว เข้าไปเซ็นเอกสารนิดหน่อย กดๆ จิ้มๆ ให้เขาลอกแบบลายนิ้วมือเราไป แล้วก็ถ่ายรูป จบ กลับบ้านได้ เก็บใบเสร็จกับสำเนาพาสปอร์ตไว้มารับตัวจริงคืนวันหลัง
พูดเหมือนสั้น เหมือนแป๊บเดียว แต่สรุปแล้ววันนั้นนราใช้เวลาที่ศูนย์ยื่นคำร้องขอวีซ่าตั้งแต่สิบเอ็ดโมงครึ่งถึงบ่ายสาม สามชั่วโมงครึ่งแน่ะ หนังสือที่เอามาก็อ่านแล้วอ่านอีก ใครจะไปก็เตรียมตัวให้พร้อมนะคะ เอาหนังสือไปอ่าน เอางานไปทำ (รู้สึกเขาไม่ให้ฟังเอ็มพีสามนะ) ห้องน้ำก็เข้าให้เรียบร้อย เกิดลุกไปเข้าแล้วเขาเรียกเลยคิวเราไปแล้ว ต้องไปต่อคิวใหม่เลยนะเอ้อ
สรุปว่าก็ก้าวเข้าใกล้วันแห่งการเปลี่ยนแปลงไปอีกก้าว นึกแล้วก็หดหู่ใจจัง เฮ้อ
จบมันเศร้าๆ ดื้อๆ ยังเงี้ยแหละ เพราะตอนนี้ฝนตก และเดี๊ยนอารมณ์แปรปรวนค่ะ
ปล. เมื่อไหร่ตูจะได้หอพักซะทีฟระ จะให้เอาผ้าใบไปปูนอนใต้สะพานที่ยอร์คเป็นเพื่อนเป็ดเพื่อนห่านรึไง เซ็งกะปิ!
เผื่อใครแวะเข้ามาหาข้อมูลเกี่ยวกับการขอวีซ่าประเทศอังกฤษในฐานะนักเรียน ก็เลยจะแปะลิสต์เอกสารที่ใช้ไว้ตรงนี้นะคะ จะได้มีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่ใช่วันๆ เอาแต่พล่ามเรื่องไม่อยากไปเรียน กับเรื่องของกิน
- แบบฟอร์ม VAF9 (General Student) ที่กรอกเรียบร้อยแล้วด้วยหมึกดำหรือน้ำเงิน ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่เท่านั้น สำคัญนะคะเช็กความถูกต้องให้ดีๆ (ไอ้ฟอร์มนี่แม่มกรอกแล้วโคตรงง ถ้าพี่ที่เอเจนท์ไม่ช่วยนี่ก็คงต้องมีผิดมั่งละ)
- แบบฟอร์มออนไลน์ที่เราไปกรอกในเว็บ UK4visa อะไรสักอย่างแล้วพรินท์ออกมา เป็นข้อมูลส่วนตัวทั่วไป
- Checklist Form อันนี้ไปโชว์โง่ที่ศูนย์รับคำร้อง คือไม่มี และไม่รู้จัก เขาต้องให้มานั่งกรอกใหม่แล้วค่อยยื่น ถ้าใครไม่มีฟอร์มนี้ไม่เป็นไรค่ะ ไปหยิบเอาที่ศูนย์ได้ เขามีให้
- พาสปอร์ตตัวจริงและสำเนา ถ้ามีเล่มเก่าก็เอาไปด้วยละ
- สำเนาบัตรประชาชน ในกรณีนรากลัวเค้าไม่เชื่อว่าเป็นคนมีอนาคตเลยแนบสำเนาบัตรอาจารย์ม.กรุงเทพไปด้วย
- VISA Letter จากทางมหาวิทยาลัยที่เรากำลังจะไปเรียน
- เอกสารรับรองที่พัก กรณีนรายังเป็นผีไม่มีศาล เคว้งคว้างรอคอนเฟิร์ม ก็เอาอีเมล์ที่ทางโน้นเขาเขียนมาบอกว่ากำลังจัดหาที่พักให้อยู่แนบไปแทน
- เอกสารยืนยันการจองตั๋วเครื่องบินที่แสดงวันเดินทาง
- ใบรับรองการจบการศึกษาหรือประกาศนียบัตร พร้อมด้วยทรานสคริปท์
- เอกสารรับรองทางการเงินว่าเรามีปัญญาจ่ายจนเรียนจบแน่นอน กรณีนราเป็นจดหมายรับรองทุนการศึกษาจากม.กรุงเทพ และแบงค์สเตตเมนท์ของมหาลัยค่ะ
- ใบรับรองการปลอดวันโรคของ IOM
- ค่าธรรมเนียม 8410 บาท ซื้อดราฟได้ที่ธนาคารชั้นล่าง
เอกสารทุกอย่างถ่ายสำเนาไว้สองชุดนะคะ คือเราต้องให้เขาสองชุด คือชุดเอกสารตัวจริง และชุดสำเนา พวกบัตรประชาชนกับพาสปอร์ตก็เขียนรับรองสำเนาถูกต้องด้วยล่ะ
นราเอาไปเท่านี้แหละค่ะ ไปถึงสิบเอ็ดโมงครึ่ง ชั้นสอง อาคารรีเจนท์เฮ้าส์ คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ถึงจะได้รับการเตือนมาแล้วว่าคนจะเยอะ แต่ก็อดเหนื่อยใจไม่ได้อยู่ดี เพราะดูก็รู้ว่ารอนานแหงๆ ไอ้เราไปแบบฉุกละหุกก็ไม่ได้นัดล่วงหน้าซะด้วย
ไปถึงอย่าลืมไปขอบัตรคิว แล้วพี่ยามจะสแกนตัวเราก่อนจะปล่อยให้เข้าไปข้างใน อันนี้เดี๊ยนขอนินทานิดหนึ่ง คือเดี๊ยนเนี่ยก็เหมือนบ้านนอกเข้ากรุง ทำอะไรยังไงตรงไหนก็ไม่รู้ ทีแรกเดี๊ยนก็ไม่ได้เอาบัตรคิว เด๋อเข้าไปเลย แล้วก็ไปยืนหันรีหันขวางอยู่ในนั้น แม่สาวพนักงานสองคนที่ยืนอยู่ตรงประตูก็ยืนเม้าธ์กันอยู่นั่น ประหนึ่งว่าพลัดพรากจากกันในสงครามเวียดนามมาหลายปี ทำหน้าที่ภาษาห่าไรไม่รู้ ไม่ได้ดูแลคนที่มาเลย กลับบ้านไปแปรงฟันนอนไป๊อีนี่!
ขอโทษค่ะนอกเรื่องได้บัตรคิวแล้วก็มานั่งรอนะ นราก็รอออออ
รอออออ....
รอออออ...
จนถึงบ่ายโมงก็ถึงคิวเรา ให้ตายเหอะ ไปยื่นเอกสารแล้วก็รู้ว่าเราขาด Checklist อีก ต้องมานั่งกรอกใหม่ แล้วรีบเอาเอกสารไปยื่น
นรานะเสียวมาก กลัวเอกสารขาด เอามาผิด หรือต้องใช้สำเนามากกว่าที่มี...กำมือแน่นเหมือนรอฟังประกาศผลนางงาม
สรุป เอกสารไม่ขาด ไม่เกิน ถูกต้องครบถ้วน
...แต่ VISA Letter เสือกผิด!!...
แอร๊ยยยย มันไม่ใช่ความผิดชั้นนะเนี่ยยยย York จ๋า What did you do to me เนี่ย?
ใน Student Nationality เขาเขียนว่า Thailand ไม่ใช่ Thai
นราไม่เห็นว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร ไม่ได้ติดใจ แต่เจ้าหน้าที่อะดิมาไซโคนรา บอกว่า "จะเอากลับไปเปลี่ยนไหม เคยมีคนโดนปฏิเสธวีซ่าเพราะแบบนี้มาแล้วนะ" ทำเอานราหน้าเขียวด้วยความกลัว แต่ต้องยืนยันว่าจะยื่นเอกสารตัวนี้
โธ่คุณขา กว่าจดหมายใหม่จะมาก็เป็นเดือน กว่าเดี๊ยนจะขอเอกสาร จดหมายรับรองต่างๆนานาใหม่อีกรอบ กว่าผลวีซ่าจะออกว่าผ่านไม่ผ่าน มันคงจะทันกันภายในเดือนเดียวหรอกนะคะ แล้วถ้าเกิดเขาให้ แต่ให้มาเป็นวีซ่าแบบสามเดือนเพราะข้อมูลไม่ถูกต้อง นราก็ต้องไปต่อที่อังกฤษ นั่นหมายความว่าเดี๊ยนจะต้องเดินเรื่องขอเอกสารผีบ้าทั้งหลายนี่ใหม่อีกครั้ง ทำไมชีวิตนรามันบัดซบงี้คะ
แต่เอาน่ะ นราเขียนเมล์ไปถามมหาลัยแล้ว เขาก็ยืนยันกลับมาว่าข้อผิดพลาดจุดนี้จะไม่ทำให้เราโดนปฏิเสธหรอก แต่เขาก็ส่งเอกสารใหม่มาให้อยู่ดี ฮ่วย แล้วทำไมไม่รู้จักเขียนให้มันถูกแต่แรกน้อ แต่อย่างน้อยก็สบายใจขึ้นค่ะ ต้องรอดูผลอีกที
พอยื่นเอกสารเสร็จก็เดินมารับบัตรคิวสำหรับการสแกนลายนิ้วมือค่ะ รอนานอีกเหมือนกัน แต่อันนี้เสร็จเร็ว เข้าไปเซ็นเอกสารนิดหน่อย กดๆ จิ้มๆ ให้เขาลอกแบบลายนิ้วมือเราไป แล้วก็ถ่ายรูป จบ กลับบ้านได้ เก็บใบเสร็จกับสำเนาพาสปอร์ตไว้มารับตัวจริงคืนวันหลัง
พูดเหมือนสั้น เหมือนแป๊บเดียว แต่สรุปแล้ววันนั้นนราใช้เวลาที่ศูนย์ยื่นคำร้องขอวีซ่าตั้งแต่สิบเอ็ดโมงครึ่งถึงบ่ายสาม สามชั่วโมงครึ่งแน่ะ หนังสือที่เอามาก็อ่านแล้วอ่านอีก ใครจะไปก็เตรียมตัวให้พร้อมนะคะ เอาหนังสือไปอ่าน เอางานไปทำ (รู้สึกเขาไม่ให้ฟังเอ็มพีสามนะ) ห้องน้ำก็เข้าให้เรียบร้อย เกิดลุกไปเข้าแล้วเขาเรียกเลยคิวเราไปแล้ว ต้องไปต่อคิวใหม่เลยนะเอ้อ
สรุปว่าก็ก้าวเข้าใกล้วันแห่งการเปลี่ยนแปลงไปอีกก้าว นึกแล้วก็หดหู่ใจจัง เฮ้อ
จบมันเศร้าๆ ดื้อๆ ยังเงี้ยแหละ เพราะตอนนี้ฝนตก และเดี๊ยนอารมณ์แปรปรวนค่ะ
ปล. เมื่อไหร่ตูจะได้หอพักซะทีฟระ จะให้เอาผ้าใบไปปูนอนใต้สะพานที่ยอร์คเป็นเพื่อนเป็ดเพื่อนห่านรึไง เซ็งกะปิ!
โห ขอวีซ่าประเทศที่ฮิตๆนี่ลำบากจังเนอะ
ตอบลบตอนเราขอวีซ่าเดนมาร์ก รอแป๊ปเดียวเองง่ะ
เหอๆ ประเทศในหลืบ 555
ยังไงก็ขอให้การไปอังกฤษราบรื่นทุกประการนะคะนรา