ขอโต๊ดดด
ดองบล็อกอีกแล้ว
ต้อนรับกลุ่มนักศึกษาอเมริกันวันที่สิบแปด
ช่วยต้อนรับคณะอาจารย์จากจีนห้าสิบคน และเลี้ยงอำลาเด็กญี่ปุ่นวันที่สิบเก้า
เหนื่อยจนเดินไม่ไหว เท้าบวม หลับในรถเมล์แบบไม่รู้ตัวมาสามสี่วันแล้ว
ถึงบ้านก็พุ่งตัวไปทำทัชดาวน์บนเตียง
ไม่มีแรงอัพบล็อกจริงๆค่ะ
ต้อนรับนศ.ฝรั่งจากมหาลัยเวอร์จิเนีย
นราได้ฉายเดี่ยว พาฝรั่งทัวร์มหาลัยคนเดียวโด่เด่ ตื่นเต้นๆ
งานแรกก็เอาแล้วกรู หลงทาง
หาศูนย์คอมที่ต้องพาเขาไปชมไม่เจอ ชั้นสี่ก็แล้ว ทำเนียนเลยไปชั้นห้าก็แล้ว
สุดท้ายเลยยิ้มแหะ แหะ แล้วบอกเขาว่า
"I'm sorry, I got lost. I can't find the computer centre. Let's go somewhere else."
แล้วฉวยโอกาสช่วงที่ฝรั่งกำลังงง พามันไปที่อื่นต่อทันที
วันที่สิบเก้า เด็กญี่ปุ่นกลับมาจากค่ายที่กาฬสินธุ์
เพื่อมาทำกิจกรรมแต่งชุดไทยที่ม.กรุงเทพ ก่อนจะเป็นมื้อเที่ยงเลี้ยงอำลา
ก่อนจะเริ่ม ขออนุญาตแสดงการพัฒนาของบู๊ธทำงาน
มีกระปุกปากกา ปฏิทิน และโน้ทแล้วเห็นมั้ย ดูดีขึ้นมาหน่อย (แต่รกเหมือนเดิม)
เช้าตรู่ของวันที่สิบเก้า ไปรับเด็กญี่ปุ่นที่โรงแรมเดิม
ระหว่างรอ ก็ถ่ายรูปน้องคาเมะในบ่อมา มีอันใหญ่ กับอันเล็ก
คาเมะอันใหญ่ดูเหมือนจะมีปัญหากับการเข้าเกียร์ถอยหลังและยูเทิร์น
เพราะบ่อมันเล็ก กว้างฟุตเดียวเองมั้ง คาเมะใหญ่ตัวโตคับบ่อแย้ว
ส่วนคาเมะเล็กก็ดุ๊งดิ๊งน่ารัก เอานิ้วแหย่ลงไปก็จะงาบอย่างเดียวเลย
นี่ก็ออกมาแออัดรอรถบัสอยู่หน้าโรงแรม
โปรดสังเกตว่าเสื้อ กางเกง และกระโปรง เหมือนวันแรกที่เจอกันเป๊ะ
ถามคาซึคุงแล้ว
ได้รับคำยืนยันชัดเจนว่า ไม่ได้ซักเสื้อกันทุกคน
......
ถ้าคนไทยสมัยนั้น แต่งตัวแบบนี้จริงๆ
หนังย้อนยุคไทยคงออกมาดูไม่จืด
นึกภาพคุณหลวงเรือนทาส หล่อเหลา อิมเมจประมาณฉัตรชัย เปล่งพานิชย์
แต่งตัวแบบสามคนนี้ดูจิ
สง่าแค่ไหนก็เหมือนสายัณห์ฮ่ะ
เหมือนเป็นท่าบังคับเลยนะ ท่าไหว้เนี่ย
คุณหลวงโซเฮย์ เกือบทำอิชั้นเป็นตากุ้งยิง
ส่งเสื้อส่งกางเกงให้ปุ๊บ
หันไปอีกที กำลังจะบอกว่าใส่ยังไง
พี่แกเหลือแต่กางเกงในขาสั้นแล้ว
หนุ่มๆที่เหลือ ก็ผลัดผ้ากันเร็วมาก ได้โจงกระเบนปั๊บ รูดไอ้ที่ใส่อยู่ลงพรืดเลย
โอว เจแปน อเมซซิ่งแลนด์ จริงๆ
สาวๆ แต่งแล้วน่ารัก แอคเซสซอรีเยอะมาก ทั้งตุ้มหู ที่คาดผม กิ๊บ เข็มขัด กำไล
ซายูริจังผู้มีสไตล์เป็นของตัวเองอย่างแรงกล้า
ยืนยันไม่ยอมทาลิปสติกสีชมพูเด็ดขาด ยังไงก็จะทาสีนู้ดอยู่อย่างงั้น
จะทำผมทำไรก็ทำไป อย่ายุ่งกะปากกรู
ดูเสื้อแล้วน่าจะคันเนอะ
เด็กญี่ปุ่นน่ารักมากๆ เสียดายเหมือนกันได้เจอแป๊บเดียวก็ต้องจากกันแล้ว
เลี้ยงข้าวเที่ยง มอบประกาศนียบัตรให้เขาเสร็จ ก็ส่งเขาขึ้นรถ
เหนื่อย แต่สนุกค่ะ
ได้ของขวัญมาสองชิ้น เป็นปากกาหมึกซึมสีชมพูวาวๆ สวยมากแท่งนึง
แล้วก็แท่นเสียบปากกาพร้อมกระดาษจดอีกอัน
เสร็จทุกอย่างตอนบ่ายสอง นรากลับขึ้นออฟฟิศ
บ่ายสองครึ่ง
นราหลับคาโต๊ะ มือกำปากกาไว้หลอกตาอาจารย์คนอื่น
เผื่อจะดูเหมือนเรากำลังคิดพล็อตวางแผนงาน
ฮิ ฮิ
ดีนะไม่มีใครเดินมาเรียก
วันนี้ก็เหนื่อยเหมือนเคยค่ะ
เจอกันเอนทรีหน้านะ
ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีอะไรมาเล่าให้ฟัง
เลี้ยงข้าวเที่ยง มอบประกาศนียบัตรให้เขาเสร็จ ก็ส่งเขาขึ้นรถ
เหนื่อย แต่สนุกค่ะ
ได้ของขวัญมาสองชิ้น เป็นปากกาหมึกซึมสีชมพูวาวๆ สวยมากแท่งนึง
แล้วก็แท่นเสียบปากกาพร้อมกระดาษจดอีกอัน
เสร็จทุกอย่างตอนบ่ายสอง นรากลับขึ้นออฟฟิศ
บ่ายสองครึ่ง
นราหลับคาโต๊ะ มือกำปากกาไว้หลอกตาอาจารย์คนอื่น
เผื่อจะดูเหมือนเรากำลังคิดพล็อตวางแผนงาน
ฮิ ฮิ
ดีนะไม่มีใครเดินมาเรียก
วันนี้ก็เหนื่อยเหมือนเคยค่ะ
เจอกันเอนทรีหน้านะ
ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีอะไรมาเล่าให้ฟัง
เสื้อผ้าไม่ซักสี่ห้าวันเด็กๆค่ะนรา เด็กที่หอแนนใส่ชุดนอนตัวเดิมมาสี่ห้าเดือนแล้ว ยังไม่เห็นเปลี่ยน เพื่อนของรุ่นพี่ใส่ชุดเดิมตลอดหน้าหนาว อารมณ์ประมาณไม่ต้องหันไปมองหรอกว่ามันมาหรือยัง กลิ่นมันลอยมาก่อนหน้าแย้ว
ตอบลบอยู่มาหกเดือน ซาบซึ้งกับความซกมกของคนญี่ปุ่น แต่งตัวดูดีก็จริง
แต่กลิ่นนี่ไม่ไหว
ท่าถ่ายรูปผู้ชายเหมือนปกอัลบั้มวงร็อกตลก ส่วนเสื้อผู้หญิง
ยืนยันว่าคันโคตรค่ะ แนนซื้อมาตัว ไม่ได้ใส่ ยัดไว้ในตู้เนี่ยแหละ
ออกไปทำงานข้างนอกเหนื่อยหน่อยนะคะ
สู้ๆ