วันที่สี่และห้าของสมตุ้ย ณ สนามบินชิปโฮล อัมสเตอร์ดัม
จะขอยกยอดรวมไว้ในเอนทรี่นี้เลยแล้วกัน เพราะอะไรเหรอ เพราะมันเหมือนกันทุกวันน่ะสิ
ไม่รู้จะบรรยายซ้ำซากหาอาวุธด้ามยาวไปทำไม
ตื่นมา แปรงฟัน หาไรกิน แล้วก็เล่นคอม กินข้าวเที่ยง เล่นคอม กลิ้งๆ นอน
ให้ท่านผู้อ่านได้จินตนาการถึงชีวิตไร้จุดหมาย วนลูปซ้ำไปซ้ำมาน่าเบื่อ
......
ย่างเข้าวันที่หกของการติดแหง็กอยู่ที่สนามบิน สมตุ้ยตื่นมาพร้อมความหวัง เพราะวันนี้บรรยากาศดูคึกคักกว่าวันอื่น เนื่องจากมีข่าวแว่วมาว่าสนามบินอังกฤษจะเปิดตอนเที่ยง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาบอกสมตุ้ยว่า ผู้โดยสารที่จะไปสหราชอาณาจักร ให้ไปเข้าแถวที่เกท T6 ประมาณว่ารอจองตั๋วใหม่ สมตุ้ยดีใจรีบล้างหน้าแปรงฟัน ข้าวเช้าช่างแม่ง ตั๋วต้องมาก่อน
(ตัดภาพอีกสี่ชั่วโมงถัดมา)
สมตุ้ยยืนขาแข็งมาสี่ชั่วโมงแล้ว แถวหดสั้นลงนิดเดียวเอง สมตุ้ยคิดในใจว่า เอาน่า เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ว อดทนๆ ก็พอดีกับที่แอร์สาวสวยเดินมาบอกว่า "อ่า พูโดยสารที่จาไปสะหะราชชาอาณาจักร (สาวดัทช์พูดอังกฤษไม่ชัด) ม่ายต้องมาเข่าแถวรอโตงนี้นะขา เดี๋ยวเที่ยงตรงให่มาเจอกานโตรงนี้น่ะขา ตอนนี้จะไปไหนก็ไปขา" ฟาย บอกเร็วกว่านี้ไม่ได้หรือไงฟะ ต้องรอให้กรูยืนครบสี่ชั่วโมงก่อนใช่หม้ายยยย เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์จริงๆเลย
.....
เอาฟะ สมตุ้ยยังไม่ย่อท้อ ใช้เวลาที่เหลือไปกินข้าวเพราะหิวซกเหมือนชูชกไดเอ็ท บังเอิ๊ญบังเอิญที่ร้านราเม็งวันนี้แม่ครัวเป็นคนไทย เลยโชคดีได้ปริมาณแบบเอ็กซ์ตร้า แซลมอนหนาๆ ถั่วงอกกองมโหฬาร อิ่มท้องแล้วสมตุ้ยก็ไปเก็บของใส่กระเป๋า เป้ตอนนี้หนักราวแปดโลได้แล้วมั้ง สมตุ้ยปวดบ่ามากมาย พอเที่ยงปุ๊บก็ไปยังจุดนัดพบ ผู้คนร่วมชะตากรรมจำนวนมากต่างก็มาคอยกันอยู่แล้ว หารู้ไม่ว่าการรอในครั้งนี้จะเป็นการรอคอยห้วยจน...ห้อย
.....
จะว่าไปก็น่าสงสารเจ้าหน้าที่เหมือนกัน มีกันอยู่ไม่กี่คนแต่ต้องมารับมือกับผู้โดยสารอารมณ์บูดเป็นร้อย ผู้โดยสารก็ต้องการข้อมูล พี่เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีข้อมูลจะให้ ได้แต่เลิ่กลั่กๆ จัสท์ อะ มินิทนะขา ประมาณบ่ายสอง พอเจ้าหน้าที่เห็นว่าผู้โดยสารอารมณ์เย็นลงแล้วเพราะคิดว่าจะได้บิน ก็ปล่อยข่าวร้ายตูมลงมาเลย "อ่า วันนี้จะม่ายมีเที่ยวบินไปอังกฤษนะขา เพราะสนามบินยังม่ายเปิด แต่เราจะจัดห้ายทุกท่านได้ขึ่นรถบัสแอนด์เรือข้ามฟากนะขา แล้วจากนั้นจะไปไหนก็ไปนะขา" สักพักเขาก็เริ่มแบ่งกลุ่มกันว่ามีผู้โดยสารจะไปเมืองไหนในอังกฤษบ้าง สรุปได้ว่าจะมีรถบัสไปแมนเชสเตอร์ เบอร์มิงแฮม ลอนดอน แล้วไรอีกไม่รู้จำไม่ได้
.....
เหมือนเห็นความหวังรำไรแล้วใช่ไหม แต่ก็โดนกระชากกลับไปอย่างไม่ไยดี มันทำทุกอย่างเสร็จแล้วเพิ่งจะมาบอกสมตุ้ยว่า อ้อ ยูถือพาสปอร์ตไทยแลนด์เรอะขา งั้นไปไม่ได้นะขายูไม่มีวีซ่า อีห่าาาาาา ทำไมเพิ่งบอกอีกแล้ว เอาห้าชั่วโมงของการรอคอยกรูคืนมาเลย ทำไมไม่บอกว่าคนที่จะขึ้นรถบัสได้ต้องมีวีซ่าเชงเก้นเข้ายุโรปวะหา เหมือนให้กรูมาฟังเฉยๆ เสร็จแล้วไปได้ไม่ได้เรื่องของมึง เส้นเลือดสมตุ้ยใกล้แตกแล้วตอนนั้นเลยบอกไปว่า เออ งั้นไอกลับไปนอนรอเที่ยวบินแล้วกันนะ ขี้เกียจรอแล้ว แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าอย่ารอเลย เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะมีเที่ยวบินอีกทีเมื่อไหร่ ว่าแล้วหล่อนก็ลากสมตุ้ยผู้ยังมึนๆงงๆเซ็งๆไปออฟฟิศตรวจคนเข้าเมือง บอกให้ทำวีซ่าไปซะจะได้ขึ้นรถบัสกลับอังกฤษได้ และนั่นแหละจุดเริ่มต้นของการเดินทางนรกของสมตุ้ย
.....
เริ่มเลย สมตุ้ยโดนค่าวีซ่าเชงเก้นชั่วคราวไปหกสิบยูโร แล้วเจ้าหน้าที่ก็พาสมตุ้ยไปนอกสนามบินเพื่อเข้าแถวรับตั๋วขึ้นรถบัส สมตุ้ยรออยู่ในแถวไปแมนเชสเตอร์ หันมามองอีกที อ้าว รถไปแมนฯแม่งเต็มแล้ว ปิดรับผู้โดยสาร แล้วจะให้กรูกลับยังไง เดินไปเรอะไง สุดท้ายสมตุ้ยเลยต้องขึ้นรถบัสไปลงที่สนามบินลอนดอนฮีทโธรว์แทน รถออกตอนห้าโมงเย็นเวลาท้องถิ่น ทะลุผ่านเนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เพื่อไปลงเรือข้ามช่องคลอด เอ๊ย ช่องแคบอังกฤษไปโดเวอร์ (จำได้ไหมอยู่ในหนังสือเรียนอังกฤษตอนม.สามไงเมืองนี้) สิริรวมเวลาเดินทางในรถบัสจนถึงท่าเรือ: หกชั่วโมง ก่อนจะขึ้นเรือต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองก่อน เขาก็ถามพอเป็นพิธีว่าเข้าอังกฤษทำไม ไปทำอะไร ใช้เวลาไม่นาน แต่เหมือนฟ้าจะไม่พอใจที่สมตุ้ยยังดูสบายดี เลยบันดาลให้ถุงพลาสติกใส่ขวดแชมพูในกระเป๋าถือสมตุ้ยแตก แชมพูไหลนองออกมาเปรอะเป๋าตัง กล้อง เฮดโฟน และอื่นๆ สมตุ้ยน้ำตาตกใน อยากได้ตุ๊กตากระต่ายของเนเน่จังมาตุ๊ยระบายอารมณ์เหลือเกินตอนนั้น
.....
รถบัสเข้าไปจอดในเรือ Pride of Canterbury เป็นเรือข้ามฟากใหญ่เบ้อเริ่ม เรือโยกไปเยกมาทำเอาสมตุ้ยที่เหนื่อยจากการเดินทางอยู่แล้วเวียนหัวแทบจะอ้วก เลยไปซื้อชาร้อนมาหนึ่งแก้ว ที่อังกฤษนี่ ไม้สำหรับคนชากลิ่นเหมือนกันหมด เป็นลักษณะเหมือนไม้ไอติมผอมๆ แต่กลิ่นเหมือนน้ำยาฟอกไม้ มันเคมีๆยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก สมตุ้ยไม่ค่อยอยากจะใช้ แต่ก็จำเป็น ไม่งั้นชาจะหวานแต่ตรงก้นแก้ว จะเอานิ้วคนรึก็ร้อนเกิน เรือใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบชั่วโมง แล้วสมตุ้ยก็ขึ้นรถบัสคันเดิมมุ่งหน้าสู่ลอนดอนต่อไป สิริรวมเวลาจนถึงสนามบินลอนดอน: สองชั่วโมง ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตีสองเศษแล้ว
.....
สมตุ้ยสะโหลสะเหล โซซัดโซเซกะจะไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงสถานีคิงส์ครอส เพื่อหารถไฟไปยอร์ก แต่แน่นอน ถ้าไม่มีมีอุปสรรคมันก๊อไม่เป็นทริปนรกน่ะสิ เดินไปถึงสถานีปุ๊บ ปิดฮ่ะ พี่ๆกรรมกรบอกว่าตอนนี้ปิดซ่อมจ้ะน้อง เปิดอีกทีตีห้า น้องไปนั่งรถโค้ชนะจ๊ะ...
พูดมาถึงตอนนี้หลายคนอาจจะหาว่าสมตุ้ยขี้โม้ อะไรมันจะทรหดปานนั้น แต่สมตุ้ยยืนยันว่านี่เรื่องจริง เกิดมาไม่เคยต้องระหกระเหินขนาดนี้เลย อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก เหนื่อยเกิน ตอนแรกสมตุ้ยก็คิดว่าจะรอให้รถไฟใต้ดินเปิด แต่หลังจากคุยกับคนโน้นคนนี้ ได้ความว่าตอนนี้ตั๋วรถไฟราคาพุ่งไปเฉียดร้อยแล้ว สมตุ้ยเลยเปลี่ยนใจกะทันหัน ไม่ใช่เพราะประหยัด แต่เป็นเพราะตอนนี้เงินในกระเป๋าเหลือไม่ถึงหกสิบปอนด์แล้ว ตรงสถานีรอรถโค้ชที่สมตุ้ยไปนั่งรอนั้นแสนเหน็บหนาว อุณหภูมิประมาณสามองศา ขอบคุณมากเลย สมตุ้ยใส่เสื้อยืด แจ็กเก็ตหนัง แล้วก็เสื้อหนาวแค่นั้น หนาวเอาไม่อยู่ ต้องคุ้ยเอาผ้าขนหนูที่ได้รับจากแจกสนามบินมาใช้ต่างผ้าพันคอ ฮือ อนาถตัวเองจริงๆ
.....
สุดท้ายสมตุ้ยต้องนั่งรถโค้ชไปยอร์ก ค่าตั๋วสามสิบปอนด์ รถออกตีห้าครึ่ง สรุปก็ต้องนั่งรอเหมือนเดิม รถโค้ชที่ว่านี่เป็นของ National Express เป็นโค้ชคันโตๆที่เบาะนั่งสามารถปรับเอนได้แค่สองนิ้ว แถมเลื่อนกลับที่เดิมได้เองอีก สมตุ้ยต้องเปลี่ยนรถสองครั้ง ครั้งแรกจากสนามบินไปลงสถานีวิคตอเรีย รออีกสามชั่วโมง แล้วขึ้นอีกคันเพื่อไปยอร์ก ระยะเวลาเดินทางทั้งสิ้น: เก้าชั่วโมง
.....
และแล้ว...และแล้วหลังจากระหกระเหินมานานแสนนาน สมตุ้ยก็ไม่เคยรู้สึกว่ายอร์กช่างสวยงามสดใสน่าอยู่อะไรเช่นนี้มาก่อนเลยยยย รถบัสจอดหน้าสถานีรถไฟพอดี หลังจากนั้นสมตุ้ยก็แบกสังขารทรุดโทรมไปขึ้นรถเมล์เบอร์สี่กลับหอที่มหาลัย แล้ววันนี้มันเป็นอะไร ร้อยวันพันปีรถไม่เคยติด วันนี้ติดแม่งทุกไฟแดง แต่ช่วงนี้ยอร์กสวยมาก ดอกไม้กำลังบานสะพรั่ง แม้สมตุ้ยจะกลับมาไม่ทันช่วงที่ดอกแดฟโฟดิลสวยที่สุด แต่ก็ยังมีให้เห็นอีกเยอะ เชอร์รีก็กำลังบาน สวยจนสมตุ้ยเกือบจะลืมเหนื่อย นั่งยิ้มน้อยๆเป็นนางเอกมิวสิกไปจนถึงมหาลัย
.....
สมตุ้ยเข้าห้อง
สมตุ้ยเห็นเตียงนอนสีฟ้านุ่มนิ่มรอต้อนรับ
สมตุ้ยน้ำตาไหลพราก
คืนนั้นตอนเข้านอน สมตุ้ยหลับทั้งๆที่ยิ้ม เรื่องจริง แปลกมาก อ่านหนังสือมาก็เยอะ เห็นชอบเขียนกันจังว่า หลับไปทั้งๆที่มีรอยยิ้มอยู่บนหน้า ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริงไปได้ คราวนี้รู้ซึ้งถึงแก่น โคตรมีความสุขเลยยยย
จากเหตุระหกระเหินครั้งนี้ ลำบากก็จริง แต่สมตุ้ยก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย ได้พบผู้คนหลายแบบ เข้าใจชีวิตมากขึ้น แต่ถ้าให้เลือกก็ไม่เอาแล้วอ่ะ ทีหลังหากฟ้าเบื้องบนประสงค์จะให้สมตุ้ยได้เรียนรู้ชีวิต ขอเป็นแบบที่ไม่ฮาร์ดคอร์แบบนี้ได้ไหมคะ อันที่จริงก่อนกลับมา ตอนที่ยังติดอยู่ที่สนามบิน สมตุ้ยบนเอาไว้ว่า หากได้เที่ยวบินกลับมาอังกฤษอย่างปลอดภัยก่อนวันพุธ สมตุ้ยจะเป็นมังสวิรัติไปหนึ่งเดือน ปรากฏว่าได้กลับก่อนวันพุธจริง ปลอดภัยจริง แต่ไม่ได้มากะเที่ยวบินง่ะ สมตุ้ยเลยบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า ขอบคุณนะคะที่ให้กลับมาอย่างปลอดภัย แต่ที่หนูขอไว้มันเป็นเดินทางกลับโดยเครื่องบินนะคะ ถ้าอย่างนั้นสมตุ้ยขอต่อรองแล้วกันว่าจะกินแต่ผักไปเดือนนึง แต่ขอเนื้อสัตว์เล็กนิดหน่อยนะคะ ตอนนี้สมตุ้ยเลยเป็นมนุษย์เกือบมังสวิรัติ กินแต่ผัก กุ้ง และไข่ นม เนย และหวังว่าร่างกายจะแข็งแรงในเร็ววันนี้
.....
ต้องขอขอบคุณทุกๆคนที่คอยเป็นกำลังใจให้เสมอในยามยาก สมตุ้ยผ่านพ้นวิกฤติมาได้ก็ด้วยแรงใจจากทุกคน สุดท้ายนี้สมตุ้ยขอลา ขอบคุณที่ติดตามมหากาพย์ไตรภาคของสมตุ้ยในอัมสเตอร์ดัม ถ้าชอบใจอยากอ่านอีกสมตุ้ยก็ขอบคุณ แต่ขอร้องอย่าให้สมตุ้ยต้องไปเจอะเจอสถานการณ์แบบนี้อีกเยยยย นะนะ ไม่เอาแย้ว
รับชมภาพประกอบได้เบื้องล่าง ภาพน้อยหน่อยอย่าติติง ลองมาติดที่สนามบินหลายๆวัน นุ่งกุงเกงลิงซ้ำๆกันหลายวัน ที่นอนไม่มี ข้าวไม่มี แถมไม่สบายมั่งเด้ ใครจะมีอารมณ์ถ่ายรูปหือ?
.....
ภาพ 1 จุดเริ่มต้นของความหายนะ
ภาพ 2 วันนี้วันที่สองแล้ว สมตุ้ยเหม่อท้องท้องฟ้าด้วยหน้าหักๆ เมื่อไหร่กรูจะได้ไปจากที่นี่
ภาพ 3 แก่งแย่งชิงดี ยังมีอยู่ทุกสังคม...(เพลงนายขนมต้มนะเนี่ย ฉายช่องเจ็ดจำได้เปล่า) รถเข็นจำนวนมากถูกเอามาต่อคิวจองที่สำหรับรอจองตั๋วใหม่ของเคแอลเอ็ม
ภาพ 4 ตกเครื่องวันที่สามแล้ว ทนกินขนมปังแจกฟรีไม่ได้แล้ว มือนี้โดนไปสิบเจ็ดยูโร สปาเกตตี้ครีมซอสใส่เบคอนกับถั่วลันเตา แล้วก็ของแปลก ชาลิปตันแบบซ่าๆ เหมือนผสมโซดา ฝรั่งนี่มันชอบอะไรซ่าๆเนอะ อยู่อังกฤษก็เห็นคนกินโซดาเปล่าๆแทนน้ำ น้ำเปล่ามันยังเอาไปอัดฟองให้ซ่าเลย พิลึก
ภาพ 5 คืนวันที่สาม ย้ายนิวาสถานหนีโรงสีไปนอนในโรงนอน ลักษณะคล้ายค่ายกักกันนาซีแต่คงดีกว่ามาก "ชิปโฮลขอเสนอคอนโดรวมไม่เกี่ยงเพศ วัย และหน้าตา หน้าต่างกว้างมองเห็นวิวเนเธอร์แลนด์สวยงาม พร้อมเครื่องปรับอากาศตลอด 24 ชั่วโมง เย็นเฉียบชื่นใจเหมาะสำหรับผู้ที่อยากเป็นปอดบวม พร้อมบริการซีเคียวริตี้การ์ดและแพทย์ประจำตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน เข้าอยู่ได้ฟรีทันทีวันนี้ โปรโมชั่นแรกเข้า แจกฟรีแปรงสีฟันยาสีฟัน กางเกงใน ผ้าขนหนู และผ้าห่ม"
ภาพ 6 คุณลุงเจ้าหน้าที่แบกลังขนมปังมาแจกเด็กน้อยผู้หิวโหย สมตุ้ยไม่หิว แต่เอามาตุนไว้ก่อน อิอิ
ภาพ 7 ทางสนามบินใจดี กลัวผู้โดยสารตกค้างจะเครียดแล้วไปฆ่าตัวตายในส้วม เลยส่งหน่วยบันเทิงมากู้สถานการณ์ ปรากฏว่าได้ผล ผู้โดยสารเฮฮากันใหญ่ แต่พอสายการบินประกาศว่าวันนี้ก็ไม่มีเที่ยวบินก็เซ็งกันเหมือนเดิม ลืมหมดทั้งดนตรีทั้งนักดนตรี
ภาพ 8 ห้องของสมตุ้ย เป็นไงทำเลดีใช่มั้ย มีประติมากรรมส่วนตัวด้วย
ภาพ 9 เช้าวันที่หก สมตุ้ยเข้าคิวตรงนี้แหละสี่ชั่วโมง จนกระทั่งแอร์เดินมาบอกว่า ใครจะไปอังกฤษไม่ต้องเข้าคิว ขอบคุณมาก ไม่รอให้กรูเข้าวัยหมดประจำเดือนก่อนละค่อยมาบอก
ภาพ 10 ราเม็งแซลมอนแบบเอ็กซ์ตร้า ไม่ได้สั่งพิเศษแต่ได้เยอะเพราะแม่ครัววันนั้นเป็นคนไทย อิ๊อิ
ภาพ 11 นี่ไงแม่ครัวที่ว่า พี่แมว ใจดี ขาลุย แกบอกว่าถ้าคืนนี้ยังไม่ได้ไปไหนให้ไปนอนที่บ้านแกก็ได้ ขอบคุณมากค่ะ
ภาพ 12 สภาพความวุ่นวายขณะผู้โดยสารที่จะไปอังกฤษถูกกวาดต้อนมารวมกันแล้วแบ่งเป็นกลุ่มว่าใครจะไปเมืองไหนบ้าง ดูหน้าตาคนในภาพแล้วจินตนาการเอาเองว่ามันจะเครียดแค่ไหนตอนนั้น ผู้โดยสารนี่แทบจะฉีกเนื้อเจ้าหน้าที่เอาอยู่แล้ว
ภาพ 13 หลังจากรอ ผิดหวัง เครียด แล้วก็เสียเงินไปหกสิบยูโร สุดท้ายสมตุ้ยก็ได้ขึ้นรถบัสเพื่อเริ่มทริปนรกข้ามประเทศ ท้องฟ้าสวยจังเลย ดอกทิวลิปก็กำลังบาน
ภาพ 14 สถานีรถโค้ชที่สมตุ้ยไปรอสามชั่วโมงเพื่อรอรถไปยอร์ก โคตรพ่อโคตรแม่หนาว อยากรู้เหลือเกินว่าไอ้คนสร้างเอาเงินไปทำกล้วยอะไรหมด แค่ติดฮีตเตอร์หน่อยมันคงไม่หมดตัวหรอกมั้งงง
เอวัง ณ เพียงเท่านี้
เตรงเตรง เตร่ง เตร๊ง
เตรงตะละเล้งเตรงเตร่งงง
แถมๆ
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคนที่นี่ ทั้งพนักงานดัทช์และคนที่ร่วมชะตากรรมเดียวกับสมตุ้ย
- สาวดัทช์ตัวใหญ่มาก ไม่ได้อ้วน แต่โครงใหญ่สุดๆ
- 99% ของสาวดัทช์ผมบลอนด์ แล้วก็ตัวใหญ่ด้วย
- ตำรวจจำนวนมากหล่อ
- ภาษาดัทช์ฟังแล้วก็เหมือนภาษาฝรั่งเศส แต่กระโชกโฮกฮากกว่า เหมือนพูดตอนเมาเหล้า
- สมตุ้ยอยู่ที่สนามบินจนแยกได้ว่า ถ้ามีประกาศออกไมค์เป็นภาษาดัทช์สำเนียงแบบนี้ มันจะแปลว่าอะไร
- ชักโครก ชักให้อัตโนมัติ
- คนเราเห็นธาตุแท้กันก็ตอนหิวกับเดือดร้อนนี่แหละ
- ในสถานการณ์ลำบากแบบนี้ ผู้คนมักจะช่วยเหลือดูแลกัน ยังไงซะมนุษย์ก็ยังรักกันอยู่นา อยากเจอผู้หญิงชาวฮังการีที่คอยดูแลห่มผ้าเอาอาหารมาให้สมตุ้ยเหลือเกิน แต่จากกันเสียก่อนที่สมตุ้ยจะได้บอกลา
- คิดถึงป๋ากับแม่ แล้วก็ตาหมูมากๆ
จบจริงๆละ ยาวที่สุดเท่าที่เคยเขียนแล้วมั้ง
ตามลุ้นมานาน ในที่สุดก็ได้กลับยอร์กซะทีเน้อ
ตอบลบพักผ่อนเยอะๆ ให้หายเหนื่อยเร็วๆนะจ๊ะ
รอมหากาพย์เนเธอร์แลนด์อยู่น้า