วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

I Love My Students


After 13 weeks of blood, sweat, and tears, my Critical Reading course was over.
Other than teaching the kids what I know, I already learned a lot from them. Seriously, my teaching life wouldn't have been this nice if I ain't got these wonderful students.
When I said "wonderful", I didn't say that these kids are from heaven, that they are little angels who have done no wrong. I often got upset when they were very noisy even when their friends were giving a presentation in front of the class or when some of them came to me with the most innocent look they could manage and asked me what the assignment that I spent at least fifteen minutes every week explaining was. But most of the time they are nice enough not to provoke the devilish side in me.
.
I have never thought I would like teaching.
.
For years my family have been trying to persuade me to take Bangkok U scholarship and become a teacher. I hated it so much back then and tried everything from crying to begging, from raging to sobbing to make them understand that I did not want to be a teacher. Yet here I am, being in charge of approximately 500 students in two modules, and the oddest thing is that I enjoy my life now. I even look forward to some of my classes!
.
This is the first thing I learned from the students: teaching is not always boring, especially when you have nice, fun students to teach. My class wouldn't be this fun without all you lovely students, if you are reading. From you I have learned how to be very patient and not to give you a thick ear right away when my anger explodes. From you I have learned to be more careful as I have to grade your score carefully, and from you I have learned that teacher is not always the only core of the class.
.
Knowing it or not, you kids have given me a nice, memorable time of my first teaching experience. I hope you guys enjoyed my class, because I did enjoy teaching you. Thank you so much for coming to class and handing in assignments on time. Thanks for being honest with me when you forgot to do your homework. I am actually just a new teacher with zero experience, so if I did something wrong, I hereby apologise.
.
Please always remember that it is not only I who teach you - but it is also you who teach me how to be a good teacher.
.
Man, I love my students!
****************
.
หลังจากฝ่าด่านการเรียนมา 13 สัปดาห์จนเลือดตาแทบกระเด็น เหงื่อไหลแทบหมดร่าง น้ำตาไหลพร่างแทบขาดใจ ในที่สุดวันนี้นราก็ปิดคอร์สรีดดิ้งไปแล้วหนึ่งคอร์สค่ะ
.
ถ้าให้พูดจริงๆละก็ นราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากการสอนนักศึกษา ไม่ได้เป็นแค่ฝ่ายถ่ายทอดความรู้อย่างเดียวเท่านั้นนะเอ้อ สอนหนังสือคงไม่สนุกแบบนี้ ถ้าไม่ได้พบกับนักศึกษาดีๆเหล่านี้ทุกคน
.
เดี๋ยวจะหาว่าอวยกันเอง คือจริงๆแล้วนศ.เหล่านี้ก็ไม่ได้น่ารักตลอด 24 ชั่วโมงนะคะคุณขา บางทีก็มีบ้างบางเวลาเว้ยเฮ้ยที่กว่าจะขึ้นห้องมาได้ก็เกือบชั่วโมงเว้ย บางทีก็เม้าท์กันไม่ได้หยุด ด่าก็แล้ว ดุก็แล้ว ก็ไม่ได้ผล เงียบไปแปปนึงเดี๋ยวก็เอาอีกละ คุยกันซู่ๆซ่าๆกลบเสียงเพื่อนที่กำลังรายงานหมด เอ่อ ใจจริงอยากเอาน้ำสาดมาก แต่กลัวโดนไล่ออกเลยแค่ส่งสายตาฉึกๆนศ. โชคดีที่มีนศ.คอยทำเสียงจิ้งจกจุ๊ๆให้ คอยปรามเพื่อนเวลาเพื่อนเสียงดัง ประทับใจมากๆ หรือบางทีก็เดินทำหน้าอินโนเซนท์นุ้งนิ้งเข้ามาถามว่างานนี้ๆคืออะไร ซึ่งไอ้งานที่ว่ากรู เอ้ย ดิชั้นก็อธิบายไปแล้วทุกคาบ คาบละสิบห้านาที แล้วคุณไปอยู่ไหนม๊าาาา แอร๊ย สติจะแตก
.
แต่ส่วนใหญ่แล้วนศ.น่ารักกันมากๆ ยังไม่มีก่อปัญหาพอที่จะปลุกอีผีบ้าในตัวนราให้ตื่นได้ค่ะ ไม่งั้นละเอาให้เละไปข้าง
.
เมื่อก่อนนะ ไม่เคยคิดเลยว่าจะชอบงานสอนเลยให้ตาย แต่ก่อนเกลียดเข้าไส้ ยังไงก็จะไม่เป็นครูสอนหนังสือแน่ๆ ครอบครัวก็ทั้งปลอบทั้งโอ้โลมปฎิโลมนานา นราก็ค้านหัวชนฝาในทุกวิถีทาง ทั้งโวยวาย ซึมเศร้า ร้องไห้ ดิ้นพราดๆ เหลืออย่างเดียวคือยังไม่ได้ไปโดดตึกประชดครอบครัว สุดท้ายพอมารับทุนเป็นอาจารย์แล้ว เอ๊ะ แปลกเว้ย สอนหนังสือมันก็สนุกดีนี่นะ ที่แปลกก็คือบางวันถึงกับตั้งตาคอยให้ถึงเวลาสอนด้วยซ้ำไป โอ้ โลกนี้ถึงกาลล่มสลายแล้ววว
.
นี่คือสิ่งแรกที่นราได้เรียนรู้จากนศ. งานสอนหนังสือไม่ได้น่าเบื่อเสมอไป เวลามีเด็กน่ารัก เด็กตั้งใจเรียน เล่นเป็นเล่น เรียนเป็นเรียน เราก็อยากสอน อยากทำตัวตลกแดกให้นศ.ขำ เรียนไม่เบื่อ สอนมา 13 สัปดาห์นี่เด็กจำอะไรได้บ้างเปล่าก็ไม่รู้ นอกจากว่าอาจารย์มันเป็นตลกคาเฟ่
.
เอาวะ เป็นคาเฟ่ เป็นปาหี่ให้เด็กดูแล้วเด็กชอบมานั่งเรียนก็เอาวะ ศรีทนได้
.
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากนศ.คือ ต้องอดทนมากๆ บางทีแหมมันอยากจะป้าบเข้าให้สักทีนะ แต่ต้องอดทนๆๆๆๆๆ ทุกวันนี้ก็ใจเย็นลงมาก นอกจากนี้แล้วก็ยังต้องทำตัวให้เป็นคนระมัดระวังรอบคอบ เพราะเกิดไม่รอบคอบเวลาตัดเกรดแล้วเด็กเกรดผิดหรือเกรดไม่ออกละซวยเลย ตามแก้กันยาว
.
การที่ได้สอนหนังสือให้ นศ. ทุกคนทำให้ประสบการณ์การสอนครั้งแรกในชีวิตของนราเป็นอะไรที่น่าจดจำมากๆ ก็ได้แต่หวังว่านศ.ทุกคนจะชอบเรียนกับนรานะ เพราะนราก็มีความสุขที่ได้สอนนศ.ทุกคน ต้องขอบคุณมากๆที่มาเข้าเรียน มานั่งเฉยๆก็ยังดี ขอบคุณที่ส่งงานเรียบร้อยทำให้คนระเบียบแหลกเหลวอย่างนราไม่ต้องวุ่นวายมาก รวมไปถึงความซื่อสัตย์ของทุกคนที่ยอมรับกันอย่างภาคภูมิใจว่า "ผมยังไม่ทำการบ้านเลยคับ ฮ่า ฮ่า"
.
วันก่อนไปงานเลี้ยงอำลารุ่นพี่ปีสี่ (เป็นอาจารย์ ไปฟรี ฮ่ะฮ่า) พองานใกล้เลิกเค้าก็มีการแจกดอกไม้ให้เด็กนศ.เอามาไหว้อาจารย์ ไอ้เราเป็นอาจารย์ใหม่ก็ไม่ได้คิดว่าจะมีใครมามุฑิตาจิตกะเรา ก็กินของฟรีไปเรื่อยๆอย่างไร้ยางอาย ปรากฏว่ามีนศ.มาหา สามคน เอาดอกไม้มาให้ โหยวินาทีนั้นมันเข้าใจเลยอ่ะ ว่าทำไมคนบางคนถึงเป็นอาจารย์ได้แทบตลอดทั้งชีวิต
นศ.คนนึงมาไหว้ บอกว่า "อาจารย์ครับ ผมที่เรียน TOEIC กับอาจารย์ ขอบคุณอาจารย์มากครับที่สั่งสอนผม ผมไปสอบมาแล้วครับ" แหม้สมตุ้ยจะดราม่าเสียให้ได้ ซาบซึ้งจริงๆที่ได้รู้ว่าความรู้จิ๊ดจิ๋วของเราที่มีก็เป็นประโยชน์กับคนอื่นๆเหมือนกันนะ
ยังไงนราก็เป็นอาจารย์ใหม่ พูดจาอะไรไม่เข้าท่า สอนผิดพลาดชวนงงยังไงก็ขออภัยด้วยนะลูกศิษย์ทั้งหลาย แต่โปรดจำไว้ว่าอันที่จริงแล้วอาจารย์ไม่ได้สอนหนู หนูต่างหากที่ได้สอนอาจารย์ว่าควรทำอย่างไรจึงจะเป็นอาจารย์ที่ดีได้
รักเด็กในสังกัดจริงจริ๊งพับผ่า!

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

I'm Wearing a Gown Too!


First of all, let me congratulate all of you Yorkers on your graduation. Man I wish I were there. To be honest, I don't really think York's Greyish gown is that beautiful, but I felt really sad seeing all my MALLE classmates and Thai friends wearing that gown, smiling, knowing I should have been there. Too bad the ceremony was held in mid Jan, which was in the middle of second semester here at Bangkok University, Thailand. That was why I couldn't go, plus the ticket would cost me a fortune.

However, I managed to wear a gown of knowledge, finally! I was supposed to attend my BA graduation ceremony in Feb 2010, but because by then I have already gone to England, I missed the whole thing. I actually didn't wanna bother postponing my graduation attendance to Feb 2011, the year after my graduation from York, but my mum insisted that I have to. So yeah, this is all for you, mum.

The rehearsal was on Jan 31, 2011 (yeah you missed it), from freaking 7.45 in the morning to about 11.30. I got quite mad since like 5 since the taxi I called failed to show up, so my dad and I had to walk and find a cab instead. Then when I got to the uni, I went to get the gown which I have booked since 2009. To my shocking, the lady there said "Sorry, I can't find your name here in the lists". Well I actually half expected that this was gonna happen. I explained that I postponed my graduation attendance from year 2010 to 2011, and she said there might have been some problems with the student lists or something like that. Finally I had to pay another 1800 THB AGAIN just to have a gown to wear. The shop owner said that if I can find an evidence that I have already paid, he will give me the money back. Pfft. It's been a year, and that receipt was small. I bet it's lying somewhere in a public dump site. So you can imagine why I was so upset that day.

The rehearsal went pretty well, boring as usual. I was the second of all Humanities students to receive my certificate. After I went up there, pretending to take a certificate from the hand of uni's president, I had to wait for another 400 students to do the same. Waiting is boring. I really wanted to sleep, but can't, as I was sitting in the front row.

The colour of school of humanities is yellow. It's good, but I'd prefer it to be purple, so that it would match the uni's theme colour: orange and purple. Crimson looks great too. The real ceremony will be on Feb 12th at Sirikit Convention Centre. I didn't wear much make ups on the rehearsal day, but I think I'll have to put on some more on the 12th. This is like once in a lifetime. I missed one in York, and I don't know if I'll be able to stay in the UK for my PhD one, IF I can graduate, of course, so yeah I have to make this one the most memorable one for now!

The funny thing about that day was that I did not cancel my afternoon class. I ran to teach in the student uniform I wore underneath the gown. You should have seen the kids' face HAHAHA they were priceless!

***********

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีแก่บัณฑิตใหม่จากยอร์กทุกท่านนะคะ ใจจริงอยากไปรับที่โน่นด้วยมากๆ เสียดายว่าช่วงกลางเดือนมกราที่เขารับกันไปนั้นมันเป็นช่วงกลางเทอมสองของม.กรุงเทพพอดี มิสามารถอำลาภาระหน้าที่ไปได้ เพราะถ้าไปงานเข้าแน่ ทั้งจัดสอนชดเชย ตรวจงานย้อนหลัง วุ่นวายไม่เข้าเรื่อง อีกอย่างคือบ่จี๊กาลอจี๊ ไม่มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบินค่ะ

แต่ในที่สุดนราก็ได้ใส่ครุยบัณฑิตสมใจ เป็นครุยป.ตรีค่ะ ป.โทพลาดไปไม่เป็นไร รับของป.ตรีก่อนก็ได้ อันที่จริงรุ่นนราต้องรับไปตั้งแต่ปี 2553 แล้ว แต่พอดีว่าตอนนั้นมันตรงกับช่วงที่เดินทางไปอังกฤษแล้ว เลยไม่ได้รับกับเพื่อนๆ ต้องขอเลื่อนมารับกับรุ่นน้องปี 49 แทน จริงๆว่าจะไม่รับแล้ว ขี้เกียจวุ่นวาย แต่ท่านแม่มีพระราชโองการส่งสาส์นลงมาว่าแอร๊ย ต้องรับนะยะ อ่ะดิชั้นก็จัดให้

พิธีซ้อมมีไปเมื่อวันที่ 31 มกราที่ผ่านมานี่เอง วันจันทร์นรามีสอนด้วย เลยต้องยกเลิกชั้นเรียนตอนเช้าไป เพราะต้องเข้าหอประชุมที่รังสิตตั้งแต่ 7.45 แหกขี้ตาตื่นมาก็มีเรื่องให้อารมณ์เน่าแต่เช้าเลย เรียกแท็กซี่ไว้ตอนตีห้า แท็กซี่ก็ไม่มา ต้องให้นังสมตุ้ยกับพ่อมันเดินออกไปหาแท็กซี่กู้สถานการณ์กันเอง ไปถึงนราก็พุ่งขึ้นไปเอาชุดครุย ปรากฏน้องผู้หญิงที่ร้านบอกว่า "มันไม่มีชื่อพี่อ่ะค่ะ" นราก็แบบ น่านไง กูว่าแล้ว แอบคิดๆอยู่เหมือนกันว่ามันต้องเป็นแบบนี้แหง ก็อธิบายให้เค้าฟังว่า เราไม่ใช่รุ่นนี้ เราขอเลื่อนมาจากรุ่นที่แล้วนะคะ เขาก็ไปค้นเพิ่มเติม ก็ยังไม่เจอ สรุปโดนไปอีก 1800 เป็นค่าเช่าครุย เจ้าของบอกว่าถ้าเรามีหลักฐานมายืนยันว่าที่เคยจองไว้เมื่อปี 2009 เราจ่ายหมดแล้ว เขาก็จะคืนให้ แม่ง คงจะเจอหรอก ใบเสร็จก็ใบนิดเดียว แล้วเราจ่ายเรียบร้อยเราก็เอาไปซุกไว้ไหนก็ไม่รู้ ป่านนี้อยู่ในเขตทิ้งขยะกทม.แล้วมั้ง

การซ้อมก็ราบรื่นและน่าเบื่อตามปกติทั่วไป สมตุ้ยขึ้นรับคนที่สองของคณะ รับเสร็จต้องลงมานั่งรอ นศ. อีกสี่ห้าร้อยคนขึ้นไปรับบ้าง โคตรง่วงอะ จะนอนก็นอนไม่ได้ เสือกนั่งแถวหน้าสุดเลย อาจารย์ตรึม แต่จะว่าไปเราควรจะใช้พลังเบ่งในฐานะอาจารย์ของเราขอออกไปนอนท่าจะดี แหมทำไมเพิ่งมาคิดได้นะ น่าเสียดายๆ

สีของคณะมนุษยฯเป็นสีเหลืองแอ๋อย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ เหลืองมันก็สวยนะ แต่ถ้าให้เลือกก็อยากได้สีม่วง มันจะได้เป็นสีมหาลัยพอดี ม่วง-แสด สีเลือดหมูของวิศวะก็สวยดีเหมือนกัน วันรับจริงคือวันที่ 12 ก.พ.นะคะทุกท่าน ที่ศูนย์สิริกิติ์ ตั้งแต่สิบเอ็ดโมง แต่ต้องไปก่อนแหงอยู่แล้วละ ถ่ายรูปๆ โดยนราได้ทำการหักคอปุ๊งปิ๊งอดีตเพื่อนร่วมทุนประกายเพชร คณะนิเทศ ให้มาถ่ายรูปให้ อิอิ นราพลาดรับปริญญาของยอร์ก แล้วในอนาคตจะได้อยู่รับของป.เอกหรือเปล่าก็ไม่รู้ จะเรียนจบหรือเปล่ายังไม่รู้เลย เอาเป็นว่างานนี้ไม่ยอมพลาดแน่ อย่างน้อยๆขอมีรูปตัวเองใส่ครุยหน่อยสิวะ

วันซ้อมแทบไม่ได้แต่งหน้าเลย DIY ล้วนๆ โบกรองพื้นหนาแบบพิเศษ แต่งตาหนักๆ ทาลิปนิดๆ จบ แต่วันจริงเนี่ยไม่ด๊ายยย ต้องเอาหนักกว่านี้หน่อย ที่บอกว่าหนักนี่คือแบบพอดีนะ เห็นบัณฑิตสาวๆบางคนแล้วฮา นั่นขนตาปลอมหรือกันสาดกันแน่ ทั้งหนาทั้งยาว ประมาณว่ากระพริบตาเร็วๆนี่สามารถเอาไปตั้งตามมุมห้องเป็นพัดลมได้เลย ทรงผมที่ฮอตฮิตมากกคือทรงกึ่งโมฮอว์ก ทรงเดียวกับที่จิ๊บ ปกฉัตรทำเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรแล้วโดนด่าฉิบหายทั่วบ้านทั่วเมือง ที่นี่ทำกันคึ่ก ไม่เข้าใจคอมมอนเซนส์พวกมันจริงๆเลย คู่มือเขาก็เขียนอยู่ว่าทรงผมให้เกล้ามวยเรียบร้อย ไอ้ทรงโมฮอว์กยีฟู ทรงรังนกกระทากลางหัว หรือทรงเครือกล้วยผ่าซีกมันเรียบร้อยตรงไหนวะ เห็นแล้วอยากไปกระชากให้หลุดออกมาทั้งกบาล

ที่ชนะเลิศนศ.สติเสียได้แก่นศ.หญิงที่ใส่รองเท้าส้นเตารีดสวยเก๋รัดส้นเปิดหน้าเปิดข้างเปิดนิ้วเปิดแม่งทุกอย่างมารับปริญญา มึงเอาอะไรคิด หัวเข่าใช่ไหม โอ๊ยเห็นแบบนี้แล้วจะบ้าตาย ไม่แปลกใจว่าทำไมคนเขามองม.กท.มาตรฐานต่ำจัง

เรื่องฮาก่อนกลับบ้าน ตอนบ่ายนรามีสอน ก็วิ่งไปสอนมันทั้งชุดนักศึกษานี่แหละ ว่าจะไปทั้งชุดครุยแล้วแต่มันร้อน ต้องถอด แหมอยากให้เห็นสีหน้านศ.จริงๆ อึ้งจนลืมคุยกันไปเลย วันนั้นห้องเงียบเชียว บอกนศ.ว่า วันนี้ชอบไหมอ.แต่งชุดนศ.เอ๊าะๆมาให้ดู อาทิตย์หน้าอาจารย์แต่งชุดนางพยาบาลมาสอนเอาไหม อาทิตย์ต่อไปเป็นตำรวจหญิงรัดติ้ว ได้รับการพยักหน้าอย่างแข็งขันจากนศ.ชายหลังห้องเลยทีเดียว ฮ่า