วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Welcome Home, England!

วันนี้บอลอังกฤษแพ้
เจอเยอรมันซัดไปซะ 4-1
ก็รู้นะว่ามาอาศัยประเทศเขาอยู่แท้ๆ ควรจะเป็นกระเหรี่ยงที่ดีสนับสนุนเจ้าบ้าน แต่แหม ลึกๆก็แอบเชียร์เยอรมันอยู่หน่อยๆ แต่ต้องแอบแบบลึกมาก มากกก เพราะมีสิทธิ์โดนตีนผู้ดีแถวนี้สามัคคียำเอาได้
บอลเตะบ่ายสาม คนอังกฤษตื่นเต้นกันมาก
ประมาณว่านัดนี้เฟ้ย ล้างตาเฟ้ย
เป็นนัดเดือดที่พลาดไม่ได้ ก็เตรียมตัวกันใหญ่
ผับในมหาลัยเต็มจนแทบจะระเบิด
บอลเตะเสร็จประมาณบ่ายห้ากว่าๆมั้ง
ฝรั่งทาหน้าขาวแดง คลุมธงชาติอังกฤษ ใส่เสื้อเวย์น รูนีย์ เดินหน้าเหี่ยวคอตกกันมาเป็นแถว สงสารก็สงสาร ขำก็ขำ อยากถ่ายรูปแต่ใจไม่กล้าพอ
เพื่อนคนเยอรมันสะใจมาก เขาบอกว่าคนอังกฤษชอบเกลียดคนเยอรมันแบบไม่มีเหตุผล พอเยอรมันชนะปุ๊บมันเอาขึ้นเฟซบุ๊กเลย ประมาณว่า แหมเยอรมันเตะดีจังเลยน้อวันนี้ แหมช่างเยี่ยมยอดจริงๆ
คิดว่าเพื่อนคนอังกฤษได้อ่านคงนั่งขบฟันกรอดๆด้วยความแค้น แต่ทำไรไม่ได้
.
บอลที่นี่เหมือนเป็นศาสนา
สำคัญมาก บอลวิ่งพล่านอยู่ในสายเลือด
นราเคยถามเคียร์น เพื่อนคนอังกฤษว่า เมิงดูบอลหรือเปล่า มันมองหน้ากลับแบบ ถามไรของเมิงเนี่ย มันก็ต้องดูสิ ของมันแน่อยู่แล้ว
เมื่อวานเคียร์นแวะมาหาที่มหาลัย ก็นั่งคุยกันไป
เขาก็บอกว่า เนี่ยนะแมทช์ปะทะเยอรมันวันพรุ่งนี้ต้องดูๆ พลาดไม่ได้เด็ดขาด ประหนึ่งว่าเป็นแมทช์สำคัญของชีวิต
นราก็พูดว่า แล้วถ้าเกิดว่า... ท่านขัดขึ้นกลางลำเลย
"ไม่มีถ้าอะไรทั้งนั้น ห้ามถ้า ห้ามแต่ อังกฤษต้องชนะ ถ้าไม่ชนะละก็ I will go mental" ประมาณว่ากรูจะบ้าแม่งไปเลย
วันนี้ผลออกมา 4-1 แบบนี้ นราก็ได้แต่นึกถึงพ่อคุณ
ป่านนี้ทำลายข้าวของในผับพังหมดแล้วมั้ง กร๊าก
เลยส่งข้อความไปแซวประมาณว่า อย่าเพิ่งบ้านะใจเย็นๆ
เคียร์นตอบกลับ "เอาเหอะ อย่างน้อยบ้านกรูก็ชนะในสงครามโลกอะ"
ขำกลิ้ง
.
อาจจะงงว่า จู่ๆตาเคียร์นนี่โผล่มาจากไหน
จริงๆเคยเขียนถึงไปแล้ว แต่ไม่ได้เอ่ยนาม
เฮียก็คือพ่อคุณที่ขับรถสปอร์ตสุดเท่ ที่เกือบทำเอานราหัวใจวายตายคารถมาแล้วด้วยการปล่อยมือจากพวงมาลัยซะดื้อๆตอนซิ่งอยู่ด้วยกันนั่นแหละ เขาละ
เคียร์นเป็นมนุษย์ที่เจ๋งมาก นราโคตรปลื้ม
ชีวิตนี้อยู่ไม่ได้ถ้าขาดอะดรีนาลีน
อายุ 26 หางคิ้วมีแผลเป็นจากตอนเมาแล้วหาเรื่องตอน 17 อายุ 14 ขี่มอไซค์แบบตัวถังใหญ่ๆ เท่ๆ แบบที่นราอยากได้ เคยขับรถแข่ง ตอนนี้ขับรถสปอร์ตไปทำงานที่ซูเปอร์ฯ ซ่อมรถเองก็ได้ กลางคืนเป็นดีเจในคลับ เป็นเอ็มซี(ที่แร็ปเร็วๆกับเพลง) เล่นโรลเลอร์สเกต เล่นคาราเต้ วาดรูปสวยอีกอ่ะ เอาเข้าไป
นี่เคียร์นวาดให้เป็นที่ระลึกตอนมาเมื่อวาน
ฝีมือผู้ชายนะเนี่ย

เฮียชอบทรานสฟอร์มเมอร์ม้าก เอารูปออปติมัสไพร์มที่วาดไว้ให้นราดู อึ้งไปเลย
สวยมาก สวยแบบมืออาชีพอ่ะ
นราถามมันว่า มีอะไรบ้างไหมที่เมิงทำไม่เป็นเนี่ย
แม่งทำเป็นแถมเก่งซะทุกอย่าง
วันเดอร์บอยสุดๆ
แล้วนะ คอมนราก็เหมือนจะเป็นใจ มาเจ๊งเอาวันที่เคียร์นมา
นราตกใจมาก คอมเปิดไม่ได้ ชิบหายละกรู จะเขียนวิทยานิพนธ์แล้วเสือกมาเจ๊งอะไรตอนนี้
ก็ได้ท่านเคียร์น (เมื่อกี๊ยังเรียกมันอยู่เลย ฮ่า) ช่วยซ่อมให้จนหายราวปาฏิหาริย์
บอกแล้วว่าเฮียทำได้ทุกอย่าง
.
รองเท้าคู่นี้ซื้อมาได้ซักพักแล้ว
กัดตีนฉิบหาย แต่สวยเลยอดใจไม่ไหว
ยี่สิบปอนด์ค่ะ ได้ส่วนลดนักเรียนลดเหลือสิบเจ็ดปอนด์
อังกฤษนี่สวรรค์ของสาวเท้าใหญ่จริงๆให้ตาย
บอกตามตรง ช่วงนี้เหงา
เหมือนชีวิตมันคว้างๆ ว่างๆ เปล่าๆ
เหมือนเวลาผ่านไปเชื่องช้า หนืดๆ เหมือนเท้าติดกาวดักหนู
เวลาตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกว่า เราอยู่คนเดียวแล้วนี่หว่า
มันก็เศร้าๆ โหยหาอะไรสักอย่างที่บอกไม่ถูก
ใครต่อใครที่เราใกล้ชิดที่นี่ ก็เป็นเพื่อน ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป
ตอนนี้เพลง Life for Rent ของ Dido โดนใจมาก
ตรงกับชีวิตทุกอย่าง
งั้นวันนี้ปิดด้วยเนื้อเพลงละกันนะ
.
I haven't ever really found the place that I call home
I never stick around quite long enough to make it
I apologise once again I'm not in love
But it's not as if I mind
that your heart ain't exactly breaking
It's just thought, only a thought
*But if my life is for rent, and I don't learn to buy
Well I deserve nothing more than I get
Cause nothing I have is truly mine
I've always thought
that I would love to live by the sea
To travel the world alone and live more simply
I have no idea what's happened to that dream
Cause there's really nothing left here to stop me
It's just a thought, only a thought
(*)
While my heart is a shield
And I don't let it down
While I am so afraid to fail so I don't even try
Well how can I say I'm alive
(*)

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

A Walk to Rowntree Park

เมื่อวานนี้ไปเดินเล่นที่ราวน์ทรีพาร์กกับเนมและเพื่อนอีกสองคนของเนมมาค่ะ ไปกันตอนประมาณสี่โมงนิดๆ เดินจากมหาลัยไปสวนนี่ก็นานพอสมควรเลยนะ ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าเห็นจะได้ แต่นราบ่ยั่นหร๊อก ตั้งแต่มาอยู่อังกฤษนี่เดินทนขึ้นเยอะ ไม่เอะอะอะไรก็ขึ้นแท็กซี่ ขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างอีกต่อไป เพราะ 1) ที่นี่ไม่มีมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ขนาดมอไซค์ส่วนตัวยังนานๆเห็นที แถมเป็นแบบล้อโตๆ ตัวถังใหญ่ๆ เท่ๆ คันนึงแพงเกือบเท่ารถเก๋งเล็กๆซะอีก และ 2) แท็กซี่แม่งโคตรของโคตรแพง
ไปถึงก็สี่โมงกว่าเกือบห้าโมงละมั้ง ฟ้ายังสว่างแจงแวงอยู่เลย
แต่วันนี้เมฆมาก แสงมันเลยออกฟ้าๆ สลัวๆ ถ่ายรูปออกมาไม่ค่อยสวย
(พูดเหมือนแสงดีแล้วถ่ายสวยนะอินี่)
เสียดายว่านราไม่ได้ไปตอนที่ดอกไม้มันบานสวยที่สุด ทำไมพลาดอยู่เรื่อยเลยวะ
ตั้งแต่ตอนไปสวนคิวแล้ว เอนทรีก่อนหน้านี้ที่ถ่ายกุหลาบชาวบ้านก็อีก
เอาเถอะ ยังไงก็ยังสวยอยู่นะทำเป็นเล่นไป
หลังจากได้แต่เห็นรูปบนขวดและกลิ่นจากครีมทามือของโอเรียนทัลพรินเซสมานาน
ในที่สุดวันนี้ก็มีโอกาสได้เห็นดอกพีโอนี่ของจริง สวยจังเลย
หนาเป็นช่อฟูๆกลมๆ ดูนุ่มนิ่มน่ากิน เห็นแล้วนึกถึงสายไหมสีชมพู
มันหอมอ่อนๆ กลิ่นก็คล้ายๆกับครีมที่ว่านั่นแหละ
แต่มันธรรมชาติกว่ากันเยอะเลย ดอกนึงใหญ่เกือบเท่าหน้านราแน่ะ
ซึ่งก็แปลว่าใหญ่บักเอ้ก
ปล.ไม่เห็นเหมือนในเกมเดอะซิมส์หนึ่งภาคแปดเลยอ่า เดอะซิมส์โกหกๆ
.
นี่ดอกไรไม่รู้ อย่าถาม อิอิ
แต่มันแดงสวยดี แถมถ่ายออกมาแล้วดูดี
ชอบเป็นการส่วนตัวน่ะค่ะ
น้องลิลลี จริงๆมีหลายสี เห็นสีขาวขลิบชมพูอันนี้
แล้วก็มีสีแดง ไทเกอร์ลิลลี แต่มันซุกอยู่ในพงหญ้าถ่ายไม่สวย
แล้วก็มีสีเหลืองดอกเล็ก
อย่างที่บอกว่ามันเลยช่วงบานเต็มที่ของดอกไม้ไปแล้ว
ตอนนี้ก็เลยเริ่มเหี่ยวๆไปบ้าง
ที่สวนนี่ มีคนมานอนเล่นกลิ้งเกลือก พาลูกมาเตะบอล พาหมามาเดินเล่นเยอะเหมือนกัน
ฝรั่งนี่ บางคนเขาสนใจว่าเราทำอะไรอยู่ เขาก็ไม่ปกปิดเลยนะว่าเขาอยากรู้
นราก้มๆเงยๆถ่ายรูปอยู่ กำลังเล็งผึ้งบนดอกไม้
สาวฝรั่งคนนึงก็เดินมา เหมือนจะไปไหนสักที่
พอเห็นเราเขาก็หยุดเดิน แล้วยืนดู ว่าอีนี่ทำอะไร
บางทีเราคุยเรื่องตลกกับเพื่อน ไอ้ฝรั่งข้างๆหัวเราะด้วยก็มี
ราวน์ทรีพาร์กนี้ นราก็ไม่รู้ประวัติอะไรมาก
แต่จากที่ยืนอ่านประวัติสวนคร่าวๆแล้ว ก็ประมาณว่าสร้างโดยบริษัทราวน์ทรี ให้แก่พี่น้องประชาชนและคนงานบริษัทที่ตายไปสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
อารมณ์ประมาณคาร์ฟูร์สร้างสะพานลอยให้คนใช้มั้งคะ
แต่นะ สวนที่บริษัทสร้างให้ส่วนรวมในบ้านเขากับบ้านเรา ทำไม้มันต่างกันลิบลับวุบวับแบบนีัก็ไม่รู้
สวนบ้านเขาลงทุนดูแล มีคนสวน มีการเอาต้นไม้มาเปลี่ยนเรื่อยๆ
สวนบ้านเรา เห็นแม่งแต่ต้นไทร เสียบๆ ปักๆ พอให้เขียว พอและ
ไม่เชื่อไปดูได้ สวนสุขภาพอะไรสักอย่างตรงทางลัดที่มันจะไปออกข้างโลตัสอ่อนนุชจากม.กท.อ่ะ
มีแต่ต้นไทร กับหินเทาๆ แบบที่ใช้ผสมปูน
คงจะมีคนไปวิ่งหรอก ฟาย
ตรงศาลากลางสวน มีนกพิราบขาวเกาะอยู่เต็มเลย
เขาเจาะหลังคาเป็นรูบ้านนก ให้นกมาอยู่ด้วย
ทำไมพอพิราบมันเป็นสีขาวแล้วมันดูดีขึ้นมาทันทีเลยเนอะ
เห็นดอกไม้สวยๆแล้วก็คิดถึงแม่แฮะ
อยากให้แม่มาเห็นด้วย มีหวังไปรัวกล้องจนแบตหมดแหงๆ
แต่จะว่าไป นราเองก็เล่นซะถ่านน้องฟูจิเกลี้ยงเหมือนกันแหละ
ประมาณว่าถ่ายรูปสุดท้ายก่อนกลับไฟก็กระพริบเตือนเลยว่าถ่านหมดแย้ว
นราชอบถ่ายรูปดอกไม้ สัตว์ วิว มากกว่าที่จะถ่ายรูปคนอ่ะค่ะ
นราคิดว่ารูปถ่ายของคน มันไม่ธรรมชาติ มันต้องมีการปรุงแต่งท่าทาง โพสท์ท่าไหนดี เอียงเท่าไหร่ดีนะเหนียงเราจะได้ไม่ห้อยออกมา หรือทำปากเป็ดๆแบ๊วๆ ไรงี้ แต่ดอกไม้มันโพสท์ไม่ได้ วิวมันโพสท์ไม่ได้ มีแต่เราที่จะเลือกมุมถ่ายรูปให้เขาออกมาดูดีที่สุด
อีกอย่าง เคยดูอัลบัมของเพื่อนที่ไปเที่ยวยุโรปมา
มีแต่หน้าแม่งกับเพื่อน ทั้งอัลบั้ม ซูมไกลบ้างใกล้บ้าง
อันนี้ก็เข้าใจนะว่าไปเที่ยวอีกประเทศมันก็ต้องอยากได้รูปตัวเองกลับมาเป็นที่ระลึก
แต่ถ่ายมาแล้วกรูเห็นแต่หน้าเมิงเนี่ย เวียนนาปารีสไม่เห็นหอยอะไรเลย
กรูจะดูทำไม หันไปข้างๆก็เห็นหน้าเมิงแล้ว กรูไปเปิดกู๋เกิ้วอิมเมจดูดีกว่าไหม
จบด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยดีก่า
ไม่รู้เคยเล่าให้ฟังไหม ว่าก่อนหน้านี้ในห้องนรามันเหม็นตุๆ เหม็นหมาตาย
พยายามจะหาต้นตอของกลิ่น แต่หาไม่เจอ หงุดหงิดมาก
ตอนนี้เจอแล้วค่ะ มันคือสสารหน้าตาไม่น่าไว้วางใจสีขาวหนืดๆ
มันติดอยู่ตรงก้นแก้วที่วางไว้ข้างหน้าต่าง เหนียวแบบติดหนึบเลยนะ ยกแก้วไม่ขึ้น ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร
หรือว่าเราทิ้งแก้วเอาไว้ตรงนั้นนานเกินไป จนแดดส่องแล้วแก้วละลาย แล้วเน่า เลยเหม็น
สันนิษฐานไปเรื่อย อิอิ
เช็ดออกแล้วกลิ่นก็หายไปค่ะ ดีจัง
.
ฝากรูปโปรดของนราไว้ในอ้อมใจค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

British Pub

หลังจากฝนตกเฉอะแฉะมาทั้งสัปดาห์
ในที่สุดวันนี้พระอาทิตย์ก็มีอารมณ์ออกมาเฉิดฉายเสียที
พยากรณ์อากาศก็บอกว่าแดดจะออกไปทั้งสัปดาห์ อาจมีเมฆมาก
แต่เอาเหอะ ฝนไม่ตกก็ดีแล้ว หนาวจะตาย ไปไหนก็ลำบาก
.
วันนี้ฟ้าสวยค่ะ
อังกฤษนี่นะ วันไหนคิดจะอากาศดีก็ดีแบบน่าตกใจ แดดแรง ลมเอื่อยๆ
แล้ววันนั้นก็จะเป็นวันที่คนออกมาจากบ้าน มาเดินเล่น มาเลื้อยกันเต็มสนามหญ้า เอาผ้ามาปู กลิ้งเกลือกอ่านหนังสือตามเนิน ประหนึ่งว่าชาตินี้ไม่เคยเห็นพระอาทิตย์มาก่อนเลย แต่นราก็ว่ามันยังเย็นๆอยู่ดีถึงช่วงนี้พระอาทิตย์จะตกตอนสามทุ่มครึ่ง พอสักห้าโมงอากาศก็จะเริ่มเย็นลงอยู่ดี
ถ้าไม่มีเสื้อแจ็กเก็ตก็หนาวสั่นได้เหมือนกันนะ
แต่ไอ้เพื่อนฝรั่ง มันก็พากันขำนรา ว่าขนาดนี้แล้วเมิงยังหนาวอีกเหรอ
พวกกรูเหงื่อตกกันจะตายห่า
.
นี่เป็น Central Hall ของมหาลัยยอร์กค่ะ
ดอกเชอร์รี ที่เคยถ่ายรูปมาให้ดูช่วงฤดูร้อนตอนต้น จำกันได้ไหม
ตอนนี้มันกลายเป็นลูกเชอร์รีแดงๆหมดแล้ว
ไม่ถึงกับพราวเต็มต้น แต่คนไม่เคยเห็นอย่างเราก็ตื่นตาเหมือนกัน
ตอนแรกมันเป็นเม็ดกลมๆ เขียวๆ ก่อน แล้วค่อยๆเหลือง ส้ม แดง
กะว่าเดี๋ยวมืดเมื่อไหร่ จะแอบออกไปเก็บกิน อยากรู้อร่อยไหม
อารมณ์เดียวกับตอนที่มาถึงใหม่ๆ แล้วไปเดินเก็บเม็ดเกาลัดที่ร่วงๆตามพื้น กะเอามาลองคั่วกินเลย ฮ่าาา พูดแล้วก็คิดถึง วันเวลานี่มันผ่านไปเร็วจังเลยนะ
นอกจากเชอร์รี แอปเปิลก็เริ่มติดเป็นลูกกลมๆ แล้วเหมือนกัน
อากาศเจือกลิ่นหอมหวานจางๆ บอกไม่ถูก ดมแล้วชื่นใจดี
ตอนนี้กุหลาบบานกันเยอะมาก บานตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้ว เห็นเขาว่าพ.ค.นี่เป็นเดือนดอกกุหลาบนะ ออกเยอะมาก ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ แต่เริ่มเลยช่วงที่สวยที่สุดของมันแล้ว
.
ดอกสีเหลือง ขึ้นอยู่ริมทางเดิน เลื้อยเกาะผนังอาคารในหมู่บ้านเฮสลิงตัน เห็นตั้งแต่มาใหม่ๆ
ตอนนั้นมันเป็นกิ่งก้านแห้งๆแกร็นๆ เหมือนคุณยายอายุแปดสิบซักน้ำสองครั้งแล้วบิดเอาไปตากแห้ง
ตอนนี้ออกดอกออกใบสวยงาม ดอกนึงใหญ่เกือบเท่าแผ่นซีดีแน่ะ
บ้านหลังนี้อยู่ตรงข้ามกับอาคารกุหลาบเหลืองค่ะ
เป็นบ้านเตี้ยๆ เล็กๆ น่ารักดี เหมือนบ้านในนิยายที่เคยอ่านเลย
บ้านนี้เขาสวนสวยมากเลย ยิ่งกุหลาบสีชมพูหน้าบ้านนี่ดอกมันใหญ่จนย้อยออกมาข้างนอก เลยแอบมั่วถ่ายรูปมาได้
นราช้อบชอบกุหลาบเลื้อยสีแดง มันแดงสดดูนุ่มนิ่มเหมือนกำมะหยี่เลย
แถมเลื้อยขึ้นไปบานตรงริมหน้าต่างอีก อยากได้ห้องนอนแบบนี้มาก
แบบว่ามองออกมาแล้วเห็นดอกกุหลาบสวยๆบาน คงสดใสดีนะตอนเช้า
ตอนนี้ห้องนรา ตื่นมา เห็นต้นไม้ที่จะตายมิตายแหล่ของตัวเอง เหี่ยวๆเหลืองๆต้นเดียว
กำลังวิเคราะห์อยู่ว่ากรูทำไรผิด รดน้ำก็รดทุกวัน ทำไมจู่ๆใบมันเหลืองหมดต้นเลย

เอาละ ทั้งหมดที่ว่ามา มันอยู่ระหว่างเส้นทางเดินไปผับหลังมหาลัยค่ะ
เรื่องของเรื่องคือ เล่าให้แม่ฟังว่าชอบไปนั่งเล่นที่ผับ กินโน่นนี่ เจอเพื่อน
แล้วแม่เป็นห่วง ไม่อยากให้ไป เพราะเข้าใจว่าผับฝรั่งคงเหมือนผับไทย แบบว่าคนถือเหล้าเดินกันว่อน แดนซ์กันกระจาย มีแต่ฝรั่งเลวๆจ้องจะงาบลูกสาวแม่ตาเป็นมัน
หารู้ไม่ว่ากรูนี่แหละ ภัยรายวันของหนุ่มอังกฤษ โดยเฉพาะผมบลอนด์ กร๊ากกก
เพื่อเป็นการแก้ไขความเข้าใจ และให้แม่สบายใจ วันนี้เดี๋ยวพาไปเที่ยวผับนะ
ผับนี้ชื่อชาร์ลส์ค่ะ เป็นที่รู้กันว่าทำอาหารนานฉิบหาย
ประมาณว่าสั่งตอนไม่หิว กว่าอาหารจะมาก็หิวแทบจะแดกขาโต๊ะได้
แน่นอนว่าต้องมีบาร์ขายเครื่องดื่ม
ชาร์ลส์เป็นผับที่ยึดมั่นในมาตรฐานมาก คือเมื่อสิบปีที่แล้วมีพนักงานหน้าบาร์ไม่เกินสามคน ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่เท่านั้น ไม่ว่าลูกค้าจะเยอะแทบเหยียบหัวกันตายยังไงก็จะมีไม่เกินสามคน คงเส้นคงวามากกก
เวลาจะสั่งอาหารและเครื่องดื่ม ก็ต้องไปสั่งตรงบาร์นี่แหละค่ะ ไม่มีใครเดินมารับออเดอร์เหมือนร้านเจ๊แอ๊วแถวบ้านนะ สั่งเสร็จก็จ่ายเงินเลย เขาจะให้ขวดไวน์เปล่าติดเบอร์มาขวดนึง เหมือนเป็นบัตรคิวไว้รอรับอาหาร
เห็นสีดำๆ อย่าตกใจคิดว่านรากินเบียร์ดำละ
โค้กจ้าโค้ก ที่อังกฤษเวลาสั่งเครื่องดื่มมันจะมีสองไซส์ให้เลือก คือไพนท์ กับครึ่งไพนท์ วันนี้หิวน้ำเลยสั่งแก้วใหญ่ไพนท์นึงไปเลย
ข้างหลังคือเมนูเครื่องดื่ม มีเบียร์ ไซเดอร์ เอล เหล้าผสม อะไรก็ว่าไป
ปกติชาร์ลส์จะคนเยอะ เบียดเสียดแออัดเหมือนงานชิงเปรต
โดยเฉพาะวันที่อังกฤษเตะกับอเมริกา โอ้โหผับทั่วประเทศแทบระเบิด
ฝรั่งทาหน้าทาตัวเป็นสีขาวแดง เดินร่อนทั่วเมือง
บอลเตะทุ่มครึ่ง แม่งเมาแอ๋กันตั้งแต่เที่ยง อังกรี๊ดอังกฤษ
แต่วันนี้คนน้อย มีที่ให้เลือกนั่งได้ตามสบาย
ปราศจากขี้เมาหรือจิ๊กโก๋หรือเพลงแดนซ์อะไรทั้งสิ้น
ไปถึงหกโมงครึ่ง กว่าอาหารจะมาก็นั่งรอถึงทุ่มครึ่ง เชื่อหรือไม่
โคตรนานเลย แอบไปชะโงกดูในครัว เจริญ มีคนทำอยู่สองคน
วันหลังมากินแนะนำให้เอาเต๊นท์มาตั้งด้วย
นราสั่ง Southern Fried Chicken พร้อมมันทอดแบบม้วนๆ ของดังของร้าน
พอมาถึงก็บางอ้อว่ามันคือไก่ไม่มีกระดูกของผู้พันแซนเดอร์สนั่นเอง
อาหย่อย
เห็นมั้ยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย
ผับอังกฤษส่วนมากจะเป็นแบบนี้แหละ ขายเหล้าเบียร์ แต่จะเลือกไม่กินก็ได้ มีที่นั่งดีๆให้นั่งคุยกัน ยืดแข้งขาได้สบายๆ
ถ้าจะไปแดนซ์ ไปเที่ยวกลางคืน อันนั้นเรียกว่าไนท์คลับค่ะ
เปิดตั้งแต่ประมาณสี่ทุ่มครึ่งถึงตีสอง-สาม-สี่ แล้วแต่ที่ ค่าฝากกระเป๋าหรือเสื้อโค้ทอยู่ที่ชิ้นละหนึ่งปอนด์-ปอนด์ครึ่ง หน้าประตูจะมีเบาน์เซอร์หรือผู้รักษาความปลอดภัยตัวบวมๆยืนขวางอยู่เหมือนยักษ์วัดแจ้ง
เอ๊ะ ทำไมรู้ดีจัง โฮะๆๆ
.
อันที่จริงวันก่อนไปผับนอกเมืองกับเพื่อนมาด้วย ชื่อผับ Riverside เป็นผับใหญ่สวยมาก น้องๆร้านอาหารเลย เสียดายไม่ได้เอากล้องไป
เป็นครั้งแรกที่ตูดมีโอกาสได้สัมผัสเบาะหนังรถสปอร์ต โตโยต้าเซลิก้า ล้อแม็กสิบเจ็ดนิ้ว ร้อยเก้าสิบแรงม้า ลำโพงเซอร์ราวด์รอบด้าน
เพื่อนมารับที่ในเมือง แล้วขับพาไปผับที่ว่าเนี่ย
ระหว่างนั่งโอ้โหเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ภาวนาว่ากรูไม่อยากตายๆๆๆๆ
โอ้โหขับโคตรซิ่ง เหมือนอยู่ในหนังเรื่องโตเกียวดริฟท์ อันนี้เป็นยูเคดริฟท์
มารู้ทีหลังว่าพ่อคุณท่านขับรถแข่งมาก่อน ขอบคุณมาก ทำไมเมิงไม่บอกกันก่อน
กรูจะได้เอาเข็มขัดนิรภัยส่วนตัวอีกอันมาคาดเพิ่ม
ลงจากรถมา พูดภาษาอังกฤษไม่ออกเลย
ไอ้คนขับ ขำนะขามมมมเข้าไป ฟาย
.
อาทิตย์หน้าจะเป็นคราวนรานำเสนอโครงงานวิทยานิพนธ์แล้วค่ะ
เพิ่งทำได้คร่าวๆ ยังไม่ถึงไหนเลย
ช่วงนี้ยุ่งมากๆ ยุ่งแบบไม่เคยคิดว่าจะยุ่งได้ขนาดนี้
ก็ค่อยๆทำไปเนอะ
บุญรักษาทุกท่านค่ะ จุ๊บๆ

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Excitement in the Night

ตั้งชื่อให้สยิวเล่น
นั่นแน้ แอบคิดไปถึงไหนกันแล้วละ
เสียใจด้วยนะ ไม่มีอะไรเอ็กซ์เรทให้ได้เอ็กไซต์กันหรอก
มีก็ไม่บอก อิ๊อิ๊
.
เรื่องของเรื่องคือ
ขณะที่นรากำลังหน้าดำคร่ำเคร่งกับงาน
ทำงานจริงๆนะ ไม่ได้เล่นเกม
ก็ได้ยินเสียงคุยกันจ้อกแจ้กๆ แบบว่าดังมาก ดังมาจากข้างล่าง
ทำเป็นไม่สนใจได้สักพักหนึ่ง เพราะคิดว่าเป็นพวกนักศึกษาหนุ่มๆ สาวๆ กรี๊ดกร๊าดจะออกไปเที่ยวกลางคืนกัน แต่มันจ้อกแจ้กกันนานจังฟะ ชักหงุดหงิด
ก็เลยลุกไปดูว่าพ่อใครตาย
เห็นภาพนี้
ขณะนั้นเวลาประมาณห้าทุ่มครึ่ง
พวกมันออกมาทำอะไรกัน? นรางง
มองดูดีๆมีพี่เจ้าหน้าที่หมวกเหลืองยืนอยู่ด้วย
ยามมหาลัยก็มา ผู้ดูแลประจำหอก็มา
นราต่อมเสือกทำงานทันที อยากรู้จังเลยเกิดอะไรขึ้น
สักพักไม่นานก็ได้รับคำตอบพอที่จะอนุมานได้
พี่ดับเพลิงมาค่ะ

อีแบบนี้ แสดงว่าสัญญาณเตือนไฟไหม้มันต้องดังแหงๆ
นั่นแปลว่าจะต้องมีมนุษย์ดวงซวยต้นเหตุที่ทำให้กริ่งดัง
โดนปรับอย่างต่ำห้าสิบปอนด์ สม
พี่ดับเพลิงสองคนเข็นอุปกรณ์หน้าตาเหมือนวิทยุเข้าไปในหอ
เป่าๆ ดูดๆ เสียงวู้วๆๆๆอยู่สักพักก็หายขึ้นไปตรวจข้างบน
ทำอะไรกันก็ไม่รู้ อยากรู้จังเลย ถามใครดีเนี่ย
ไม่รู้จักใครที่อยู่หอนั้นซะด้วยสิ
.
ระหว่างที่พี่ดับเพลิงกำลังตรวจตรา
นักศึกษาที่ออกมารอข้างนอกก็นะ เม้าธ์แตก
แต่แอบดีใจที่เห็นว่าเราไม่ใช่คนเดียวที่ถ่ายรูปไว้
มีคนนึง แม่งเอาแปรงฟันออกมาแปรงต่อ
ยืนแปรงจนฟองหมดพี่ดับเพลิงก็ยังไม่ออกมา
เฮียก็สีต่อไปอยู่นั่นนะ เคลือบฟันสึกหมดแล้วมั้ง
นราทำงานปวดกบาล เจอแบบนี้เลยได้พักสมอง
มายืนดูคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าชุดนอนของเด็กฝรั่ง
มีทั้งแบบผ้าซาตินซาบริน่าพริ้วสลวย แบบเสื้อยืดเน่าๆกางเกงเน่าๆ แบบเสื้อคลุมนอนลายเสือดาวก็มี เปรี้ยวมาก
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าใครกำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะอยู่ แล้วกริ่งดัง มันจะเป็นไงน้อ
ไอ้โดนขัดจังหวะไม่เท่าไหร่ กลัวฝ่ายหญิงจะตกใจแล้วกล้ามเนื้อกระตุกหนีบฝ่ายชายเอาไม่ออกอะดิ ได้หามกันออกมาในสภาพปาท่องโก๋แน่ๆ
.
ประมาณห้านาทีสถานการณ์ก็สงบลง
เด็กๆก็ทยอยกันกลับเข้าไป
สงสารพี่ดับเพลิง ดึกขนาดนี้ยังต้องออกมาทำงานทำการ
ทั้งๆที่มันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้
แต่จะว่าไป ที่อังกฤษ อย่างน้อยก็ที่ยอร์กนี่
เขาก็กระตือรือร้นกับทุกเหตุนะ ไม่มีวันไหนไม่เห็นรถพยาบาล รถตำรวจ รถดับเพลิงเปิดไซเรนวิ่งไปไหนทุกที่ คือเห็นทุกวัน เห็นบ่อยพอๆกับวัวอ่ะ
ที่นี่แค่แจ้งว่าเห็นคนเดินลับๆล่อๆ ตำรวจก็มาละ
ลองเป็นบ้านเราสิ แจ้งไปเหอะ สามชาติกว่าถึงจะมา
ยืนๆดูอยู่ สังเกตเห็นพี่ดับเพลิงคนหนึง หล่อ
ผมดำ ตาสีอะไรมองไม่เห็น ก็มันมืด
แต่เอาเป็นว่าหล่อแล้วกัน สายตาระดับนี้ไม่มีพลาด เชื่อมือเจ๊ได้
เห็นแล้วอยากเอาไฟแช็กไปลนเครื่องตรวจควันจัง
เหอๆ
.
ปิดท้ายด้วยภาพล่าสุดที่มีคนถ่ายให้
คืออาภัพมาก นานๆจะได้มีรูปตัวเองในกล้อง
เพราะอยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่
นี่ถ่ายกับเนม ตอนไปกินติ่มซำด้วยกัน

ผมไม่ตั้งแล้วค่ะ
เอาแว็กซ์โกยก็ไม่ขึ้นแล้ว
ก็เลยคิดว่าจะปล่อยมันไว้เงี้ยแหละ ยาวๆไป
กลับบ้านเมื่อไหร่ค่อยตัด ไม่ขอฝากขนบนกบาลให้ช่างฝรั่งอีกแล้ว คราวก่อนขอทรงวิคตอเรีย เบ็คแฮม ออกมาเป็นเคที โฮล์มส์ แต่หน้าเหมือนน้องทราย เครียด
เกิดคราวนี้ไปตัด ใครจะรู้ว่าจะได้ทรงอะไร
ไม่เอาอ่ะ ผมยิ่งน้อยๆอยู่ด้วย รักษายิ่งชีพ
.
ขอบคุณทุกกำลังใจที่ยังแวะมาเยี่ยมนะคะ
ช่วงนี้บอกได้คำเดียว ยุ่งสุดโคตร ยุ่งมาก
เพราะงานหลายๆอย่างมันตะลุมบอนกันเข้ามาในทีเดียว
แถมเดดไลน์ยังไล่ๆกันอีก
ผอมลง แต่ไม่ได้ชั่งน้ำหนักเลยว่าเท่าไหร่
ตัวก็ดำขึ้น เพราะไปว่ายน้ำ
ไชโย ลบคำสบประมาทว่าคนมาเรียนเมืองนอกต้องอ้วนเป็นวาฬได้แย้ว
ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นนะ ได้ออกกำลังกาย เหนื่อย แต่ก็คล่องตัวขึ้น ไม่ปวดเมื่อยอืดอาดเหมือนเมื่อก่อน
ทุกคนรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Shopping like A Girl

หลังจากโง่มาแปดเดือนกว่า
วันนี้สมตุ้ยก็ดวงตาเห็นธรรม
ได้เข้าสมาคมโอทูแทนไอดีทีโมบายล์ที่ใช้มาตลอดตั้งแต่มาถึงอังกฤษแล้วค่ะ
คิดแล้วรู้สึกเลยว่ากรูนี้หนอช่างแสนโง่งม
เพราะซิมโอทูที่ซื้อมาใหม่นี้ ส่งข้อความฟรีไม่จำกัด
โทรฟรีสามร้อยนาที โทรหาเครือข่ายโอทูด้วยกันฟรี
เดือนละสิบปอนด์นี้ดๆ สัญญาสิบสองเดือน

ที่แค้นใจยิ่งกว่านั้น คือเมื่อมาคิดดีๆแล้ว
ถ้านราไปสมัครโอทู เซ็นสัญญาซื้อมือถือพร้อมสัญญาแบบสิบแปดเดือนตั้งแต่เดือนแรกที่มาถึง ป่านนี้ก็ได้ใช้มือถือสมาร์ทโฟนแบบถูๆไถๆ เท่เก๋ไก๋กับเขาไปแล้ววว ฮือ เสียดาย
ใครจะมาเรียนอังกฤษ เรื่องนี้อย่าพลาดนะคะ
มาถึงแล้ว ยิ่งอยู่นานหลายปี
ทำสัญญาแบบสิบแปดเดือน หรือยี่สิบสี่เดือน เขาให้โทรศัพท์ฟรี
พร้อมเงื่อนไขว่าต้องจ่ายอย่างต่ำเดือนละเท่านั้นเท่านี้
ส่วนใหญ่เริ่มที่ประมาณสิบปอนด์
แต่แหม เน็ทฟรี ข้อความไม่จำกัด โหลดโน่นนี่ฟรี
คุ้มจะตาย เสียดายๆ
.
ไอดีทีโมบายล์ที่ว่า หาซื้อได้ที่ศูนย์วีเอฟเอสที่เราไปทำวีซ่าอ่ะ
เป็นซิมการ์ดเหลืองๆ ไปค้นดูเอาเองในเอนทรี่เก่าของนรานะ
มันสะดวกจริงอะไรจริง ถึงอังกฤษปั๊บยัดใส่มือถือโทรกลับบ้านได้เลย
แต่มันแพง และมันหาที่เติมเงินยากกว่าเครือข่ายอื่น
ในขณะที่พวกโอทู ทีโมบายล์ ออเรนจ์ และทรี เติมจากเครื่องเอทีเอ็มได้ ร้านสะดวกซื้อที่ไหนก็มี
นราต้องเดินไปหาร้านที่มีเครื่องเหลืองๆสำหรับขายบัตรเติมเงินของเครือข่ายนี้เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่มักอยู่ตามไปรษณีย์
ไอ้โทรนาทีละประมาณสิบห้าเพนซ์ไม่เท่าไหร่หรอก
เพราะเครือข่ายอื่น ถ้าโทรข้ามเครือข่ายกันมันแพงกว่านี้เยอะ
แต่ไอ้ส่งข้อความนี่สิ ส่งทีสิบห้าเพนซ์ สามสิบเพนซ์
แล้วนราก็พวกชอบส่งข้อความซะด้วย
หมดตัวสิคะ เติมแป๊บๆก็หมด
ยิ่งช่วงหลังๆนี่ ส่งข้อความคุยกับเพื่อนที่อยู่ลีดส์ทุกวัน
วันละสามสี่ฉบับ มันจะเหลืออะไรรรร
.
เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ ที่นี่โอทูแพงสุดและดีสุด ส่วนทีโมบายล์เป็นอะไรที่เน้นประหยัดและคุ้มค่า ประมาณว่า Budget Friendly ค่ะ
.
เข้าเรื่องตามหัวข้อเอนทรี่
วันนี้ไปช้อปปิ้งแบบผู้ญิ้งผู้หญิงกับเคียร่า เพื่อนสาวคนจีนมาค่ะ
ตื่นเต้นเหมือนกันนะ
เพราะไม่ค่อยได้ช็อปอะไรแบบนี้เลย
ปกติซื้อแต่เสื้อ ซื้อเสร็จก็ออก กลับบ้าน
ไม่ค่อยได้เข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ ลองโน่นนี่เท่าไหร่
วันนี้ไปบู๊ทส์แล้วก็ร้านเครื่องสำอางค์ประมาณสี่ร้าน
ลองลิปสติก เลือกลิปกลอส เลือกสีทาเล็บ
ผู้ญิ้งผู้หญิง แม่มาเห็นต้องไม่เชื่อแน่
เครื่องสำอางค์ที่นี่แพงกว่าไทยเยอะเลย
แต่ก็มีบางยี่ห้อที่พอถูไถ ไหนๆที่ใช้อยู่ก็จะหมดแล้ว
ได้สีทาเล็บสีชมพูลูกกวาดจากเซเว่นทีนมาขวด พร้อมด้วยสีทองแรดสะแมนแตนอีกขวด ขวดละปอนด์
ลิปสติกสีโรสซอร์เบต์ของริมเมลมาแท่ง สีชมพูแหละแต่ไม่หวานมาก
เอาไว้ทาเป็นเบสก่อนทับด้วยลิปกลอส
ลิปกลอสยี่ห้อไรไม่รู้ สีชมพูอมม่วงอ่อน
เหนียวสุดๆ ยังกะกาวดักหนู แต่อยู่ทนดี
...แต่มีความรู้สึกว่าอยากกลับไปสอยลิปกลอสของริมเมลมาอีกแท่ง ทาแล้วจูซซี่ ปิ๊งปั๊งเยิ้มแหยะสุดๆ แหมมม ก็มันลืมไม่ลงงงนินา...
.
สถานีต่อปายยย
ชาริตี้ช็อป หรือร้านการกุศลนั่นเองจ้า
วันนี้เราไปกันที่บริติชฮาร์ทฟาวเดชั่นกัน
ร้านขององค์กรการกุศลพวกนี้ จะขายของมือสองต่างๆ ตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หนังสือ เครื่องแต่งบ้าน และอื่นๆ โดยรายได้จะแบ่งไปให้องค์การการกุศลนั้น เขาก็เอาไปสนับสนุนเด็กๆในประเทศด้อยพัฒนา คนยากจน หรือเด็กที่เป็นมะเร็งอะไรแบบนี้
เพราะงั้นวันนี้เราไม่ได้แค่หว่านเงินลงผืนดินอังกฤษนะ
เนี่ย ทำบุญนะเนี่ยยย...
.
เดี๋ยวนี้เบื่อกระเป๋าใบใหญ่
เวลาออกไปเที่ยวกับเพื่อน บางทีไม่อยากถืออะไร
ถือกระเป๋าใหญ่บางทีเกะกะ ของก็มีไม่มาก
เป็นคนไม่พกเครื่องสำอางต่างๆติดตัวค่ะ
หลักๆที่ต้องพกติดตัวตลอด ก็มีพาสปอร์ต คีย์การ์ดเข้าหอ เป๋าตังค์ ลิปบาล์ม ลิปกลอส แป้ง จบ แค่นี้เอง
ไม่เยอะ แต่ยัดใส่กระเป๋าที่ใช้อยู่ ณ ตอนนี้ไม่หมด
ถึงใส่หมดก็ตุงซะ น่าเกลียด เหมือนถุงเป็นริดสีดวง
วันนี้โชคดี ป๊ะกระเป๋าสะพายใบเล็กสีแดงกำมะหยี่ ถูกใจเจ๊
ใบละ 1.99 ปอนด์ ก็สอยมาซะแบบไม่คิดอะไร


ช่วงนี้ยังเป็นฤดูร้อนอยู่
แต่ทำไม้วันนี้ฝนตกทั้งวัน
ขนาดคนอังกฤษเองยังบ่นกันพึมพำเรื่องอากาศไม่ดี
แถมนรากับเพื่อนก็ไม่มีใครเอาร่มไปอีก เจริญ
เดินตากฝนกันหัวแฉะ ตั้งแต่บ่ายโมงถึงบ่ายห้า
แต่ฝนอังกฤษไม่เหมือนฝนไทยนะคะ มันตกแต่มันไม่เปียก
งงไหม
คือมันเป็นฝอยๆ อากาศจะเย็น เยือก หนาว ชื้นแฉะ ลื่น
ถ้าเป็นฝนไทย มันจะเทซ่าลงมาทำให้เราเปียกโชกได้ทั้งตัว
แต่ฝนอังกฤษ เราเดินตากฝนได้โดยเสื้อแค่ชื้นๆ กลับถึงบ้านก็แห้งพอดี อยู่อังกฤษมานี่ไม่เคยตัวเปียกแฉะเพราะฝนเลยนะจริงๆ
.
แต่เอาเถอะ ประเด็นคือฤดูร้อน
ก็ต้องมีบางวันบ้างละน่าที่แดดดี อากาศแจ่มใส
วันแบบนั้นก็จะเห็นฝรั่งเลื้อยกันเต็มสนามหญ้า
สาวๆก็แต่งตัวสวยๆกัน สายเดี่ยว เกาะอก ผ้าป่านผ้าฝ้าย
เห็นแล้วก็เสียดายว่าเราน่าจะเอามาจากบ้านมามากกว่านี้
ตอนนี้นรามีชุดกระโปรงที่เป็นผ้าบางๆสำหรับใส่ฤดูร้อนแค่ตัวเดียว
แถมใส่แล้วคันอีกเหอะ
เสื้อยืดนี่ใส่แล้วรู้สึกตัวเองเฉิ่มเบ๊อะมากมาย
พอดีว่าวันนี้ไปร้านองค์กรการกุศลใช่ไหมคะ
เจอเสื้อมือสองตัวนี้ ราคาสองปอนด์กว่า
สอยแบบไม่คิดเลย น่ารักดี
นางแบบเซ็กซี่ม่ะ อิอิ
รู้หรอกว่ามันแพง
แต่ราคานี้ถือว่าถูกเหมือนได้เปล่าเมื่อเทียบกับเสื้อผ้าแนวนี้ตามร้านค้าทั่วไป
ที่มาบุญครอง เราสามารถซื้อเสื้อแบบนี้ได้ในราคาสองร้อยบาท หรือเกือบสี่ปอนด์ แต่ที่นี่เสื้อผ้าฤดูร้อนแบบนี้ ราคาประมาณตัวละสิบปอนด์ขึ้นไปทั้งสิ้น ยิ่งเป็นกระโปรงผ้าฝ้ายด้วยแล้วละโคตรแพง อาจจะถึงยี่สิบห้าปอนด์ด้วยซ้ำไป
รู้อย่างนี้ขนพวกเสื้อผ้าหน้าร้อนมาด้วยดีกว่า
ใครจะไปคิดว่าอังกฤษก็ร้อนกับเขาเป็นเหมือนกัน
.
ช่วงนี้ก็ยังสบายดีค่ะ
มีอะไรให้ต้องทำบ้าง ทั้งยากทั้งง่าย
แต่ก็คงผ่านพ้นมันไปได้ในเร็ววัน
ทุกคนก็รักษาสุขภาพนะคะ
ขอบคุณที่ยังติดตามค่ะ