วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Food Fiesta #1

วันนี้วันเสาร์ เป็นวันเฟียสต้าที่แต่ละชาติจะทำอาหารประจำชาติแล้วก็มาจัดซุ้มแข่งกัน ตื่นมาตั้งแต่ประมาณเก้าโมงกว่า ทั่นประธานกิ๊กมาเคาะเรียกเพราะต้องทำอาหารเตรียมให้ทางโรงครัวมารับไปตอนบ่ายครึ่ง
.
สำหรับประเทศไทยในปีนี้ เรามีลาบไก่
ไก่ย่าง

แล้วก็เขียวหวานห่อไข่ค่ะ
อาหารแต่ละอย่างแบ่งกันทำตามครัวคนไทยต่างๆ
เขียวหวานห่อไข่นี่ มาทำที่ครัวนรา
ทั่นประธานน้องกิ๊ก เทพเหลือล้นทนเหลือหลาย
ยืนทอดไข่ให้เป็นแผ่นบางๆ เกือบร้อยแผ่น
ไข่หมดไปสี่แพ็ก แพ็กละสิบแปดฟอง
ออกมาสวยมาก ไข่ทอดแล้วซ้อนกันเป็นตั้งๆ นุ่มฟูแลดูน่าหม่ำ

ไส้เขียวหวานเป็นไก่
ใช้ซุคกินี หรือที่ที่นี่เรียกว่าคูร์แจ็ต แทนมะเขือเปาะ
ใครจะไปซื้อไหว มะเขือสองลูกคิดเป็นเงินไทยห้าสิบบาท
ฝีมือทั่นประธานอีกแล้ว
นรากับน้องลูกมืออีกคนทำหน้าที่ตอกไข่ ตีไข่ หั่นคูร์แจ็ต
แล้วก็ยัดใส้ไข่ ซึ่งก็เป็นงานที่สนุกมาก

สวยมั้ยๆ
น่ากินมากมาย
ขนาดเราไม่ชอบกินของเผ็ดยังว่าหอมน่ากินเลย
ทำไปคุยไป
พอทำไข่ขาดก็หาเรื่องเก็บไว้กินต่อเอง

พอบ่ายโมงเกือบครึ่งทางโรงครัวก็ส่งรถมารับอาหาร
ที่นี่กฏเกณฑ์เรื่องอาหารเยอะมากค่ะ สุดๆ
ห้ามปรุงอาหารที่ทำด้วยข้าว เพราะกลัวข้าวบูดแล้วเกิดแบคทีเรีย
ห้ามเอาอาหารมาอุ่นใหม่ เดี๋ยวแบคทีเรียโต
ต้องวัดอุณหภูมิอาหารปรุงสุกให้เกิน 75 องศาทุกครั้ง
เอาอาหารไปส่งต้องไปรอบเดียวให้หมด
จุกจิกมากมาย
เพราะอย่างนี้มั้งฝรั่งถึงได้แพ้โน่นแพ้นี่ ทั้งถั่ว นม ไข่ แป้ง อากาศ น้ำ บลาๆๆ ไม่แข็งแรงเหมือนคนไทยที่กินอาหารรถเข็นข้างทางคลุกตะกั่วและแคดเมียมทุกวัน
จริงๆ มีน้ำตะไคร้ด้วย แต่ต้มเสร็จไปแล้วตั้งแต่วันศุกร์
.
พอเสร็จจากเรื่องอาหาร
ก็อาบน้ำแต่งตัวไปช่วยเขาทำซุ้มอาหารต่อ
ปีนี้ซุ้มเราสุดแสนอลังการทุ่มทุนสร้างยิ่งกว่าองค์บากสอง
เพราะคนที่รับผิดชอบเรื่องซุ้ม เขาจะทำเป็นหลังคาเรือนไทยขึ้นมาเลย มีจั่วด้วย ข้างในผนังซุ้มประดับลายพระอินทร์พนมมือสองข้าง ไม่ได้ซื้อมาสำเร็จรูปนะจ๊ะ วาดเอง
.
กำลังเสแสร้งแกล้งทำเป็นช่วยงาน
ตีตารางทำหลังคาซุ้มอยู่

นี่อ่ะลายประดับในซุ้ม
สวยมากมาย ได้สมมาตรไม่บูดเบี้ยวเหมือนที่เราเคยวาด
ซุ้มดูดีขึ้นมาทันที ดูลงทุน ดูหรูหราเพราะเป็นสีทอง

ต่อมา เรื่องของหลังคา
เหมือนจะง่าย แต่เอาเข้าจริงปัญหาเยอะเหมือนกัน
สองหนุ่มปรึกษากันตั้งแต่ขึ้นโครง ปะกาว ติดหมุด
จากแท่งโฟมเละเทะก็เริ่มเป็นหลังคาเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
ยกนิ้วให้ความมุ่งมั่นและอดทนจริงๆ
ทำนานมากเลยนะ ตั้งแต่ราวๆ บ่ายสองโมงถึงห้าโมงเย็น
พอทำเสร็จรอบแรก ดีใจนึกว่าเสร็จแล้ว ยกขึ้นประกอบบนซุ้ม
ยังไม่ทันวางเลย หลังคาแยกตัวออกเป็นชิ้นๆ
เดือดร้อนต้องเอามาพันเทปกาวใหม่
ก็พอช่วยพยุงได้ แต่สงสัยว่าคนเสิร์ฟจะเสิร์ฟไปเสียวไป
กลัวหลังคาหล่นทับ ฮ่า

โย้ๆเย้ๆ นิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรสวยงาม
พอเอาหลังคาขึ้นปุ๊บมีคนมาอู้อ้าทันที บอกว่าสวยๆๆ
ดีมาก คะแนนจงหลั่งไหลมาาา
การแสดงไม่ชนะ ซุ้มควรจะชนะนะย้าาา

ระหว่างนั้นนราก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อย
ซุ้มของญี่ปุ่นน่ารักมากมาย เป็นลายซากุระกับปิกาจู๊
เห็นป้ายตั้งไว้ว่ามีโอโคโนมิยากิ ซูชิ แล้วก็ไก่เทอริยากิ
เล็งไว้แล้วว่าจะกินของญี่ปุ่นก่อนเลย
มาเลย์ก็ดูตั้งใจทำ
เขาทำไม้จิ้มฟันเป็นธงชาติมาเลย์ด้วย
มีเรื่องธงชาติ ตลกมาก
กว่าที่ธงไทยจะได้ขึ้นไปรวมอยู่ในแถวอย่างที่เห็น
ก็เกือบไม่ได้ขึ้นแล้ว
นรากำลังเดินทะแร่ดแท้ดแถ่ถ่ายรูปอยู่ ก็มีหนุ่มที่เป็นกรรมการของสมาคมนศ.ต่างชาติมาถามว่า โอเคไหมถ้าเราจะห้อยธงยูให้ดาวอยู่ด้านบน
ดาว? เห ประเทศกรูมีดาวบนธงด้วยเหรอ เป็นคอมมิวนิสต์ตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่เห็นรู้เรื่อง เขาเห็นเรางงๆเลยบอกว่า นั่นไงธงที่ผู้ชายเสื้อเทากำลังแขวน พอเงยหน้าขึ้นไปดู
ธงใครวะ?
ที่แน่ๆ ไม่ใช่ธงไทยอ่ะ
เป็นธงคล้ายๆกัน แต่ขอบนอกสีน้ำเงิน สีตรงกลางแดง มีดาวกลมๆกลางธง เอ๋อไปเลย ก็บอกเขาไปว่า อ่า นั่นไม่ใช่ธงเดี๊ยนค่ะ
เขาถึง อ้าวหรอ โอ้ๆ ขอโทษ แล้วก็ไปหามาเปลี่ยนให้
หนอยแน่ะ สองทีแล้วนะมึง
ความรู้พื้นฐานแค่นี้หัดเช็คหน่อยไม่ได้หรือไง
ตอนทำใบปลิวประกาศอีเวนท์นานาชาติก็ใส่สีธงชาติผิดทีละ
ชิ ชิ
.
ของอาหรับ ลงทุนน้อยแต่สวยมาก
เหมือนเป็นกระโจมกลางทะเลทราย สวยๆ
แต่งซุ้มไปเรื่อยๆ จนถึงประมาณห้าโมง
เจ้าหน้าที่ก็เริ่มมาไล่ๆ ประมาณว่าออกไปได้แล้ว
เพราะเดี๋ยววันนี้ตอนดึกๆจะมีนักร้องมาแสดง ต้องเตรียมเวที
หล่อนคือ Mutya อดีต Sugababes ค่ะ
นึกออกไหม คนที่หน้าแปลกๆ เจาะมุมปาก ไม่ใช่คนดำนะ
เห็นว่าเป็นอดีตศิษย์เก่าของที่นี่มั้ง
ซึ่งนราก็อยากดูแหละ แต่ตั๋วตั้งสี่ปอนด์ ไม่เอาอ่ะ
โดนค่าถ่านใส่กล้องไปแล้วสี่ปอนด์ พอกันที แงแง
.
วันนี้ง่วงมากเพราะเพิ่งกลับจากงานเลย
เหนื่อยมั่ก เดินถ่ายรูปทั้งงาน
เอาไว้จะอัพตอนสองต่อไปนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามเน้อ
รักษาสุขภาพกันด้วย ใครสอบอยู่ก็ขอให้สู้ๆนะคะ

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Song: Memory in Every Breath I Take

Memory in Every Breath I Take - Bie Sukrit
.
I have to admit it's our destiny
Our love can only come this far
I'm letting you go on your own path
But there's something I wish you to know
before you go
.
*You will always be in my memory
in every breath I take
You will always be in my mind
till the last day of my life
My heart will have to go on
I might have met someone someday
But as long as I'm breathing,
You will always be in my mind
.
Being with you, taking care of you
have brought me meaningful moments
Someday, if you ever get tired, think of me
and how I would smile
But from now on, I wouldn't be there
please do take care
.
.
From now on my heart will have to stop
having you
From now on my heart will have to go on
looking for love
We may be far apart
but I will never erase you from my heart
.
My heart will have to go on
I might have met someone, someday
But as long as I'm breathing,
you will always be there
.
.
.
(Just want to translate the song, none implicature is included)

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

First Few Photos from Fuji-kun

หัวหอม ซื้อมาเก็บไว้ในตู้จนลืม
เปิดออกมา ผมยาวซะแล้ว จะทิ้งก็ทิ้งไม่ลง สงสาร
อุตส่าห์งอกออกมาจนได้นะขนาดอยู่ในตู้ไม่มีน้ำไม่มีแสง
เลยเอามาแช่น้ำ กะว่าจะไปหากระถางมาปลูกเร็วๆนี้ค่ะ
เผื่อได้ดูดอกด้วย

เมื่อคืนวันจันทร์ เป็นคืน Cultural Performance Night
สรุป ไม่ได้ซักกะรางวัล เสียดายนิดหน่อย
ที่หนึ่งคาซัคสถาน ที่สองญี่ปุ่น ที่สามอินเดีย (ชิ)
แต่ก็เป็นคืนที่สนุกดี ถ้าไม่นับเซแซดๆตอนรำมวยกับไม่ได้รางวัลน่ะนะ
รูปถ่าย รอไปก่อนนะ ยังไม่มีเลย เพราะนราไม่ได้ถ่าย
สถานที่จัดงานมืดมาก เปิดไฟแดงๆ ถ่ายออกมาก็มองไม่รู้เรื่อง
เดี๋ยวรอขอรูปจากพี่ๆที่เขาถ่ายไว้แล้วจะเอามาให้ดู
มีวิดีโอด้วยละ
.
บล็อกนี้เป็นบล็อกแรกที่เราภาพถ่ายโดยฟูจิคุงขึ้นนะคะ
อาจจะยังใช้ไม่ถนัดเท่าไหร่ เบลอๆบ้างก็อย่าใส่ใจละกัน
.
ชีวิตคนเรา เวียนวนสับสนเหมือนบันไดเวียน
ถ่ายจากชั้นหนึ่งหอนราเอง
เมื่อวันอาทิตย์ จริงๆจะไปเที่ยวเมืองท่าชื่อ Whitby
เตรียมตัวอย่างดีตั้งแต่ตีห้า ปรากฏ หิมะตก
ไม่ใช่ตกปรอยๆนะ ตกแบบหนาและหนักมาก ทริปเลยโดนยกเลิกไปโดยปริยาย เซ็งกะปิกันเป็นแถว แล้วหิมะนี่มันก็ตกตั้งแต่หกโมงถึงเที่ยงเลยด้วย ถือว่าแปลกมากเพราะมันเลยช่วงหิมะตกไปนานแล้ว ก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น
.
บ่ายๆ ไม่มีอะไรทำ ออกไปเดินถ่ายรูปเล่นค่ะ
ตอนนี้หิมะหยุดแล้วและกำลังละลาย
จริงๆมอสที่เกาะเขียวๆบนต้นไม้มันก็สวยเหมือนกันนะ
หิมะละลายเร็วมาก หยดจ๋อมๆแจ๋มๆทั่วไปหมด
นราพยายามจะถ่ายหยดน้ำน่ะนะ แต่ยังใช้มาโครโหมดไม่เป็น
เอาเท่าที่ได้ก่อนแล้วกัน

อากาศสดชื่น เย็นสบายปอดดี แถมฟูจิคุงยังซูมได้อย่างชัดเจนจนน่าประหลาดใจ หนูเป็ดตัวนี้นั่งนิ่งเป็นแบบให้ถ่ายอย่างว่าง่ายดีทีเดียวเชียว

เป็ดแอทแท็ค!!

เป็ดพยายามจะเข้ามาจิกกล้อง เพราะคิดว่าเป็นกล่องใส่อาหาร เกือบตาบอดแล้วไหมละฟูจิคุง ดีนะเงิบหนีทัน เป็ดโหดจริงๆ
ตอนเช้าวันจันทร์ก่อนวันงานนราออกไปซื้อดอกไม้มาทำพวงมาลัยหอบเบ้อเร่อ พอหิ้วเข้ามหาลัยมาเท่านั้นแหละเป็ดแบบรี่เข้าหา พยายามจะแดรกดอกไม้เป็นอาหารเช้า
เป็ดแมนดาริน คะแนนความโหด 1/10
.
ตัวนี้เป็นห่าน แต่จำชื่อไม่ได้ ขอเรียกว่าห่านหน้ากลมแล้วกัน
เห่าเสียงดัง และอึกองใหญ่มาก
ห่านหน้ากลม คะแนนความโหด 4/10
ชอบเดินขวางทางเดิน และมองหน้าหาเรื่อง
เดี๋ยววันหลังจะตามเก็บภาพสัตว์ปีกในมหาลัยมาฝากพร้อมเรทคะแนนความโหดนะคะ
.
ปิดท้ายกันไปด้วยอาหารมื้อยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่มาที่นี่
ไก่ทอดดดด ทำไปได้ไงเนี่ยยยย
ปกติจะทำกินแค่ข้าวสวย ไข่เจียว ผัดผัก สลัด แกงจืด ดีหน่อยก็สุกี้ที่ขึ้นไว้บล็อกที่แล้ว ไก่ทอดนี่เป็นอะไรที่แหวกแนวมาก
คงจะทำครั้งนี้ครั้งแรก และครั้งสุดท้าย เพราะกระทะแบนนั้นทอดไก่ไม่ได้เรื่องเลย น้ำมันไม่ท่วม เกิดปัญหาสุกไม่พร้อมกัน ไม่เท่ากัน และไก่ไหม้นอกดิบใน แถมใช้เวลาเป็นชาติ น้ำมันกระเด็นเลอะเตาไปหมดอีก โทรสั่งมากินง่ายกว่าค่ะ
นราใช้สะโพกไก่สองชิ้น หมักขิง กระเทียมสับ ซีอิ้ว และผงโลโบกระเทียมพริกไทยนิดหน่อย ระหว่างหมักก็ต้มแครอทกับถั่วแขกไปด้วย
พอน้ำมันร้อนก็เอาไก่ชุบแป้งโกกิหย่อนลงไป แล้วก็ทอดไปเรื่อยๆ กลับไปกลับมาประมาณสามชาติเศษๆก็พอใช้ได้ แต่ชิ้นที่สองไม่สุก สุดท้ายต้องเอาใส่ไมโครเวฟให้ข้างในมันสุกด้วยเพราะทอดต่อไม่ได้แล้ว ไม่งั้นมีหวังได้กินเศษถ่านแทนไก่ทอด
.
พอจบจากการแสดงแล้ว รู้สึกมันว่างๆโหวงๆยังไงไม่รู้
เหมือนเราเตรียมงานหนุกหนานมาตั้งหลายอาทิตย์ ตอนนี้ไม่มีอะไรจะทำแล้ว ขาดเป้าหมายที่จะทำอะไรครีเอทีฟไปอย่างนึง
เหลือเทศกาลอาหารวันเสาร์นี้ แล้วก็คงจะหมดเรื่องสนุกสำหรับเทอมนี้แล้วค่ะ
.
ขอบคุณมะแอ้ที่ยังติดตามบล็อกเหนียวแน่นนะ
รอหน่อยๆ เดี๋ยวเอารูปรำมวยขึ้นให้ดูแน่ๆ สัญญาๆ
แต่ห้ามหัวเราะนะ

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Some People Just Don't Know

แล้วก็หายหัวไปอีกหนึ่งสัปดาห์
เป็นหนึ่งสัปดาห์ที่น่าเบื่อมากๆ ชีวิตวนลูปซ้ำไปมาเหมือนเดิมเกือบทุกวันเลย ช่วงนี้นอนดึกหน่อยเพราะกำลังเร่งเขียนรายงานฉบับแรก ใช้ความพยายามอย่างมากในการจะพล่ามทฤษฎีให้ยาวๆ และดูน่าเชื่อถือ ที่สำคัญ กินเนื้อที่เยอะๆ อิอิ
.
ช่วงนี้ก็ยังแข็งแรงดีค่ะ อาหารการกินเริ่มขัดสนเพราะไม่ได้ออกไปไหน
แต่ที่ขัดสนกว่าคือเรื่องการเงิน แอร๊ย เครียด ปวดม้าม
เดือนนี้ค่าใช้จ่ายเยอะมาก กดเงินมาทำไม้มันหายวับแช่วับเร็วนักก็ไม่รู้
แต่อาทิตย์หน้าวันจันทร์ ก็จะเป็นเทศกาลนานาชาติแล้วค่ะ
ใกล้จะต้องไปแสดงแล้ว โว้ว ตื่นเต้น
.
น่ากินไหม สุกี้มั่วของนราเอง
ไปเดินร้านจีนแล้วเกิดอยากกิน เห็นอะไรที่มันน่าจะใส่ได้ก็เอามา
หม้อนี้มีผักกาดจีน สาหร่าย เต้าหู้ปลาไส้เห็ดหอม (สิบเม็ดราคาปอนด์สามสิบ กรูจะบ้า!) ไข่ เต้าหู้ แล้วก็เส้นอุด้งค่ะ

เทคนอร์ผงลงไปก่อนเลย ไม่มีปัญญามาต้มน้ำซุปกระดูกเองหรอกจ่ะ พอเดือดแล้วก็ทยอยเทใส่ตามระดับความยากง่ายในการสุก โหยไม่อยากบอก ต้มไปน้ำลายยืดไป ทุเรศตัวเองจริงๆ
อ่าาา อิ่มอร่อยเปี่ยมสุขไปอีกหนึ่งมื้อค่ะ
ซัดคนไปเดียวทั้งหม้อ พุงอุ่นๆเสร็จก็มานั่งหน้าคอมจะทำงานต่อ
ตัดภาพมาอีกที ห่มผ้านอนกู้ก้าบ๊ายบายละ ง่วง ฮ่าาา
.
เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว เป็นวันวาเลนไทน์และวันตรุษจีน
เพื่อนคนสิงคโปร์นรา เขาก็ชวนมากินข้าวที่หอเขากัน มีเพื่อนๆคนอื่นอีกเยอะแยะ แต่คนที่เราจะนินทา เอ๊ย จะเล่าถึงในวันนี้ เขาเป็นคนอังกฤษ ชื่อเลียม
เลียม เป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณยี่สิบต้นๆ
เลียมอ้วนกลม ผมแดง พูดมาก โพล่งไม่ดูกาละเทศะ เล่นอะไรติงต๊องปญอ.แบบที่ไม่คิดว่าคนอังกฤษแบบนี้ก็มีด้วย อาทิ เอาไม้คนเครื่องดื่มมาเล่นเป็นเครื่องบิน บรื่อออ แล้วไปทิ่มคนนั้นคนนี้ หรือแหย่ส้อมมาจิ้มของกินในจานคนอื่นในขณะที่เจ้าของกะลังแดรกอยู่หยับๆ รวมทั้งมองหน้าเราแล้วอยู่ดีๆก็ฉีกยิ้มให้เฉย
แล้วที่สำคัญ เลียมเป็นเนิร์ดที่เชื่อว่าตัวเองนั้นโคตรจะ Cool
.
วันที่มีดินเนอร์ตรุษจีน ทุกคนเงียบกริบไม่พูดถึงเรื่องนี้บนเฟสสะบุ๊ก
เพราะกลัวว่าอีตานี่จะตามมาหลอกหลอนถึงที่
นราก็ไม่คิดว่าจะเจอเขา แต่ที่ไหนได้ พอไปถึงเจอแม่งคนแรกเลย นราก็มองหน้าเพื่อนคนสิงคโปร์ตาปริบๆ ไหนบอกจะไม่ให้มันรู้ไง แต่ไม่เป็นไรเราคนไทยรักเพื่อนร่วมโลก ก็ไม่ได้สนใจอะไร แค่อยู่ห่างๆไว้เป็นดี
ของกินอย่างแรกคือซุปกระเพาะปลา อร่อย คิดถึงบ้าน
เลียมเป็นคนดีเลื่อนถ้วยให้เพื่อนๆ
พร้อมด้วยเสียง ซู่มมม อุวิ้งงง บรื่อออ เฟี้ยววว
จานที่สอง เป็นหมูตุ๋นเค็มๆกับผักดอง เพื่อนเขาก็แจกช้อน
เลียมเอาช้อนนราไปตอนไหนไม่รู้ มันเอาไปกำไว้ในมือกับช้อนมันแล้วเคาะเป็นเพลง เพราะจานข้าวมาก็เอามาคืน เชี่ย!!
ที่แค้นกว่านั้นคือ กว่าจะนึกได้ว่ามันเอาไปกำเล่นก็ตอนที่กินข้าวแล้ว
เลียมกินเสร็จแล้ว ทำไรดีน้า ทุกคนเงียบจังไม่สนใจเราเลย
เลียมว้าวุ่นกลัวไม่เป็นศูนย์กลางความสนใจ เลยเอาทัพพีจุ่มลงไปในหม้อผักดอง กดๆจุ่มๆเทน้ำผักดองเล่น
คนทั้งโต๊ะมองหน้ากันเงียบๆ แต่...
Some people just don't know ค่ะ
.
ทานกันเสร็จ ทุกคนก็นั่งคุยกัน แลกเปลี่ยนเรื่องราว
เลียมกลัวเพื่อนไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ด้วย เลยแทรกแม่งทุกเรื่อง
ปล่อยมุกแป้กที่ตัวเองขำอยู่คนเดียวแบบไม่แคร์สื่อ ไม่มีใครขำด้วยมันก็ไม่เลิก ยังคงใสซื่อโพล่งอะไรควายๆออกมาเรื่อยไป แย่งคนอื่นพูดอีก
เพื่อนคนเยอรมันรับโทรศัพท์ คุยเป็นภาษาเยอรมัน
เลียมก็ใจดีช่วยคุย ส่งภาษาเยอรมันบ้านพ่อมันมั่วๆเข้าไปแทรกตอนเขาคุย
คนเขาเมินไม่สนใจเวลามันโพล่ง แต่...
Some people just don't know ค่ะ
.
ไปนอนดีฝ่า
คิดถึงทุกคนเลยน้า

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Everyone, It's Fuji-kun!

หายไปหนึ่งสัปดาห์ ไม่ได้งานยุ่ง ไม่ได้ขี้เกียจ
แต่ไม่มีเรื่องอะไรเด่นๆเกิดขึ้นเลยช่วงนี้ แหงะ
วันนี้หิมะก็ตกอีกแล้ว แต่ตกถึงพื้นก็ละลายแฉะทางเดินไปหมด เสียดายว่ามันไม่ตกลงมาเป็นหิมะฟูๆหนาๆอีกแล้ว ยังไม่มีโอกาสได้ปั้นสโนว์แมนสักตัวเลยค่ะ เสียดายๆ
.
ช่วงนี้เป็นเพราะอากาศมันทึมๆด้วยหรือเปล่านะ เลยเหงาหน่อย
เพื่อนนะมี แต่ไม่ค่อยเจอ ชีวิตสังคมติดลบมาก
ยังดีว่าเมื่อหลายวันก่อนได้ไปนั่งคุยกับเพื่อนคนฮ่องกงที่รู้จักกันตอนเปิดเทอมใหม่ๆ แล้วก็ได้รู้จักเพื่อนเขาอีกสองสามคน หน้าตาหล่อเหลาเอาการทั้งสิ้น แถมยังนิสัยน่ารักมากๆ แต่ใครที่ตาลุกจะฝากนราขอเมล์ติดต่อหนุ่มๆกลุ่มนี้ ต้องขอแสดงความเสียใจไว้ ณ ที่นี้ด้วย เพราะเขาเป็นเกย์กันทั้งกลุ่มนะจ๊ะ อยู่สมาคม LGBT: Lesbian, Gay, Bisexual, and Transgendered เป็นสมาคมเปิดกว้างอันนึงในมหาลัย
.
อาทิตย์ก่อน เกิดอาการวิงเวียนฟุบไปหน้าจอตอนดูเว็บ Amazon.co.uk ไม่รู้ตัว
รู้ตัวว่าทำอะไรไปอีกทีก็ตอนกล่องไอ้นี่ส่งมาถึง กรี๊ดดดด
ฉันทำอะไรลงปายยย โอ้โน่ว

โวยวายไปยังงั้นแหละ จริงๆรู้ตัวตลอด แต่อดเสียดายเงินไม่ได้
Fujifilm Finepix S1500 ซื้อมาในราคา £114
ตีเป็นเงินไทยแล้วถูกกว่าบ้านเราประมาณเจ็ดแปดร้อย
ฟูจิคุงตัวนี้ เป็นกล้องที่อยู่ตรงกลางระหว่างกล้องดิจิตอลแบบที่เราใช้กันทั่วไปกับกล้องแบบที่เราเห็นโปรฯเขาใช้กัน แบบที่เปลี่ยนเลนส์ได้ แถมเลนส์อันนึงราคาแพงตับเปื่อยนั่นแหละ ประมาณว่าเป็นกล้องสำหรับมือใหม่ที่อยากจะหัดถ่ายรูปแบบโปรๆด้วยตัวเองขั้นต้น
ด้านหลังค่ะ หน้าจอ 2.7 นิ้ว กับปุ่มมากมายที่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าไว้ทำอะไร
นราก็สุนทรีย์กะเขาเหมือนกันนะจะบอกให้
ไม่ใช่วันๆเอาแต่วิ่งไล่เป็ด หาของกิน กับนอนเผาอ็อกซิเจนไปเฉยๆ
ชอบถ่ายรูปค่ะ อยากถ่ายรูปอาร์ตๆ สวยๆ กะเขาบ้าง เลยยอมทุ่มทุนสร้างด้วยเงินเก็บร้อยกว่าปอนด์ ฮื้อออ
จริงๆ กล้องดิจิตอลอันเล็กที่ซื้อไว้ก่อนมานี่ก็ใช้ได้นะ
แต่มันถ่ายระยะประชิดแบบมาโครโหมดไม่ค่อยดี โฟกัสบ้างไม่โฟกัสบ้าง แถมถ่ายย้อนแสงนี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่เห็นอะไรเลย ก็หวังว่าฝีมือจะกระดืบไปเรื่อยๆ ให้คุ้มกับเงินที่เสียไปนะ
เทียบกับมือให้ดูความล่ำบึ้กของฟูจิคุง ฟูจิคุงตาโตมาก
จำต้นไซคลาเมนที่นราซื้อมาจากงานต้นไม้ในมหาลัยเมื่อสามเดือนที่แล้วได้มั้ยคะ ที่ดอกสีชมพูๆ ก้านยาวๆ ชูขึ้นมาข้างบน น่านแหละ
เกือบเท่งทึงไปแล้ว เพราะนราดูแลดีมาก ลืมรดน้ำประจำเลย
ตอนนี้ย้ายมาตั้งข้างหน้าต่างรับแดด และรดน้ำทุกสองวัน สุขภาพก็แข็งแรงขึ้นเป็นลำดับ ใบเขียวเข้มไม่ดูอ่อนแอเหมือนเป็นวัณโรคอีกต่อไป ที่สำคัญมีดอกงอกออกมาอีกแล้วแหละ มีเพื่อนแนะนำให้เอาไม้ขีดไฟแช่ในน้ำที่ใช้รด ดอกจะออกเยอะเพราะหัวไม้ขีดมีฟอสฟอรัส อยากลองเหมือนกัน
เอ๊ะๆ เห็นอะไรนั่นไหมเอ่ย
พวงมาลัยที่แม่ให้มาวันที่ออกเดินทางมาอังกฤษ
ยังเก็บไว้อยู่นะ คิดถึงแม่ ป๋า น้องๆ และทุกคนเลย
อีกไม่กี่วันก็วันวาเลนไทน์แล้ว
ปีนี้อยู่คนเดียว คงจะเหงาหน่อย
ต้องหาอะไรทำแก้เหงา แบบว่าเห็นใครจี๋จ๋ากันเราก็แซ้บเข้าไปแทรกตรงกลางดีไหม โฮะๆ ยุทธการทำลายวาเลนไทน์ของชาวบ้านตามประสาคนตาร้อนค่ะ ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
นราทำปฏิทินอันนึงส่งให้แฟน ข้างในเป็นรูปที่ถ่ายด้วยกันกับรูปที่ถ่ายที่ยอร์ก เป็นปฏิทิน "แขวน" ฮิฮิฮิฮิ ใช้สำหรับแขวน ไม่ใช่ตั้งหรือฉีกนะจะบอกให้
ส่วนคุณหมู ไม่ยอมน้อยหน้า ส่งของน่ารักๆ มาให้โด้ย
นาฬิกาปลุกหน้าหมีริแลกคุมะ อรั๊ยยย น่าร้ากกก มากๆ
กลมดิ๊กเลย เป็นคุมะลายวัว
เสียงกริ่งปลุกดังมาก ดังแบบปลุกคนตายให้ฟื้นได้ เพราะเป็นระบบกระเดื่องเคาะ เป็นหลักประกันว่าต้องตื่นแน่ ถ้าไม่ตื่นก็เตรียมโดนเพื่อนบ้านด่าได้เลยเพราะเสียงมันดังไปปลุกเขาด้วย
ขอบคุณนะหมูจ้า เสียตังไปตั้งเยอะเลย ขอบคุณน้า
ส่วนนาฬิกาสติทช์ของแม่ก็ยังแขวนไว้อยู่นะ ไม่ต้องน้อยใจไป
.
ตอนนี้เหลือเวลาอีกสองสัปดาห์ ก็พยายามซ้อมกันมากๆ สัปดาห์ละสามครั้งอย่างน้อย นราอยากให้งานออกมาดีที่สุดอะ ไม่ใช่ไปรำแล้วมองหน้ากันเลิ่กลั่กๆ
แต่เท่าที่เห็นซ้อมก็ท่าจะไปได้ดีนะคะ ก็ต้องคอยดูต่อไป
นราซ้อมรำมวย เข่าช้ำหมดแล้ว อร๊ายย เจ็บจังเยยหมูจ๋าาา
.
ตอนนี้สุขภาพแข็งแรงดี
แต่หายใจแล้วปอดมีเสียงนิดหน่อย
เอาไว้กลับบ้านแล้วค่อยไปตรวจ
ทุกคน รักษาสุขภาพกันด้วยนะ เคโระเคโรรี้

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Tuesday Feast

อากาศกลับมาหนาวหูหลุดอีกแล้ว
วันนี้หิมะตกผสมมากับฝน ไม่ถึงกับเฉอะแฉะมาก
แต่ก็เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าหน้าหนาวยังไม่จบ
อากาศแบบนี้ทำให้ขี้เกียจดีนักแล ง่วงนอนทั้งวัน
.
หมู่นี้เห็นหลายคนทำมันต้มขิงกินกัน ก็เลยเกิดอยากกินขึ้นมามั่ง
ไม่เคยทำเองเลยค่ะ ซื้อเขากินตลอด
จำได้ว่าสมัยประถมจะได้กินบ่อยๆ เพราะมันเทศมันถูกละมั้งนะ
บางร้านทำอร่อยมาก แบบว่ามันจะกรอบๆหน่อย ไม่ยุ่ยเละ
ว่าแล้วก็หันหน้าไปปรึกษาอากู๋(กู๋เกิ้ว)หาสูตรทำมันต้มขิงง่ายๆ
เหมาะสำหรับคนสมองถั่วอย่างเราทันที

เจอสูตรจากหลายเว็บ แต่ละสูตรไม่เหมือนกันเลย
บางสูตรบอกให้ใส่ขิงและมันพร้อมกัน สุกแล้วใส่น้ำตาล แต่บางสูตรบอกให้ต้มขิงกับน้ำตาลก่อน แล้วใส่มันทีหลัง
ก็ไม่รู้จะเชื่อใครดีนะ สุดท้ายก็ลองสูตรใส่น้ำตาลท้ายสุดดีกว่า กลัวจะเหมือนถั่วเขียวที่เขาไม่ให้ใส่ก่อนมันสุก เพราะน้ำตาลจะไปเคลือบแล้วมันจะต้มไม่สุกเอา
.
ไปคืนหนังสือ พร้อมหมายมั่นปั้นมือว่าต้องไปซื้อมันเทศกับขิงให้ได้
ตอนแรกมองไม่เห็น นึกในใจว่าอดแน่แล้วกรู มันต้มขิง ตอนเขามีขายก็ดันดัดจริตไม่อยากกิน แต่เหมือนสวรรค์เป็นใจ ยังมีเหลืออยู่ประมาณหนึ่งกระบะ นราก็ย้าฮูยี้ฮาไปคว้ามาสองหัว และขิงจากไทยแลนด์อีกแง่งย่อมๆค่ะ
.
น้องขิง นิ่มๆหน่อยแล้วยังสดใสหอมชื่นใจอยู่
นี่น้องมันค่ะ มาจากประเทศอินเดีย สีซีดๆไม่สดเหมือนของบ้านเรา หน้าตามู่ทู่เหมือนหมูน้อยดีนะ

ขั้นที่หนึ่ง ก็หั่นมาใช้แค่ครึ่งเดียว ล้างแล้วปอกเปลือกให้เกลี้ยง
จากนั้นก็หั่นเป็นชิ้นๆ นราเอาสันมีดทุบให้มันช้ำๆหน่อยด้วย
จะได้ออกรสมากขึ้น
ทุบมือตัวเองไปด้วยเหอะ สองปั้ก เอาเหอะจะกินของดีต้องอดทน

ขิงฮ้อมหอม ไม่เคยรู้เลยว่าหอมได้ปานนี้ สดชื่นดี
ระหว่างทำมิดีมิร้ายขิง ก็ต้มน้ำไปด้วย กะพอประมาณ
พอน้ำเริ่มเดือดก็โยนขิงที่ชอกช้ำลงไปต้ม

ทิ้งขิงไว้ยังงั้นก่อน แล้วหันมาหามันเทศแทน
ล้างให้สะอาดแล้วก็ปอกเปลือกเหมือนเดิมค่ะ จากนั้นค่อยหั่นเป็นชิ้นเท่ากันๆขนาดพอดีๆ ไม่คิดเลยว่ามันเทศเนื้อมันจะแข็งขนาดนี้ มีดที่มีอันเดียวก็สั้นอย่างกะอะไร เล่นเอาปวดข้อนิ้วไปเลย
มันเทศอินเดีย สีเหมือนแครอท อาจมองไม่ค่อยชัดแต่จริงๆสีส้มปี๋เลย

พอต้มน้ำขิงได้สักพัก ลองชิมดูมีรสขิงซ่าๆแล้ว ก็เทมันเทศพรวดลงไปต้มด้วยเลยค่ะ
ไม่ได้จับเวลา แต่คิดว่าน่าจะประมาณ 15 - 20 นาทีนะ
ระหว่างนั้นก็ทำอย่างอื่นรอไปก่อน

ไหนเอาส้อมจิ้มดูซิ สุกยัง
อ้า สุกแย้ว เนื้อนุ่มพอจิ้มก็แตกร่วนเลย

พอมันสุก ก็เทน้ำตาล ถ้าจำไม่ผิดเทลงไปสามช้อนโต๊ะพูนๆได้มั้ง
ช้อนแรก ไม่ได้รส
ช้อนสอง อืมก็หวานปะแล่มนะ แต่ยังไม่หวานพอดี
ช้อนสาม หวานอิ๊บอ๋าย ต้องเทน้ำลงไปเติม
ลดไฟอ่อน ต้มๆคนๆให้น้ำตาลมันละเลย เป็นอันเรียบโร้ยยย
รอให้เย็นลงหน่อยก็ตักมาหม่ำได้จ้า
วันนี้เป็นไรไม่รู้ เกิดอยากกินไก่ทอดขึ้นมา
สั่งทางเน็ทไปแล้วก็มานั่งรอไก่มาส่ง ซดมันต้มน้ำขิงฝีมือตัวเองไปด้วยพลางๆ อ้าห์ห์ห์ อาหย่อยยย กินแล้วส่งเสียงประหลาดๆออกมาจนเพื่อนเกาหลีที่ทำกับข้างอยู่หันมาถามว่า ว้อท แฮ้ปเป้น? เลยบอกไม่มีอะไรหรอก พอดีทำของที่อยากกินแล้วมันอร่อยน่ะ เหะ เหะ
ไก่มาแล้ว ซดมันหมดไปครึ่งหม้อพอดี
ไม่เหมือนไก่เคเอฟซีนะ แป้งไม่กรอบเท่า แล้วก็รสจัด เค็มกว่า
นานๆกินทีก็อร่อยดี
แต่ไก่อย่างเดียวมัน 4.50 ปอนด์ ไม่ถึง 7 ปอนด์ค่าส่งขั้นต่ำ
เลยต้องสั่งอย่างอื่นมาด้วย ปกติจะสั่งโค้กขวดลิตร
แต่ตอนนี้โค้กยังมี เลยสั่งเห็ดกระเทียมใส่ชีสมาแทน ลองของใหม่ๆ
ดูความยืดดดดด
ที่อีกสักพักจะกลายเป็นคอเลสเตอรอลและห่วงยางของเรา
ข้างหน้าก็อร่อยดีหรอก
แต่ข้างล่างมันเป็นน้ำเค็มๆ ใส่หอมใหญ่ หอมแดงใหญ่ กระหล่ำปลีม่วง
รสชาติปั่นป่วนอย่างแรง กินไม่ได้
กินแต่เห็ดราดชีสไปแล้ว
สรุปมื้อนี้ อิ่มหนำสำราญ เบิกบานอุทัย
ได้กินทั้งไก่ ทั้งมัน สมใจอยากละค่ะ
ช่วงนี้จะเรียกว่ายุ่งก็ได้นะ
คือสิ้นเดือนมันจะมีงานแสดงนานาชาติ แล้วนราก็ช่วยสมาคมไทยจัดการเรื่องการแสดงอยู่ ก็มีเรื่องชวนปวดกบาลมากมาย ตอนแรกก็ว่าจะรำไทยกัน ไปๆมาๆหาชุดไม่ได้ บางคนก็บอกว่าคนน้อยไม่อยากแสดง บางคนก็บอกว่าจะแสดงต้องซ้อมให้ชัวร์นะไม่งั้นไม่ทำ เงื่อนไขเยอะกันจริงเว้ย
แต่ที่เซ็งสุดคือพวกที่คอยวิจารณ์แต่ไม่แสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์นี่แหละ คือตอนแรกกะจะแสดงลิปซิงค์แบบอัลคาซาร์ เพราะก็ถือว่าเป็นอะไรเด่นๆของไทยอีกอย่าง เป็นโชว์สาวประเภทสองที่สวยและมีความสามารถ ก็จะมีคอมเมนท์ประเภท ไม่ดีมั้ง แสดงแบบนี้เสียชื่อเสียงประเทศไทย ไม่ดีหรอกมันน่าอาย
ก็ไม่ว่าถ้าความเห็นจะต่าง แต่ในเมื่อบอกว่ามันไม่ควรทำแล้วเมิงก็เสนอความเห็นอย่างอื่นบ้างสิโว้ย ม่าง นั่งวิจารณ์เป็นคุณนายอยู่บนที่ไกลๆแต่ไม่เห็นยื่นพังผืดมาช่วยอะไรสักอย่าง แหมเดือดจริงๆ
.
ใบตอง
ขอบคุณมากสำหรับชื่อภาษาสวีดิชของดอกขาวๆนั่น
ทำให้นราสามารถเอาไปเสิร์ชต่อได้ จนรู้ว่ามันคือ Snowdrop ค่ะ
.
มุกกุ
ตอนนี้เป็ดเยอะค่ะ มาเห็นต้องชอบแน่ๆเลย
ช่วงนี้มันเริ่มดุแล้ว ใกล้ฤดูหาคู่ เดินไปใกล้ๆมันจะจิกเอาด้วย
เพิ่งรู้ว่าห่านมีลิ้นอ่ะ
.
ตาหมูอ่วน
รอของขวัญลึกลับอยู่นะจ๊ะ
หมูเองก็รอรับของขวัญเค้าด้วยนะ
.
เอม
ลบหนึ่งทำเป็นหนาว เด่อ
พุ้ยเจอลบหก ยังไม่บ่นเลย
(เพราะหมกตัวอยู่ในห้อง กั่กๆ)