วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

My Life Is *cough* on the Edge *cough*

สุขภาพเข้าขั้นวิกฤติ
จำได้ว่า เริ่มเจ็บคอหนึบๆหลังจากไปงานเลี้ยงที่หอเพื่อนเมื่อวันคริสต์มาสอีฟ เลยขอตัวกลับมาก่อนประมาณสี่ทุ่ม แล้ววันต่อมาก็เป็นไข้ ครั่นเนื้อตัว ไม่มีแรง คอบวม และไอ เป็นมาจนถึงวันนี้ โดยอาการไข้ลดลงแล้ว แต่ไอหนักขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนคนตุรกีให้ยาชงดื่มรสน้ำผึ้งมาก็พอทุเลาลงบ้าง กินของเขาจนหมดกล่อง วันนี้เลยต้องเข้าเมืองไปร้านบู๊ทส์เพื่อซื้อยา ยาก็แพงชิบหายวายวอด ยาแบบเม็ดยี่ห้อบีแชมส์ โฆษณาว่ารักษาอาการได้สารพัดรวบยอด กล่องละเกือบห้าปอนด์ ส่วนแบบชงรสน้ำผึ้งผสมมะนาวกล่องละสองปอนด์ ซื้อเสร็จหมดตัวเลย
.
ตอนนี้อากาศอุ่นขึ้นบ้างแล้ว หิมะกำลังละลาย แล้วก็ลื่นโคตรๆ ลื่นเป็นสามเท่าของปกติ นราลองมาคิดดูว่า เอ๊ ทำไมเราเป็นหวัดหว่า คิดไปคิดมาก็ได้สมมติฐานสองข้อ คือ 1. ถ้าไม่ติดจากเพื่อนคนอเมริกันวันที่เขาจะกลับบ้าน ก็ 2. ร่างกายบอบบางรับอากาศหนาวๆไม่ไหว ซึ่งคิดดูแล้วน่าจะเป็นข้อสอง เพราะช่วงหลังๆนี่มีเรื่องให้ออกไปตากอากาศหนาวบ่อยเหมือนกัน เดินในหิมะก็หลายครั้งอยู่ ในห้องนราอากาศก็อุ่นดีไม่น่ามีปัญหาเพราะเปิดฮีตเตอร์สองตัว
.
ไม่รู้มันเป็นหวัดหรือมันเป็นอะไร เพราะไม่มีขี้มูกไหลหรือคัดจมูกเลย หลักๆของโรคที่เป็นอยู่คือเจ็บคอ คอข้างในบวมมากๆ เมื่อวานเช้าตื่นมาลองเอานิ้วแหย่คอ นิ้วโดนคอหนีบอ่ะ คือเยื่อบุในคอมันบวมหนาออกมาจนข้างในมันตีบไปเลย แล้วกลางคืนจะนอนไม่ค่อยหลับด้วย เพราะสำลักน้ำลาย นอนแล้วจะมีเสียง คร่อกๆ เหมือนคนนอนกรน เพราะน้ำลายกับเสมหะไม่ลงคอมันจะไหลขึ้นจมูก จะตายเอา ตื่นทุกครึ่งชั่วโมงเลย นอกจากนี้ก็คือไอ ไอๆๆจนจะบ้าแล้ว ไอจนหูอื้อ จนจะอ้วกน่ะคิดดู แถมนราก็ขากถุยไม่เป็น ขมคอจะตายห่านแล้ว
.
อยาก
กลับ
บ้านนนนนน
แม่จ๋าาา
มะแอ้อ้อ้
.
ป่วยวันคริสต์มาสพอดี ปีนี้ซานต้าใจร้ายจัง
อัพเดทเรื่องรายงานสักหน่อย
ตอนนี้ก็น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงแถมพันกันไปพันกันมาได้ประมาณ 1,500 คำแล้ว ยังไม่ถึงครึ่งเลย แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเนอะ กะว่าสิ้นปีต้องเสร็จเรื่องนี้ เพราะมีอีกเรื่องรอให้ทำอยู่ ไหนจะต้องเตรียมคลาสสาธิตการสอนภาษาไทยอีกอ่ะ งือ เหนื่อยยย
.
วันนี้ได้กินเยลลี่รสน้ำยาล้างจานสูตรมะนาวเป็นครั้งแรกในชีวิต
ไม่ได้เหมือนแค่สีนะ
กินเข้าไปปั๊บ อื้อหือ ซันไลท์ชัดๆ ทั้งรสทั้งกลิ่น
กินสองชิ้นแล้วเลิกทันที

ขอเมอร์รีคริสต์มาสย้อนหลังทุกๆคนเลยนะ ขอโทษด้วยที่ช้าไปหน่อย
วันคริสต์มาสจริงๆกลิ้งอยู่บนเตียง ทำอะไรไม่ไหวเลย
รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

York's National Railway Museum

ไม่สบาย
เมื่อวานไปส่งเพื่อนกลับอเมริกาที่สถานีรถไฟ ขากลับกับเพื่อนคนเยอรมัน พากันเดินหลงอยู่ในเมือง หนาวจะตายห่าน ไอ้เราก็คิดว่ามันเคยเดินมาแล้วต้องรู้ทางแน่ ปรากฏเขาก็จำไม่ได้เหมือนกัน กลับมาถึงห้องตอนตีห้าครึ่ง เช้านี้ตื่นมาไข้รับประทานเล็กน้อย
อัพเดทเรื่องอากาศ ตอนนี้อุ่นขึ้นแล้ว อยู่ที่ประมาณศูนย์ถึงลบหนึ่งองศา(ฝรั่งเขาว่าอุ่นแล้ว) หิมะเริ่มละลายแล้วก็ลื่นมาก เมื่อวานไปเล่นหิมะมา ปั้นอิกลูสองหลัง อิอิ ตอนเล่นน่ะอุ่นเพราะมันต้องเดินต้องออกแรง แต่พอเล่นเสร็จแล้วดันหนาวจับใจเพราะกางเกงเปียก
..................
เมื่อวันจันทร์ไปพิพิธภัณฑ์รถไฟมาค่ะ อยู่ในเมือง
ไปกันสี่คน มีนรา แดน(ผู้ซึ่งเพิ่งกลับเมกาไป) เทเรซ่าสาวสิงคโปร์ และมอริทซ์คนเยอรมัน พิพิธภัณฑ์ใหญ่เหมือนกัน ไม่เสียค่าเข้าชมด้วย แต่เดินจากมหาลัยไปไกลเหมือนกันนะ
พิพิธภัณฑ์รถไฟ ก๊อต้องมีรถไฟสิ
เขารวมหัวรถจักรแบบต่างๆไว้เยอะเลย ตั้งแต่รถไฟเล็กๆที่เอาไว้ใช้ก่อสร้างทางรถไฟ จนถึงรถไฟไอน้ำคันโตๆที่ใช้ตั้งแต่ปี 1680 ถึงปัจจุบัน หัวรถจักรที่ใหญ่ที่สุดอยู่กลางโถงหลัก (ในรูปที่กลางแถวซ้ายมือน่ะ) ไม่แน่ใจว่าใช่คันที่ชื่อ Flying Scotman หรือเปล่านะ มันเป็นรถไฟที่ทำสถิติวิ่งจากสายเหนือไปลอนดอนแบบนอนสตอปด้วยความเร็วสูงเป็นขบวนแรก มีคนมาอธิบายประวัติให้ฟัง ที่สำคัญ มันหมุนได้ หมุนให้คนดูดูทั่วๆ มีคุณป้าคนคุมคันโยกยืนโบกมือเหมือนนางสาวไทยเลย
มีรถไฟปอกเปลือกให้ดูด้วย
อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก ศัพท์การช่างการรถไฟล้วนๆ แต่ดูๆก็พอจะเข้าใจนะว่าเอาถ่านใส่ตรงไหน ไอน้ำมาจากไหน พุ่งไปไหน เห็นไส้ในรถไฟขดๆยุบยับๆเต็มไปหมดแล้วไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นผลงานคนสร้าง ละเอียดสุดยอด
ชอบอันนี้จัง
มันเป็นเหมือนรถรางม้าลากค่ะ เอาม้าผูกแล้วลากรถนี่ไปตามราง

อันนี้เกี่ยวอะไรกับรถไฟก็ไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว แต่น่าจะเป็นรถที่ออกแบบเลียนแบบระบบของรถไฟนะ
เป็นรถไครสเลอร์ ออกมาตีตลาดด้วยจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร น่าจะเป็นตัวถังแบบพิเศษ เนื้อเหล็กพิเศษ ที่นั่งออกแบบใหม่ เฉี่ยวเชียว แต่ขายไม่ออก ฮ่าาา ทำออกมาได้ไม่ถึงสิบปีก็เลิกผลิต นราส่องเข้าไปดูในรถ เห็นป้ายผูกกะพวงมาลัย "โน เบรก"
รถไฟจิ๋วๆๆ น่ารักมาก ทำละเอียดแถมเหมือนด้วย
เด็กเปรตข้างๆ รถไฟมันไม่วิ่ง แม่งทุบตู้กระจกให้รถไฟวิ่ง ฟาย รถไฟนะไม่ใช่ปลาตู้
จากส่วนห้องโถงหลักหรือ main hall ก็เข้ามาดูส่วนโกดังหรือ warehouse กันค่ะ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นโกดังเก็บของ พวกของต่างๆจากรถไฟในอดีตที่เขาโละแล้ว มีตั้งแต่ป้ายสถานีเก่า เก้าอี้ กระจกสี ถ้วยชาม โถไวน์ ไปจนถึงโถส้วมลายดอกไม้ที่ใช้ในรถไฟ
เห็นรูปโต๊ะอาหารในภาพข้างล่างไหมคะ ฮะรูฮะราเหลือเกิน เขาว่ารถไฟอังกฤษได้สร้างชื่อเสียงอันดีเรื่องบริการอาหารบนรถไฟ เพื่อเป็นการบริการผู้โดยสารในยุคนั้นให้เต็มที่ จึงมีการแถมกรรไกรตัดองุ่นจากพวงแล้วก็คีมหนีบถั่วให้ด้วย โอ้ ไฮโซสุดๆ แค่ชามแค่จานบนโต๊ะนั่นก็มากกว่าที่นรามีใช้ที่อังกฤษนี่ตั้งเยอะละ
มีเครื่องพ่นกลิ่นให้เราได้รำลึกความหลังด้วย มีกลิ่นในครัว กลิ่นห้องแต่งตัวสุภาพสตรี ห้องเก็บสินค้า แต่ไปโยกแล้วไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย
เดินกันนานเหมือนกัน ประมาณสองชั่วโมง นราไม่ค่อยรู้เรื่องเครื่องจักรหรือรถไฟก็เลยจำรายละเอียดอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่รู้ว่าคิดถึงป๋ามาก ป๋าน่าจะมาดู ต้องชอบแน่ๆเลย สงสัยจะเดินทั้งวันไม่ยอมออกไปที่อื่นชัวร์
.....................
การบ้าน ก็ยังไม่ถึงไหนเหมือนเดิม
แต่เมื่อวานไปหาหนังสือเพิ่มที่หอสมุดมาแล้ว นราจะพยายามค่ะ แม้มันจะเหนื่อยและน่าเบื่อก็ตาม เทอมหน้าจะงานหนักมากๆ เฮ้อ คิดแล้วเหนื่อยล่วงหน้าเลยเรา
ใกล้คริสต์มาสแล้ว มหาลัยโคตรเงียบ คนกลับบ้านกันหมด
โอ๊ย เหงาโว้ย

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

First Snow

หิมะตกแล้วจ้า แต๊แน ตื่นเต้นดีใจสุดๆ
มันเริ่มตกเมื่อวานตอนบ่ายแก่ๆหน่อย เป็นเกล็ดบางๆเหมือนขนตูดเป็ด พอปลิวมาโดนกระจกก็ละลาย ตกมาแป๊บเดียวพื้นก็เป็นขาวๆคลุมบางๆแล้ว ก็นึกว่าจะมีแค่นี้ ปรากฏว่าพอตื่นมาตอนเช้า มหาลัยก็กลายเป็นมหาลัยเคลือบน้ำตาลไอซิ่งไปแย้ว
มิน่าล่ะ เมื่อคืนตอนตีสามได้ยินเสียงอีฝรั่งมันกรี๊ดกร๊าดกัน คาดว่าเพิ่งกลับมาจากปาร์ตี้ขี้เมาแล้วมาเล่นหิมะกัน ฟาย คนจะหลับจะนอน กรูเพิ่งเคยเห็นหิมะเป็นครั้งแรกยังไม่บ้านนอกขนาดนี้เลย
วันนี้นัดกับเนมไปเอาท์เล็ทอีกเป็นรอบที่สาม ไปซื้อรองเท้าให้ใครบางคนที่เรื่องมากแถมปากห้อย อ่อ น้องชายเรานี่เอง หิมะหนาประมาณคืบนึงได้ ไม่น่าเชื่อเลยเพิ่งตกคืนเดียวเท่านั้นเองหนาปานนี้แล้ว
หนาวนะ แต่สวยจังเลย มันขาวโพลนดูเนียนๆไปหมด
เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวอยากกระโดดลงไปกลิ้งเกลือกจริงๆ
รถเคลือบน้ำตาลค่ะ
วันนี้เลยได้ฤกษ์ประเดิมใส่เสื้อขนเป็ดเป็นวันแรก อุ่นใช้ได้ ไม่หนาวจนปากเขียวแล้ว แต่ไม่ใส่ถุงมือไม่ได้อุณหภูมิลบหนึ่งแล้ว ถอดถุงมือมาหยิบกระเป๋าตังค์แป๊บเดียวยังแข็งขยับไม่ได้เลย
หนาวจนปวดกกหู เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงบอกว่าอย่าเปิดหูตอนมันหนาวมากๆ เพราะมันจะเป็นแบบนี้นี่เอง รู้สึกเหมือนไม่มีหูเพราะจับแล้วไม่รู้สึก
นี่ทุ่งวัว จำกันได้ไหมคะ ที่เคยมีวัวเยอะๆ
วันนี้กลายเป็นทุ่งน้ำแข็งทุนดราไปแล้ว เออใช่ๆ กลายเป็นสนามหมาเล่นด้วย
มีคนจูงมามาเล่นหิมะ เขาบอกหมาเวลาเห็นหิมะแล้วมันจะคึก กระเด้งหน้ากระเด้งหลัง นราเดินๆอยู่มีหมาขนหยอยวิ่งมาหาแล้วกระโดดใส่ หน้ามันงี้เลอะหิมะไปหมด ทำหิมะเลอะกางเกงเราเลย
ตอนบ่ายสามมีนัดพบอาจารย์ที่ปรึกษา ซื้อเสร็จก็รีบกลับมา
เห็นซากสโนว์แมนปั้นเหลือๆทิ้งไว้ตรึมเลย มีคนออกมาเล่นหิมะด้วย เดี๋ยววันหลังเอาบ้างดีฝ่า ไปปั้นตุ๊กตาหิมะเล่นคนเดียว ซิกๆ
กลับเข้าห้องมา เท้าเย็นเจี๊ยบ ขนาดใส่บู๊ทนะเนี่ยยังไม่ค่อยจะไหวเลย
สงสัยจังว่าเป็ดมันไปไหนกัน วันนี้ไม่เห็นเป็ดเดินสักตัวเลย
เป็ดมันจำศีลหรือเปล่าคะ
เออ ใบต่องต๊อง นราอยากจะบอกว่า
เข้าใจแล้วที่ใบตองบอกว่า ระวังลื่น
มันลื่นจริงๆ ลื่นโคตร
หิมะมันหนา แล้วคนก็เดินย่ำกันอัดหิมะกลายเป็นน้ำแข็งเคลือบพื้น นราหวิดหัวจะฟาดพื้นตั้งหลายครั้ง ไถลแพร่ดตั้งหลายที มีคนเดินตามหลังมาด้วย โคตรอายเลย เอาเป็นว่าในสภาวการณ์เช่นนี้ ส้นสูงเป็นของต้องห้ามอย่างเด็ดขาดถ้าไม่อยากตาย
ศุกร์นี้เป็นวันสุดท้ายของภาคเรียนที่หนึ่งแล้วล่ะ
เร็วเหมือนกันเนอะ แป๊บเดียวก็หมดไปแล้วหนึ่งเทอม
เห็นใครๆเขาก็ขนของกลับบ้านกันหมดเลย อยากกลับด้วย หรือจะให้ดี อยากให้ครอบครัวกับตาหมูมาเห็นหิมะสวยๆด้วยตาตัวเองมากกว่า มาเจอกัน เล่นหิมะกัน คงแฮปปี้น่าดู
โอ๊ะๆ นราเริ่มเขียนงานแล้วนา ไม่ได้เล่นแต่ดอทเออย่างเดียวนะจะบอกให้ ค่อยๆกระดืบไปทีละหน่อย เดี๋ยวก็ดีเองเนอะ
ช่วงนี้คนไทยคนอื่นๆเขาก็วางแผนจะไปเที่ยวโน่นนี่กัน ส่วนใหญ่ก็สก็อตแลนด์กับลอนดอน ไปกันนานหลายสัปดาห์เลย ไอ่เราก็ไม่ค่อยมีเงิน สุดท้ายเลยโต๋เต๋ตัวคนเดียวไม่ได้ไปไหนกะใคร
แต่ฮึ นราซะอย่าง ง้อซะที่ไหน สรุปว่าเดือนมกรานี้นราจะลุยเดี่ยวลอนดอนค่ะ ไปคนเดียวไม่เกี่ยวกะใคร (ทำซ่าไปงั้น จริงๆไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตายดาบหน้าสุดๆ)
จะจองตั๋วรถไฟตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว แพงมหาศาล เลยตัดสินใจจะไปรถบัสแทน สี่ชั่วโมงถึงลอนดอน ถูกกว่าถึงห้าเท่าค่ะท่านผู้ชม
ไปก็คงไปพักกะปู๊น เพื่อนจากม.กรุงเทพ กะว่าจะไปเที่ยวลอนดอนทาวเวอร์ สวนสัตว์ลอนดอน โคเวนท์การ์เดน บริติชมิวเซียม แล้วก็สวนคิว เป็นสวนพฤกษศาสตร์ใหญ่ๆ
มีคนถามว่า ไม่ไปดูลอนดอนอาย ลอนดอนบริดจ์เหรอ
ไม่รู้สิ นราว่ามันไม่ดึงดูดอ่ะ มันเป็นเหมือนกับวิชาบังคับการท่องเที่ยวว่าถ้ามาลอนดอนต้องมาตรงนี้ ไม่เห็นมันจะมีอะไรเท่าไหร่เลย มีลอนดอนทาวเวอร์อะประวัติศาสตร์น่าสนใจหน่อย ทริปนี้เป็นการเที่ยวแบบตามใจฉันสุดๆค่ะ
..............
ตาหมู
ถ้าจะเกรียนก็ติดจากหมูน่ะแหละ ตอนนี้เค้าเริ่มทำงานแล้วนาจะบอกให้
มุกกุ
ตอนนี้ต้องฝืนใจตัวเองสุดชีวิตค่ะ ไม่งั้นไม่ทันแน่ หยุดสามอาทิตย์ แต่ต้องเขียนรายงานห้าพันคำสองเรื่อง แถมต้องอ่านหนังสือสะสมข้อมูลอ้างอิงอีก เอิ่ก ลมจะใส่
ใบตอง
บอกแฟนให้สอนเล่นเลย ทำเสียงอ้อนๆด้วยนะ
เขาอาจจะรู้สึกดีใจที่แฟนอยากเป็นส่วนหนึ่งของโลกของเขาค่ะ
ปล. ตอนผู้ชายเล่นดอทเออ่ะ แง้วไปเหอะเขาไม่สนใจหรอก มันเป็นเกมที่ต้องใช้สมาธิสูงค่ะ ลองเล่นดูได้ ระวังเกรียนด้วยนะ

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

My Life for...DotA

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ลันลันลา ชีวิตนี้ช่างสุขสันต์
การบ้านจะท่วมมิดหัวก็ช่างมัน
มีแค่ฉันกับดอทเอก็เพียงพอ
หลังจากรอคอยมานานกว่าสองสัปดาห์
แผ่รังสีอำมหิตไปยังที่ทำการไปรษณีย์อย่างหนักหน่วง
สุดท้าย พัสดุบรรจุหนังสือเรียน (ไม่สำคัญ) กับแผ่นวอร์คราฟท์ (สำคัญมาก) ก็เดินทางมาถึงอังกฤษโดยสวัสดิภาพแล้วค่ะ ตอนเดินไปรับกลับมานี่แทบจะกระโดดสวอนเลกดิ่วดิวดิ้วมาเลย
ต้องขอบคุณตาหมูมากๆนะจ๊ะ ถูกใจยิ่งนัก
ได้มาสองวัน รวมสถิติการเล่นแล้วประมาณยี่สิบชั่วโมงเห็นจะได้
เล่นจนเมาส์แฉะ ตาฉ่ำ
เล่นจนเริมจะขึ้นปากเอา เพราะนอนน้อยเกินไป
เอาน่า เดี๋ยวหายเห่อแล้วก็จะเล่นให้พอดีๆแหละ(มั้ง)
แม่มาอ่านเจอไม่ต้องเป็นห่วงนะ เค้าแบ่งเวลาด๊ายยย
.............
บางคนไม่เข้าใจ ว่ามันดีอะไรนักหนาไอ้ดอทเอเนี่ย
นราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่รู้สึกว่าเวลาได้ยินเสียงโป๊งเป๊งๆ เอื๊อก อ๊าก วิ้งๆ เวลามันสู้กันในเกมแล้วจะมีความสุขมาก
เหมือนชีวิตถูกเติมเต็ม ว่าเข้าไปนั่น เหะเหะ
รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ตรงเสียงพูดของตัวละครแต่ละตัว สกิลต่างๆ ไอเท็มโน่นนี่ เล่นไม่เก่ง ตายบ่อยๆ แต่ก็ยังชอบเล่น ไม่รู้เป็นห่านอะไร
ช่วงนี้ก็จะโทรม แต่มีความสุขมาก ได้ระบายความอัดอั้นตลอดสองเดือนอย่างต่อเนื่อง
ใครมีแฟนเล่นดอทเอนะ ไปลองเล่นให้เป็น จะสานสัมพันธ์ระหว่างกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ จริงจริ๊ง
.....................
วันนี้มีนัดกับเทา คีซ็อก แล้วก็แดน
สามคนนี้จะกลับบ้านช่วงคริสต์มาสนี้แล้ว เพราะมาแลกเปลี่ยนแค่เทอมเดียว
ฮือๆ ทิ้งกรูไปกันหมดเลย
ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกันพักหลังๆ แต่ด้วยความที่กลุ่มนี้เป็นเพื่อนคนแรกๆ โดยเฉพาะเทา เจอกันตั้งแต่ที่สนามบิน ก็เลยรู้สึกว่าน่าจะอำลาสักหน่อย นัดเจอกันตอนห้าโมงครึ่งที่หอสามคนนี้ คุยกันไปคุยกันมาก็ไปหาอะไรกินกันที่โรงอาหาร สปาเก็ตตี้รสชาติหมาเมินมาก (แต่เรายังกิน ตกลงเราเป็นอะไรกันเนี่ย)
นราพกพวงกุญแจรูปช้างมาสามตัว เป็นช้างทำด้วยไหมพรมสีๆ ก็แจกเขาไปคนละตัว
เสียดายนะ จะไปกันแล้ว
แล้วกรูจะพูดอังกฤษกับใคร ทุกวันนี้ภาษาอังกฤษห่วยขั้นวิกฤติ
แปลกแต่จริงๆ อยู่อังกฤษแท้ๆ แต่ไม่ค่อยได้พูดภาษาอังกฤษเลย
เห็นชัดเจนเมื่อวันจันทร์ เขาให้อธิบายเนื้อหางานของตัวเอง พูดอะไรไปไม่รู้แกรมมาร์มั่วสุดๆเลย
อ๊าย อย่ามองหน้านรานะ หน้าเน่า หน้าหนอนมาก
ทำไมก่อนเมนส์มา สิวต้องปะทุเหมือนลาวาพิโรธด้วย ใครรู้บอกที

.................
อันที่จริงก็แอบซีเรียสเรื่องงานตัวเองเหมือนกัน
เป็นคนที่หมดสมาธิง่ายมาก อ่านแป๊บเดียวมันต้องหาอะไรทำละ เปิดยูทูปมั่ง กินขนม กลิ้งบนเตียง มันเลยไปไม่ถึงไหนไง
แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็มีเอาท์ไลน์ของเรื่องที่จะเขียนแล้วละ ก็ค่อยๆเก็บข้อมูลต่อไป ก็มีเค้าโครงในหัวละว่าจะแย้งจะสนับสนุนอะไร แต่เขียนจริงคงยากกว่านี้
เพื่อนแนะนำให้ทุบคอมทิ้ง ไม่ก็ให้มันเอาคอมไปซ่อน เราจะได้ไม่เล่นเกม
ฟาย
เอาคอมไปซ่อน แล้วจะทำงานยังไง ฮ่วย พูดไม่คิด
...................
ใบตองคะ
ได้เล่นดอทเอสมใจแล้วค่ะ ชีวิตนี้มีสุขสมใจ
มุกกุ
ชีสอร่อยนะคะ แต่อ้วนอ่า
หนูแนน
ตอนนี้ขานราเหมือนท่อนไม้ผุๆ โคตรแห้งเลย
จะพยายามโบกครีมต่อไปค่ะ







วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Christmas Bankruptcy

วันนี้เกือบเอาชีวิตไปทิ้งในส้วมเสียแล้ว
ปวดอึ เข้าไปอึ แต่อึไม่ออก
เข้าใจไหม คือมันค้างเติ่งอยู่ระหว่างอิสรภาพและตรูดของเรา
นราก็พยายามเต็มที่ให้น้องอึ๊น้อยได้ไปสู่โลกที่ดีกว่า รวบรวมกำลังลมปราณเบ่งอึจนตะคริวกินช่วงอก โอ้โหสุดโคตรความทรมาน หายใจไม่ออก เจ็บปวดเหมือนโดนหนีบ
ตั้งใจมั่นว่าพรุ่งนี้ต้องซื้อส้ม ซื้อผักผลไม้มากินมั่งแล้ว
ระบบขับถ่ายทรุดโทรมฝืดเคืองยิ่งกว่าเศรษฐกิจปี 2540 อีก
...................
ช่วงนี้ใกล้คริสต์มาสแล้ว
นราได้รับคำเตือนมาว่า ไม่จำเป็นอย่าเข้าเมือง อาจตายได้ เพราะคนเยอะมาก
เยอะแบบเดินเบียดกันอย่างกะผัวกะเมีย เพราะเขาก็ไปหาซื้อของขวัญกัน
แต่ช่วงที่ของลดราคาอย่างนี้ ใครจะอยากพลาดคะ
วันนี้นราก็ไปห้าง Outlet กับเนม ปุ้ย แล้วก็บุ๊กมา
ขนเงินไปเกือบร้อยปอนด์ กะว่าวันนี้ไม่หมดตัวไม่กลับ เล็งรองเท้าไว้ล้วนๆ เสื้อผ้าอาภรณ์ไม่สนใดๆทั้งสิ้น
....................
Outlet นี่ ถ้าให้เปรียบเทียบก็คงเป็นเหมือนตลาดติดแอร์ ข้างบนมีฟู้ดคอร์ทด้วย ขายพวกแมคโดนัลด์ พิซซ่า ขนมปัง แซนด์วิชอะไรต่างๆ ข้างล่างเป็นร้านค้าล้วนๆ ทั้งแบรนด์และไม่แบรนด์ เรียงรายกันเป็นตับ
ช่วงนี้รองเท้าผีบอก (Reebok) ลดครึ่งราคา เสียดายโปรโมชั่นก่อนหน้าที่ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งมันหมดไปแล้ว แต่ไม่เป็นไร อันนี้ก็โอเคพอกัน นราเดินดูนานมาก รองเท้าเยอะมาก ดมกลิ่นหนังใหม่ๆจนเวียนหัว
ไปซะแล้ว แบงค์ยี่สิบกรู
ผีบอกสีดำ ลดราคาจากหกสิบเหลือสิบห้าปอนด์
เอาไว้ใส่เล่นแบดมินตัน ทุกวันนี้เล่นแบดใช้รองเท้าส้นเตี้ยคล้ายๆนันยางเล่น เข่าเจ๊งหมดแล้ว

คู่นี้ ผีบอกเหมือนกัน ซื้อมาด้วยความเจ็บใจ
ซื้อมาทำไมวะเนี่ย
ใส่ก็ยาก สีขาวเลอะก็ง่าย เก็บตังเอาไปซื้ออาดิดาสสวยๆดีกว่าอีก
แต่เอาเหอะ ซื้อมาแล้วอ่ะนะ ราคายี่สิบปอนด์ ลดจากแปดสิบ
อันนี้ซื้อให้ตามคำบัญชาตาหมูจอมเรื่องมาก
กว่าจะเลือกได้ เฮียจะเอาสีออกแนวชมพูๆแดงๆ ไม่เอาหัวทู่แบบไนกี้แอร์ เอาไม่ไนกี้ก็อาดิดาสนะ สีขาวล้วนมันจืดไม่เอาๆ คู่นี้ยี่สิบเจ็ดปอนด์ จากเท่าไหร่ไม่รู้ ไม่รักไม่ตามหาให้ทั่วเอาท์เล็ทหรอกนะจะบอกให้ ฮึๆ
(จริงๆชอบ แอบอยากเก็บไว้ใส่เอง ฮ่าาา มันเป็นลายดวงๆสีม่วง ส้ม แดง ชมพู สวยดี)
ซื้อกางเกงขาสั้นไว้ใส่ในห้องกับเสื้อแขนยาวไว้ใส่ข้างในอีกตัวจากมาร์กแอนด์สเปนเซอร์ด้วย ขากลับตัวเบาโหวง หมดไปแปดสิบปอนด์ถ้วนกำลังดี เงินที่เก็บมาทำไม๊มันละลายหายไปไวยิ่งกว่าหายใจเข้าออกอีกนะ
บ่นไปงั้นแหละ ตอนนี้รู้สึกเหมือนมีอะไรขาดหายไปจากชีวิต กลับมานั่งคิด เอ...อะไรน้อ อ๋อออ นึกออกแล้ว ยังไม่มีรองเท้าใส่เดินเล่นของตัวเองเลย ใช่ๆ ต้องไปเอามาอีก ฮ่า ฮ่า ฮ่า
มีความเป็นไปได้สูงว่าวันอาทิตย์จะกลับไปซื้ออีกรอบ คราวนี้ซื้อของตัวเองและซื้อของฝากที่บ้าน ประเดี๋ยวจะงอนกันไป
พอนั่งรถเมล์เป็นก็ชักซ่าละ ฮิ ฮิ
..............
ตอนนี้ก็ยังกระวนกระวายใจ รอพัสดุอยู่
ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงบ้าง จะโดนศุลกากรดักตรวจ หรือส่งช้าเพราะคริสต์มาส หรือช้าเพราะเมื่อปลายเดือนพ.ย.ไปรษณีย์อังกฤษมันหยุดงานประท้วงก็ไม่ทราบได้ รู้แต่ว่ามาส่งเร็วๆเถอะขอร้อง ได้โปรด จะลงแดงอยู่แล้ว อยากเล่นเกม อยากเล่นดอทเอ อยากเกรียนนนน
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมบ่อยๆนะคะ
อำลาด้วยภาพแสนอร่อย
ราสป์เบอร์รีกับชีสเกาด้า
นี่แหละน้าทำไมมันไม่ผอมซะที
เอวัง งัง งัง

วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

A Poem Out of Sanity

ทุกวันนั่งอยู่ห้อง เดียวดาย
เปล่าเปลี่ยวเอกากาย อย่างเศร้า
การบ้านท่วมเต็มห้อง ทุกที่ ทุกแห่ง
มีแต่ยูทูปนั้น ช่วยแก้ ทุกข์มลาย
..................
วู่หวูเสียงลมเหี้ยม บาดลึก เนื้อนวล
ยามเมื่อลมพัดหวน ย่ำย้ำ
ยัดเสื้อแม่งไปเถอะ สามสี่ ห้าตัว
แทบเท่งทึงมอดม้วย ช่วยด้วย หนาวจัง
....................
ทุกข์กายยังอยู่ได้ อดทน แน่เอย
หากแต่ทุกข์ใจเฮย อย่างเหี้ย
ดอทเออยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ จะส่ง
ท่านพี่ไปรษณีย์กล้า ส่งช้า เหรอมึง
......................
ตาหมูเขาส่งมา นานแล้ว
แต่แม่งทำไมแคล้ว หายจ้อย
ดอทเอแผ่นก็อปปี้ ทรงค่า ค่อดค่อด
หากพี่ไปรษณีย์รู้ อย่าช้า มาไว

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

National Father's Day Party

อัพเอนทรี่ใหม่ทันใจวัยโจ๋ใน 24 ชม. วี้ดวิ้ว
แบบว่าว่างจัด การบ้านมีแต่ไม่อยากทำ ฮ่าๆ โทรศัพท์กลับบ้านไปหาป๋า สวัสดีวันพ่อ ป๋าเริงร่าไปเที่ยววังน้ำเขียวและ ทิ้งแม่ให้หน้าบูดอยู่บ้าน นี่ก็ได้ข่าวว่าต้องรบกะปลวกอีกละ น่าสงสาร
..............
วันนี้ออกไปตีแบดตอนเช้ามา เสาร์นี้คนมากันเยอะเชียว
ตีเสร็จประมาณสิบเอ็ดโมง กำลังคิดว่าสุขภาพดีจัง ไม่ทันไรงานเข้าเลย พี่เกรียงกัปตันชมรมแบดเขาขาดคู่ไปตีแบดคู่ผสมวันอาทิตย์นี้ เลยบอก นรา พรุ่งนี้ว่างมั้ย ไปช่วยพี่ตีแบดหน่อย
จริงๆพี่เขาเคยชวนแล้ว สองครั้ง ครั้งแรกพี่เขามึนงงกับเดย์ไลท์เซฟวิ่งปรับเวลาถอยหลังเลยไปไม่ทันแข่ง ส่วนครั้งสองนราเกิดป่วยหลังไปเที่ยวลิเวอร์พูล โชคดีไป คราวนี้หนีไม่ได้แล้ว ช่วยด้วย เอาแม่มาตีแทนได้ไหม แม่นราเป็นแชมป์แบดมินตันของธนาคารกรุงไทยหลายสมัยนะจะบอกให้ ที่บ้านมีถ้วยด้วย เอ้อๆ
ถ้าเล่นเก่งๆจะไม่ว่าเลย
ก็เพราะเล่นไม่เก่งนี่สิมันถึงไม่มั่นใจ อาย ต้องไปแข่งกับนักกีฬาของแต่ละหอเนี่ยนะ เอานราไปแพ้ชัดๆพี่เกรียงจ๋า แต่เอาเหอะถ้าเลือกได้พี่เขาคงไม่อยากได้นราเท่าไหร่หรอก ตูดใหญ่ย้ายไปตีลูกไม่ทัน เหอะๆ
รอชมผลได้วันอาทิตย์นี้นะคะ
เล่นเสร็จ ไปซื้อกับข้าวเข้าบ้าน(อีกแล้ว)
เสียไปยี่สิบปอนด์กว่า กรี๊ด อย่าได้คิดเป็นเงินไทยเชียว
เย็นนี้ชมรมนักเรียนไทยในยอร์กจะจัดงานวันพ่อแห่งชาติ สังสรรค์กัน ต่างคนก็แบ่งๆกันเอาโน่นนี่มา นราซื้อของสดกลับมาเยอะยัดใส่ตู้เย็นไม่หมด เลยต้องเอาของเก่ามากำจัดก่อน ทำบร็อกโคลีผัดกุ้งค่ะ
กินเสร็จ เกิดปัญหา คืออิ่ม
ไม่น่าเลยกู
งานเริ่มหกโมง คนก็ทยอยๆกันมา แบกอาหารคาวหวานมาร่วมเฮฮา นราไม่ได้ทำกับข้าวอะไรเลยซื้อช็อกโกแลตมาเป็นของหวานสองกล่อง แพงนะยะตั้งเจ็ดปอนด์แน่ะ
ถ่ายกับเนม เป็นสักขีพยานช็อกโกแลตสองกล่องเจ็ดปอนด์
คนอื่นๆก็เอาอาหารมาแบ่งกันเยอะเลย มีแกงจืดหัวไชเท้า เป็ดย่างน้ำผึ้ง ไก่ต้มโค้ก เกี๊ยวซ่า ซูชิ เครื่องดื่มอีกบาน ส้ม คัสตาร์ดแบบโปรตุเกสอีก แถมตอนหลังๆยังสั่งไก่กับพิซซ่ามาเพิ่มอีก โอย นราก็กินเอาๆจนลุกไม่ขึ้น ท้องจะแตกตาย แต่วันนี้สนุกมากค่ะ ได้กินได้เมาท์กับเพื่อนๆ นราหลังจากอยู่ในห้องมาสามวันติดๆก็เลยคึก เหมือนหมาเจอคนแล้วคึก หัวเราะบ้าบอมันมากๆ

บางทีก็คิดเหมือนกันนะว่า เออเราหัวเราะเสียงดัง โม้เรื่องตลกเสียงลั่นแบบนี้ คงต้องมีคนไม่ชอบแน่เลย แต่ก็ไม่รู้จะแก้ยังไงเพราะมันก็เป็นนิสัยเราไปแล้ว แบบชอบเล่นตลกให้คนดู ตอแหลดัดจริตเท่าไหร่ใส่ได้ก็ใส่หมดอ่ะ ประมาณว่ากล้าแสดงออกแบบเต็มร้อย คิดปรามๆตัวเองเหมือนกันว่าอย่าพูดมาก อย่าเว่อร์มาก เดี๋ยวมีแฟนคลับไล่แจกส้นตรีน แต่พอมันฮา มันสนุกก็ลืมหมดทุกทีอ่า
............

เราฉลองกันที่ห้องนั่งเล่นของหอเวนท์เวิร์ธ จองไว้ตั้งแต่หกโมงถึงสี่ทุ่ม แต่ถึงขนาดจะมีป้ายติดเอาไว้หน้าห้องแล้วว่าวันนี้ชมรมนักเรียนไทยจองใช้ ก็ยังมีฝรั่งเด๋อด๋าเปิดประตูเข้ามาเอ๋ออยู่สองสามราย น่าสงสารเหมือนกันนะ เปิดเข้ามา โพละ เจอกระเหรี่ยงยี่สิบกว่าคนเต็มห้องไปหมดเลย ต้องถอยทัพกลับไปด้วยความมึนงง เสียศูนย์ไปแน่ๆ

พอใกล้ๆจะจบงานก็มีการปรึกษากันเรื่องงานแสดงนานาชาติที่จะจัดขึ้นช่วงเดือนกุมภา นราก็เสนอ เออ ชั้นรำไหว้ครูมวยไทยให้ได้นะ ชั้นว่ารำเคียวก็ดี ง่ายดี ชั้นว่าฝรั่งมันเบื่อแล้วละรำๆ เอาโชว์แบบอัลคาซาร์มั่ง ไปๆมาๆตกร่องกลายเป็นหัวหน้างานการแสดงไปได้ไงวะเนี่ย รับตำแหน่งมาแบบงงๆมึนๆ

กลับห้องมา ท้องจะแตก จริงๆ รู้สึกเหมือนกางเกงยีนลั่นออดแอด
ที่ตีแบดเมื่อเช้า ลดไปร้อยกว่าแคลอรี่ ตอนนี้มันเพิ่มขึ้นมาอีกกี่หมื่นเนี่ย ไม่ได้มีประโยชน์เล้ยออกกำลัง ตราบใดที่ยังกินเป็นยัดห่านแบบนี้นราก็คงต้องอดทนก้มหน้าเลี้ยงดูไอ้ลูกกลมๆที่หน้าท้องนี่ต่อไปค่ะ

ตอนนี้ปวดเข่ามาก สงสัยโดดตบลูกมากไป ขอยายไปทายาก่อนนะเอ้ย...

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Beauty Secret

ไม่สบายมาสองวัน วันนี้ดีขึ้นหน่อยลากสังขารไปเรียนได้
แต่บอกตามตรง เรียนไม่รู้เรื่องหรอก ฟังๆไปงั้นแหละ
กลับมาที่ห้องหลังเรียนวิชาแรกจบ ได้คุยกะตาหมู (วันนี้มาช้านะ ฮึ)
ตาหมูเอาหนูแมวมาคุยด้วยยย อ๊าย น่าร้าก
หนูโชคดีกับหนูทอง แป๋วแหววๆ
ฮ้า แมวน้อยน่ารัก เห็นแล้วชื่นใจสุดๆ
คุยกันพักนึงนราก็ต้องไปเรียนต่อตอนบ่าย เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า วันนี้ได้ความรู้ใหม่ว่า หมาจีนเห่า ว้อง ว้อง หมาเกาหลีร้อง ม้อง ม้อง หมาบังกลาเทศร้อง กิวกิ๊ว กิ๊วกิ๊ว ฮ่าๆ
................
ค่ำวันนี้ อาบน้ำแล้วนึกขึ้นได้ ว่าตั้งแต่มาอยู่นี่เราใช้เครื่องประทินผิวเยอะมาก
ช่วงฤดูใบไม้ร่วงเข้าฤดูหนาวนี่นอกจากจะหนาวแล้ว อากาศยังแห้งได้อย่างเหลือเชื่อ ตอนนราแรกเดินทางมาก็ว่าจะเอาครีมทาผิวมาด้วย แต่มันหนักกระเป๋าเลยไม่เอามา คิดว่าอังกฤษฝนตกบ่อยมันคงชุ่มชื้น ชื้นแฉะ อากาศจะแห้งได้ยังไง สุดท้ายหนังลอกเป็นจั๊กจั่นถอดเปลือก ต้องไปซื้อครีมจากซูเปอร์มาโบกจนได้ ขวดละ 2.69 ปอนด์ แพงอิ๊บอ๋าย ซื้อจากบ้านถูกกว่าไม่รู้กี่เท่า
ตั้งแต่เกิดมา สาบานได้ว่าไม่เค้ย ไม่เคยประทินโฉมอะไรตัวเองขนาดนี้ อย่างดีก็ทาๆครีมตอนหน้าหนาว หมดไปขวดก็เลิก สิวขึ้นก็ทายาหมอ จบ จะให้มาแต้มหน้า แต้มหลัง ลูบไล้อะไรน่ะไม่มีหรอกเค่อะ แต่พอมาอยู่นี่ชีวิตเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว
ทุกวันหลังอาบน้ำ นราก็จะเริ่มด้วยการล้างหน้าด้วยบาลานซิงคลีนเซอร์ของอาร์ทิสทรีขวดซ้ายสุด น้ำก๊อกก็โคตรเย็นเลย ล้างเสร็จมาเช็ดหน้า แต้มยาหมอขวดเล็กฝาเทาบริเวณสิวบวมๆปูดๆ (ซึ่งอุดมสมบูรณ์บนผิวหน้ามาก) รอให้แห้งแล้วใช้โทนเนอร์ขวดสองปะทั่วหน้า ตามด้วยครีมปรับสภาพผิวเบอร์สามละเลงให้ทั่ว ตบท้ายด้วยการแต้มอายครีมกันตาห้อยย้อยเล็กน้อย
จบ หมวดหน้า
ต่อไป ใช้โลชั่นอะลาโนของแอมเวย์ที่แม่ส่งมาให้ทาถู ทาถูให้ทั่วตัว ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณสิบนาที แล้วทามือด้วยครีมกลิ่นมะลิใบเตยกันมือแห้ง เพราะเวลาออกไปข้างนอกแล้วใส่เสื้อโค้ทมือมันจะเป็นส่วนที่โผล่ออกมา ปิดกระบวนการทั้งสิ้นด้วยการทาลิปมันราสเบอร์รีให้ทั่วปากอันอิ่มย้อย เอ๊า อย่าทำเป็นเล่นไป เคยตื่นมาปากแห้งจนเป็นเกล็ดเลือดซึมมาแล้วนา อากาศมันแห้งปานนั้นเลย
..............
หลังจากทำแบบนี้มาหลายสัปดาห์ ผิวมันก็ดีขึ้นนะ ไม่ถึงกับเต่งตึงดึ๋งดั๋งเหมือนในโฆษณาหรอก แต่อย่างน้อยมันก็เลิกแสบๆคันๆแล้ว โหยคุณขาอยากจะบอก เวลาที่หนังมันแห้งจนตึงเปรี๊ยะนี่นา พอเอื้อมมือหรือเอี้ยวตัวที แสบไปทั้งแถบ แถมชอบไปคันๆแสบๆกะยุกกะยิกตรงแถวๆก้นกบ สะโพก ต้นขาไรงี้ จะเกาก็ไม่ได้ โคตรทรมานอ่ะ คันจนนราเกาหนังแหกไปเลยตรงน่อง
แล้วที่สำคัญ เสือกแพ้อากาศ ผื่นขึ้นอีก เอ้า ดีจริงๆ
ขึ้นที่คอไม่เท่าไหร่ มองไม่ชัด มันดันไปขึ้นตรงข้างๆจมูกดิ เป็นปื้นหนาๆสีแดงๆสองข้าง เหมือนหมาเลย น่าอายมากๆ หลังจากบำรุงผิวหนังหมูของเราแล้วไอ้รอยผื่นนี่ก็นิ่มเรียบลง แต่ยังแดงจางๆอยู่นิดหน่อย ใครจะมาก็อย่าชะล่าใจนะจ๊ะ
....................
ปิดท้ายด้วยความงามหลังประทินโฉมแล้วกัน เด็กและคนชราอย่ามอง คนขวัญอ่อนอย่าร้องทักนะ
ตุ๊กตาหมูผี
ผมแห้งมาก ย้อมสีน้ำตาลเทามาตอนนี้มันกลายเป็นสีเผือกอะไรแล้วก็ไม่รู้
ตัดหน้าม้าแล้วมีแต่คนบอกว่าหน้าเด็กลง ฮิ ฮิ
แต่เบื่อมากพวกที่บอกว่า เออ วันหลังให้ตัดให้ดีกว่า
หน้ากรูเหมือนสมศักดิ์ ชลาชลเหรอไง แค่หน้าม้านี่มึงมีกรรไกรกะมือก็ตัดได้แล้ว ยากตรงไหน เรียกใช้กรูยังกะหน่วยบริการตัดขนสุนัขเคลื่อนที่

ปล. วันนี้หนาวมาก ฝนตกแนวทะแยง 25 องศาทั้งวันเลย
ขอบคุณสำหรับทุกคำอวยพรนะคะ ขอบคุณมากๆเลย